ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 212 ‘นักแสดง’
ตอนที่ 212 ‘นักแสดง’
ฟรังก้าคำนวณเวลาแล้วถามอย่างละเอียด
“แท่นบูชาซ่อนอันตรายอะไรไว้บ้าง วันนี้ซูซานน่า·มาติสฟื้นตัวถึงระดับใดแล้ว”
ลูเมี่ยนได้ยินคำถามของฟรังก้า ก็คาดเดาความคิดของเธอได้พอประมาณ
หากเป็นไปได้ ทำไมไม่ฉวยโอกาสนี้ไปทำลายแท่นบูชานั่นเสีย เพื่อให้ซูซานน่า·มาติสที่ยังอ่อนแออยู่ สลายตัวไปอย่างสิ้นเชิง!
ออกมาจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อย ก่อนจะไล่ตามเอฟฟ์ปลอม ลูเมี่ยนได้ลองพิจารณาคำถามที่คล้ายคลึงกันมาแล้ว — เนื่องจากลุนทาสพาชาร์ลีลงใต้ดิน เด็กหนุ่มจึงเชื่อว่าจุดหมายปลายทางของอีกฝ่ายคือที่ซ่อนตัวของซูซานน่า·มาติส ดังนั้น ตอนไปเอาโคมไฟคาร์ไบด์ เขาจึงหยิบระเบิดไดนาไมต์จากตู้นิรภัยติดมือมาสองสามมัด หวังจะอาศัยสภาพแวดล้อมแบบพิเศษ ถล่มระเบิดพวกมันให้สิ้นซากไป
ใบหน้าซีดขาวไม่ชัดเจนของลุนทาส ดูเหมือนจะเคร่งขรึมขึ้นมาอีกหลายส่วน
“แท่นบูชาก็คือแท่นบูชา มีเพียงรัศมีของพระองค์ท่าน ไม่มีอันตรายใดทั้งสิ้น”
พูดแบบนี้ ฟังดูอันตรายยิ่งกว่าเดิมอีก… ลูเมี่ยนยืนอยู่ข้างกำแพงวิญญาณ พึมพำออกมาประโยคหนึ่ง
ลุนทาสพูดต่อ
“ฉันไม่แน่ใจสภาพที่แน่ชัดของซูซานน่า รู้เพียงว่าเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอยังทำให้พวกเราเห็นตัวไม่ได้ ส่งเสียงได้เป็นครั้งคราว เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เธอสามารถสื่อสารกับเราได้ตามปกติ และถ้าเปิดเนตรวิญญาณก็จะมองเห็นเธอ แต่จนวันนี้ยังดีขึ้นไม่มาก ดูค่อนข้างอ่อนแอ”
ซูซานน่าเดิมทีเทียบเท่ากับ ‘มารพฤกษาเสื่อมทราม’ ลำดับ 5… ตอนนี้ฟื้นตัวจนมีพลังใกล้เคียงลำดับ 6 แล้ว? ลูเมี่ยนลองคาดเดาเบื้องต้นจากคำบรรยายของลุนทาส
หากมิใช่เพราะว่าซูซานน่าซ่อนตัวที่แท่นบูชาของ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ ลูเมี่ยนก็อยากลองเสี่ยงเปิดศึกดู
ฟรังก้าคิดแล้วพูด
“ปกติพวกแกไปสวดภาวนาและรับพรที่แท่นบูชาใช่ไหม”
“ใช่” ลุนทาสพูดด้วยน้ำเสียงแบบระลึกความหลัง “ซูซานน่าเป็นนักบวชของเรา ช่วยให้เราสัมผัสได้ว่าพระองค์ท่านรักปวงชน ช่วยให้สัมผัสถึงตัณหาอันเที่ยงแท้ ช่วยให้เรารู้จักตัวเองอย่างแท้จริง”
ได้ฟังถึงตรงนี้ ฟรังก้าเฉลียวใจเลิกถามต่อ เพียงหันไปสืบหาความจริงจากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แทน
“ปกติมีคนคอยคุ้มกันแท่นบูชาบ้างไหม”
“ซูซานน่าอยู่ที่นั่นตลอด” ใบหน้าขาวซีดเลือนรางของลุนทาส สั่นไหวเบาๆ บนกระจก
ฟรังก้ามองกระจกแต่งหน้าในมือแล้วพูด
“ตลอดสองสัปดาห์ที่ซูซานน่าได้รับบาดเจ็บสาหัส มีใครคอยคุ้มกันแท่นบูชาไหม”
วิญญาณของลุนทาสตอบตามจริง
“ไม่มี”
ฟรังก้าอดไม่ได้ที่จะหันไปมองลูเมี่ยนด้านข้าง แล้วพบว่าอีกฝ่ายก็ทำหน้าผิดหวังและเสียดายไม่ต่างกัน
จากคำตอบเมื่อครู่ของลุนทาส ทั้งสองรับรู้ชัดเจนถึงข้อเท็จจริงหนึ่ง
แท่นบูชานั่นมีกลไกการป้องกันที่ซ่อนเร้นและแข็งแกร่งมาก!
มิฉะนั้น ไม่ว่ามันจะซ่อนอยู่ใต้พื้นดินลึกแค่ไหน หรือหาได้ยากเพียงใด ก็ต้องพิจารณาถึงการเฝ้าระวังพวกนักล่าค่าหัวและนักผจญภัยถ้ำที่ชอบหาสมบัติในทรีอาร์ใต้ดิน ขณะเดียวกันก็ต้องระวังพวกลักลอบขนของเถื่อนที่อาจเปลี่ยนเส้นทางเฉพาะกิจ และนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว
ฟรังก้าถอนหายใจ รู้สึกว่าปัญหาเรื่องแท่นบูชาและซูซานน่า·มาติส ปล่อยให้ฝ่ายทางการปวดหัวแทนจะดีกว่า
วิญญาณมารตนนั้นยังต้องใช้เวลาอีกสองวันกว่าจะฟื้นตัว และตอนนี้เธอกับลูเมี่ยนก็เค้นถามตำแหน่งของแท่นบูชามาแล้ว ยังมีเวลาเหลือเฟือ!
ฟรังก้าเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่น
“ในโรงละครกรงพิราบเก่า ยังมีสมาชิกสมาคมเสียวซ่านเหลืออยู่อีกกี่คน”
“ไม่มากนัก” ดวงตาบนใบหน้าเลือนรางของลุนทาส เปล่งประกายสีเขียวเศร้าหมอง “แต่เดิมฉันก็รู้จักแค่ไม่กี่คน… มีฉัน เอฟฟ์ และเฮิดซ์ เรารับคำสั่งจากไมป์·ไมเออร์ เขาเป็นผู้จัดการโรงละคร และเป็นตัวแทนของซูซานน่าในการเข้าร่วมกิจกรรมหลักของสมาคมเสียวซ่าน หลังจากที่เธอกลายเป็นวิญญาณมาร”
“ทำไมถึงเลือกผู้ชายล่ะ ไม่ใช่ว่าสตรีรักแต่สตรีด้วยกันหรอกหรือ? เลือกผู้หญิงน่าจะติดต่อประสานงานกับสมาชิกหลักคนอื่นได้สะดวกกว่าไม่ใช่หรือไง?” ฟรังก้าโต้แย้ง
มาดาม คุณแน่ใจหรือว่าการ ‘ติดต่อประสานงาน’ ที่คุณพูดถึง ไม่มีนัยแฝงอะไร? ลูเมี่ยนรู้สึกว่ามาดาม ‘ดาบซ่อนแขน’ ดูจะตื่นเต้นกับเรื่องนี้มากทีเดียว
ลุนทาสตอบด้วยเสียงล่องลอย
“ไมป์·ไมเออร์เคยเป็นคนรักของซูซานน่ามาก่อน”
ฟรังก้า ‘จิ๊ๆ’ อุทานอย่างเห็นใจ
“ท่านนักบวชดันเป็นแกนนำละเมิดหลักการขององค์กรเสียได้… เล่นชอบได้ทั้งชายและหญิง”
พูดไปพูดมา หญิงสาวเหลือบมองชาร์ลีที่ดูงุนงงปนหวาดกลัว
ลุนทาสไม่ได้ปกปิดเรื่องของไมป์·ไมเออร์
“ก่อนที่ซูซานน่าจะเข้าร่วมสมาคมเสียวซ่าน พวกเขาเป็นคนรักกันอยู่แล้ว และไมเออร์เป็นคนรักหนึ่งเดียวที่ทำให้ซูซานน่ารู้สึกอุ่นใจและผ่อนคลาย หลังจากเธอได้รับการดลใจ ศรัทธาในพระองค์ท่าน ปรับปรุงสมาคมเสียวซ่านใหม่ เธอก็ชักชวนไมเออร์เข้าร่วมสมาคมด้วย แต่มิได้ร่วมห้องนอนกันอีก พอเธอกลายเป็นวิญญาณมาร ซูซานน่าก็มิได้รักเพียงสตรีเหมือนเก่า เธอกับไมเออร์จึงกลับมามีความสัมพันธ์แบบนั้นอีก ในเวลาเดียวกัน ซูซานน่าก็ยังมองหาเป้าหมายอื่น เข้าไปในความฝันของพวกเขา สูบพลังชีวิตของพวกเขา หลงรักพวกเขา แล้วก็ฆ่าพวกเขา”
ยิ่งฟังชาร์ลีก็ยิ่งซีดเผือด ราวกับตกอยู่ในฝันร้ายที่ไม่อาจหนีพ้นจนกว่าจะตาย
“นี่มันออกจะโรคจิตไปหน่อยนะ” ฟรังก้า ผู้เคยคิดจริงจังว่าจะให้คนรักอย่างการ์ดเนอร์มีลูกให้ตน แสดงความคิดเห็นออกมา
ก่อนจะหัวเราะแล้วพูดต่อ
“ไมป์·ไมเออร์ชอบใส่หมวกมีเขาหรือเปล่านะ…”
“ไม่เลย ปัจจุบันเขาใส่เพียงหมวกทรงสูงสีดำ และยังแต่งปลายหนวดเครารูปตะขออีกด้วย” ลุนทาสปฏิเสธการเดาของฟรังก้า
ส่วนลูเมี่ยนเองนึกถึงคดีการเสียชีวิตของผู้หญิงในเมืองอูเนต์ ที่มีคนเคยเล่าในงานชุมนุมของมิสเตอร์ K
“ถ้าไมป์·ไมเออร์ได้รับพร กลายเป็น ‘มารพฤกษาเสื่อมทราม’ ฝ่ายชาย เขาจะสามารถเข้าไปในความฝันของผู้หญิง สร้างความฝันกามารมณ์ สูบพลังชีวิตของพวกเธอ ทำให้พวกเธอค่อยๆ อ่อนแอลง จนกระทั่งเสียชีวิตได้สินะ…”
“แต่สมาคมเสียวซ่านมีสตรีเป็นแกนหลัก เน้นย้ำความรักระหว่างสตรี ไม่น่าจะเปิดโอกาสให้สมาชิกชายได้รับพรระดับสูงขนาดนั้น… หรือคดีนั้นไม่ใช่ฝีมือสมาคมเสียวซ่าน แต่เป็นพวกนับถือ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ เหมือนกัน? หรือว่า หญิง ‘รัก’ หญิง?”
ฟรังก้าถามต่อ
“ทำไมแกถึงไม่รู้ว่ามีสมาชิกสมาคมเสียวซ่านเหลืออยู่ในโรงละครกรงพิราบเก่ากี่คน? ในบรรดาคนของสมาคมที่แกรู้จัก นอกจากซูซานน่าก็ไม่มีคนอื่นแล้ว?”
ใบหน้าซีดขาวเลือนรางของลุนทาส ดูเหมือนจะบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย
“มีแต่ไมป์·ไมเออร์เท่านั้นที่สามารถติดต่อกับสมาชิกหญิง…”
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าตอนนี้โรงละครกรงพิราบเก่ายังเหลือสมาชิกหญิงอยู่หรือไม่ แต่ก็พอเดาได้ว่าแต่ก่อนมีใครบ้าง”
“เดาได้ยังไง” ฟรังก้าถามอย่างสงสัย
ลุนทาสตอบว่า
“หญิงสาวที่เข้าร่วมโรงละครกรงพิราบเก่าของเรา เริ่มต้นจากการแสดงเป็นตัวรอง ฝีมือการแสดงดีขึ้นตามลำดับ จนสุดท้ายก็ออกไปในฐานะนางเอก… กลุ่มนี้คงเป็นสมาชิกหลักของสมาคมเสียวซ่านทั้งหมด”
“การก่อตั้งโรงละครกรงพิราบเก่าเอง ก็เพื่อให้พวกเธอมีเวทีแสดงที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ช่วยให้พวกเธอสนองตอบตัณหาในใจได้ จนกระทั่งสามารถควบคุมได้เบื้องต้น”
“ทำไมถึงต้องแสดงด้วยล่ะ” ลูเมี่ยนนึกถึงท่าทางต่างๆ ของลุนทาส
ลุนทาสดิ้นรนตอบ
“พรที่พวกเราได้รับเทียบเท่าลำดับ 7 มีชื่อว่า ‘นักแสดง’”
“สามารถทำให้เป้าหมายกระหายความสนใจ อยากจะแสดงออก กระตุ้นความปรารถนาในการแสดงออก และความปรารถนาในการแสดง ที่ซ่อนอยู่ในตัวทุกคน หากยังควบคุมพลังของพรได้ไม่สมบูรณ์ ความรู้สึกเหล่านี้จะไม่สามารถกดเอาไว้ได้เลย จำเป็นต้องมีเวทีเพื่อแสดงอย่างเป็นทางการ จึงจะสนองแรงกระหายได้โดยไม่ทำให้ใครสงสัย”
“เสียงปรบมือของผู้ชมแต่ละครั้ง คือการยอมรับในตัวพวกเรา”
เป็นลำดับที่ประหลาดแท้… เมื่อสักครู่เราไม่ได้โจมตีลุนทาสทันที แต่กลับเลือกที่จะเผชิญหน้า ทั้งยังไม่ได้ใช้กริชเงินพิธีกรรมกดแรงกระหายอันพลุ่งพล่าน เพราะถูกกระตุ้นให้เกิดความอยากแสดงโดยไม่รู้ตัว… ลูเมี่ยนหยั่งรู้อย่างกระจ่าง
ฟรังก้าปรบมือเบาๆ พลางพูดว่า
“อ้อ… อย่างนี้นี่เอง…”
“ถึงว่าวันนี้ฉันชอบแสดงเป็นพิเศษ!”
เธอถามยิ้มๆ
“ความสามารถในการปลอมตัวเป็นเอฟฟ์และชาร์ลของแก ก็มาจาก ‘นักแสดง’ ด้วยหรือ”
ใบหน้าของลุนทาสผงกศีรษะเล็กน้อย
“พวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพกล้ามเนื้อ ผิวหนัง และกระดูกได้ในระดับหนึ่ง มีความสามารถทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการปลอมตัว รวมถึงเทคนิคการแต่งหน้าและการทำอุปกรณ์ประกอบฉาก ในขณะเดียวกัน ‘นักแสดง’ ยังมีความสามารถในการ ‘เลียนแบบ’ ด้วย แสดงเป็นอะไรก็เหมือนอย่างนั้น แสดงเป็นคนธรรมดา แม้แต่กายดาราก็จะกลายเป็นธรรมดาไปด้วย แสดงเป็นทหาร ก็จะเชี่ยวชาญการต่อสู้และการยิง”
“แสดงเป็นผู้หญิงล่ะ”
“แสดงเป็นผู้วิเศษล่ะ”
ฟรังก้าและลูเมี่ยนต่างถามคำถามของตัวเอง
ในที่สุดทั้งสองก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดเอฟฟ์ปลอมถึงหลอกผู้วิเศษทางการได้ และเข้าใจแล้วว่า เหตุใดฝีมือการแสดงของนักแสดงในโรงละครกรงพิราบเก่า ถึงยอดเยี่ยมขนาดนั้น
ได้แสดงกับ ‘นักแสดง’ ตัวจริงทุกวัน ไม่เก่งขึ้นให้มันรู้ไป!
วิญญาณของลุนทาสพูดด้วยเสียงล่องลอย
“การแสดงเป็นผู้หญิงต้องเตรียมอุปกรณ์ประกอบฉากล่วงหน้า เช่นอกปลอม ผมยาวปลอม…”
“ตอนที่แสดงเป็นผู้วิเศษเส้นทางอื่น ในกรณีที่ฉันมีเวลาสังเกตล่วงหน้า ก็สามารถใช้พลังที่สอดคล้องกันได้ แต่ผลก็ไม่มากไปกว่ามายากล… ในกรณีที่ผู้วิเศษรายนั้นปล่อยให้ฉันสังเกตและเรียนรู้อย่างจริงจังนานนับเดือน ฉันก็สามารถแสดงพลังที่คล้ายคลึงกัน แต่เบาลงพอสมควรได้”
ฟังดูเก่งพอตัว… ลูเมี่ยนอุทานแล้วถามเสียงเข้ม
“ก่อนหน้านี้ ในตอนที่บรรยากาศรอบตัวแกกลายเป็นสูงส่ง แกแสดงเป็นใคร?”
“ซูซานน่าเมื่อครั้งประกอบพิธีมอบพร ขณะเชื่อมต่อกับพลังของแท่นบูชา” ลุนทาสแสดงท่าทีศรัทธาและเกรงขามออกมาให้เห็น
ฟรังก้าและลูเมี่ยนสบตากันอีกครั้ง ต่างคนต่างโล่งใจที่ล้มเลิกแผนกวาดล้างศัตรูที่แท่นบูชา
จากคำตอบของลุนทาส เมื่อซูซานน่ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับแท่นบูชา เธอสามารถแสดงสถานะครึ่งเทพได้ด้วย!
ลุนทาสส่ายหน้า
“ไม่มีแล้ว”
“แต่ไมป์·ไมเออร์เคยเตือนฉันว่า อย่าหมกมุ่นอยู่กับบทบาทที่ตัวเองแสดง”
ในที่สุดลูเมี่ยนก็มีโอกาสถาม
“ลำดับอื่นบนเส้นทางเดียวกับ ‘นักแสดง’ ชื่ออะไรบ้าง”
เสียงของลุนทาสฟังดูระทึกขวัญอย่างชัดเจน
“ลำดับ 9 ‘คนตระหนี่’ ลำดับ 8 ‘ผู้เสพติดสังวาส’ ลำดับ 6 ‘ผู้ถือเกียรติ’ ลำดับ 5 ‘กามเทพน้อย’ ที่สูงกว่านั้น ฉันไม่ทราบ”
เหมาะดีแท้… ลูเมี่ยนที่รู้ความสามารถของ ‘คนตระหนี่’ และ ‘ผู้เสพติดสังวาส’ อย่างละเอียด ถามต่อไปว่า
“ผู้ถือเกียรติ หมายถึงอะไร”
“ปรารถนาความสำเร็จ ปรารถนาการยอมรับจากชนชั้นสูงหรือมวลชน” ลุนทาสอธิบายรวบรัด
ฟรังก้าถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ในแต่ละลำดับ พวกแกดูท่าจะควบคุมแรงกระหายที่สอดคล้องกันไม่ได้เลย ไม่ใช่ว่าพอถึงลำดับ 5 จะเห็นทุกสิ่งในสายตาเป็นแรงกระหายไปหมดหรือไง?”
“ท้ายที่สุดแล้ว ทุกลำดับสามารถควบคุมแรงกระหายที่สอดคล้องกันได้… ในกรณีของ ‘นักแสดง’ สิ่งสำคัญที่สุดการแสดง แรงกระหายต่อวัตถุและเพศตรงข้าม แค่รุนแรงกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น จะไม่แสดงออกเหมือนคนโรคจิต ควบคุมไม่ได้อย่างสิ้นเชิง” ลุนทาสตอบคำถามฟรังก้าโดยยึดจากตัวเอง
ลูเมี่ยนสงสัยในทันที
“แล้วทำไมตอนที่แกแสดงเป็นมิสเตอร์เอฟฟ์ ถึงยังตระหนี่ขนาดนั้นอยู่ล่ะ”
เลือกที่จะเก็บเหรียญทองที่ไม่รู้ที่มา
ลุนทาสตอบราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติ
“เพราะเอฟฟ์ตัวจริงเป็นแบบนั้นไง แสดงเป็นใครก็ต้องเหมือนคนนั้น”
…………………………………………………….