ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 206 สื่อสาร
ตอนที่ 206 สื่อสาร
ลูเมี่ยนคิดว่าการให้ฟรังก้าเข้ามาถอดเสื้อผ้า จะน่าปวดหัวเกินไป เด็กหนุ่มจ้องลูอิส·ลุนด์ซึ่งเหลือเพียงเสื้อลินินและกางเกงขาสั้นสีขาว แล้วเสนออย่างจริงใจ
“ฉันจะให้พวกพ้องคืนเงินในเสื้อผ้านาย จากนั้นนายก็ออกไปทั้งอย่างนี้ ออกจากถนนเส้นนี้ไป หาร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูป บอกว่านายเจอโจรวิตถาร ถ้าเป็นชาวทรีอาร์ต้องยอมเข้าใจแน่”
สีหน้าของลูอิส·ลุนด์เหม่อลอยไปวินาทีหนึ่ง แล้วชี้ไปยังใต้เบาะลูเมี่ยน
“ฉันมีเสื้อผ้าสำรอง”
ลูเมี่ยนก้มลงไป ดึงชุดสูทสีดำพร้อมกั๊กและผ้าเนกไทออกมา
ดูเหมือนจะเป็นชุดพ่อบ้านที่ลูอิส·ลุนด์ใส่ประจำ
“รถม้าคันนี้เป็นของนายจริงหรือ?” ลูเมี่ยนถามอย่างสงสัย พลางโยนชุดสูทให้ลูอิส·ลุนด์
“ทั้งเสื้อผ้าและรถม้า ฉันเช่ามา” ลูอิส·ลุนด์รีบใส่กางเกง
ลูเมี่ยนนั่งรออยู่ที่เดิม จนกระทั่งอีกฝ่ายแต่งตัวเสร็จ จึงตะโกนออกไปข้างนอกให้ฟรังก้าจอดรถม้าริมทาง
เด็กหนุ่มเปิดประตู หันหลังครึ่งท่า โบกมือให้ลูอิส·ลุนด์
“หวังว่าจะได้พบกันอีก”
ไม่อย่างนั้น ฉันจะไปที่ถนนสก็อตบรูมในเขตนอร์ด ตามหาพวกนาย หรือถ้าย้ายหนีไปแล้ว ก็จะตามหาต่อไปอย่างไม่ลดละ ไม่ปล่อยให้พวกนายได้พักผ่อนแม้แต่วันเดียว
หากมิใช่เพราะหวั่นเกรงพลังวิเศษและลำดับของคุณนายปัวริส รวมถึงอยากพูดคุยกับเธออย่างเป็นมิตร ลูเมี่ยนคงสะกดรอยตามลูอิส·ลุนด์จนกว่าจะรู้ที่อยู่ของเธอ
ฟรังก้าวางหมวกลงขี้ผึ้งและแส้ม้าไว้ในตำแหน่งคนขับ หยิบเสื้อคลุมสีดำที่วางไว้ด้านข้างมาสวมทับ จากนั้นดึงฮู้ดขึ้น กระโดดเข้าไปในเงามืดข้างทาง
หลังจากลูอิส·ลุนด์ขับรถม้าออกจากถนนปัจจุบัน หญิงสาวจึงเผยตัวจากเงามืด เดินเข้าใกล้ลูเมี่ยน มองไปยังทิศทางของรถม้าพลางกล่าว
“ไม่ตามไปหรือ”
“ไม่จำเป็น ตอนนี้ยังไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เป็นศัตรูกัน” ลูเมี่ยนละสายตากลับมา เดินไปทางตลาดคนซื่อ
ฟรังก้ายิ้มแล้วตามไป
“คุณไม่กลัวหรือ ว่าคุณนายปัวริสจะปฏิเสธการพบคุณ แล้วย้ายออกไปในคืนนี้เลย”
ลูเมี่ยนและลูอิส·ลุนด์ไม่คิดจะลดเสียงระหว่างการสนทนา ‘นักลอบสังหาร’ ผู้มีหูไวตาคม ย่อมได้ยินบทสนทนาไปมาก แม้ว่าเธอจะไม่มีความรู้เบื้องต้นสำหรับทำความเข้าใจรายละเอียดของหมู่บ้านกอร์ตู แต่ก็ได้รับข้อมูลอันเข้มข้นในหัวข้ออื่น
อย่างเช่น ลูเมี่ยนอยากนัดเจอคุณนายปัวริส อย่างเช่น ถ้าเส้นทางของเทพมารบางองค์มาถึงลำดับ 5 จะกลายเป็น ‘แบนชี’ …
ลูเมี่ยนหายใจยาวสองครั้งเพื่อปรับอารมณ์ที่สั่นคลอนให้สงบ แล้วจึงพูด
“ผมแค่คิดว่า การแสดงความเป็นมิตร อาจช่วยให้ได้พบคุณนายปัวริสมากกว่าการสะกดรอยลูอิส·ลุนด์”
“เธอคงทราบเป็นอย่างดี ว่าผมเล็งแก้แค้นใคร และเธอเองก็ถูกหลวงพ่อทำลายปราสาท ถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านกอร์ตูมาเหมือนกัน ผมไม่เชื่อว่าเธอจะไม่มีความบาดหมางกับอีกฝ่ายเลย”
“หึๆ … ผมอาจจะฆ่าหัวหน้าแก๊งหนามพิษไปสองคน เทกาแฟใส่ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ แต่อีกฝ่ายไม่ทราบว่าลูเมี่ยน·ลีเป็นคนทำ ความเกลียดชังที่มีต่อชาร์ล กับการพบลูเมี่ยน·ลี สองสิ่งนี้ไม่ได้ขัดแย้งกัน”
ฟรังก้าอดหัวเราะไม่ได้
“ก็จริง… ถ้าพวกนั้นจะแก้แค้นชาร์ล แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณลูเมี่ยน?”
เธอรีบพูดกับตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“คุณนายปัวริสกับแก๊งหนามพิษมีความสัมพันธ์กันยังไง? เส้นทางที่มี ‘แบนชี’ มาจากเทพมารองค์ไหน? ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ ‘หัวล้าน’ ฮาร์มันและ ‘เชิงเทียนขาสั้น’ คาสตินาต่างก็อยู่ในเส้นทางนี้หรือ? เป็น ‘เจ้าวิชามาร’ หนึ่งคนกับ ‘คนสวน’ สองคน?”
หญิงสาวนำสิ่งที่ได้ฟัง มาผนวกกับข้อมูลของแก๊งหนามพิษ แล้วลองคาดเดา
ลูเมี่ยนไม่ได้ปิดบัง
“ผู้อยู่เบื้องหลังแก๊งหนามพิษถูกเรียกว่า ‘คุณนายจันทรา’ แต่ดูเหมือนว่าเมื่อไม่นานมานี้ เธอจะได้เลื่อนขั้นไปอีก… ‘คุณนายจันทรา’ กับ ‘คุณนายราตรี’ ที่เป็นตัวแทนของปัวริส ต่างก็สังกัดองค์กรลับที่เรียกว่า ‘ชุมนุมท่องราตรี’ พวกเธอศรัทธาต่อองค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนจะมีพระนามแบบไหน ผมไม่ทราบ และไม่กล้าทราบด้วย”
หากองค์ซ่อนเร้นที่มีนามว่า ‘ชะตากรรม’ สามารถทำให้ผู้คนถูกปนเปื้อนได้แค่เพียง ‘รู้จักพระนามเต็ม’ มารดาผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่า น่ากลัวยิ่งกว่า ซึ่งยังหยั่งรากลึกในหมูบ้านกอร์ตูมานาน ก็คงทำได้เช่นเดียวกัน
ลูเมี่ยนสงสัยว่า หากตนรู้จักพระนามเต็มของมารดาผู้ยิ่งใหญ่องค์นั้น ก็คงจะ ไม่สิ คงได้ตั้งท้องในทันที
ฟรังก้าเห็นพ้องด้วย
“ถูกต้องเลย สิ่งที่ไม่ควรรู้ ก็อย่าดื้อรั้นจะรู้เลย”
“เคยมีคนของสมาคมวิจัยของพวกเรา ชอบสำรวจความลับ ชอบรวบรวมความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับ แต่หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย”
ฟรังก้าเปลี่ยนหัวข้อไปคุยเรื่องพลังของ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์และพวกที่เหลืออย่างลื่นไหล ลูเมี่ยนอธิบายละเอียดยิบ อย่างไรเสีย หลังจากนี้เขายังต้องพึ่งพามาดาม ‘ดาบซ่อนแขน’ ผู้นี้เพื่อต่อต้านคนของแก๊งหนามพิษ
เมื่อได้ยินลูเมี่ยนคาดเดาว่า หนึ่งในพลังของ ‘ผู้หว่านเมล็ด’ คือการทำให้ผู้อื่นตั้งครรภ์ ฟรังก้าพลันอิจฉาตาร้อนขึ้นมา กระตือรือร้นอยากลองทันที
“ถ้าการ์ดเนอร์ตั้งครรภ์ มันต้องสนุกแน่ๆ …”
“มาดาม ความคิดของคุณอันตรายมากเลยนะ ผมล่ะเป็นห่วงจังว่าในสักวันหนึ่ง ชีวิตของคุณอาจไม่ยืนยาว… ลองดูไหมล่ะ? ยอมศรัทธามารดาผู้ยิ่งใหญ่องค์นั้น อ้อนวอนขอ ‘พร’ จากพระองค์ให้มอบพลังของ ‘ผู้หว่านเมล็ด’ มาให้” ลูเมี่ยนแนะนำด้วยน้ำเสียงแดกดัน
‘นางมาร’ ผนวกกับ ‘ผู้หว่านเมล็ด’ คือส่วนผสมแห่งความฉิบหายวายป่วง ทรีอาร์ได้ลุกเป็นไฟแน่
ฟรังก้าชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูด
“ฉันดื่มโอสถแล้วน่ะสิ กลายเป็นผู้วิเศษแล้ว คงรับพรไม่ได้แล้วกระมัง…”
เธอไม่รู้สินะ? งั้นก็ดี! ลูเมี่ยนตอบด้วยสีหน้าจริงใจ
“คงไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วง ฉันค่อนข้างรอบรู้ในศาสตร์เร้นลับ ทราบว่าเทพมารพวกนี้ล้วนมีเจตนาไม่ดี” ฟรังก้าถอนหายใจเบาบาง พลางอวดตัวเอง
เธอมองไปทางตลาดคนซื่อที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
“ตอนที่ฉันไปซุ่มดูลูอิส·ลุนด์ช่วงบ่าย เจอผู้ชายดวงซวยคนหนึ่งด้วย”
ดวงซวย? ลูเมี่ยนฉุกคิดบางอย่าง จึงพูดพลางย้อนรำลึก
“เขาตัวผอม ผมทองตาฟ้า อายุห้าสิบกว่าใช่ไหม”
“คุณรู้ได้ยังไง” ฟรังก้าค่อนข้างทึ่ง “ขณะหมอนั่นกำลังเดินริมถนน แจกันดอกไม้ก็ตกจากระเบียงด้านบน พุ่งดิ่งลงมายังกลางกบาล แต่เขาตอบสนองเร็วมาก รีบหลบไปทางขอบถนน ผลคือสะดุดกับขอบท่อระบายน้ำจนเสียหลัก จังหวะเดียวกับที่รถม้าสาธารณะแล่นมาพอดี เตรียมจะชนเข้าอย่างจัง… เขาน่ะ… หึๆ … ต้องเป็นผู้วิเศษแน่นอน ในสถานการณ์แบบนั้นดันใช้ท่วงท่าสุดพิสดารหลบพ้นได้อีก… ผลเป็นไงรู้ไหม? หมอนั่นชนกับเสาไฟถนน เลือดกำเดาไหลเลยล่ะ”
ฟรังก้าเล่าเรื่องขำขันที่เธอพบเจอในช่วงบ่าย จากนั้นก็มองลูเมี่ยน รอคอยการตอบสนองจากอีกฝ่าย
เด็กหนุ่มคิดอยู่สักพักแล้วจึงพูด
“เขาน่าจะเป็นมิสเตอร์เอฟฟ์ เจ้าของโรงแรมระกาทอง… เป็นพวกเดียวกับไอ้วิตถารเฮิดซ์ที่จู่โจมจินนา”
“ผมสงสัยว่าเขาเป็นผู้วิเศษ คราวก่อนจึงลองแจ้งความผิดปกติผ่านคนอื่นไปถึงศาสนจักร ‘สุริยันเจิดจรัส’ แต่พวกเขากลับตรวจไม่พบปัญหา… ไม่นานมานี้ผมเพิ่งได้ ‘ยันต์เคราะห์ร้าย’ มา ก็เลยหาโอกาสใช้มันเพื่อเล่นงานเขา อยากให้พบเจอคราวซวยอย่างต่อเนื่อง เผื่อว่าจะเผยความไม่ปกติของตัวเองต่อหน้าทางการบ้าง”
“น่าเสียดายที่ไม่มีผู้วิเศษคอยจับตามองเขาในเหตุการณ์ที่คุณได้เห็น”
แต่ตามดวงชะตาของขอทานคนนั้น มิสเตอร์เอฟฟ์น่าจะโชคร้ายไปอีกสองสามวัน
ฟรังก้าพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ใช่… ดูยังไงก็เป็นผู้วิเศษไม่ผิดแน่”
“ที่แท้ก็เป็นพวกที่รังแกจินนา… คุณเนี่ยนะ ทำไมไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้! จะได้หาคนช่วย คอยชักนำให้ทางการหันมาสนใจไอ้เอฟฟ์นี่มากขึ้น!”
นึกถึงพวกคนในกระจกที่ถูกกวาดล้าง ลูเมี่ยนเลือกพูดประเด็นสำคัญเกี่ยวกับวิตถารเฮิดซ์ มิสเตอร์เอฟฟ์ ซูซานน่า·มาติส และกรงพิราบเก่า
“พลังของเส้นทางพวกนี้น่าตื่นเต้นชะมัด…” ฟรังก้าอดไม่ได้ที่จะอุทาน “ตอนที่ฉันเพิ่งเริ่มเข้าถึงศาสตร์เร้นลับ ทุกคนเอาแต่บอกว่า เส้นทางสู่การเป็นเทพมีเพียงยี่สิบสองสายเท่านั้น แต่ในช่วงสองสามปีมานี้ กลับมีลำดับประหลาดโผล่ออกมาเป็นระยะ เทพมารไม่ได้ถูกนับรวมอยู่ในเส้นทางสู่การเป็นเทพหรือไง?”
ฟรังก้าเว้นวรรคสักครู่ แล้วพูดกับลูเมี่ยนต่อ
“ฉันจะอาศัยช่องทางตัวเองส่งเรื่องนี้ไปให้ทางการ แต่เราเองก็ต้องห้ามประมาท อย่าเผอเรอ คอยระวังตัวไว้ตลอด ระวังเหตุไม่คาดฝันด้วย อา… เมื่อถึงตอนนั้น บางทีเราอาจต้องร่วมมือกันเพื่อทำอะไรสักอย่าง ไว้มีอะไรคืบหน้า ฉันจะบอกคุณอีกที…”
“รู้จักขอความช่วยเหลือจากฉันได้สักทีนะ ไม่ต้องอายหรอก ถ้าฉันเจอปัญหา ก็จะไปหาคุณเหมือนกัน”
“ครับ” ลูเมี่ยนพยักหน้าเบาๆ
…………
หลังจากลาฟรังก้าแล้ว เด็กหนุ่มก็กลับโรงแรมระกาทอง
อยู่ในห้อง 207 เขาไม่ลืมปัญหาเกี่ยวกับเทอร์มีโพลอส จึงหยิบสมุดจดออกมาดูแวบหนึ่ง แล้วเริ่มเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยน
ในจดหมาย ลูเมี่ยนพูดถึงสองประเด็นหลัก หนึ่งคือ หลังจากได้รับพร ‘ภิกษุบิณฑบาต’ มาแล้ว เทอร์มีโพลอสพยายามล่อลวงตนพร้อมกับสร้างอิทธิพล สองคือ ตนได้รับความช่วยเหลือจากนักจิตบำบัดแล้ว สามารถเอาตัวรอดจากการเผลอคิดถึง ‘พระนามเต็ม’ ระหว่างใช้ชีวิตประจำวันได้แล้ว
เนื่องจากมิสเตอร์เอฟฟ์จ้างแม่บ้านทำความสะอาดประจำ ตัวเรือดในโรงแรมจึงลดลงไปมาก ลูเมี่ยนทำความสะอาดเสร็จในเวลาอันสั้น จัดวางแท่นบูชา แล้วจึงอัญเชิญผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ ผมทองออกมา
ผู้ส่งสารมองไปรอบตัว ดูพึงพอใจกับลูเมี่ยนที่ทำตามคำแนะนำของตน ในการเปลี่ยนสถานที่อัญเชิญ
ราวครึ่งชั่วโมงถัดมา เธอปรากฏตัวที่ห้อง 207 วางจดหมายตอบกลับไว้บนโต๊ะไม้ แล้วเงยคางเล็กน้อย บอกกับลูเมี่ยนว่า
“เจ้าควรขอบคุณข้านะ ข้าช่วยเตือนมาดามเมจิกเชี่ยนให้ เน้นย้ำให้นางอ่านจดหมายของเจ้าก่อน”
“ขอบคุณครับ” ลูเมี่ยนรู้สึกมึนงงชั่วขณะ จึงตอบสนองโดยอัตโนมัติ
จนกระทั่งผู้ส่งสารจากไปแล้ว เด็กหนุ่มจึงได้สติ หยิบจดหมายตอบกลับที่พับเป็นรูปสี่เหลี่ยมขึ้นมาแล้วคลี่อ่าน
“ดีใจที่ได้ยินว่าการรักษาผ่านไปด้วยดี สิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงคือ องค์ดังกล่าวถึงกับส่งเทวทูตลงมา ช่างทุ่มทุนเสียจริง”
“ช่วงไม่กี่ปีมานี้ การแทรกซึมของเทพมารเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก แต่ก็มีขีดจำกัดของเพดานพลัง ยิ่งเป็นระดับเทวทูตยิ่งมีน้อยนิด ถึงขนาดนับหมดด้วยมือข้างเดียว ในจำนวนดังกล่าว สามกรณีถูกทำลายกลางคัน ก่อให้เกิดการปนเปื้อนกระหย่อมเล็กเท่านั้น หนึ่งกรณีถึงแม้จะสำเร็จ แต่ก็ถูกเทพบางองค์จับได้และเก็บกวาดไปแล้ว”
“หรือกล่าวได้ว่า บนโลกนี้ที่โชคร้ายเหมือนเธอ ไม่มีใครอีกแล้ว มีเพียงเธอเท่านั้น”
…………………………………………………….