ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 187 เงามืด
ตอนที่ 187 เงามืด
“แม่ง!” ฟรังก้าแสดงความรู้สึกด้วยคำอุทานแรงๆ
เธอมองไปรอบตัว สมองไตร่ตรองอย่างรวดเร็วพร้อมกับลองเดา
“เราเจอเหตุการณ์เดียวกับที่ทำให้คาราวานหายตัวไป?”
“ในอุโมงค์นั่น เราเข้าไปอีกโลกหนึ่ง จึงไม่มีรอยเท้าเดิม?”
“ในสายตาของนักลักลอบแฟร์น็องเดซ พวกเราก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน?”
ลูเมี่ยนไม่เคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อน แม้แต่ในนิยายของพี่สาวก็ไม่มีตอนที่คล้ายคลึงกัน ทำให้เด็กหนุ่มเดาทิศทางของเรื่องราวไม่ถูก
ขณะที่เขากำลังงงงันพลางขมวดคิ้ว ก็พลันได้ยิน ‘การคาดเดา’ ของ ‘บูตแดง’ ฟรังก้า
“จินตนาการบรรเจิดแท้…” ลูเมี่ยนอุทานอย่างชื่นชม ก่อนจะไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้
ยิงคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดของฟรังก้าใกล้เคียงความจริง เด็กหนุ่มจึงนั่งยองลง ตรวจสอบรอยเท้าพวกนั้นอีกครั้ง
“ไม่ผิดแน่ รอยเท้าที่แบกของหนักอยู่ดีๆ ก็โผล่มาจากตรงนั้น” ลูเมี่ยนชี้ไปข้างหลังสิบกว่าก้าว
เป็นจุดที่พวกเขาเดินเข้ามา แต่กลับไปไม่มีรอยเท้ายืนยันการเข้ามา
ฟรังก้าขบฟันพูด
“ดูเหมือนเราจะเข้ามาในอีกโลกหนึ่ง… หรือควรเรียกว่า… โลกใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง…”
“บัดซบ! ทำไมต้องเป็นพวกเราด้วย? คริสโต บรินิแยร์ ซิมงต์ และเบลคไม่เจออะไรเลย ได้กลับขึ้นไปอย่างราบรื่น!”
เอ่อ… ได้ยิน ‘บูตแดง’ ตั้งคำถามเกี่ยวกับโชคชะตา ลูเมี่ยนรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งยอง ยกมือขึ้นมาลูบไล้อกซ้ายโดยไม่รู้ตัว
นี่คงไม่ใช่ชะตากรรมบางอย่างหรอกนะ?
แต่อย่าเพิ่งตัดประเด็นที่ฟรังก้าอาจเป็นต้นเหตุ… เธอมีลำดับสูงกว่าเรา พกสมบัติวิเศษติดตัวด้วย อาจมีความลับซ่อนอยู่ก็ได้… ลูเมี่ยนรีบปรับสภาพจิตใจ
ฟรังก้าก้มหน้ามองเพื่อนร่วมทาง พลางพึมพำกับตัวเอง
“จะเกี่ยวข้องกับโอสถของเราสองคนหรือเปล่า?”
“หรือไม่ก็ผลกระทบด้านลบจากแว่นของคุณ”
ลูเมี่ยนตอบหลังจากครุ่นคิด
“นักล่ากับนางมารเป็นเส้นทางติดกัน”
หรือก็คือ ถ้าเป็นปัญหาที่เกิดจาก ‘กฎการรวมตัวของตะกอนพลัง’ ทั้งสองก็ปัดความเกี่ยวข้องไม่ได้
แน่นอนว่าในลำดับของลูเมี่ยนกับฟรังก้า ‘อิทธิพล’ ของกฎการรวมตัวยังไม่น่าจะรุนแรงขนาดนั้น แต่เด็กหนุ่มยังสงสัยว่า ตนเพิ่งมาถึงทรีอาร์ได้ยังไม่สองสัปดาห์ดี กลับได้เจอนางมารไปแล้วสองคนทั้งๆ ที่ตนเป็นแค่ลำดับ 8 จึงไม่แน่ว่าบางที นี่อาจเป็นอำนาจของ ‘ชะตากรรม’ ที่ทำให้ ‘กฎการรวมตัว’ เกิดผลอย่างฉับพลัน
“หืม…” ฟรังก้าจมอยู่ในความคิด
ผ่านไปสองสามวินาที เธอยังคงพูดด้วยเสียงกัดฟัน
“สมมติว่ามันเป็นปัญหาจากเส้นทางของเราจริงๆ แล้วทำไมคาราวานของคริสโต ถึงหายตัวไปอย่างแปลกประหลาดหลังจากเดินมาถึงแถวๆ นี้เหมือนกัน?”
“พวกเขาใช้เส้นทางนี้มาหลายรอบแล้ว ไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้ง ทำไมหนนี้ถึงไม่เหมือนเดิม?”
“แม่งเอ๊ย! ไอ้หนูเวรนั่นต้องอมพะนำพูดไม่ครบแน่! หรือว่าคราวนี้ไม่ได้ลักลอบขนแค่เหล้ากับปืน แต่ยังมีวัตถุทางศาสตร์เร้นลับ?”
“ก็ยังไม่แน่… จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ว่า ‘เดินริมแม่น้ำบ่อยๆ สักวันรองเท้าก็ต้องเปียก’ คาราวานของคริสโตใช้เส้นทางอุโมงค์ที่มีปัญหานี่ซ้ำๆ สักวันก็ต้องเจอดี แค่บังเอิญมาเจอในวันนี้เท่านั้นเอง” ลูเมี่ยนช่วยแก้ต่างให้คริสโตไปสองสามประโยค
ฟรังก้าถูกชักจูงจนเริ่มคล้อยตาม พูดหลังจากทอดถอนใจ
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวถกเถียงถึงสาเหตุ ที่สำคัญคือต้องหาทางออกไปให้ได้”
“ทำไมใต้ดินของทรีอาร์ถึงมีความผิดปกติที่สอดคล้องกับเส้นทาง ‘นักล่า’ กับ ‘นางมาร’ ได้นะ… หือ…”
ฟรังก้าเงียบไปทันใด คล้ายกับนึกอะไรออก
“นึกอะไรออกหรือ?” ลูเมี่ยนลุกขึ้นยืน
ฟรังก้าตอบหลังจากใคร่ครวญ
“ฉันไม่แน่ใจว่าพี่สาวของคุณเคยเล่าเรื่องนึงในยุคสมัยที่สี่ให้ฟังไหม… อา… แต่เธอก็อาจไม่รู้เหมือนกัน”
“เล่าย่อๆ ก็คือ ในยุคสมัยที่สี่ ทรีอาร์เคยเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ทูดอร์ โดยที่ ‘จักรพรรดิโลหิต’ ที่ปกครองจักรวรรดิดังกล่าว เชื่อกันว่าเป็นลำดับสูงสุดของเส้นทาง ‘นักล่า’ ประเด็นก็คือ… ในช่วงเวลานั้น ตระกูลนางมารมีสายสัมพันธ์กับขุนนางใหญ่สักคน หรือหลายคนในราชวงศ์ทูดอร์ จึงไม่แปลกที่จะมีบางสิ่งหลงเหลืออยู่ใต้ดินทรีอาร์”
“ตระกูลนางมาร?” ลูเมี่ยนรู้สึกตกใจกับคำนี้อยู่บ้าง
ฟรังก้าบุ้ยปาก
“ในยุคสมัยที่สี่ เส้นทาง ‘นางมาร’ ถูกควบคุมโดยตระกูลหนึ่ง… เฮ้อ… ในเมื่อเลือก ‘นักลอบสังหาร’ มาแล้ว ฉันก็ทำได้แค่รวบรวมข่าวสารให้มากเข้าไว้… แต่จนถึงตอนนี้ก็แทบไม่เข้าใจอะไรเลย”
ลูเมี่ยนดึงหัวข้อกลับสู่ประเด็นหลัก
“คุณสงสัยว่าแถวๆ นี้เกี่ยวข้องกับยุคสมัยที่สี่ที่ฝังอยู่ใต้ดิน?”
“อือ” ฟรังก้าไม่ได้ตอบด้วยคำกำกวมอย่าง ‘ยังไม่ตัดความเป็นไปได้นี้’ ยังคงพูดไปคิดไปว่า “สองศาสนจักรใหญ่ต้องเตรียมมาตรการรับมือไว้แล้วแน่… ถ้าเราค้นพบจุดเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องได้ ก็น่าจะออกไปได้”
ลูเมี่ยนที่ถือโคมไฟคาร์ไบด์ ก้มมองพื้นพลางถาม
“พวกเราจะเดินหน้าต่อหรือจะกลับ?”
“ดูเหมือนคาราวานของคริสโตจะไม่พบความผิดปกติ แล้วเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ”
ฟรังก้าครุ่นคิดสองสามวินาทีก่อนจะตอบ
“ย้อนกลับไปยังจุดที่ทำให้พวกเราหลงเข้ามาในมิตินี้ก่อน… แค่สิบกว่าเก้าเอง ไม่ได้เสียเวลาอะไรมาก”
“ตกลง” ลูเมี่ยนเดินกลับไปยังช่วงกลางอุโมงค์
ไม่นานนัก เขากับฟรังก้าก็มายืนตรงจุดที่รอยเท้าหนักๆ ของคาราวานเริ่มปรากฏอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
อีกสิบกว่าก้าวถัดมา ความมืดรอบตัวยิ่งทวีความลุ่มลึก บนทางเดินมีเพียงรอยเท้าใหม่ของลูเมี่ยนกับฟรังก้าเท่านั้น
พวกเขาไม่ได้กลับสู่โลกความจริง
“หยุด” ฟรังก้ายกมือขึ้นเล็กน้อย “พวกเราย้อนกลับไปยังโพรงเหมืองหินที่เดินผ่านมา ไปดูว่าแฟร์น็องเดซหลงเข้ามาในมิติเดียวกันด้วยไหม”
ลูเมี่ยนไม่คัดค้าน
นี่จะช่วยให้พวกเขายืนยันได้ว่า ปัญหาอยู่ที่ใดกันแน่
ภายใต้แสงสว่างสีฟ้าอมน้ำเงินของโคมไฟคาร์ไบด์สองดวง ลูเมี่ยนกับฟรังก้าก้าวเท้าอย่างมั่นคง ตามรอยเท้าของคาราวานไป
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโพรงเหมือนหินที่สั่งให้แฟร์น็องเดซรออยู่
เงาดำร่างหนึ่ง ยืนอยู่ตรงรอยต่อระหว่างความสว่างและความมืด หันหลังให้กับทั้งสอง
ฟรังก้าใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย พลางตะโกนเรียก
“แฟร์น็องเดซ!”
ดูเหมือนนักลักลอบคนนั้นจะหลงเข้ามาในมิติด้วยกัน หมายความว่าปัญหาอาจไม่ได้เกิดจากตนและชาร์ล!
เสียงของฟรังก้าเพิ่งจะดังขึ้น สีหน้าของเธอพลันเคร่งเครียดในทันที
ขณะเดียวกัน ลูเมี่ยนพูดเสียงขรึม
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง”
แฟร์น็องเดซคนนั้น เดิมทีก็ถือโคมไฟคาร์ไบด์อยู่ ไม่มีทางที่จะยืนอยู่ในความมืดได้!
วินาทีถัดมา เงาดำนั่นก็หมุนตัวกลับมา
ภายใต้แสงสว่างจากโคมไฟคาร์ไบด์ของลูเมี่ยนกับฟรังก้า ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือด
ผู้ชายคนนั้นมีผมสั้นสีป่าน คิ้วดกหนาสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวดุจดังทะเลสาบ
ริมฝีปากค่อนข้างบาง หน้าตาดูธรรมดา ในแววตาซ่อนความมุ่งร้ายและความเกลียดชังที่อธิบายได้ยาก
ขณะนี้มีเลือดข้นๆ ถูกทาอยู่บนใบหน้าของร่างมืดๆ นั่น ดูเหมือนพร้อมจะหยดได้ทุกเมื่อ
ตึง! โคมไฟคาร์ไบด์ของฟรังก้าตกกระแทกพื้น
เงาดำนั่นตกใจกับเสียงดัง ตกใจกับแสงไฟที่สั่นไหว รีบวิ่งเข้าไปในความมืดลึก หายไปในอุโมงค์บางแห่งที่เชื่อมกับโพรงเหมืองหินนี้
“เป็นอะไรไป?” ลูเมี่ยนหันไปมองฟรังก้าข้างๆ
ในฐานะผู้วิเศษลำดับ 7 ในฐานะสมาชิกองค์กรลับ ในฐานะนักสู้มากประสบการณ์ เธอไม่ควรมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้!
ฟรังก้าจ้องมองเข้าไปในความมืด เว้นช่วงไปสองสามวินาทีก่อนจะพูด
“นั่นคือ… ตัวฉันในอดีต…”
ในอดีต… ตอนที่ยังเป็นผู้ชาย? ลูเมี่ยนได้ยินแล้วก็ผวา
เขาถามเสียงเข้มด้วยขนที่ลุกซู่
“ตัวคุณก่อนจะดื่มโอสถแม่มด?”
“ใช่” ฟรังก้าก้มเก็บโคมไฟคาร์ไบด์ของตน สีหน้ายังฉงนระคนหวาดกลัว “คนที่อยากลืมใบหน้านั่นมากที่สุด ไม่ใช่ใครนอกจากฉัน… ทำไมกัน… ทำไมถึงได้มาเห็นที่นี่อีก? มันถูกสร้างจากความทรงจำ? ถ้าเป็นในมิติแห่งนี้ ความทรงจำจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป?”
งั้นก็เยี่ยมเลยสิ? ท่าทีแรกของลูเมี่ยนคือความยินดี
ถ้ามิติแห่งนี้สามารถฉายภาพความทรงจำที่ถูกซ่อนไว้ในจิตใต้สำนึกส่วนลึก เขาก็อาจได้ล่วงรู้ความจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับหายนะของหมู่บ้านกอร์ตู!
สำหรับเรื่องที่ว่า มิติแห่งนี้จะ ‘แอบดู’ ในสิ่งที่ไม่ควรดู จนถูกมลพิษปนเปื้อน ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แตกสลายจากภายในสู่ภายนอก เด็กหนุ่มไม่แยแสเลยสักนิด
ลูเมี่ยนถือโคมไฟคาร์ไบด์กับปืนลูกโม่ เดินวนรอบโพรงเหมืองหินนี้ แต่ไม่เห็นเงาดำตัวอื่นอีก และไม่พบสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับอดีตของตัวเอง
เขาพูดกับฟรังก้าด้วยน้ำเสียงเจือความผิดหวังเบาๆ
“ผมไม่เจอตัวเองในอดีตเลย”
“หรือว่ามันไม่ได้มาจากความทรงจำของฉัน? หรือไม่ก็… เรายังเดินไปไม่ถึง?” ฟรังก้าเสนอให้ย้อนกลับไปตามเส้นทาง ‘เดิม’ กลับไปยัง ‘บ่อ’ ที่พาทั้งสองลงมา เพื่อค้นหาความผิดปกติเพิ่มเติม วิเคราะห์หาธาตุแท้ของมิติแห่งนี้ จากนั้นก็เปิดประตูออกไป
ทั้งสองเดินเกือบเคียงข้างกัน ผ่านโพรงเหมืองหินตามรอยเท้าที่คาราวานทิ้งไว้ ตรงไปยังริมๆ ขอบของเขตหอดูดาว
นาทีแล้วนาทีเล่าผ่านไป ลูเมี่ยนกับฟรังก้าสังเกตเห็นบางสิ่งบนพื้นแทบจะในเวลาเดียวกัน
นั่นคือหยดเลือด จุดแล้วจุดเล่า กระจัดกระจายปะปนอยู่ท่ามกลางรอยเท้าของคาราวานที่เริ่มพันกันยุ่ง
“ความผิดปกติเริ่มเผยออกมาแล้วสินะ” ฟรังก้าพึมพำ
ลูเมี่ยนพยักหน้ารับ
“ข้างหน้านี้เราอาจได้เจอคนพวกนั้น”
เด็กหนุ่มชำเลืองมองฟรังก้าปราดเดียว แล้วเสริมอีกหนึ่งคำ
“แต่อาจไม่ใช่มนุษย์แล้วก็ได้”
ทันใดนั้น ฟรังก้ายิ้มเยาะ
“คิดจะพูดให้ฉันกลัวหรือไง? คิดว่าเรื่องแค่นี้ทำให้ฉันกลัวได้? ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นซากศพไปแล้ว หรือเป็นสัตว์ประหลาด ก็ล้วนอยู่ในขอบเขตที่ฉันคาดเดาไว้แล้วทั้งนั้น”
“จำเอาไว้นะ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนโลกนี้ คือสิ่งที่เราไม่รู้”
เธอพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็เห็นสีหน้าของลูเมี่ยนภายใต้แสงสีเหลืองปนฟ้าจากโคมไฟคาร์ไบด์ กำลังแข็งค้าง
“ยังไม่ล้มเลิกความพยายามอีกนะ…” ฟรังก้ายังไม่ทันพูดจบดี ก็สัมผัสได้ว่ามีของร้อนๆ ไหลจากปลายจมูกของตน หยดแหมะลงบนพื้น
ดวงเลือดสีแดงสด
…………………………………………………….