ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 200 ผู้ชม
ตอนที่ 200 ผู้ชม
กาแฟหอมกรุ่นรสชาติเข้มข้นในนามของอินทิส เข้ากันได้ดีกับเค้กนุ่มฟูทาครีม แม้ใจของลูเมี่ยนจะไม่ได้อยู่กับพวกมันเลย แต่ก็ยังรับรู้ถึงความวิเศษนั้นได้
เพิ่งถึงบ่ายสามโมงครึ่งเท่านั้น เขาก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนคุ้นหูดังมาจากบูธด้านหลัง
“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ลูเมี่ยน·ลี”
“ทิวาสวัสดิ์ครับ มาดามซูซี่” ลูเมี่ยนตอบรับด้วยความฉงนใจ
แม้ตนจะมิได้จดจ่ออยู่กับการสังเกตลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้านกาแฟเมสัน แต่สัญชาตญาณของ ‘นักล่า’ ก็ช่วยให้พอจับภาพรวมของสภาพแวดล้อมได้
ตอนบ่ายสามโมงสิบแปดนาที ขณะที่เขาเดินเข้ามาในร้านกาแฟ ไม่มีใครอยู่แถวบูธ D เลย และตั้งแต่สามโมงสิบห้าถึงสามโมงครึ่ง ก็ไม่มีใครเดินเข้ามาทางประตู
แต่ตอนนี้ มาดามซูซี่กลับปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบ ณ หลังบูธ D หรือก็คือตำแหน่งด้านหลังตน!
นี่ช่างมหัศจรรย์พันลึกเพียงใด!
เสียงของซูซี่ดังขึ้นอีกครั้ง ถามอย่างอ่อนโยนว่า
“หลังการรักษาคราวก่อน รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะ”
ลูเมี่ยนไม่ปิดบัง ตอบกลับไปเรียบง่าย
“ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ อย่างน้อยก็ปลดปล่อยอารมณ์ได้แล้วครับ”
“ถือเป็นเรื่องดีนะคะ การสะสมอารมณ์ไว้ในใจตลอดเวลา การกดทับความรู้สึกตัวเองตลอดเวลา จะทำให้ปัญหาทางจิตและสภาวะสุดโต่งของคุณยิ่งทวีความรุนแรง จนกระทั่งแนวโน้มทำลายตัวเองเอาชนะสัญชาตญาณการมีชีวิตรอด” ซูซี่แสดงความเห็นด้วยน้ำเสียงสงบผ่อนคลาย ยืนยันถึงการเปลี่ยนแปลงของลูเมี่ยน
เนื้อเสียงของเธอแฝงรอยยิ้มเบาบาง
“เรามาคุยกันก่อนดีกว่า เล่าเรื่องต่างๆ ที่คุณพบเจอมาตลอดสองสัปดาห์นี้… อา… เลือกเฉพาะเรื่องที่คุณคิดว่าเล่าได้และอยากเล่า”
ลูเมี่ยนตระหนักว่านี่คือขั้นตอนปรับสภาพจิตใจ เตรียมความพร้อมสำหรับการบำบัดในภายหลัง วางรากฐานที่ดีเพื่อปลุกความทรงจำให้ได้มากที่สุด เด็กหนุ่มจึงมิได้ตั้งแง่หรือรู้สึกต่อต้าน เพียงยิ้มขื่นขมก่อนจะกล่าว
“ไม่มีอะไรที่เล่าไม่ได้หรอกครับ แม้แต่ความฝันนั่น ผมยังเปิดเผยให้คุณฟังเลย อย่างอื่นถือเป็นความลับกระจ้อยร่อย”
เขาเว้นวรรคเล็กน้อย แล้วเริ่มจากชาร์ลี
“มีไอ้หนุ่มโชคร้ายและสมองทึบคนหนึ่ง อาศัยอยู่ในโรงแรมที่ผมพัก…”
ลูเมี่ยนระลึกถึงเรื่องราวตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วบรรจงเล่าเหมือนกำลังคุยเล่น
ใจของเด็กหนุ่มผ่อนคลายลงหลายส่วน ราวกับย้อนกลับไปสมัยที่หมู่บ้านกอร์ตูยังไม่ถูกทำลาย:
โอลัวร์ที่ออกนอกบ้านไม่บ่อยนัก จะได้รับรู้เรื่องราวใหญ่น้อยที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกอร์ตูจากตน และเขาก็ยินดีแบ่งปันกับพี่สาว รวมถึงอวดวีรกรรมการแกล้งของตน
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แผ่นหลังที่เหยียดตรงลูเมี่ยน เริ่มผ่อนคลายความตึง เอนอิงพิงอยู่กับโซฟาอ่อนนุ่ม
เด็กหนุ่มมิได้เล่าละเอียดยิบ เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัด และมิได้กล่าวถึงสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก เพศกำเนิดของฟรังก้า และข้อสงสัยต่อจุดประสงค์ในการเข้าร่วมพรรคซาฟาห์ของเธอ เพียงบอกว่าได้พบเพื่อนทางจดหมายคนหนึ่งของพี่สาว อีกฝ่ายเป็น ‘แม่มด’ ลำดับ 7 แห่งเส้นทาง ‘นางมาร’ โดยเขาอยู่แก๊งเดียวกับเธอ
ในทำนองเดียวกัน ลูเมี่ยนเล่ารวบรัดว่าตนประกอบพิธีกรรม ได้รับพรเพิ่มเติม แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดเนื้อหาของพรนั้น
ซูซี่เงียบฟังเรื่องเล่าจนจบ บางคราวก็เปิดปากถามทำนอง ‘แล้วยังไงต่อคะ?’ เพื่อให้ลูเมี่ยนเล่าต่อไปอย่างลื่นไหล
เมื่อเล่าประสบการณ์ตลอดสองสัปดาห์จบ ลูเมี่ยนแดกดันตัวเอง
“ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวของผมหรือเปล่า แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ กลับได้พานพบเหตุการณ์เหนือธรรมชาติตั้งมากมาย บางคราวก็ใจไม่ไหว ต้องตัดพ้อกับตัวเองว่า เหตุใดคนและหมาในทรีอาร์ถึงได้มีพลังวิเศษกันทุกตัว”
หนนี้ซูซี่มิได้มอบคำตอบในทันที เว้นช่วงไปหลายลมหายใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแฝงยิ้ม
“ดิฉันบอกได้ ว่าสภาพจิตใจของคุณเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ดีขึ้นพอสมควรแล้วจริงๆ”
“ดูจากตรงไหนหรือครับ” จนถึงตอนนี้ ลูเมี่ยนยังไม่ได้เล่าเรื่องที่ตนเห็นมรณะประกาศของโอลัวร์ แล้วร้องไห้จนหนังสือพิมพ์เปียกปอนบนรถม้า เด็กหนุ่มไม่เชื่อว่าเรื่องราวที่ตนเพิ่งเล่าไป สามารถสะท้อนสภาพจิตใจปัจจุบันของตัวเองได้
ซูซี่อธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า:
“ดิฉันสัมผัสได้ชัดเจนว่า คุณกำลังสร้างสายสัมพันธ์ทางสังคมขึ้นมาใหม่ เริ่มมีเพื่อนบ้างแล้ว”
“เพื่อน?” ลูเมี่ยนถามกลับอย่างขำขัน “ชาร์ลี จินนา ฟรังก้า… พวกนี้จะนับเป็นเพื่อนได้อย่างไร”
แค่คนรู้จักเท่านั้นแหละ!
ซูซี่ตอบด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้ม
“เพื่อนมีหลายแบบนะคะ ไม่จำเป็นต้องสร้างมิตรภาพอย่างลึกซึ้งด้วยกันเสมอไป คุณแค่ต้องถามตัวเองสักคำ ว่าหากพวกเขาเผชิญปัญหา แล้วอยู่ในขอบเขตความสามารถของคุณ คุณเต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือระดับหนึ่งหรือไม่ ก็จะตอบได้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนหรือเปล่า”
“มันก็ต้องดูรูปการณ์และราคาที่ต้องจ่ายด้วย ผมไม่ใช่พ่อพระสักหน่อย” ลูเมี่ยนพึมพำ
ซูซี่ไม่ถามต่อ เพียงอธิบายเสริม
“สำหรับคนที่มีแนวโน้มจะทำลายตัวเอง สัญญาณที่บ่งบอกว่า ‘เริ่มก้าวออกจากหล่มโคลน’ ก็คือเจตจำนงที่ต้องการสร้างสายสัมพันธ์ทางสังคมใหม่ๆ …”
“จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ น่าจะเป็นเขานะ… บอกว่ามนุษย์น่ะ คือผลรวมของความสัมพันธ์ทางสังคม เมื่อคุณไม่ปฏิเสธการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ก็เท่ากับว่าคุณเลิกต่อต้านอนาคตของตัวเองแล้ว…”
“แน่นอน นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายอาการ ไม่ใช่ทั้งหมด”
ลูเมี่ยนเงียบไปสักพัก แล้วจึงพูด
“มาดามซูซี่ครับ ผมมีเรื่องอยากปรึกษา… จากเหตุบังเอิญรอบตัวที่เล่าให้ฟังไปเมื่อสักครู่ มันเกิดจากอิทธิพลของผู้วิเศษเส้นทาง ‘ผู้ชม’ ตามที่มาดามเมจิกเชี่ยนบอกจริงหรือครับ?”
เมื่อเทียบกับการรักษาครั้งก่อน ซูซี่ดูผ่อนคลายมากขึ้น เธอหัวเราะหนึ่งเสียงก่อนจะกล่าว
“ฝืนเปลี่ยนเรื่องอยู่สินะคะ…”
“จิตใต้สำนึกลึกๆ กำลังต่อต้านมันใช่ไหม?”
“ที่จริงก็พอเดาได้จากรายละเอียดในบางเรื่องที่เล่ามา คุณขอให้ ‘บูตแดง’ ช่วยสอนศาสตร์เร้นลับในยามว่าง แต่กลับไม่ไปหาเธอเสียที ครั้งเดียวที่ไปเยี่ยม ก็ยังอ้างว่ามาทวงบุญคุณ นี่แสดงให้เห็นว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะสร้างความสนิทสนมกับเธอ…”
“ไม่ต้องกังวลค่ะ นี่เป็นเรื่องปกติ จะมีสักกี่รายที่รักษาหายขาดตั้งแต่การรักษาครั้งแรก? คุณไม่ต้องรู้สึกเป็นภาระแต่อย่างใด…”
ซูซี่ร่ายยาว เพื่อชี้ให้เห็นถึง ‘ปัญหาทางจิต’ ในปัจจุบันของลูเมี่ยน ด้วยวิธีการอันแสนอ่อนโยน สุดท้ายก็เสริม
“หากเป็นครั้งที่แล้ว ดิฉันคงไม่กล้าพูดกับคุณอย่างเถรตรงเช่นนี้ มันจะทำให้คุณยิ่งต่อต้าน ยิ่งปิดกั้นตัวเอง แต่ในปัจจุบัน ตัวคุณมีแนวโน้มที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมใหม่ๆ อยู่แล้ว การพูดเพื่อให้คุณมองเห็นตัวเองชัดเจนขึ้น จะช่วยให้คุณก้าวต่อไปได้ดีขึ้น”
หลังจากถูกซูซี่เปิดโปงจิตใต้สำนึก การตอบสนองแรกของลูเมี่ยนคือสร้างกำแพง ระแวดระวังและต่อต้าน แต่บรรยากาศสงบขรึมของอีกฝ่าย การวิเคราะห์ที่ปราศจากเจตนาร้าย และการเข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้แลแม่นยำ ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มคลายเกราะป้องกัน ยอมเผชิญหน้ากับปัญหาในใจ
ทั้งร่างกายและจิตใจของเขา เริ่มสงบลงตามลำดับ
ซูซี่ไม่ได้ตอกย้ำจุดเดิม เพียงตอบคำถามเมื่อสักครู่ของลูเมี่ยน
“มาดามเมจิกเชี่ยนอธิบายได้ถูกต้องแล้วค่ะ แค่ไม่ละเอียดพอ”
“หากผู้มีลำดับกลางในเส้นทาง ‘ผู้ชม’ คิดจะสร้างเรื่องบังเอิญ ก็ต้องใช้วิธี ‘ชักจูงจิตใจ’ หรือ ‘การสะกดจิต’ แบบเผชิญหน้า ซึ่งก็คือ อีกฝ่ายจำเป็นต้องอยู่รอบตัวคุณ บารอนบรินิแยร์ และคนที่เหลือ…”
“ที่คุณไม่ได้สังเกตเห็นอีกฝ่าย และบารอนบรินิแยร์ก็ไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ ก็เพราะผู้มีลำดับกลางในเส้นทาง ‘ผู้ชม’ ยังครอบครองพลังวิเศษอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ ‘การล่องหนทางใจ’ …”
“ล่องหนทางใจ? แตกต่างจากการพรางตัวแบบอื่นยังไง?” ลูเมี่ยนถามกลับอย่างสงสัย
ซูซี่อธิบายเสียงเรียบ
“การ ‘ล่องหนทางใจ’ ตามหลักการแล้วไม่ใช่การพรางตัว มันแค่ทำให้คุณไม่สังเกตเห็นฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะยืนอยู่ตรงหน้าคุณก็ตาม โดยที่คนรอบข้างส่วนใหญ่จะมองเห็นตามปกติ”
“สุดยอดเลยแฮะ…” ลูเมี่ยนอุทานคำหนึ่ง พร้อมกับเกิดความรู้สึกที่ยากอธิบาย คล้ายกับมี ‘นักจิตบำบัด’ จำนวนมากนั่งล้อมวงตนอยู่ เพียงแต่เขามองไม่เห็นใคร
“ถึงคุณจะใช้เนตรวิญญาณ ผลลัพธ์ก็จะไม่เปลี่ยน หากฉันไม่คิดถึงการ ‘โจมตีคุณ’ ลางสังหรณ์อันตรายของคุณก็จะไม่ตอบสนอง” ซูซี่พูดต่อ “เมื่อเทียบกันแล้ว ‘การซ่อนในเงา’ ของ ‘บาทหลวงลับ’ จะทำให้คุณรู้สึกเป็นครั้งคราวว่า กำลังถูกความมืดจับจ้องอยู่”
ลูเมี่ยนถามต่อ
“‘บาทหลวงลับ’ เป็นของเส้นทางไหนหรือ”
“ผู้วิงวอนความลับ” ซูซี่ตอบรวบรัด
เส้นทางผู้วิงวอนความลับ? เหนือ ‘ผู้สดับ’ ใต้ ‘คนเลี้ยงแกะ’ มีลำดับที่ชื่อว่า ‘บาทหลวงลับ’ อยู่สินะ? นี่เป็นเส้นทางของมิสเตอร์ K… ที่เรารู้สึกเป็นระยะว่ามีใครบางคนคอยจ้องมองจากความมืดรอบตัว เป็นฝีมือเขาหรือไม่ก็ลูกน้อง? ลูเมี่ยนผสมผสานบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์ กับคำใบ้ของมาดามเมจิกเชี่ยน จนรู้สึกเหมือนเข้าใจแจ่มแจ้ง
โอลัวร์บันทึกเส้นทาง ‘ผู้วิงวอนความลับ’ ไว้เพียง: ลำดับ 9 ‘ผู้วิงวอนความลับ’ และลำดับ 8 ‘ผู้สดับ’
ทุกครั้งมาดามเมจิกเชี่ยนจะเขียนตอบมายาวก็จริง แต่ส่วนใหญ่เป็นเพียงโครงร่าง ไม่ค่อยมีรายละเอียด ไม่เหมือนมาดามซูซี่ที่มักตอบตรงประเด็น… ลูเมี่ยนรำพันเงียบ แล้วถามอย่างสงสัยใคร่รู้ว่า
“คุณไม่กลัวหรือครับ ว่าการเปิดเผยพลังวิเศษเส้นทางตัวเองให้ผมฟัง จะสร้างอันตรายให้กับตัวคุณ?”
ซูซี่ไม่ตอบคำถาม เพียงเล่าไปต่อ
“หากเป็นผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทาง ‘ผู้ชม’ ก็ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น ถึงจะอยู่ห่างจากคุณมาก อีกฝ่ายก็สามารถส่งอิทธิพลกับคุณได้ จนเรื่องราวดำเนินไปตามการจัดฉากโดยที่คุณไม่รู้ตัว เต็มไปด้วยเหตุบังเอิญที่สมเหตุสมผลและแนบเนียน”
“แม้ฉันเองก็เป็น ‘ผู้ชม’ แต่ขอเตือนคุณไว้ว่า… ระวังผู้ชมให้ดี!”
ผู้วิเศษลำดับสูง… ลูเมี่ยนสั่นสะท้านทันที
“คุณก็เลย ‘จัดฉาก’ ให้เด็กขายหนังสือพิมพ์คนนั้น ส่งหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าให้ผมสินะครับ?”
มาดามซูซี่คือผู้วิเศษลำดับสูง ครึ่งเทพตัวจริงเสียงจริง?
“ไม่ใช่ฉันค่ะ” ซูซี่ตอบด้วยท่าทีอายๆ “เป็นพวกพ้องของฉัน”
พวกพ้อง? ลูเมี่ยนนึกถึงข้อเสนอเริ่มแรกของมาดามเมจิกเชี่ยน แล้วเดาอย่างใคร่ครวญว่า
“นักจิตบำบัดอีกคนหนึ่ง?”
“ครั้งที่แล้วก็มาด้วยหรือ?”
“ค่ะ” ซูซี่เปิดเผยตรงไปตรงมา “ปัญหาของคุณค่อนข้างร้ายแรง ฉันไม่ค่อยมั่นใจนัก จึงให้เธอมาด้วยกัน คอยช่วยฉัน เอ่อ… คอยป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น…”
“อันที่จริง วันนี้เธอก็มาด้วยนะ นั่งอยู่ตรงข้ามคุณตลอด”
ตรงข้าม? ลูเมี่ยนจ้องที่นั่งว่างๆ ตรงข้ามด้วยความตกตะลึง ไม่เพียงแต่ไม่มีผู้คน กระทั่งร่องรอยการนั่งก็ไม่มี!
วินาทีถัดมา เด็กหนุ่มได้ยินเสียงอันนุ่มนวลกังวานของหญิงสาว แฝงรอยยิ้ม น้ำเสียงค่อนข้างสดใส
“สวัสดีค่ะ”
…………………………………………………….