ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 178 ปฏิกิริยาของผู้ส่งสาร
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 178 ปฏิกิริยาของผู้ส่งสาร
ตอนที่ 178 ปฏิกิริยาของผู้ส่งสาร
ยามโพล้เพล้ ณ ถนนใหญ่ตลาด คาบาเร่ต์ลมเอื่อย
เมื่อลูเมี่ยนเดินมาถึงประตูหน้า สมาชิกแก๊งสองคนที่เฝ้าอยู่ ต่างก็เอ่ยปากทักทาย
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ ลูกพี่”
ลูเมี่ยนในเสื้อเชิ้ตสีขาว ทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำ แขนเสื้อพับสูง เจ้าของบรรยากาศวัยรุ่นคึกคะนอง ยิ้มพลางผงกหัวให้เบาๆ
ลูอิสกับซาโกตาที่รอให้หัวหน้าหน่วยคนใหม่กลับมา พอเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้ามาในคาบาเร่ต์ ก็รีบออกจากบาร์ทันทีด้วยรอยยิ้มฉีกกว้าง
“ลูกพี่ ทำไมไม่พาพวกเราไปด้วยล่ะ? แล้วใครจะคอยคุ้มกัน?” ลูอิสแสดงความภักดีตามแบบฉบับ
ลูเมี่ยนตอบกลับด้วยรอยยิ้มยียวน
“พวกนายเนี่ยนะจะคุ้มกันฉัน?”
“เกรงว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ พวกนายจะด่วนจากไปก่อน เดือดร้อนฉันต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ครอบครัว”
ลูอิสยิ้มเขินๆ
“ผมรู้ว่าลูกพี่แข็งแกร่งมาก คนเดียวก็จัดการ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตกับ ‘หมาป่าร้าย’ มาร์โกต์ได้ แต่โบราณว่าไว้ไม่ใช่หรือครับ ว่าสองมือยากจะสู้สี่มือ แล้วอีกอย่าง พวกเรามีปืนกันทุกคน ฝีมือยิงก็ไม่เลวด้วย”
สองมือยากจะสู้สี่มือ? นี่มันคำกล่าวของจักรพรรดิโรซายล์ไม่ใช่หรือไง? ทำไมกลายเป็น ‘โบราณว่าไว้’ ไปได้? จริงสิ… โอลัวร์เองก็สงสัยว่าคำหยาบหลายคำเกิดจากจักรพรรดิโรซายล์ แต่ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้… ลูเมี่ยนเพ่งพินิจลูอิส เจ้าของร่างกายกำยำแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจง กับซาโกตา เจ้าของผมหยิกสีน้ำตาลแดง ร่างกายหนาบึกบึน ริมฝีปากหนา แล้วจึงพยักหน้าเบาๆ
“ถ้าตอนไหนฉันให้พวกนายตามมา ก็ตามมาได้ แต่ถ้าไม่ได้บอกให้ตาม ก็ช่วยฉันเฝ้าคาบาเร่ต์ ใครกล้ามาวอแวก็ยิงทิ้งเลย”
“อ้อ… แล้วที่ไหนมีลานยิงปืนบ้าง?”
“ชั้นใต้ดินของคาบาเร่ต์ครับ” ลูอิสชี้ลงพื้นใต้ฝ่าเท้า “พวกลูกน้องหัวหน้าหน่วยคนอื่นๆ ก็มักจะมาซ้อมยิงที่นี่ แต่ต้องเตรียมกระสุนมาเอง”
“ดี” ลูเมี่ยนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ตอนนี้เขาอยากเร่งฝึกฝนฝีมือการยิงปืน เนื่องจากยังขาดวิธีโจมตีระยะไกลดีๆ
ลูอิสถามต่อ
“ลูกพี่ครับ ผมว่าโรงแรมระกาทองสภาพแย่ไปหน่อยนะ คุณน่าจะย้ายมาพักที่คาบาเร่ต์ถาวรเลยดีกว่า ชั้นสองยังมีห้องว่างอีกหลายห้อง หรือจะใช้ห้องที่บารอนบรินิแยร์เคยใช้พักชั่วคราวก็ได้”
เขาทำตัวกระตือรือร้นออกนอกหน้า ก็เพราะว่าตนกับซาโกตา เดิมทีเป็นคนสนิทของบารอนบรินิแยร์ ถ้าไม่ได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าหน่วยคนใหม่ ก็อาจถูกย้ายไปทำงานเฝ้าประตูหรืออะไรเทือกนั้น ซึ่งไม่เพียงสถานะจะตกต่ำลง แต่ยังจะถูกคนของพรรคซาฟาห์ที่ไม่กินเส้นกันรังแก อีกทั้งรายได้ก็จะลดลงอย่างมาก
ลูเมี่ยนคิดครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“พาฉันไปดูห้องพวกนั้นหน่อย”
เขากำลังหาห้องสำหรับประกอบพิธีอัญเชิญผู้ส่งสารของมาดามเมจิกเชี่ยนอยู่พอดี
ลูเมี่ยนยังไม่คิดจะคืนห้องที่โรงแรมระกาทองทันที ความคิดของเขาคือ จากนี้ไปทุกคืน หลังส่งบอดี้การ์ดอย่างลูอิสกับซาโกตากลับไป เขาจะสุ่มเลือกห้องนอนระหว่างชั้นสองของคาบาเร่ต์ลมเอื่อย กับห้อง 207 ของโรงแรมระกาทอง เพื่อหลีกเลี่ยงการลอบโจมตียามดึก บางทีอาจจะนับรวมบ้านที่เช่าไว้บนถนนเสื้อนอกขาวด้วย
เด็กหนุ่มเชื่อว่าแก๊งหนามพิษคงไม่ปล่อยให้ตน ผู้ที่เล่นงานหัวหน้าหน่วยของแก๊งไปสามคนอย่างไม่กลัวฟ้าดิน ลอยนวลไปได้ง่ายๆ รอให้เจ้าหน้าที่คลายการปราบปรามลงอีกนิด มีโอกาสสูงมากที่ทางนั้นจะลงมือแก้แค้นด้วยการลอบสังหารคืน ลูเมี่ยนมั่นใจมากว่าอีกฝ่ายถูกยั่วโทสะ เพราะโอสถของเขาถูกย่อยไปหลายส่วน ในอีกราวๆ หนึ่งถึงสองเดือนก็ควรเริ่มพิจารณาการเลื่อนลำดับเป็น ‘นักวางเพลิง’ ได้แล้ว
ลูเมี่ยนไม่ได้กังวลมากนักในเรื่องที่ ‘แมงป่องดำ’ กับหัวหน้าแก๊งหนามพิษคนอื่นๆ จ้องจะลอบสังหารตน เขามีนิ้วของมิสเตอร์ K หากพกมันติดตัวไว้ อาจรอดพ้นได้แม้กระทั่งภัยคุกคามจากซูซานน่า·มาติสที่เทียบได้กับผู้วิเศษลำดับ 5 ดังนั้นจะกลัว ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ที่ยังไม่ได้เป็น ‘ผู้หว่านเมล็ด’ ไปไย?
เขาเพียงแต่กลัวว่า หากเกิดเหตุปะทะกันจริงๆ มิสเตอร์ K จะอดใจไม่ไหว จัดการเชือด ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์เองกับมือ ถ้าเป็นอย่างนั้น ลูอิส·ลุนด์ก็จะไม่ปรากฏตัวอีก ช่องทางสืบข่าวก็จะขาดหายไป
ขึ้นมาบนชั้นสอง เดินผ่านร้านกาแฟเข้ามาในโถงทางเดิน หลังจากมองดูรอบๆ แล้ว ลูเมี่ยนชี้ไปยังห้องใกล้ๆ ห้องทำงานของตนที่สุด แล้วเอ่ยปาก
“ห้องนี้แหละ”
ห้องดังกล่าวตกแต่งด้วยเครื่องเรื่องสไตล์คลาสสิกหลายชิ้น เซตเครื่องนอนสี่ชิ้นทอจากกำมะหยี่ ทำความสะอาดอย่างดี มีแม้กระทั่งเก้าอี้โยกที่มีหมอนรองนั่ง
“ลูกพี่ครับ ของที่ทำจากผ้าพวกนี้ ให้เปลี่ยนเป็นชุดใหม่หมดเลยไหมครับ?” ลูอิสถามอย่างประจบประแจง
เมื่อเทียบกับเขา ซาโกตาเงียบขรึมกว่ามาก
“ไม่ต้อง” ลูเมี่ยนหาข้ออ้างส่งบอดี้การ์ดสองคนไปเฝ้าประตูทางเข้าโถงชั้นสองที่มาจากร้านกาแฟ ส่วนตัวเองลงกลอนประตูห้อง แล้วนั่งลงหน้าโต๊ะไม้ตัวใหญ่ติดหน้าต่าง เริ่มเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยน
ในจดหมาย เด็กหนุ่มเน้นย้ำก่อนว่าตนทำภารกิจของมิสเตอร์ K ลุล่วงแล้ว ได้รับความไว้วางใจเบื้องต้น ซ้ำยังถูกอีกฝ่ายเผยแผ่ศาสนา มองเห็นความหวังที่จะได้เข้าร่วมองค์กรลับที่อยู่เบื้องหลังเขา ส่วนถัดมาเป็นการถามว่า ควรสวดวิงวอนถึงเทพที่มิสเตอร์ K นับถือหรือไม่ เพราะอาจจะทำให้ตนถูกพระองค์จับตามองได้ ในช่วงสุดท้าย เด็กหนุ่มเล่าถึงสิ่งที่ทำในระยะหลัง เน้นย้ำความบังเอิญในบางเรื่องที่สร้างความไม่สบายใจให้ตน
พับจดหมายให้เรียบร้อย ลูเมี่ยนจัดแท่นบูชา สร้าง ‘กำแพงวิญญาณ’ ขึ้นมา
หลังทำพิธีอัญเชิญเสร็จ เขาจ้องเปลวเทียนที่ถูกย้อมด้วยสีฟ้าอมเขียว อดทนรอท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันหม่นหมองและหนาวเย็น
ไม่นานนัก ‘ตุ๊กตา’ สูงประมาณแขนก็ปรากฏขึ้นจากแสงเทียน
มันสวมชุดกระโปรงยาวสีทองอ่อน ใช้ดวงตาสีฟ้าอ่อนที่ดูเหม่อลอยมองไปรอบๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาบีบจมูกเล็กๆ ซีดๆ ของตน
“เหม็น! เหม็นมาก!”
“ที่นี่ยังสะอาดไม่เท่าที่เก่าเลย!”
“ที่นี่ไม่สะอาด?” ลูเมี่ยนพลันประหลาดใจ ตามองไปรอบๆ “ไม่มีตัวเรือดด้วยซ้ำ… แถมยังเพิ่งทำความสะอาดเสร็จ”
ผู้ส่งสารยังคงบีบจมูกไว้ พูดด้วยเสียงล่องลอย
“ใต้ดินที่นี่มีกระดูกเก่าๆ ฝังอยู่!”
“มันสกปรก เหม็น และน่าสะอิดสะเอียน!”
พอพูดจบ ‘ตุ๊กตา’ ผมบลอนด์ก็คว้าจดหมายฉบับนั้น แล้วอันตรธานหายไปในพริบตา
เขายังไม่ลืมว่าคาบาเร่ต์ลมเอื่อยถูกสร้างทับพื้นที่สุสานเก่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิหาร โดยศพและกระดูกถูกย้ายไปยังสุสานใต้ดินแล้ว
หลังจากพรรคซาฟาห์ซื้อตึกมา คงรู้สึกว่าบรรยากาศยังค่อนข้างอึมครึม ด้วยเกรงว่าจะมีชิ้นส่วนกระดูกหลงเหลืออยู่ใต้ดินลึกลงไป จึงตัดสินใจสร้างประติมากรรมทรงกลมที่ประกอบจากกะโหลกสีขาววางไว้หน้าทางเข้า พร้อมกับสลักข้อความที่เกี่ยวข้อง
คำนึงจากปฏิกิริยาของผู้ส่งสาร ลูเมี่ยนสงสัยว่าใต้พื้นดินตรงนี้ยังมีศพฝังอยู่จริง แถมยังเก่าแก่มากด้วย
“ตอนที่วิหารนักบุญโรแบร์ย้ายศพและกระดูกจากสุสานเก่าไปยังสุสานใต้ดิน พวกเขาคงไม่จงใจเหลือทิ้งไว้ เว้นเสียแต่จะหาไม่เจอ หรือไม่รู้ว่ามี… หรือเป็นไปได้ไหมว่า ใต้สุสานเก่ายังมีสุสานซ่อนอยู่อีกชั้น เป็นสุสานจากยุคสมัยที่สี่? นั่นคือเหตุผลที่ผู้สงสารมีปฏิกิริยารุนแรง? หืม… ตอนนี้อย่าเพิ่งสนใจเรื่องกระดูกเก่าใต้ดินจะดีกว่า ผ่านมาหลายปีแล้ว คาบาเร่ต์ลมเอื่อยก็ไม่เคยเกิดอาเพศอะไร ปัญหาคงไม่เริ่มปะทุหลังจากเราเข้ามาดูแลหรอกกระมัง?” ขณะครุ่นคิด ลูเมี่ยนก็เก็บแท่นบูชา สิ้นสุดพิธีกรรม
เด็กหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้เอนหลัง เริ่มโยกเบาๆ รอคอยจดหมายตอบกลับจากมาดามเมจิกเชี่ยน
ผ่านไปสักพัก ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ลูเมี่ยนเริ่มคิดว่าควรสั่งให้พวกลูอิสยกมื้อเย็นมาส่งที่ห้องเลย หรือออกไปกินเองที่ร้านกาแฟหรือบาร์ดี
ทันใดนั้น กระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกพับสี่เหลี่ยม ก็ร่วงลงมาจากด้านบน ตกลงบนตัวเด็กหนุ่ม
คราวนี้ ‘ตุ๊กตา’ ผู้ส่งสารแม้แต่หน้าก็ไม่ยอมโผล่ให้เห็น บ่งบอกว่ามันรังเกียจ ‘สภาพแวดล้อม’ โดยรวมของคาบาเร่ต์ลมเอื่อยมากเพียงใด
คราวหน้าอัญเชิญมันที่โรงแรมระกาทองหรือบ้านลับดีกว่า… ลูเมี่ยนคลี่กระดาษออก อ่านอย่างตั้งใจ
“ทำได้ดีมาก ดูเหมือนว่ามิสเตอร์ K จะเริ่มชื่นชมเธอแล้ว ซื้อใจได้แล้วในระดับหนึ่ง”
“ต่อจากนี้ เธอทำตามคำสั่งของเขาไปก็พอ ถึงเวลาที่จำเป็น ฉันจะบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงให้ล่วงหน้า”
“เธอแกล้งทำเป็นศรัทธาในพระองค์ของมิสเตอร์ K ไปก็ได้ อย่างไรเสีย บนตัวเธอมีร่องรอยของสองพระองค์อยู่แล้ว จะเพิ่มอีกหนึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา ฉันแค่กังวลว่ามันจะแออัดไปสักหน่อย”
“หึๆ … ประโยคข้างบนแค่ล้อเล่นนะ วิธีรับมือที่แท้จริงก็คือ”
“สามารถแกล้งทำเป็นศรัทธาได้ แต่ทุกครั้งที่ไปหามิสเตอร์ K เพื่อเข้าร่วมพิธีกรรมสวดวิงวอน ให้ขอพรจากพระองค์ของฉันเพื่อรับเทวทูตคุ้มครองไปก่อน เธอคงรู้จักอาคมพิธีกรรมนั่นแล้วใช่ไหม? ถ้ายัง ก็ไปเปิดอ่านสมุดบันทึกเวทมนตร์ของพี่สาว”
“ในเวลาปกติ จงจำเอาไว้ว่า อย่าเผลอนึกถึงพระนามอันสูงส่งของสิ่งนั้นเด็ดขาด แม้จะสลับลำดับตัวอักษรแล้วก็ตาม เว้นแต่เธอมั่นใจว่าตัวเองได้รับพรคุ้มครองจากเทวทูตแล้ว”
“ส่วนเรื่องความบังเอิญนั่น น่าจะเกิดจากหลายปัจจัยประกอบกัน โดยสะท้อนออกมาในแง่มุมต่างๆ”
“ปัจจัยแรก มลพิษที่ถูกผนึกไว้ในร่างเธอมาจากองค์ซ่อนเร้นที่มีคำว่าชะตากรรมอยู่ในนาม คงไม่ต้องให้บอกใช่ไหมว่าชะตากรรมเกี่ยวข้องกับโชคชะตา? อำนาจดังกล่าวคงจะก่อกวนโชคชะตาเธอในระดับหนึ่ง ทำให้ได้พบเจอกับบางบุคคลและบางเรื่องที่ ‘สุดท้ายก็ต้องเจอ’”
“ปัจจัยที่สอง มิสเตอร์ K น่าจะจัดฉากไว้บางส่วน ผ่านการส่งคนแอบซุ่มในเงามืดเพื่อจับตาดูเธอ ใส่ความคิดชักจูงเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกหัวหน้าหน่วย… นี่ทำให้ฉันสงสัยว่า เขาอาจเป็นลำดับ 6 ‘นักสะกดจิต’ หรือลำดับ 5 ‘นักท่องฝัน’ แห่งเส้นทาง ‘ผู้ชม’ แต่อ้างอิงจากที่เธอเล่าก่อนหน้านี้ เขายังมีความสามารถของ ‘ผู้รับรอง’ ด้วย ดังนั้น มีโอกาสสูงที่เขาน่าจะเป็นลำดับ 5 ‘คนเลี้ยงแกะ’ ซึ่งอยู่บนเส้นทาง ‘ผู้วิงวอนความลับ’ โดยเส้นทางนี้เป็นขององค์ซ่อนเร้นที่มิสเตอร์ K นับถือ”
“‘คนเลี้ยงแกะ’ สามารถเลี้ยงดวงวิญญาณและตะกอนพลังของผู้วิเศษได้หลายคน จึงใช้ความสามารถของพวกเขาได้ นี่ทำให้ ‘คนเลี้ยงแกะ’ ทุกคนล้วนทรงพลัง ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของลำดับกลาง”
“ปัจจัยที่สาม เกิดจาก ‘กฎการรวมตัว’ และข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับ ‘กฎการผลัก’ ที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง เชื่อเถอะ ถ้าไม่อะไรผิดพลาด หลังจากนี้เธอจะได้เจอกับสาวกเทพมารบ่อยขึ้น เจอกับเส้นทางนักล่าและนางมารบ่อยขึ้น”
“พยายามเข้าล่ะ ‘เจ็ดไม้’”
‘คนเลี้ยงแกะ’ ? ฟังดูทรงพลังชะมัด… เราเจอนักล่าเพิ่มอีกหนึ่งแล้ว… เจอนางมารเพิ่มอีกสองด้วย… ลูเมี่ยนจุดไฟเผาจดหมายตอบกลับจากมาดามเมจิกเชี่ยน โดยการใช้พลังวิญญาณเสียดสี
……………………………………………………..