ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 221 ระบายอารมณ์
ตอนที่ 221 ระบายอารมณ์
“คุณจะไปไหน” จินนามองตามหลังของลูเมี่ยน ถามขึ้นมา
“ไปนอน” เด็กหนุ่มตอบโดยไม่หันหลัง
จินนาคิดสองวินาที บ่นงึมงำ แล้วเดินตามหลังอีกฝ่ายไป
เธอต้องยืนยันให้ได้ว่า ปลายทางของหมอนี่คือที่ใดกันแน่ กลับไปนอนที่โรงแรมระกาทองจริงไหม ไม่อย่างนั้นในสภาพนี้ ใครจะรู้ว่าจะไปก่อเรื่องอะไรบ้าง
ลูเมี่ยนไม่สนใจการมีอยู่ของจินนา เดินกลับโรงแรมระกาทองอย่างไม่รีบร้อน
ยามนี้ประตูหน้าของโรงแรมถูกล็อกแน่น เด็กหนุ่มมิได้ปีนท่อประปา แต่หยิบเศษลวดครึ่งท่อนที่พกติดตัวออกมา สอดเข้าไปในรูกุญแจสีทองเหลือง ขยับไปมาสองสามที
ประตูเปิดออกด้านหลัง ข้างในมืดสนิท มีแสงน้อยนิดส่องมาจากบันไดที่มุ่งลงไปยังบาร์ใต้ดิน
ลูเมี่ยนมองไปทางนั้นครู่หนึ่ง แล้วเลือกทิศทางนั้น
แม่ง! ไหนบอกว่าจะไปนอน! จินนาสบถในใจ ถอนหายใจ แล้วตามลูเมี่ยนลงไปยังบาร์ใต้ดินของโรงแรมระกาทอง
ในบาร์เหลือคนไม่มากแล้ว ขี้เมาสองสามคนนั่งแยกกันตามโต๊ะกลมตัวเล็ก ส่งเสียงโหวกเหวกเป็นครั้งคราว แต่ไม่ค่อยมีแรง
ลูกค้าเพียงคนเดียวที่เคาน์เตอร์บาร์คือเพื่อนบ้านของลูเมี่ยน กาเบรียล นักเขียนบทละครที่อยู่ห้อง 206
เขาสวมเสื้อลินินสีซีดจาง ใส่กางเกงขายาวสีน้ำตาล สวมแว่นกรอบดำใหญ่บนสันจมูก ผมยุ่งเหยิงและมัน
“ดึกป่านนี้ยังดื่มอยู่หรือ” ลูเมี่ยนนั่งลงข้างกาเบรียล สายตาจับจ้องแก้วอัปแซ็งต์สีเขียวเปล่งประกายระยิบระยับในมืออีกฝ่าย
เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้วสินะ? จินนาเพ่งพินิจลูเมี่ยนถี่ถ้วน รู้สึกว่าสภาพเขาไม่แย่เหมือนเมื่อสักครู่
หญิงสาวหาวหวอด ดึงเก้าอี้สูงของเคาน์เตอร์บาร์ตัวหนึ่งมานั่ง ตัดสินใจจะสังเกตการณ์ต่ออีกสักสิบห้านาที
กาเบรียลยิ้มขมขื่น
“เพิ่งเขียนงานชิ้นหนึ่งเสร็จ ลงมาดื่มหน่อย”
“พวกนักเขียนนี่เหมือนกันทุกคนเลยหรือ ชอบยุ่งตอนกลางคืน ส่วนกลางวันก็นอน” ลูเมี่ยนเคาะโต๊ะเคาน์เตอร์บาร์ สั่งอัปแซ็งต์มาแก้วหนึ่ง
กาเบรียลลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ยปาก
“นักเขียนหลายคนเป็นแบบนั้น ค่ำคืนอันเงียบสงบช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจให้พวกเราได้มากกว่า”
“แต่ที่ผมต้องอดหลับอดนอน ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้หรอก แต่เป็นเพราะตอนกลางวันต้องไปวิ่งเต้นตามโรงละคร หวังให้มีผู้จัดการสักคนอ่านบทของผม แล้วเลือกรับเอาไว้”
“วันนี้ผมไปที่โรงละครคืนชีพในเขตหอรำลึกมา ผู้จัดการชื่อนีซองต์·โลเปต์ รู้จักกันดีในฐานะผู้ประกอบการที่เข้าใจละครที่สุด มีโอกาสมากที่สุดที่จะเห็นคุณค่าในบทละครของผม แต่เขาปฏิเสธที่จะพบผม ไม่ว่าจะไปที่ห้องทำงาน หรือไปหาที่อพาร์ตเมนต์ของเขา ผมก็ไม่มีโอกาสได้เจอหน้าเลย”
พอได้ยินคำว่าโรงละคร ผู้จัดการ หรืออะไรเทือกนั้น จินนาสูดลมหายใจยาวไร้สุ้มเสียง รู้สึกหวาดหวั่นอย่างคลุมเครือ
รอบตัวเธอมีสาวกเทพมารมากกว่าที่คิด เรื่องนี้ทิ้งความหวาดกลัวในจิตใจพอสมควร
ที่สำคัญกว่านั้นคือ พลังวิเศษของพวกมันน่ารังเกียจบิดเบี้ยว ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงจากก้นบึ้ง
ลูเมี่ยนหยิบแก้วอัปแซ็งต์ที่ปาวาร์·นีซองต์ เจ้าของบาร์และบาร์เทนเดอร์ยื่นให้ จิบละเลียดหนึ่งคำ
“คุณพอรู้ไหม ว่าผู้จัดการโรงละครคนนั้นพักอยู่ที่ไหน”
“รู้สิ ผมเคยตามนักเขียนบทคนอื่นไปหาเขาที่อพาร์ตเมนต์ เขายังไม่แต่งงาน เปลี่ยนคู่นอนเป็นประจำ” กาเบรียลเล่าไปเรื่อย
ลูเมี่ยนคลี่ยิ้ม
“ผมมีวิธีทำให้หมอนั่นอ่านบทของคุณ แต่ไม่รับรองว่าเขาจะยอมซื้อบทนะ”
“จริงหรือ?” กาเบรียลทั้งตกใจ ดีใจ และสงสัย
ใช้วิธีอะไร? จินนาดูงงงวย
ลูเมี่ยนดื่มอัปแซ็งต์ในแก้วหมดรวดเดียว แล้วลุกขึ้นยืน
“ไปกันเลย เอาบทของคุณมาด้วย!”
“……” กาเบรียลไม่เคยเจอคนคิดไวทำไว ที่ไวขนาดนี้มาก่อน
นี่มันกลางดึกแล้วนะ!
แต่อีกใจคิดว่า ไหนๆ ก็แทบไม่มีหวังอยู่แล้ว ลองดูสักตั้งจะเป็นไรไป จึงดื่มอัปแซ็งต์ที่เหลือ แล้วกลับขึ้นไปชั้นสอง นำบทละครสามองก์ลงมา
ที่หน้าโรงแรมระกาทอง จินนาเพ่งพินิจลูเมี่ยนด้วยความงุนงงและอยากรู้
“คุณมีวิธีจริงหรือ”
ลูเมี่ยนหัวเราะเยาะ
“ไม่เชื่อก็ได้”
“หึ!” จินนาแสดงความไม่แยแส
เธอกังวลว่านี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายอาการไม่ดี กอปรกับความอยากรู้อยากเห็น จึงตัดสินใจตามไปดู ป้องกันไม่ให้ชาร์ลทำเรื่องเลยเถิด
ไม่นานนัก กาเบรียลก็กลับมาที่ชั้นหนึ่ง
เขาเปลี่ยนเป็นชุดสูทที่สะอาดและเหมาะสมกว่า ผูกหูกระต่ายสีแดง
“ที่อยู่” ลูเมี่ยนถามเสียงนิ่ง
“ห้อง 702 อพาร์ตเมนต์เลขที่ 15 ถนนเดโฟ เขตหอรำลึก” กาเบรียลมองไปยังถนนอลเวงที่แทบไม่มีไฟถนนสว่าง พบเพียงพวกขี้เมาสองสามคนกับคนเดินเตร็ดเตร่
เขาลองถาม
“เราจะเดินไปหรือ”
เวลาป่านนี้ไม่มีรถม้าสาธารณะแล้ว และเขตหอรำลึกกับเขตตลาดก็ติดกัน
ลูเมี่ยนไม่สนใจจะตอบ เดินไม่เร็วไม่ช้าไปทางถนนใหญ่ตลาด หยุดข้างรถม้าแท็กซี่สี่ล้อสองที่นั่ง ที่เปิดให้บริการยามดึก เอ่ยกับคนขับรถที่สังกัดบริษัทรถม้าจักรวรรดิ
“ไปอพาร์ตเมนต์เลขที่ 15 ถนนเดโฟ เขตหอรำลึก”
คนขับรถที่ใส่หมวกลงขี้ผึ้ง สวมชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินกระดุมสีเหลือง มองพิจารณาลูเมี่ยนกับอีกสองคน แล้วพูดขึ้นมา
“สองเฟลคิน”
ในทรีอาร์ การขึ้นรถม้าแท็กซี่ตอนกลางวัน สำหรับทางใกล้ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงจะราคา 1.25 เฟลคิน ถ้าเกินหนึ่งชั่วโมงจะเป็นชั่วโมงละ 1.75 เฟลคิน หลังเที่ยงคืนถึงก่อนหกโมงเช้า ทางสั้นสองเฟลคิน ทางไกลชั่วโมงละ 2.5 เฟลคิน
ลูเมี่ยนไม่พูดไม่จา หยิบเหรียญเงินมูลค่าหนึ่งเฟลคินสองเหรียญ โยนให้คนขับรถ
เขาไม่เกรงใจ ขึ้นรถม้า จับจองที่นั่งตามใจชอบ
ทำเอากาเบรียลลำบากใจอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าควรแสดงมารยาทสุภาพบุรุษ เบียดนั่งกับชาร์ล หรือปล่อยให้นักร้องหญิงจินนาเลือกเอง
สุดท้าย จินนาที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้รับเชิญก็บ่นพึมพำ เลือกนั่งข้างลูเมี่ยน พยายามบีบเบียดแทรกเอาจนได้
รถม้าแท็กซี่ออกตัว มุ่งหน้าไปยังเขตหอรำลึก
ระหว่างทาง ลูเมี่ยนรักษาความเงียบตลอด ทำเอากาเบรียลไม่กล้าถามด้วยซ้ำว่าจะใช้วิธีใด บรรยากาศในรถค่อนข้างอึดอัด
จินนาเริ่มชินกับสภาพนี้ของลูเมี่ยนแล้ว จึงปล่อยสมาธิล่องลอย ครุ่นคิดเรื่องของตัวเอง
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน รถม้าแท็กซี่ก็จอดข้างอาคารเลขที่ 15 ถนนเดโฟ
ลูเมี่ยนมุ่งตรงเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ พอถึงล็อบบี้ก็ถูกยามขวางไว้
“คุณพักอยู่ชั้นไหน ห้องไหนครับ” ยามถามอย่างเต็มใจรับใช้ “แต่ถ้าไม่ใช่ผู้พักอาศัยที่นี่ เกรงว่าคงต้อง…”
เขายังพูดไม่จบ หัวก็ถูกของเย็นๆ แนบเข้าให้
ลูเมี่ยนชักปืนพกออกจากใต้รักแร้ กดปากกระบอกปืนเข้ากับหน้าผากของยาม
“คุ…คุณ จะทำอะไร?” ยามที่อายุเกือบห้าสิบอึกอักพูด
กาเบรียลดูตกตะลึง เริ่มสงสัยว่าชาร์ลมีวิธีช่วยตนจริงหรือ
จินนาขำขันพอเป็นพิธี ค่อนข้างคาดหวังสิ่งที่จะตามมา จึงเอาแต่มองลูเมี่ยนที่ยังคงเงียบ ไล่ยามไปตรงมุมล็อบบี้ ใช้เชือกที่พกติดตัวมา มัดมือ มัดเท้ายาม แล้วอุดปาก
ทำทุกอย่างเสร็จ ลูเมี่ยนปิดประตูใหญ่ของอพาร์ตเมนต์ ลงกลอนจากด้านใน จากนั้นก็เดินขึ้นบันได
กาเบรียลคล้ายตื่นจากภวังค์ รีบตามขึ้นไป ถามด้วยเสียงร้อนรน
“ทำแบบนี้จะไม่มีปัญหาจริงหรือ?”
“คุณคิดว่าไง” ลูเมี่ยนยกมุมปาก ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
กาเบรียลถึงกับอึ้ง พูดไม่ออกไปชั่วขณะ ลังเลใจว่าจะเลิกขอให้นีซองต์·โลเปต์ ผู้จัดการโรงละครคืนชีพ อ่านบทละครของตนดีไหม
ในไม่ช้า ทั้งสามก็มาถึงชั้นบนสุด หยุดอยู่ด้านนอกห้อง 702
กาเบรียลกำลังจะเคาะประตู ก็เห็นลูเมี่ยนหยิบเศษลวดครึ่งท่อนออกมา งัดเปิดประตูบานเลื่อนไม้สีเลือดหมูอย่างคล่องแคล่ว
“…” กาเบรียลคาดเดาความคิดของลูเมี่ยนไม่ได้เลย
จินนาเห็นท่าไม่ดี รีบปลดผ้าคลุมไหล่สีอ่อนของตนออก นำมาคลุมหน้า เห็นแค่หน้าผากกับดวงตา
เธอสงสัยว่าชาร์ลกำลังจะก่อเรื่อง และเพื่อมิให้ถูกสาวมาถึงตน ทางออกดีที่สุดคือการอำพรางตัวพอเป็นพิธี อย่างน้อยก็ไม่ให้คนจำหน้าตาได้
ลูเมี่ยนเดินเข้าไปในห้องรับแขกที่ย้อมด้วยแสงจันทร์สีแดงก่ำ พลางหยิบผ้าพันแผลออกมา พันรอบหน้า เหลือแค่ดวงตากับรูจมูก
“……” กาเบรียลแม้จะไม่เข้าใจเหตุผลที่จินนากับชาร์ลปิดบังใบหน้า แต่ก็รีบหาผ้าชิ้นหนึ่งมาสวมคลุมครึ่งล่างของใบหน้าตามสัญชาตญาณ
ลูเมี่ยนพันผ้าพันแผลสีขาวเสร็จ ก็มองไปรอบตัว เดินตรงไปทางห้องนอนใหญ่ หมุนลูกบิด ผลักประตูบานนั้น
แสงจันทร์สีแดงก่ำที่ฉาบย้อมห้องรับแขก ไหลทะลักเข้าไปในห้องนอนทันที ส่องให้เห็นสองคนที่นอนอยู่บนเตียง
เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ฝ่ายชายผมดำยุ่งเหยิง อายุราวต้นสี่สิบ ใบหน้าค่อนข้างผอม จมูกสูงหน่อย ฝ่ายหญิงไว้ผมหยักศกสีบลอนด์ยาวหน่อย อายุประมาณยี่สิบ ผิวเนียนหน้าตาสวย
ดูเหมือนทั้งสองจะเปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มกำมะหยี่บาง
“ผู้จัดการโรงละครที่ว่า หมอนั่นใช่ไหม” ลูเมี่ยนไม่คิดจะหรี่เสียงพูด
กาเบรียลรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
“ใช่ เป็นเขา”
ลูเมี่ยนเดินตรงไปทางเตียงใหญ่ทันที ส่วนนีซองต์·โลเปต์ ผู้จัดการโรงละครคืนชีพ เมื่อได้ยินเสียงก็เริ่มสะลึมสะลือตื่น
ยังไม่ทันจะลืมตา ก็ถูกลูเมี่ยนจับไหล่ ดึงขึ้นพรวดขึ้นมา
นีซองต์·โลเปต์ลืมตาด้วยความงัวเงีย บนกระจกตาสะท้อนภาพศีรษะที่พันผ้าพันแผลสีขาวมิดชิด
วินาทีถัดมา ลูกโม่กระบอกหนึ่งถูกจ่อที่หัวของเขา
นีซองต์·โลเปต์ปิดปากเงียบ ถูกลากถูกผลักอย่างทุลักทุเลไปถึงห้องรับแขก
ขณะผ่านจินนา ลูเมี่ยนหันข้างมองเตียงด้านหลัง กล่าวเสียงเบา
“ฝากดูแลเธอด้วย”
จินนางงงวยกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างยิ่ง แต่ก็มิได้ขัดขวางความตื่นเต้นของเธอ
หญิงสาวรีบย่อตัวลง ชักปืนพกของตัวเองออกมา เล็งไปทางสาวผมบลอนด์ที่เพิ่งตื่น พูดอย่าง ‘เย็นชา’
“ฉันไม่อยากได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น”
สาวผมบลอนด์รีบกอดผ้าห่มแน่น ตัวสั่นงกๆ อยู่บนเตียง
ลูเมี่ยนให้นีซองต์·โลเปต์นั่งบนเก้าอี้เอนหลัง ใช้เสื้อผ้าที่โยนอยู่บนโซฟา บนพื้นห้อง มัดมือมัดเท้าของเขาไว้ ผูกติดกับเก้าอี้ตัวดังกล่าว
กาเบรียลมองตามอย่างงุนงงสุดขีด ในหัวพลันผุดความคิดหนึ่ง
พวกเรามาปล้นนีซองต์·โลเปต์ หรือมาให้เขาอ่านบทของฉันกันแน่?
พอจินนาพาสาวผมบลอนด์ที่สวมเสื้อนอนเสร็จแล้ว ตามมายังห้องรับแขกด้วย ลูเมี่ยนที่เปิดโคมระย้าคริสตัล ถอยหลังไปสองสามก้าว ถือปืนลูกโม่ นั่งลงบนโซฟายาวตรงข้ามเก้าอี้เอนหลัง
นีซองต์·โลเปต์คล้ายกับเพิ่งได้สติ ร้องเสียงดังอย่างร้อนรน
“พวกคุณต้องการเงินเท่าไหร่ ผมยินดียกให้! ให้หมดเลย!”
“ที่นี่มีทั้งหมด 1,100 เฟลคิน และสร้อยเพชรเส้นหนึ่ง ผมยกให้พวกคุณทั้งหมด! ขอแค่อย่าทำร้ายกัน!”
ลูเมี่ยนที่พันผ้าพันแผลทั่วใบหน้า เอียงคอไปทางกาเบรียล:
“อ่านสิ”
“อ่านอะไร?” กาเบรียลถามกลับอย่างงุนงง
ลูเมี่ยนหัวเราะหนึ่งทีแล้วว่า
“อ่านบทละครของคุณสิ คุณนีซองต์·โลเปต์กำลังรอฟังอยู่นะ”
นี่มัน… กาเบรียลได้แต่อึ้ง
นี่คือ ‘วิธี’ ที่จะให้นีซองต์·โลเปต์อ่านบทละครของเรา?
คนปกติคิดอะไรแบบนี้ได้ด้วยหรือ?
ไม่ใช่แค่กาเบรียลที่คิดแบบนั้น จินนาก็อดขยับปากไม่ได้
จิตใจของชาร์ลกำลังไม่ปกติสุดๆ เลย!
การทำแบบนี้ จะไม่ทำให้คุณนักเขียนบทถูกจับส่งโรงพักหรือไง?
ดีนะที่เราปิดหน้าเอาไว้!
กาเบรียลรู้สึกโล่งใจด้วยเหตุผลเดียวกัน พลางเดินไปยืนข้างนีซองต์·โลเปต์อย่างกล้าๆ กลัวๆ หยิบบทละครออกมา อ่านทีละประโยค แสดงสีหน้าชัดเจนว่าตนก็ถูกบังคับเช่นกัน
นีซองต์·โลเปต์ฟังด้วยความงุนงง สงสัยว่าตนกำลังฝันเพ้อเจ้ออยู่หรืออย่างไร
หลับไปครึ่งทาง มีคนสวมหน้ากากบุกเข้ามาในบ้าน มัดตนไว้กับเก้าอี้ เพียงเพื่อให้ตนฟังบทละครเนี่ยนะ?
ฟังไปสักพัก ความเป็นมืออาชีพของเขาก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง จดจ่อสมาธิอย่างยิ่ง
พอบทสนทนาหลักขององก์แรกจบลง นีซองต์·โลเปต์ก็ขัดกาเบรียล
“ใครเขียนบทนี้?”
“ผมเองครับ” กาเบรียลตอบโดยไม่ทันคิด
นีซองต์·โลเปต์พูดเสียงนิ่ง
“พรุ่งนี้สิบโมงเช้า นำมาส่งที่ห้องทำงานของผม เราจะเซ็นสัญญากัน”
“ครับ… ได้ครับ” กาเบรียลทั้งตกใจ ดีใจ และหวาดกลัว
ถ้าพรุ่งนี้ไปถึงโรงละครคืนชีพแล้ว จะไม่ถูกตำรวจล้อมจริงหรือ?
ลูเมี่ยนหัวเราะออกมาทันที ลุกขึ้นยืน ถือปืนลูกโม่เดินไปทางประตู
จินนากับกาเบรียลตามไปไม่ห่าง ปล่อยให้สาวผมบลอนด์ไปแก้มัดนีซองต์·โลเปต์เอง
ระหว่างทางเดินลงบันได จินนาพูดกับกาเบรียลยิ้มๆ
“คุณนักเขียนบท ละครของคุณสุดยอดไปเลยนะ บทสนทนาช่างมีพลังดึงดูด แล้วชื่อเรื่องว่าอะไร?”
“ชื่อ ‘ผู้ไขว่คว้าแสง’” กาเบรียลไม่เข้าใจว่าทำไมนักร้องใต้ดินถึงสนใจบทละคร แค่ตอบไปตามสัญชาตญาณ
จินนาเร่งฝีเท้า ตามไปเทียบข้างลูเมี่ยน กดเสียงต่ำถาม
“นี่คือวิธีของคุณ?”
“ไม่กลัวหรือว่าผู้จัดการโรงละครคนนั้น จะเป็นอีกหนึ่งสาวกเทพมาร”
ในใจเธอตอนนี้ ทุกโรงละครอาจมีปัญหาได้หมด
ลูเมี่ยนถอดผ้าพันแผลออกไปพลาง ตอบกลับอย่างไร้อารมณ์
“ถ้างั้นก็ดีเลย จะได้ต่ออีกสักยก”
ตูว่าแล้ว… จินนารำพันไร้เสียง
หลังเก็บสิ่งของจำพวกเชือกคืนจากยามเสร็จ ทั้งสามก็นั่งรถม้าแท็กซี่กลับโรงแรมระกาทอง
พอกาเบรียลขอบคุณ แล้วกลับเข้าห้องไปด้วยความวิตกกังวลปนปีติ จินนามองชาร์ลทำความสะอาดร่างกาย นอนลงบนเตียง ในที่สุดก็ถอนหายใจยาว
เธอช่วยรูดม่านปิด บรรจงปิดประตูไม้อย่างเบามือ แล้วออกจากโรงแรมระกาทอง
ท่ามกลางความมืดที่แทบไร้แสงสว่าง ลูเมี่ยนหลับตาลง นอนนิ่งไม่ไหวติง
…………………………………………………….