ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 215 ความกังวลของจินนา
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 215 ความกังวลของจินนา
ตอนที่ 215 ความกังวลของจินนา
พอจินนาเล่าเรื่องสถานที่เรียนการแสดงจบ บรรยากาศในห้องนั่งเล่นก็เงียบลงทันใด ไม่ว่าจะเป็นฟรังก้าหรือลูเมี่ยน สายตาที่มองจินนาต่างก็แฝงความหมายลึกซึ้งบางอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่เด็กเสิร์ฟนามว่าชาร์ลี ก็ยังไม่อาจควบคุมสีหน้าและอากัปกิริยา ร่างกายสั่นเทิ้มชัดแจ้ง ดวงตาเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว
“มีอะไร… หรือเปล่า?” จินนาถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนหยิบลูอิดอร์เหรียญหนึ่งออกมา ดีดลงไปที่ข้างเท้าจินนา สายตาจับจ้องทุกอิริยาบถของเธอ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในดวงตา
“เฮ้ย! นี่มันเรื่องบ้าอะไร” จินนางุนงงมองลูอิดอร์เหรียญนั้น ก่อนจะหันไปถามลูเมี่ยนด้วยความขุ่นเคือง
ลูเมี่ยนทำนิ่ง พลางหันไปหัวเราะกับฟรังก้า
“ไม่ใช่ ‘คนตระหนี่’”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” ฟรังก้าตอบด้วยน้ำเสียงขำๆ “พวกเราเจอกันบ่อย ถึงเธอจะประหยัดไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ ‘คนตระหนี่’ หรอก และไม่ได้แสดงลักษณะของ ‘ผู้เสพติดสังวาส’ เลยด้วย ฝีมือการแสดงก็ไม่ได้ดีเด่อะไร”
ฟรังก้าพูดไปได้ครึ่งทาง ก็แสดงความเสียดายออกมาโดยไม่รู้ตัว
“พวกคุณ… กำลังพูดถึงอะไร?” จินนาฟังแล้วงงไปหมด จนลืมสบถไปเลย
“ช่วยอธิบายให้เธอหน่อยสิ” ลูเมี่ยนหันไปบอกฟรังก้า
ฟรังก้าลุกขึ้นยืน หวังให้จินนามานั่งบนเก้าอี้เอนหลังตัวเดียวกัน แต่จินนารู้สึกว่ามันคับแคบเกินไป จึงเลือกนั่งที่โซฟาเดี่ยว วางกองเสื้อผ้าปกติที่ถืออยู่ไว้บนตัก
“เธอยังจำไอ้วิตถารเฮิดซ์ได้ไหม” ฟรังก้านั่งกลับลงบนเก้าอี้เอนหลัง ดูผิดหวังอยู่บ้าง
จินนาตอบทันควันโดยไม่ลังเล
“จำได้สิ ไอ้เวรนั่น มันตายง่ายเกินไป!”
ตายง่าย… สินะ… ลูเมี่ยนนึกถึงสภาพน่าสยดสยองของส่วนล่างของเฮิดซ์ พลางพึมพำในใจ
ฟรังก้าใช้เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้น เล่าถึงสมาคมเสียวซ่าน เล่าถึงสองสามลำดับบนเส้นทางเทพมาร ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างสมาคมเสียวซ่านกับกรงพิราบเก่า และเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ของชาร์ล เอฟฟ์ ลุนทาส ไมป์·ไมเออร์ และซูซานน่า·มาติส
จินนาได้รับความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับจากฟรังก้าทั้งหมด ยิ่งฟังยิ่งตกใจ เหมือนถูกเปิดประตูสู่โลกใหม่ เห็น ‘ทัศนียภาพ’ ที่แตกต่างจากที่เคยรู้มาโดยสิ้นเชิง เป็น ‘ทัศนียภาพ’ อันเน่าเปื่อย ดุร้าย น่าขนลุก และน่ารังเกียจ
หลังจากที่ฟรังก้าเล่าจบ เธอเอ่ยปากถามทันที
“ไอ้วิตถารนั่น… จ้องจะทำอะไรฉันตั้งแต่ในโรงละครแล้วสินะ?”
ในเมื่อเฮิดซ์เป็นสมาชิกชั้นนอกของสมาคมเสียวซ่าน เป็นลูกน้องของไมป์·ไมเออร์ ผู้จัดการโรงละคร ย่อมต้องแอบเข้าออกกรงพิราบเก่าอยู่เนืองๆ
จินนาสงสัยว่า ไอ้วิตถารนั่นคงซ่อนตัวอยู่ตามมุมมืด เพื่อแอบดูเธอและเด็กฝึกสาวคนอื่นๆ เรียนการแสดง
“ก็เป็นไปได้” ฟรังก้าคิดว่า นั่นคือคำอธิบายที่ดี ถึงเหตุผลที่ไอ้วิตถารเฮิดซ์ไม่เลือกนักร้องหญิงใต้ดินคนอื่น แต่กลับยอมเสี่ยงวางยาจินนา
ถึงแม้ว่าจินนาจะหน้าตาดีเลยล่ะ หลังจากได้เรียนทักษะการแสดงและการแต่งหน้าที่กรงพิราบเก่าสักพัก ก็เริ่มรับมือกับบทบาทนักร้องใต้ดินได้ดีขึ้น ปล่อยเสน่ห์ของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็ยังมิได้มีเสน่ห์ระดับ ‘แม่มด’ แถมในหมู่นักร้องสาวใต้ดินของเขตตลาด ก็มีสาวๆ ที่ปล่อยตัวกว่า เร้าอารมณ์เพศชายชั้นล่างได้มากกว่าอยู่ไม่น้อย และที่สำคัญ พวกเธอไม่ได้เป็นคู่นอนของ ‘บูตแดง’ แบบจินนา
จินนาหันไปมองลูเมี่ยน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เมื่อสักครู่ คุณสงสัยว่าฉันเป็นสาวกของ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ เลยเอาลูอิดอร์มาทดสอบ?”
“ขี้งกชะมัด อย่างน้อยก็ให้สักสิบลูอิดอร์สิ!”
ลูเมี่ยนหัวเราะหนึ่งที
“ผมนึกขึ้นมาได้ว่า ตั้งแต่รู้จักกัน คุณไม่เคยสรรเสริญเทพองค์ใดเลย จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่รู้ว่าคุณนับถือ ‘สุริยันเจิดจรัส’ หรือ ‘เทพจักรกลไอน้ำ’ กันแน่ น่าสงสัยทีเดียวเชียว”
จินนาหัวเราะ ‘หึๆ’
“เวลาส่วนใหญ่ที่เจอคุณ ฉันก็แต่งตัวแบบนี้แหละ แต่งหน้าสโมกกี้แบบคนใจแตก ร้องเพลง ‘ที่รัก เขาใช้นิ้วมือได้เยี่ยมยอดเหลือเกิน’ ถ้าฉันสรรเสริญสุริยันในสภาพนี้ พระองค์คงเผาฉันตายแหงๆ”
โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนตอบโต้ หญิงสาวชี้ไปทางฟรังก้าบ้าง
“ฟรังก้าก็ไม่เคยสรรเสริญเทพองค์ใดเหมือนกัน ทำไมนายไม่สงสัยเธอล่ะ”
“ใครบอก” ฟรังก้าทำหน้าเคร่งขรึม วาดสัญลักษณ์สามเหลี่ยมศักดิ์สิทธิ์ที่หน้าอก “ไอน้ำจงพวยพุ่ง!”
ฝีมือการแสดงของเธอก็ห่วยไม่แพ้กัน… โอลัวร์ก็แบบนี้แหละ ปกติแทบไม่พูดถึงความเชื่อ ไม่ค่อยเข้ามิสซา พอถูกใครสงสัยก็จะสรรเสริญสุริยันนิดหน่อย… ลูเมี่ยนวาดตราสามเหลี่ยมศักดิ์สิทธิ์ตาม
“ไอน้ำจงพวยพุ่ง!”
ชาร์ลีติดเชื้อจากพฤติกรรมของพวกเขา โดยไม่รู้ตัวชูแขนทั้งสองข้าง
“สุริยันจงเจริญ!”
ความเงียบอึดอัดตามมา ราวกับไม่มีใครรู้ว่าควรพูดอะไรต่อในหัวข้อนี้
หลายวินาทีผ่านไป ลูเมี่ยนเอ่ยกับจินนา
“ที่แท้ตัวตนจริงของคุณ ก็คือนักแสดงฝึกหัดสินะ”
จินนาทำท่าเย่อหยิ่งในทันที เชิดคางขึ้นเล็กน้อย
“แปลว่าฉันมีสิทธิ์วิจารณ์ฝีมือการแสดงของคุณสินะ?”
“แล้วจะบอกอะไรให้ ตัวจริงของฉันไม่ใช่นักเลงสาวปากหมาหยาบคาย แค่กำลังแสดงเป็นนักร้องหญิงใต้ดินเท่านั้น เป็นไง ดูสมจริงใช่ไหม? นายไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยใช่ไหม?”
“นึกแล้วเชียว บางครั้งถึงได้ดูเหมือนคนมีความรู้” ลูเมี่ยนเห็นพ้องคำพูดของจินนาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“บางครั้ง?” จินนาแสดงท่าทีไม่ยอมแพ้
ชาร์ลีเหลือบมองใบหน้าของทั้งสองไปมา แล้วอดไม่ได้ที่จะมองฟรังก้า ผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้เอนหลัง
ฟรังก้าเม้มริมฝีปาก มองดูลูเมี่ยนและจินนาที่สื่อสารกันแบบทะเลาะเบาะแว้ง
ลูเมี่ยนไม่สนใจคำโอ้อวดของจินนา หันมาพูดว่า
“เข้าเรื่องกรงพิราบเก่ากันดีกว่า”
จินนานึกทวนอยู่สองสามวินาที แล้วก็ตกใจ พูดออกมาทันที
“บัดซบ! ค่าเรียนของฉัน!”
เธอพูดจบ ก็เห็นทุกคนมองมาทางตน สายตาออกจะพิลึก
จินนารีบอธิบาย
“พวกคุณเพิ่งบอกไม่ใช่หรือไง ว่าไมป์·ไมเออร์อาจจะพาพรรคพวกสมาคมเสียวซ่านหนีไป แล้วกรงพิราบเก่าจะเจ๊งไหม? เชี่ยแม่ง! พวกลัทธิมารเวรนี่ ฉันเพิ่งจ่ายค่าเล่าเรียนไปหนึ่งปีเต็มเลยนะ! โคตรแม่ง! ฉันต้องทวงคืนให้ได้!”
พอจินนาใจเย็นลงหน่อย ลูเมี่ยนก็หุบยิ้ม
“ไหนว่าการพูดจาหยาบคายต่ำตม เป็นแค่การแสดง”
“…” จินนาอึ้งไปก่อน แล้วก็พยายามแก้ตัว “ตอนนี้ฉันคือจินนา นักร้องใต้ดินนะ ฉันยังอยู่ในบทบาทอยู่เลย ยังไม่ถอนตัวออกมา…”
เห็นลูเมี่ยนทำหน้าไม่เชื่อ จินนาก็โกรธจนอับอาย
“เฮ้ย นายไม่เข้าใจหรือไง นี่มันคือการเข้าถึงตัวละคร!”
“ใช่ๆ” ฟรังก้าเห็นด้วยกับจินนา พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย “กรงพิราบเก่ามีผู้ชมประจำเยอะมาก นักแสดงหลายคนก็เข้าท่า ต่อให้ผู้จัดการโรงละครกับนักแสดงนำสองสามคนหนีไป ก็ไม่น่าจะล้มละลายหรอก อย่างมากก็ลำบากไปสักพัก เพราะเงินสดถูกยักยอกไป ฉันว่า คงมีคนอยากรับช่วงทรัพย์สินคุณภาพแบบนี้เยอะแยะ อ้อใช่ เจ้าของกรงพิราบเก่าคือใครนะ”
จินนานึกย้อนกลับไป
“ก็ไมป์·ไมเออร์นั่นแหละ”
“งั้นหรือ…” ลูเมี่ยนหันไปมองฟรังก้า “ถ้าไมป์·ไมเออร์หลบหนีไปจริง เราก็เซ้งกรงพิราบเก่าในราคาถูกได้ หางเครื่องก็มีอยู่ในมือหลายคน รวมถึงนักร้องที่ถูกบรินิแยร์ควบคุมอยู่ ถ้าใครไม่อยากขายร่างกาย ก็ให้พวกเธอไปหาเงินที่โรงละครเสียสิ”
“แต่การแข่งขันจะดุเดือดเอาเรื่องเลยนะ” ฟรังก้าตอบอย่างครุ่นคิด “ถ้าได้จริงก็นับเป็นหนทางที่ดีเลย ปัญหาคือจะไปเกลี้ยกล่อมบรินิแยร์ยังไงดี… ฮ่าๆ เล่านิทานให้เขาฟัง สร้างมโนภาพโดยการตะล่อมว่า พวกนักร้องที่รับงานเสริมเป็นโสเภณีด้วย ต่อให้บีบเค้นยังไงก็หาเงินได้แค่เท่านี้แหละ แต่ถ้าพรรคซาฟาห์เราได้คุมนักแสดงชื่อดัง ผลตอบแทนจะมากกว่ากันไม่รู้ตั้งกี่เท่า”
ชาร์ลีเหลือบมองลูเมี่ยนกับฟรังก้า แล้วอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจินนาบนโซฟาเดี่ยว
หลังจากคุยกับลูเมี่ยนสักพัก ฟรังก้าบอกกับจินนา
“ไม่ต้องห่วง ค่าเล่าเรียนของเธอไม่ได้เสียเปล่าแน่”
จินนาที่ฟังพวกเขาถกเถียงอย่างจริงจังจนจบ ถอนหายใจ บ่นงึมงำ
“ค่าเล่าเรียนของกรงพิราบเก่าไม่ได้ถูกเลยสักนิด”
ฟรังก้าลากหัวข้อสนทนากลับเข้าทาง
“เธอคิดยังไงกับคนในกรงพิราบเก่า มีใครน่าสงสัยบ้าง”
จินนาใช้ความคิดสักพักก่อนจะเล่า
“ไมป์·ไมเออร์ชอบมาดูพวกเราเรียนแสดง สายตาเหมือนหื่นๆ หน่อย แต่ไม่เคยไปลวนลามใครเลย ผู้ชายส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ? อา… แต่ก็อาจมีแอบคบกับเด็กฝึกบางคน เพราะยังไงหมอนั่นก็เป็นถึงเจ้าของและผู้จัดการโรงละคร…”
“ฝีมือการแสดงของลุนทาสดีมากจริงๆ เป็นครูสอนแสดงมืออาชีพ เก่งจนหาตัวจับได้ยาก ทุกตัวละครที่เขาแสดง ยังกับหลุดออกมายังโลกความจริง แต่ละคนไม่เหมือนกันเลย…”
เล่าถึงตรงนี้ จินนาทำหน้าอิจฉาเล็กน้อย คล้ายกับอยากแสดงได้เก่งกาจเหมือนเขา แต่พอนึกถึงสภาพไอ้วิตถารเฮิดซ์ นึกถึงสภาพปัจจุบันของซูซานน่า·มาติส เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ไม่กล้าฝันเพ้อเจ้อ
“คนที่พวกนายเรียกว่าเอฟฟ์ ฉันแทบไม่ค่อยเห็นเลย คงมาตอนซ้อมละครบางเรื่องเท่านั้นแหละ…”
“ฉันกับชาร์ล็อตต์ไม่ค่อยสนิทกัน ฉันเข้ามาที่กรงพิราบเก่าตอนเธอเริ่มรับบทนำแล้ว แต่ชาร์ล็อตต์เป็นต้นแบบของฉัน ฝีมือการแสดงยังห่างจากลุนทาสนิดหน่อย ไม่แน่ใจว่าเธอเป็น ‘นักแสดง’ หรือเปล่า แม่ง! ตัดสินยากจริงๆ …”
จินนาพยายามควบคุมตัวเองอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายก็อดสบถออกมาไม่ได้
“ครูสอนแสดงคนอื่นๆ คงไม่ใช่ ‘นักแสดง’ หรอก ฝีมือการแสดงต่างจากลุนทาสพอสมควร พวกเขาก็ชอบชมว่า ฉันมีพรสวรรค์ด้านการแสดง ถึงจะสู้ลุนทาสไม่ได้ สู้รุ่นพี่ที่เคยเล่นเป็นนางเอกในกรงพิราบเก่าก็ไม่ได้ แต่ก็พอเทียบเคียงกับชาร์ล็อตต์สมัยที่ยังเป็นเด็กฝึกได้…” จินนาชะงักไปกลางคัน
“มีอะไรเหรอ” ฟรังก้าถามด้วยความห่วงใย
ชาร์ลีเหลือบมองหน้าของฟรังก้าสลับกับจินนา แล้วอดไม่ได้ที่จะหันไปมองชาร์ลด้านข้างตน
จินนาขมวดคิ้วพูดว่า
“พรุ่งนี้ผู้วิเศษทางการจะมาสอบสวนกรงพิราบเก่าอย่างละเอียด… ฉัน ฉันควรทำยังไงดี?”
เธอเป็นผู้วิเศษเถื่อนนะ เป็น ‘นักลอบสังหาร’ นะ
“เลิกเรียนที่กรงพิราบเก่า เปลี่ยนไปเรียนที่อื่นดีไหม” ลูเมี่ยนเสนอ
เรื่องเงินเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักความสำคัญต่ำสุดในตอนนี้
จินนาเม้มปากเบาๆ สีหน้าดูหมองหม่น
“แต่ว่า… ที่กรงพิราบเก่า ฉันใช้ชื่อจริงนะ แล้วแม่ของฉันล่ะ พี่ชายของฉันล่ะ จะเป็นยังไง…”
…………………………………………………….