ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 203 ประสานงาน
ตอนที่ 203 ประสานงาน
ลูเมี่ยนหลบกลับไปยังจุดรวมตัวของคนเร่ร่อน รอคอยลูอิส·ลุนด์ออกมาอย่างอดทน
ไม่นานนัก นักค้าข่าวอ็องโตนี·รีดก็เปลี่ยนชุดแล้วเดินย้อนกลับมา ดูแล้วคงคิดจะทำตามสัญญา หาโอกาสติดตามลูอิส·ลุนด์
ครั้งนี้ อีกฝ่ายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอมเหลือง คู่กับเสื้อนอกสุภาพสีน้ำตาล ไม่ผูกเนกไท สวมหมวกกลม ดูเหมือนพนักงานตำแหน่งเล็กๆ ที่เพิ่งเลิกงาน
หากมิใช่เพราะจดจำรูปร่าง บุคลิก ท่วงท่าการเดินได้ในระดับหนึ่ง ลูเมี่ยนเกือบจะจำเขาไม่ได้
ครุ่นคิดสักครู่ ลูเมี่ยนก็เดินออกจากช่องว่างระหว่างตึก มุ่งหน้าไปหาอ็องโตนี·รีด
การ ‘แปลงโฉม’ เด็กหนุ่ม ถูกถอดออกตั้งแต่พ้นร้านกาแฟวาลเลียแล้ว ตอนนี้แค่สวมแว่นกรอบดำไร้เลนส์ และหมวกปีกกว้างสีน้ำตาลเท่านั้น คนที่คุ้นเคยสักหน่อยจะมองออกได้ไม่ยาก
เมื่อรับรู้ได้ว่า อ็องโตนี·รีดมองตนด้วยสายตาเปลี่ยนไป ลูเมี่ยนจึงพูดเสียงค่อยขณะทั้งสองใกล้จะเดินสวนแบบบ่าชนบ่า
“ผมกลับมาแล้ว คุณไปรอที่ประตูหลังได้เลย”
ถึงแม้ ‘ศาสตร์การดูดวง’ จะทำนายว่า ตนจะได้พบกับลูอิส·ลุนด์ที่ถนนใหญ่ตลาด แต่ก็ต้องป้องกันเหตุไม่คาดฝันไว้ด้วย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ‘ยาผีบอก’ มาจากพิธีกรรมที่ลูเมี่ยนตอบสนองตัวเอง ผลลัพธ์คงไม่ค่อยดีนัก เนื้อหาการทำนายอาจมีข้อบกพร่องพอสมควร อีกส่วนหนึ่งก็คือ ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ‘คำทำนาย’ ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดขึ้นจริงในรูปแบบใด บางทีอาจจะต่างจากที่จินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง
อ็องโตนี·รีดถอนสายตากลับ พยักหน้ารับเล็กน้อย เป็นนัยว่าเข้าใจแล้ว
เด็กหนุ่มเดินตรงไปข้างหน้า ผ่านบ้านของโรเจอร์ มุ่งหน้าไปอีกไกล จนกระทั่งเลี้ยวเข้าตรอกหนึ่ง
ลูเมี่ยนไม่ได้หันกลับในทันที ยังคงเดินต่อไปภายใต้แสงจากเสาไฟ
เพียงมาถึงจุดที่มืดยิ่งกว่าเดิม ก็เห็นบุคคลหนึ่งเดินออกจากเงามืดใต้เสาไฟสีดำเหล็กที่ชำรุด ใกล้กับปากตรอกตรงหน้า
อีกฝ่ายตัวสูงโปร่ง สวมเสื้อคลุมยาวสีดำพอดีตัว สวมฮู้ดปิดบังใบหน้าเกือบทั้งหมด โบกมือใส่ลูเมี่ยนเล็กน้อย
ฟรังก้า? เด็กหนุ่มเดาได้ในทันที รีบเดินเข้าไปใกล้
และไม่ผิดจากที่คิด บุคคลที่แต่งตัวพิสดารโดดเด่น ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘บูตแดง’ ฟรังก้า
“แต่งตัวแบบนี้ ไม่กลัวถูกใครจำได้หรือไง” ลูเมี่ยนอดตั้งคำถามไม่ได้
แม้ชาวทรีอาร์จะมีภูมิคุ้มกันต่อเครื่องแต่งกายแปลกประหลาด ซ้ำยังชอบตามกระแส แต่แม่คุณกำลังซุ่มรอเป้าหมายอยู่มิใช่หรือ? แต่งตัวมาแบบนี้ อย่าว่าแต่ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์กับพวกแก๊งหนามพิษเลย กระทั่งคนงานที่เดินผ่านไปผ่านมา ก็ยังเหลียวกลับมามองคนละสองสามที!
ฟรังก้าหัวเราะอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“คุณไม่เข้าใจหรอก แบบนี้เรียกว่าแต่งเอาเคล็ดยังไงล่ะ!”
“พี่สาวไม่เคยสอนหรือ?”
ไอ้เคยมันก็เคย แต่ไม่ได้บอกว่านำมาใช้กับสถานการณ์แบบนี้ได้ด้วย… ลูเมี่ยนยังไม่ทันได้พูดออกมา ก็เห็นฟรังก้าโบกมือ
“ไม่ต้องห่วง ไม่ถูกจับได้หรอก”
ระหว่างที่พูดก็ถอยหลังหนึ่งก้าว ทันใดนั้น เหมือนว่าทั้งร่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับเงาดำ อันตรธานหายไปจากทัศนวิสัยของลูเมี่ยนทันที
ถ้ามีพลังแบบนี้ จะแต่งแบบไหนก็เอาเถอะ… เป็นอีกครั้งที่ลูเมี่ยนอิจฉาเส้นทางของ ‘นักลอบสังหาร’
ถ้าไม่ติดว่าเมื่อถึงลำดับ 7 แล้วต้องเปลี่ยนเพศ เขาคงคิดว่าเส้นทางนี้เหมาะกับตัวเองมากกว่าเส้นทาง ‘นักล่า’
ฟรังก้าเดินออกจากเงามืดอีกครั้ง ชี้ไปยัง 126 ถนนใหญ่ตลาดที่อยู่ไกลออกไป
“เมื่อสักครู่ คนขับรถม้านั่นคงจะเป็นลูอิส·ลุนด์ที่คุณตามหาจริงๆ … ไว้เราค่อยคุยกัน เดี๋ยวฉันจะไปสะกดรอยตามเหยื่อให้…”
“ถึงนักล่าจะมีจมูกเหมือนหมา มีตาเหมือนนก เก่งกาจการตามรอยอย่างยิ่ง แต่พวกคุณไม่ถนัดซ่อนตัว ถ้าตามไกลเกินไป เป้าหมายอาจคลาดสายตา แต่ถ้าเข้าใกล้เกินก็อาจถูกจับได้ ปล่อยให้ฉันจัดการดีกว่า วิธีนี้ปลอดภัยที่สุดแล้ว…”
“อย่าลืมสิ ลูอิส·ลุนด์ก็เป็นผู้วิเศษ ซ้ำยังเป็นสาวกเทพมาร คงมีพลังวิเศษแปลกๆ ไม่มากก็น้อย”
ลูเมี่ยนเลิกดื้อดึง ไม่ตอบปฏิเสธ เพียงพยักหน้าขานรับ
“ครับ”
ตอนนี้เขาไม่มีโอกาสนำกลิ่นแปลกๆ ไปป้ายลูอิส·ลุนด์ ซ้ำยังใกล้มืดค่ำ บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนและรถม้า ร่องรอยทั้งหลายปะปนกันมั่วซั่ว หากตนสะกดรอยตามเป้าหมายห่างยี่สิบสามสิบเมตร แค่พลาดนิดเดียวก็อาจทำให้คลาดสายตาได้
ริมฝีปากสีแดงอมชมพูของฟรังก้าที่ไม่ถูกเงาของฮู้ดบดบัง ยกโค้งเป็นรอยยิ้ม เอ่ยด้วยน้ำเสียงมีความสุขว่า
“หมอบำบัดจิตของคุณเก่งจริงๆ ได้ผลทันตาเห็น…”
“ผู้ชายน่ะต้องใจกว้างสักหน่อย อย่าหยุมหยิมนักเลย”
เธอพูดไปพลาง ตบอกตัวเองไปพลาง
จากนั้น ฟรังก้าหยิบขวดแก้วใบเล็กออกมาถือ
ผิวขวดถูกบากให้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กจิ๋ว สะท้อนแสงจากโคมไฟถนนที่ใกล้ที่สุด ส่องประกายสีสันหลอนตา
“สมัยก่อน ตอนที่ฉันยังเป็นผู้ชายอยู่ เคยคิดว่าขวดน้ำหอมพวกนี้ออกแบบได้สวยดี แต่ก็อายที่จะซื้อ อายที่จะพกติดตัว มาตอนนี้ไม่ต้องกังวลกับเรื่องพรรค์นั้นแล้ว… ในบางครั้ง การเปลี่ยนเพศก็ช่วยเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ได้เหมือนกัน” ฟรังก้าเล่าด้วยสีหน้าซับซ้อน
ประตูสู่โลกใบใหม่ที่ว่า หมายถึงการมีอะไรกับผู้ชายด้วยใช่ไหม? ถ้าไม่ติดว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อขณะตามรอยลูอิส·ลุนด์ ลูเมี่ยนคงจะพูดแบบนั้นออกไป
ฟรังก้าเปิดฝา ยื่นขวดแก้วใบเล็กมาใกล้จมูกลูเมี่ยน
“จำกลิ่นนี้ให้ดี”
กลิ่นน้ำหอมให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นธรรมชาติ เหมือนได้เดินเล่นในป่าช่วงฤดูร้อน
“จำได้แล้ว” เด็กหนุ่มพยักหน้าเบาบาง
ฟรังก้าฉีดน้ำหอมใส่ตัวเองหนึ่งฟึด
“โน้ตเปิด โน้ตกลาง และโน้ตปิดจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ไม่มากนัก ไม่จำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจน พอได้กลิ่นก็จะรู้เอง”
“ฉันจะตามติดลูอิส·ลุนด์ห่างเพียงสามถึงสี่เมตร หมอนั่นไม่มีจมูกเหมือนหมา ย่อมต้องแยกแยะไม่ได้ว่านี่มิใช่กลิ่นของเขตตลาด”
ลูเมี่ยนเสริมด้วยท่าทางครุ่นคิด
“ให้ผมตามกลิ่นน้ำหอมของคุณในระยะสิบถึงยี่สิบเมตร?”
เป็นกลยุทธ์ที่ไม่เลวทีเดียว
“ใช่” ฟรังก้าหยิบผงเรืองแสงออกมากำหนึ่ง โปรยลงบนตัวเอง พลางท่องคำสาปเสียงต่ำ
ฟังดูเหมือนเป็นการรวมคำว่า ‘ซ่อน’ กับ ‘กาย’ ในภาษาเฮอร์มิส
แทบจะในเวลาเดียวกัน ลูเมี่ยนพบว่าร่างของฟรังก้าเริ่มเลือนหาย คล้ายภาพวาดดินสอที่ถูกยางลบถู
หากไม่นับกลิ่นหอมอ่อนละมุนที่ลอยอยู่รอบจมูก เด็กหนุ่มสูญเสียร่องรอยของ ‘แม่มด’ รายนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
เป็นอีกครั้งที่ลูเมี่ยนอิจฉาพลังของเส้นทาง ‘นางมาร’ ในช่วงลำดับกลางและต่ำ
วินาทีถัดมา เด็กหนุ่มพบว่าต้นตอของกลิ่นหอมกำลังห่างออกไป เข้าใกล้ตึกสามชั้นที่มีสวน — บ้านเลขที่ 126 ถนนใหญ่ตลาด
ลูเมี่ยนตามกลิ่นไป จนมาถึงเงามืดในจุดหนึ่ง จึงแนบหลังเข้ากับผนัง
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ลูอิส·ลุนด์ที่สวมเสื้อกั๊กสีแดง เครื่องแบบสีน้ำเงิน ผูกเนกไทสีขาว สวมหมวกลงขี้ผึ้ง เดินออกจากบ้านพร้อมกับกล่องไม้ในมือ โดยมี ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ที่สวมชุดทางการ ผมสีดำหวีเรียบไปด้านหลัง เดินออกมาพร้อมกัน
คนหนึ่งนั่งตำแหน่งคนขับ อีกคนเข้าไปในห้องโดยสาร
ทำไม ‘แมงป่องดำ’ ถึงตามมาด้วย? หมอนั่นคิดจะไปพบคุณนายปัวริสด้วยตัวเอง? ลูเมี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย
บทสรุปเช่นนี้ทำให้แผนของเขามีตัวแปรเพิ่ม
แผนการเดิมก็คือ ระหว่างที่ลูอิส·ลุนด์เดินทางกลับ ก็จะหาจังหวะที่เหมาะสมจัดการเขา ด้วยพลังของเด็กหนุ่มในตอนนี้ หากคู่ต่อสู้ไม่ทันตั้งตัว แม้อีกฝ่ายจะเป็นลำดับ 8 เหมือนกัน เขาก็สามารถเอาชนะได้ไม่ยากเย็น แถมยังมี ‘แม่มด’ ฟรังก้าคอยช่วยเหลือ
แต่ถ้านับรวม ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์เข้าไปด้วย เรื่องราวจะยิ่งยุ่งเหยิง
จากที่ ‘หมอตำแย’ แสดงให้เห็นในความฝัน ‘เจ้าวิชามาร’ มียุทธวิธีทางศาสตร์เร้นลับนับไม่ถ้วน พลังอำนาจค่อนข้างแข็งแกร่ง เทียบเท่า ‘แม่มด’ แห่งเส้นทางนักลอบสังหารเลยทีเดียว
แม้ลูเมี่ยนจะให้ฟรังก้าช่วยชะลอโรเจอร์ไว้ ส่วนตนลงมือกับลูอิส·ลุนด์ แต่การต่อสู้ของผู้วิเศษลำดับกลางและต่ำสี่คน ยากที่จะจบลงในเวลาอันสั้น ยิ่งนานก็ยิ่งกลายเป็นจุดสนใจ
“อา… ถ้าโรเจอร์ไปพบคุณนายปัวริสจริง เราก็แค่ไล่ตามต่อไป ไม่เข้าโจมตี ยังไงเป้าหมายก็มีเพียงการหาแหล่งกบดานของคุณนายปัวริส และติดต่อกับเธอ” ลูเมี่ยนรีบเปลี่ยนแผน แนวคิดใหม่ทยอยผุดในหัว
รถม้าเช่าเริ่มแล่นไปอีกฝั่งของถนนใหญ่ตลาด กลิ่นหอมสดชื่นเป็นธรรมชาติก็จางลงตามไป
ลูเมี่ยนรักษาระยะราวยี่สิบเมตร เดินเร็วๆ ผ่านเสาโคมแก๊สต้นแล้วต้นเล่า
ผ่านไปได้สักพัก เด็กหนุ่มเริ่มพบว่ากลิ่นน้ำหอมหยุดนิ่งแล้ว จึงเดินต่อไปอีกเกือบสิบเมตร ก็เห็นรถม้าเช่าคันนั้นจอดอยู่ข้างทาง โดยมี ‘แมงป่องดำ’ ถือกล่องไม้เดินลงมา
ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากตลาดคนซื่อสักเท่าไร
ไม่กี่วินาทีถัดมา ลูอิส·ลุนด์ก็ขับรถม้าเลี้ยวเข้าทางแยกสำหรับออกจากโซนแออัด ส่วนโรเจอร์เดินเข้าไปในตลาดตามลำพัง
“คุณนายปัวริสอยู่ที่ตลาดคนซื่อ? หรือ ‘แมงป่องดำ’ แค่ช่วยส่งลูอิส·ลุนด์กลับสักครึ่งทาง ป้องกันมิให้อีกฝ่ายถูกลอบโจมตี?” ลูเมี่ยนคาดเดาสาเหตุไปพลาง ก้าวเท้าไปพลาง
ช่างปะไร จับลูอิส·ลุนด์ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
ด้านหลังตลาดคนซื่อ คนเดินถนนบางตาลงมากแล้ว ใต้ผืนนภาอันมืดยามวิกาล ผ่านไปนานจึงจะพบเห็นสักหนึ่งคน
โคมไฟถนนแถวนี้พังไปหลายดวง บนถนนที่กว้างพอให้รถม้าหลายคันวิ่งสวนกันได้ ถูกคลุมความมืดทึบเป็นหย่อมๆ
ลูเมี่ยนมองไปรอบตัว ไม่ลังเลอีกแล้ว ถอดแว่นกรอบดำออก วิ่งพรวดออกไป
ไม่นานก็ไล่ทันรถม้าที่แล่นอย่างเอื่อยเฉื่อย ขณะลูอิส·ลุนด์เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ มือซ้ายเด็กหนุ่มก็ทาบลงบนตู้รถ กระโจนพรวดไปถึงตำแหน่งสารถี
ในระยะนี้ เขามองเห็นใบหน้าใต้ผมดำตาน้ำเงินได้ชัดเจน
แม้อีกฝ่ายจะแปลงโฉมอยู่บ้าง แต่ลูเมี่ยนก็ยืนยันอย่างไร้ข้อกังขา ว่านี่คือลูอิส·ลุนด์ตัวจริงเสียงจริง!
ลูอิส·ลุนด์ตอบสนองว่องไวปานสายฟ้า ไม่มีเวลาจำแนกตัวจริงหรือเหตุผลของผู้บุกรุก มือซ้ายกำเชือกบังเหียนแน่น มือขวากำหมัดเหวี่ยงใส่ลูเมี่ยนที่ลอยตัวค้างอย่างไร้หลักยึด กำปั้นเสียดอากาศเป็นเส้นตรงปานกระสุนปืนใหญ่
แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาเห็นใบหน้าที่แทบไม่ได้แปลงโฉม จึงเบิกตากว้างฉับพลัน
ลูเมี่ยนไม่หลบไม่หลีก เพียงยื่นแขนขวาออกไปกันหมัดของลูอิส·ลุนด์
วินาทีที่สองอวัยวะใกล้ปะทะกัน ลูเมี่ยนรีบชักแขนขวากลับ บั่นทอนแรงไปส่วนหนึ่ง พร้อมกับสะบัดมือขวาไปข้างหน้า รัดพันรอบหมัด ข้อมือ และแขนท่อนล่างของลูอิส·ลุนด์ราวกับไร้กระดูก ส่งผลให้ร่างกายยังไม่หลุดออกจากตัวรถ แค่ถูกผลักถอยหลังเล็กน้อย
ทันใดนั้น ลูอิส·ลุนด์เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเด็กหนุ่ม
พลั่ก!
เค้าโครงของฟรังก้าปรากฏจากอีกฝั่งของเบาะสารถี ฝ่ามือที่ถูกเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ฟาดใส่กกหูของลูอิส·ลุนด์อย่างหนักหน่วง
นี่คือความสามารถของ ‘นักลอบสังหาร’ ที่จะรวมพลังไว้ในหมัดเดียว ลูอิส·ลุนด์แม้แต่จะครางยังไม่ทัน ก็สลบเหมือดไปเสียแล้ว
…………………………………………………….