ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 199 ‘มุทะลุ’
ตอนที่ 199 ‘มุทะลุ’
แววตาของทราวิส·เอเวอเรตต์ซ่อนอยู่หลังแว่นกรอบดำ ทำให้มองไม่ออกว่ากำลังยินดีหรือโกรธ
แต่เขาไม่ได้ขัดขวางลูเมี่ยน ราวกับเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์อย่างแท้จริง
ทั้งบารอนบรินิแยร์และ ‘หัตถ์โลหิต’ เบลคต่างประหลาดใจกับท่าทีของลูเมี่ยน ไม่อยากเชื่อว่าเด็กหนุ่มกล้าสาดกาแฟใส่ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ต่อหน้าผู้กำกับ ทำลายการประนีประนอม
โดยเฉพาะรายแรก ยิ่งรู้สึกเหมือนเพิ่งได้รู้จักตัวจริงของ ‘ลูกน้องเก่า’ ผู้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมงานคนนี้
เขามุทะลุและบ้าบิ่นกว่าที่คิดไว้หลายเท่านัก
ไม่ยอมรับความอับอายแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ยอมจ่ายแม้แต่โกเปต์เดียว?
แม้ว่าจะพยายามโยนความผิดให้ ‘แมงป่องดำ’ แต่ใครก็ตามที่มีสมองและดวงตา จะเห็นได้ชัดเจนว่า เป็นเขาที่ก่อเรื่องวิวาทก่อน ด้วยเจตนาอันแน่วแน่
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มไม่คิดจะประนีประนอม แค่หาข้ออ้างมาทำลายข้อเสนอของผู้กำกับเอเวอเรตต์
นี่ต่างหากคือการตบหน้าผู้กำกับเอเวอเรตต์ หรือไม่ใช่?
บุคคลนี้มีอำนาจเต็มในเขตตลาด เพียงรายงานขึ้นไปให้เกินจริงเล็กน้อย ไม่สิ รายงานไปตามจริง ก็ทำให้หน่วยผู้วิเศษของทางการสนใจพรรคซาฟาห์ได้แล้ว จนธุรกิจทั้งหมดถูกถอดรากถอนโคน!
‘หัวล้าน’ ฮาร์มันที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ให้โอกาสลูเมี่ยนปาถ้วยกาแฟใส่บอส รีบก้าวไปข้างหน้า ก้มลงคว้าขอบโต๊ะกลม ยกขึ้นแล้วโยนใส่ไอ้บ้านั่น
เสียงแก้วแตกดังเกรียวกราว ลูเมี่ยนที่หลบทัน ชักลูกโม่สีดำออกจากใต้รักแร้ เล็งใส่ฮาร์มันท่ามกลางเสียงชุลมุนของวัตถุที่ตกลงพื้น
‘หัวล้าน’ ฮาร์มันโกรธจัด จนกลับกลายเป็นหัวร่อ
“ไอ้หมูบ้านนอกเอ๊ย! แกต่างหากที่ไม่เห็นหัวผู้กำกับเอเวอเรตต์ ไม่อยากยอมรับการไกล่เกลี่ยสินะ?”
“ย่อมได้… พวกเราแก๊งหนามพิษจะเล่นกับแก เล่นจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะออกจากเกมอย่างสมบูรณ์!”
“ยิงมาสิวะ! ห้าวนักนี่? ไม่เห็นหัวผู้กำกับเอเวอเรตต์อยู่แล้ว มีปืนก็ยิงมาเลยสิวะ!”
ถ้าไม่ติดว่าเป็นเทศกาลเลือกตั้ง ทางการจับตาอย่างเข้มงวด พวกเขาแก๊งหนามพิษคงหาโอกาสลอบสังหารชาร์ลไปนานแล้ว!
ในตอนนี้ ‘แมงป่องดำ’ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง กำปั้นหลวมๆ ปรากฏเปลวไฟสีดำลุกโชน แต่ก็จางหายไปในพริบตา
ต่อหน้าผู้กำกับเอเวอเรตต์ เขาไม่อยากเปิดเผยว่าตนมีพลังวิเศษใดบ้าง
‘เชิงเทียนขาสั้น’ คาสตินาจ้องมองลูเมี่ยนเช่นกัน ทำทีว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมอ่อนข้อ ก็จะลงมือโดยไม่ลังเล
ได้ยินคำด่าทอและคำท้าทายจาก ‘หัวล้าน’ ฮาร์มัน ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
ปัง!
เด็กหนุ่มลั่นไกทันที ปล่อยกระสุนสีเหลืองอำพันพุ่งใส่ศีรษะของฮาร์มัน
‘หัวล้าน’ ฮาร์มันไม่คิดไม่ฝันว่าชาร์ลจะกล้ายิง ทั้งที่ผู้กำกับเอเวอเรตต์ก็เตือนแล้ว แถมยังในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ท่ามกลางสายตาธารกำนัลเช่นนี้ กลับไม่สนใจกฎเกณฑ์ใด แค่อยากฆ่าตนให้ตาย
นี่ทำให้ฮาร์มันเกือบไม่ทันหลบ ม่านตาขยายวูบ รีบย่อตัวลงสุดชีวิต
กระสุนนัดนั้นแฉลบหนังศีรษะที่มันเงาของฮาร์มัน พุ่งชนผนังห่างออกไปไม่กี่เมตร กระเด็นเข้าไปในห้องน้ำของห้องส่วนตัว ส่งเสียงดังกริ๊งกั๊ง
ท่ามกลางความตึงเครียด หัวหน้าหน่วยทุกคนต่างลุกขึ้นยืน โรเจอร์และคาสตินา ยิ่งตรึงสายตาอยู่กับลูเมี่ยน เตรียมจะลงมือ
ลูเมี่ยนไม่หยุด ลดปากกระบอกปืนลง เล็งใส่ ‘หัวล้าน’ ฮาร์มันอีกครั้ง ไร้แม้แต่อารมณ์ในดวงตา
“พอได้แล้ว!”
ในตอนนั้นเอง ผู้กำกับเอเวอเรตต์ที่นั่งอย่างสงบก็เปล่งเสียงขึ้นมา
ด้วยอำนาจที่ยากจะอธิบาย รวมถึงบุคลิกภาพของเขาเอง ทำให้แม้แต่ลูเมี่ยนยังหยุดนิ้วที่เตรียมลั่นไก
ฮาร์มันถือโอกาสนี้เปลี่ยนตำแหน่ง ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
คนอื่นแม้จะยังเผชิญหน้ากันอยู่ แต่ก็ปราศจากบรรยากาศคุกรุ่นเหมือนเมื่อครู่
เมื่อเห็นว่าหมดโอกาส ลูเมี่ยนเก็บปืนด้วยความเสียดาย หันไปพูดกับเอเวอเรตต์
“ท่านผู้กำกับ ผมยินดีตอบรับข้อเสนอของคุณ แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่อยาก”
แววตาของเอเวอเรตต์ที่ซ่อนอยู่หลังแว่นกรอบดำ กะพริบเล็กน้อย เขายืนขึ้น มองกวาดพลางเอ่ยปาก
“สามวัน… ในสามวันนี้พวกคุณอย่าเพิ่งทำอะไร ไม่งั้นจะถือว่าเป็นศัตรูกับผม เอเวอเรตต์คนนี้… เชื่อผมเถอะ พวกคุณรับมันไม่ไหวหรอก”
แม้ผู้กำกับท่านนี้จะพูดด้วยน้ำเสียงหนัก แต่เนื้อเสียงกลับสงบนิ่ง ปราศจากความขุ่นเคือง ไม่แสดงความหยิ่งยโส มีเพียงความจริงใจเสียด้วยซ้ำ
ทว่า พวกที่อยู่ในเขตตลาดนานกว่าสองปี ต่างนึกถึงคำหนึ่งพร้อมกัน:
“พรรควาลเลีย”
เมื่อสองปีก่อน พรรควาลเลียมีสถานะในเขตตลาดทัดเทียมกับพรรคซาฟาห์ แต่ก็เนื่องจากไม่ให้เกียรติผู้กำกับเอเวอเรตต์ ฝ่าฝืนข้อห้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายก็ถูกทางการร่วมมือกันกวาดล้างจนสิ้นซาก การที่แก๊งหนามพิษผงาดขึ้นมาได้ในภายหลัง ก็เป็นเพราะเกิดสุญญากาศอำนาจในโลกมืดของเขตตลาด
ปัจจุบันเหลือเพียงร้านกาแฟวาลเลียเท่านั้น ที่เป็นหลักฐานว่าแก๊งดังกล่าวเคยดำรงอยู่ในเขตตลาด
เหล่าหัวหน้าหน่วยของพรรคซาฟาห์ แก๊งหนามพิษ และแก๊งขนาดกลางอีกสองแก๊ง นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ทยอยกันขานรับคำพูดของผู้กำกับเอเวอเรตต์ รับปากว่าจะควบคุมลูกน้องให้ดี ไม่ปล่อยให้การเลือกตั้งถูกทำลาย
สายตาของผู้กำกับเอเวอเรตต์กวาดผ่านใบหน้าของทุกคน ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงเดินตรงไปยังประตูห้องส่วนตัว
รอจนเงาหลังของเขาหายไปจากประตู ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ ‘หัวล้าน’ ฮาร์มัน และ ‘เชิงเทียนขาสั้น’ คาสตินา จ้องลูเมี่ยนด้วยสายตาเย็นชา แล้วก็ออกจากร้านกาแฟไป
หัวหน้าหน่วยของแก๊งอื่นๆ ก็ไม่ได้อยู่ต่อ ในไม่ช้า ก็เหลือเพียงคนของพรรคซาฟาห์ในห้องส่วนตัว
“เมื่อครู่นายใจร้อนเกินไป” บารอนบรินิแยร์สูบกล้องยา พูดพลางมองลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนยิ้มเรียบเฉย
“ผมรอโอกาสแบบเมื่อครู่นี้มาตลอด… น่าเสียดายที่คว้าเอาไว้ไม่ได้ พลาดโอกาสในการปลุกความขัดแย้ง”
เมื่อเห็น ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ ‘หัตถ์โลหิต’ เบลค และคนอื่นทำหน้างุนงง เด็กหนุ่มก็อธิบายอย่างใจเย็น
“เราหยั่งเชิงมาสองครั้งแล้ว แก๊งหนามพิษก็ยังเลือกที่จะอดทน เหมือนกับที่บารอนพูดไว้ พวกมันไม่ปกติแล้ว กำลังรอคอยจังหวะอยู่ และผมเชื่อว่าตอนนั้นจะมาถึงในไม่ช้า…”
“ถ้าเราไม่รีบฉวยโอกาสทำลายแก๊งหนามพิษให้ย่อยยับเสียก่อน เอาแต่รอให้พวกมันเริ่มทวงแค้น ถึงเวลานั้น พวกคุณทุกคนก็อย่าหวังจะรอดเลย…”
“เมื่อสักครู่ แก๊งหนามพิษมีแค่สามคน แต่เรามีถึงห้า ฝีมือของ ‘บูตแดง’ คงไม่ด้อยไปกว่า ‘แมงป่องดำ’ สักเท่าไร ผนวกกับความช่วยเหลือจากผม ต้องจัดการโรเจอร์ได้แน่ ส่วนบารอน ซิมงต์ เบลค พวกคุณจะรับมือกับ ‘หัวล้าน’ และ ‘เชิงเทียนขาสั้น’ ไม่ไหวเชียว? ยังสามารถแบ่งหนึ่งคนไปขัดขวางผู้กำกับเอเวอเรตต์ได้ด้วยซ้ำ…”
“ขอแค่พวกแก๊งหนามพิษกล้าโต้ตอบ พวกเราก็กล้าให้ฝังมันไว้ที่นี่!”
‘มุสิก’ คริสโตถูกผู้กำกับเอเวอเรตต์เตือนไปเมื่อคืนแล้ว วันนี้จึงไม่ถูกเชิญมา
บารอนบรินิแยร์กับ ‘หัตถ์โลหิต’ เบลค รู้สึกว่าที่ชาร์ลพูดก็มีส่วนถูก แต่อีกใจก็เริ่มหวาดระแวงต่อบุคคลนี้มากขึ้น
เมื่อครู่มิใช่เพียงการแสดง ลูเมี่ยนคิดจะฆ่าฮาร์มันและกับพรรคพวกจริงๆ!
เด็กหนุ่มคนนี้บ้าบิ่นเกินไป สุดโต่งเกินไปมาก!
กล้าหาญอย่างยิ่ง ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!
“แต่แบบนั้นจะเท่ากับตบหน้าผู้กำกับเอเวอเรตต์… ภายหลังจะยุ่งยากเอานะ” ‘หัตถ์โลหิต’ เบลคส่ายหน้า
ฟรังก้าก็คิดแบบเดียวกัน เธออยากเตือนลูเมี่ยนว่า นี่จะทำให้เขาอยู่ในเขตตลาดไม่ได้ บางทีอาจจะได้หมายจับอีกฉบับ
แต่เมื่อคำนึงว่ามีหัวหน้าหน่วยคนอื่นอยู่ด้วย ไม่สามารถเปิดเผยมิตรภาพที่แท้จริงระหว่างตนกับลูเมี่ยน ฟรังก้าจึงทำได้แค่เงียบ
ลูเมี่ยนเหยียดมุมปาก หัวเราะเสียงหนึ่ง ทำท่า ‘ไม่เข้าใจ’
“ผู้กำกับเอเวอเรตต์ถูกแก๊งหนามพิษฆ่าตายไม่ใช่หรือ?”
ไอ้เด็กบ้า… แทบทุกคนในที่นี้ ผุดความคิดเดียวกันผ่านสมอง
บารอนบรินิแยร์ลูบกล้องยาสีไม้ท้อ พลางกล่าว
“คงยากที่จะปกปิดข้อเท็จจริงจากผู้วิเศษทางการ มันเป็นได้แค่ข้ออ้างยื้อเวลา”
“ใครสนกันล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น พวกคุณก็แค่ผลักปัญหาทั้งหมดมาให้คนบ้าอย่างผม เต็มที่แค่ต้องออกจากเขตตลาด… ถึงตอนนั้น บอสคงหางานอื่นให้ผมทำหลังจากคดีซาลงแล้ว” ลูเมี่ยนพูดยิ้มๆ อย่างเยือกเย็น
เขาคิดเช่นนี้จริง แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม
ภารกิจของมิสเตอร์ K คือการสร้างความไว้วางใจกับการ์ดเนอร์·มาร์ติน มิใช่การบริหารคาบาเร่ต์ลมเอื่อยให้ดี ตั้งหลักในเขตตลาด!
หากการยั่วยุเมื่อครู่ของตน สามารถยั่วโมโห ‘แมงป่องดำ’ ได้จริง เด็กหนุ่มเชื่อว่าฟรังก้าจะยื่นมือช่วยแน่ และเพียงแค่มีหัวหน้าหน่วยหนึ่งเลือกช่วย คนอื่นย่อมไม่กล้าไม่ลงมือ เมื่อถึงเวลานั้น ด้วยการผนึกกำลังของทุกคน ก็มีโอกาสอยู่หลายส่วนที่จะโค่นหัวหน้าแก๊งหนามพิษทั้งสามลงได้
หลังจากสอบปากคำจนล่วงรู้แผนการของแก๊งหนามพิษ การ์ดเนอร์·มาร์ตินจะต้องชื่นชมต่อความกล้าหาญของตน ที่ช่วยกำจัดภัยแฝงออกไป แบบนี้แล้ว ต่อให้เด็กหนุ่มสูญเสียคาบาเร่ต์ลมเอื่อย ถูกบีบให้ ‘หลบหนี’ อีกครั้ง ก็แค่หลบไปซ่อนในจุดอื่นของทรีอาร์ โดยยังคงทำงานให้การ์ดเนอร์·มาร์ตินต่อไป จนกว่าจะได้รับความไว้วางใจอย่างสมบูรณ์จากอีกฝ่าย
แล้วก็ เรื่องนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อลูเมี่ยนด้วย หากแก๊งหนามพิษเตรียมตัวเสร็จ คนแรกที่จะถูกล้างแค้นแน่นอนว่าย่อมเป็นเขา ถ้าไม่รีบแก้ปัญหาล่วงหน้า ตนจะยิ่งตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าได้ระหกระเหินไปอยู่เขตอื่น ต่อให้ ‘คุณนายจันทรา’ จะส่งคนมาอีกเป็นกองทัพ เขาก็ไม่กังวล ส่วนเรื่องของลูอิส·ลุนด์ อีกฝ่ายคงมาถึงเขตตลาดภายในวันนี้ แค่ปิดข่าวการตายของโรเจอร์ไว้ชั่วคราว สร้างภาพลวงตาว่ายังสงบสุข เด็กหนุ่มก็สามารถดักรออยู่ที่บ้านเลขที่ 126 ถนนใหญ่ตลาดได้
คนพวกนี้ไม่เหมือนผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่ถ้าตายไปจะทำให้เกิดเสียงเซ็งแซ่
หลังจากหัวหน้าหน่วยทั้งหลายเงียบไป บารอนบรินิแยร์ก็เดินไปที่ประตู พร้อมกับเตือนประโยคหนึ่ง
“คุณคงถูกผู้กำกับเอเวอเรตต์หมายหัวไว้แล้ว พอการเลือกตั้งจบลง คงมีปัญหายุ่งยากตามมาไม่น้อยเลยล่ะ”
ลูเมี่ยนยิ้มตอบ
“ไม่แน่ว่า… วันดีคืนดีผู้กำกับอาจจะหายตัวไปอย่างลึกลับก็ได้นะ”
พูดจบ ลูเมี่ยนก็สู้ทนรับสายตางุนงงจาก ‘คนยักษ์’ ซิมงต์และคนที่เหลือ
เห็นไหม พอมีการปูพื้นมาก่อน ตอนนี้จะพูดอะไรไป ทุกคนก็พร้อมจะเชื่อทุกเรื่องแล้ว
…………
บ่ายสามโมงสิบห้านาที ลูเมี่ยนนั่งรถม้าสาธารณะมาถึงเขตสวนพฤกษศาสตร์ เห็นร้านกาแฟเมสันที่ตั้งอยู่ในอาคารสี่ชั้นสีขาวนวล ผนังด้านนอกพันเกี่ยวไปด้วยพืชสีเขียวมากมาย
เด็กหนุ่มเดินผ่านระเบียงด้านนอกที่มีเสายึด เข้าไปข้างในที่มีผนังสีเขียวมะกอก มีหน้าต่างบานใหญ่จำนวนมาก เดินไปนั่งตรงบูธ D ที่คุ้นเคย ถอดหมวกปีกกว้างทรงกลมออกจากศีรษะ
“กาแฟอินทิสหนึ่งแก้ว” เขาสั่งพนักงานเสิร์ฟสาวหนึ่งประโยค แล้วรอคอยอย่างใจเย็น
…………………………………………………….