ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 177 เผยแผ่ศาสนา
ตอนที่ 177 เผยแผ่ศาสนา
ก่อนจะขึ้นรถม้าสาธารณะ ลูเมี่ยนจงใจใช้เงิน 6 ริกต์ซื้อนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ เพื่อให้ตัวเองดูเหมือนจะไปเข้าร่วมการชุมนุมของ ‘คนคลั่งไคล้ศาสตร์เร้นลับ’ บนถนนเฌอร์ อาคารหมายเลข 19
เด็กหนุ่มกังวลว่า หลังจากไปเข้าบอสใหญ่พรรคซาฟาห์—การ์ดเนอร์·มาร์ติน อาจมีคนแอบติดตามเขาสักพัก เพื่อยืนยันว่ามีปัญหาหรือไม่
แม้ว่าเขาจะมีเทคนิคสำหรับ ‘สลัดการสะกดรอย’ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างหมดจด แต่นั่นจะไม่ทำให้ผู้คนยิ่งสงสัยเอาหรือ?
เมื่อเทียบกันแล้ว เรื่องราวของเด็กหนุ่มจากชนบท ที่เพิ่งมาถึงทรีอาร์และก้าวเข้าสู่เส้นทางเหนือธรรมชาติโดยบังเอิญ และกระหายที่จะเข้าถึงศาสตร์เร้นลับให้มากขึ้น จึงซื้อนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ มาอ่านและเข้าร่วมชุมนุมของคนคลั่งไคล้ศาสตร์เร้นลับ ซึ่งถูกลงโฆษณาไว้เป็นครั้งคราว ย่อมฟังดูสมเหตุสมผลกว่า
โดยแก่นสารแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ปัญหาเดียวก็คือ ผู้จัดการชุมนุม ‘คนคลั่งไคล้ศาสตร์เร้นลับ’ ที่ว่า คือมิสเตอร์ K ผู้มีองค์กรลับอยู่เบื้องหลังจริงๆ
หากคนของการ์ดเนอร์·มาร์ตินสืบมาถึงตรงนี้ ก็ปล่อยให้พวกเขากับมิสเตอร์ K ซัดกันเองเถอะ แล้วรอดูว่าฝ่ายไหนจะเก่งกว่า!
ในฐานะราชานักแกล้งแห่งหมู่บ้านกอร์ตู ลูเมี่ยนชอบดูเรื่องตื่นเต้นมาตลอด
เมื่อถึงตอนนั้น เด็กหนุ่มจะปรับเปลี่ยนตัวเลือกตามผลการต่อสู้ แต่ทิศทางหลักจะยังไม่เปลี่ยน นั่นคือการทำตามคำสั่งของ ‘มาดามเมจิกเชี่ยน’ แทรกซึมเข้าไปในองค์กรลับเบื้องหลังมิสเตอร์ K
บนรถม้าที่กำลังแล่น ลูเมี่ยนเริ่มเปิดอ่านนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ ในมือ
หัวข้อในฉบับนี้คือ ‘พันธลับ’
แตกต่างจากความเข้าใจโดยปกติของลูเมี่ยน ‘พันธะ’ ใน ‘พันธลับ’ มิได้หมายถึง ‘พันธสัญญา’ แต่หมายถึง ‘พันธมิตร’ เป็นการทำให้จิตวิญญาณของตน สอดประสานกับองค์ซ่อนเร้นผ่านวิธีการเฉพาะ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่สอดคล้องกัน และเข้าถึงภูมิปัญญาศาสตร์เร้นลับในระดับหนึ่ง
นิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ เน้นย้ำใน ‘บทบรรณาธิการ’ ของหลายๆ บทความว่า นี่เป็นการกระทำที่อันตรายอย่างยิ่งยวด เว้นแต่จะมั่นใจว่าเป้าหมายของ ‘พันธลับ’ นั้นเชื่อถือได้และไม่มีเจตนาร้าย มิฉะนั้นไม่แนะนำให้ลองทำตามโดยเด็ดขาด เพราะจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายเข้าขั้นหายนะ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง อาการทางจิต ถูกวิญญาณมารสิงสู่ เสียสติ ตายคาที่ หรือมีบุคลิกเปลี่ยนไป
“อย่างนี้นี่เอง…” ลูเมี่ยนเข้าใจเนื้อหาบางส่วนในสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์ทันที
เดิมทีเด็กหนุ่มตีความประเด็นดังกล่าวในมุมมองของ ‘พันธสัญญา’ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เมื่อลองเปลี่ยนมุมคิด ก็เริ่มจะเข้าใจเนื้อหาขึ้นมาบ้าง
ลูเมี่ยนก้มหน้ามองนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ ในมือ ชื่นชมในใจสองประโยค
“มีประโยชน์มากกว่าที่คิดนะเนี่ย… ทีแรกนึกว่าถูกแต่งขึ้นมาหลอกคนคลั่งศาสตร์เร้นลับเสียอีก…”
“อา… แม้จะมีข้อผิดพลาดในทางสำนึกอยู่มาก ไม่เหมือนกับคนที่ก้าวเข้าสู่โลกเหนือธรรมชาติจริงๆ เพื่อทำการวิจัย แต่แนวคิดบางอย่างกลับถูกอธิบายอย่างมีชั้นเชิง ใกล้เคียงกับคำตอบที่ถูกต้อง บางประเด็นยังมอบแรงบันดาลใจให้เราได้ด้วย…”
ระหว่างที่นึกชื่นชมอยู่นั้น เด็กหนุ่มรำพัน
“ดูจากที่มิสเตอร์ K อาศัยอยู่ใต้ดินของตึกสำนักงานใหญ่นิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ … อย่าบอกนะว่าในหมู่กองบรรณาธิการกับนักเขียนมีผู้วิเศษอยู่จริงๆ?”
“พวกเขาเขียนบทความที่ถูกต้องออกมาก่อน แล้วจึงจงใจเปลี่ยนแนวคิดกับสามัญสำนึกให้ผิดพลาด?”
ท่ามกลางกระแสความคิด ลูเมี่ยนได้แต่ร้องซี้ดอยู่ในใจ
“ถ้ามองจากมุมนี้… บทความกับบทบรรณาธิการในนิตยสารมิได้คิดจะสอนพิธีกรรม ‘พันธลับ’ ให้ถูกต้อง แต่กลับเป็นการเตือน… เตือนบางคนที่คิดลองทำ ‘พันธลับ’ ส่งเดช!”
“ไม่สิ ไม่ใช่ส่งเดช แต่น่าจะถูกชักนำโดยคนที่มีเจตนาร้ายมากกว่า…”
“หรือว่าเคยเกิดหายนะเพราะ ‘พันธลับ’ มาหลายครั้งแล้ว?”
ถึงตรงนี้ลูเมี่ยนมองนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ ในมือ โดยมิได้สนใจคำศัพท์เฉพาะอีกต่อไป
เขาถึงกับรู้สึกว่า ด้านในเต็มไปด้วยคำเตือนที่เขียนจากตัวอักษรชุ่มเลือด
“หยุดเดี๋ยวนี้! เลิกประกอบพิธี ‘พันธลับ’ ได้แล้ว!”
โลกของศาสตร์เร้นลับช่างเต็มไปด้วยอันตรายอย่างแท้จริง… ลูเมี่ยนหลับตาลงชั่วขณะ พลางทอดถอนใจรำพัน
ยิ่งอยู่ในแวดวงศาสตร์เร้นลับนานเข้า เด็กหนุ่มก็ยิ่งเข้าใจความรู้สึกท้อแท้และการดิ้นรนของพี่สาวมากขึ้น
เขาปิดนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ ที่ราคาถูกกว่านิตยสารทั่วๆ ไปสองริกต์ และหันเหสายตาไปทางหน้าต่างรถม้า
หลังจากมาถึงถนนเฌอร์ในเขตถนนหลวง ลูเมี่ยนก็ใช้เทคนิค ‘สลัดการติดตาม’ ตามปกติหนึ่งครั้ง เพื่อแสดงสัญชาตญาณของนักล่า
จากนั้น เด็กหนุ่มเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ เคาะประตูห้อง 103 ในจังหวะยาวสาม สั้นสอง ยาวหนึ่ง
เฉกเช่นคราวก่อน เขาถูกพาตัวไปยังห้องใต้ดินและได้พบกับมิสเตอร์ K
มิสเตอร์ K ยังคงสวมเสื้อคลุมยาวสีดำที่มีฮู้ดใหญ่มาก ปิดบังใบหน้าทั้งหมดไว้ใต้เงา
อีกฝ่ายนั่งบนเก้าอี้หุ้มหนังสีแดง จ้องมองลูเมี่ยนอยู่สักครู่ ก่อนจะเอ่ยปากด้วยเสียงแหบต่ำ
“คราวนี้มีอะไรหรือ”
“มิสเตอร์ K ผมทำภารกิจที่คุณมอบหมายเสร็จแล้ว กลายเป็นหัวหน้าพรรคซาฟาห์ในเขตตลาด คอยคุมคาบาเร่ต์ลมเอื่อยกับโรงแรมระกาทอง” ลูเมี่ยนเล่ายิ้มๆ
มิสเตอร์ K พยักหน้าตอบอย่างนุ่มนวล
“ทำได้ดีมาก ผมชอบรูปแบบการทำงานของคุณจริงๆ”
“ถัดไป งานของคุณคือการได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากการ์ดเนอร์·มาร์ติน ทำให้เขายอมรับในตัวคุณอย่างแท้จริง”
คราวนี้มิสเตอร์ K มิได้เอ่ยถึง ‘ค่าตอบแทน’ หรือ ‘ภารกิจ’ แต่สั่งเอาตรงๆ ราวกับถือว่าลูเมี่ยนเป็นลูกน้องแล้ว
ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากบอส? ลูเมี่ยนตกใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเกิดความสงสัยปนกังวล
เด็กหนุ่มยังไม่ลืมว่าตอนที่มิสเตอร์ K มอบหมายภารกิจ เขาไม่ได้ระบุว่าต้องเข้าร่วมพรรคซาฟาห์แต่ใช้คำว่า ‘อะไรก็ได้’ ขยายอยู่หลัง ‘แก๊ง’ !
แต่ตอนนี้ งานต่อเนื่องกลับเป็นการได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างแท้จริง จากบอสใหญ่พรรคซาฟาห์!
“ถ้าตอนนั้นเราไม่ได้เลือกบารอนบรินิแยร์ แต่เลือกแก๊งอื่นแทน วันนี้มิสเตอร์ K จะมอบหมายงานแบบไหนให้?”
“หรือเขามั่นใจว่าเราจะเข้าร่วมพรรคซาฟาห์?”
“เอาอะไรมามั่นใจ?”
“หลังจากเราฆ่าไอ้วิตถารนั่นจนได้ยาสลบมา บารอนบรินิแยร์ก็สั่งให้เราไปฆ่าหัวหน้าหน่วยแก๊งหนามพิษสักคน… กลายเป็นว่ามีโอกาสให้ใช้ยาสลบทันที…”
“บังเอิญเกินไปไหม?”
“ยังมีเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันอีก…”
“บางครั้งเราก็รู้สึกว่ามีคนคอยจ้องมองในเงามืด แต่ก็ไม่พบอะไรเลย…”
“หรือว่า… ทั้งหมดนี้เป็นการจัดฉากของมิสเตอร์ K?”
“ถ้าเราไม่เลือกพรรคซาฟาห์ หลังจากผ่านไปสองสามเหตุการณ์ เราก็จะถูก ‘จัดฉาก’ ให้เข้าพรรคซาฟาห์อยู่ดี?”
ยิ่งลูเมี่ยนคิด ก็ยิ่งขนลุกซู่
ขณะเด็กหนุ่มมองมิสเตอร์ K อีกครั้ง ในใจพลันเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่ออีกฝ่าย เลิกคิดว่าเป็นแค่แกะที่เลี้ยงไว้เพื่อตัดขนขาย
หากไม่นับ ‘มาดามเมจิกเชี่ยน’ และอีกสองสามคน นี่อาจเป็นผู้วิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ!
ทำให้ตนเต้นรำบนฝ่ามือได้โดยไม่รู้ตัว!
ท่ามกลางกระแสความคิด ลูเมี่ยนก้มหน้าลงแล้วพูด
“ได้ครับ มิสเตอร์ K”
เด็กหนุ่มวางตัวเหมือนเป็นลูกน้องอีกฝ่าย
ขณะเดียวกันก็นึกถึง ‘บูตแดง’ ฟรังก้า
สมาชิกขององค์กรลับ ‘สมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก’ ผู้มีทั้งภูมิหลังและฝีมือ แต่กลับแฝงตัวอยู่ในแก๊งอันธพาลเพื่อเป็นชู้รักของบอสใหญ่ เห็นได้ชัดว่าต้องมีจุดประสงค์อื่น
เป้าหมายคือการเข้าใกล้การ์ดเนอร์·มาร์ติน? ชายคนนี้พัวพันกับเรื่องที่สำคัญมาก หรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับความลับที่สำคัญมาก? ลูเมี่ยนลองเดา
มิสเตอร์ K พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ผมดีใจที่คุณรู้จักสถานะตัวเอง… ไม่ต้องห่วง ผมไม่เคยตระหนี่กับรางวัล…”
“ว่าแต่ พักนี้ได้ไปสวดมนต์ที่วิหารบ้างไหม?”
เขาเปลี่ยนเรื่อง
“ผมเป็นผู้ต้องหามีค่าหัวนะ!” ลูเมี่ยนระลึกถึงคำแนะนำของมาดามเมจิกเชี่ยน จึงกล่าวด้วยสีหน้าเคียดแค้น “นอกจากนั้น… พวกเทพก็ไม่มีทางช่วยเราอยู่แล้ว!”
มิสเตอร์ K หัวเราะเบาๆ
“ไม่ใช่ไม่มีทาง แต่ทำไม่ได้ต่างหาก… พลังของเหล่าพระองค์ท่าน มิอาจครอบคลุมสาวกได้ครบทุกคน มิอาจบรรเทาความลำบากยากเข็ญได้ทุกเรื่อง…”
“เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ แต่เมื่อตกผลึกดูแล้ว สาเหตุที่แท้จริงมีเพียงข้อเดียว…”
“ความอ่อนแอคือบาปต้นกำเนิด”
“คุณสนใจจะศึกษาพระองค์ท่านที่ผมศรัทธาไหม? พระองค์คือสัญลักษณ์แห่งความจริงของโลก คือผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีพระคุณเปี่ยมล้น ผู้สร้างและผู้ทำลายทุกสรรพสิ่ง พระองค์คือพระอำนาจ พระองค์คือพวกเรา”
เมื่อเห็นลูเมี่ยนเงียบไป มิสเตอร์ K ก็มิได้บังคับ
“คุณไม่จำเป็นต้องรีบตอบ กลับไปคิดให้ถี่ถ้วน ไตร่ตรองดูว่าแท้จริงแล้ว ใครสามารถช่วยเราได้ ใครให้ที่พักพิงแก่เราท่ามกลางโลกโหดร้ายและบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ …”
“เมื่อคุณตั้งมั่นที่จะศรัทธาในพระองค์ คุณจะกลายเป็น ‘พวกเรา’ อย่างแท้จริง และในไม่ช้า พลังอำนาจของคุณก็จะก้าวกระโดด”
“ผมจะกลับไปคิดให้ถี่ถ้วน” ลูเมี่ยนตอบเสียงต่ำ
มิสเตอร์ K ถามต่อ
“ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม”
ลูเมี่ยนที่ปรับสภาพจิตใจเสร็จแล้ว ถามด้วยความคิดทำนอง ‘ถามไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย’
“ระหว่างทำภารกิจ ถ้าต้องเผชิญกับอันตราย ผมสามารถใช้นิ้วนั่นของคุณได้ไหม ใช้อย่างไร?”
มิสเตอร์ K พยักหน้าเป็นนัยอนุญาต
“แค่หยิบออกมาก็พอ”
เป็นนัยว่าให้ใช้ได้
“ถ้าใช้ไปแล้ว ต่อไปผมจะรับมือกับภัยคุกคามจากซูซานน่า·มาติสอย่างไร?” ลูเมี่ยนยังถามต่อ
มิสเตอร์ K เงียบไปสักสองสามวินาที
“หลังจากใช้นิ้วนั่นแล้ว ให้มาหาผมที่นี่ จะให้เพิ่มอีกหนึ่งนิ้ว”
เป็นของที่ใช้แล้วหมดไปจริงๆ ด้วย… ลูเมี่ยนคิดสักพักแล้วพูดต่อ
“ผมขายตะกอนพลังของ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตให้การ์ดเนอร์·มาร์ตินไปในราคา 18,000 เฟลคิน ผมอยากซื้อสมบัติปิดผนึกที่ช่วยเพิ่มอำนาจในทางศาสตร์เร้นลับ หรือไม่ก็ช่วยให้ปลอมตัวได้ดีขึ้น… ไม่ทราบว่ามิสเตอร์ K พอจะมีของแบบนั้นไหมครับ?”
มิสเตอร์ K ไม่รีบตอบ คล้ายกำลังใคร่ครวญหาตัวเลือกที่เหมาะสม
ผ่านไปสักพัก เขาพูดกับลูเมี่ยน
“คืนวันพฤหัสหน้า คุณมาเลือกเองที่นี่”
ลูเมี่ยนยิ้มออก
“ขอบคุณครับ มิสเตอร์ K”
การมีองค์กรลับคอยหนุนหลังนี่สะดวกดีจริงๆ ถึงแม้จะยังเป็นแค่สมาชิกวงนอกก็ตาม
…
กลับถึงเขตตลาดคนซื่อ อันดับแรกลูเมี่ยนนำนิ้วของมิสเตอร์ K ไปเก็บที่ห้อง 207 โรงแรมระกาทอง แล้วจึงกลับมายังคาบาเร่ต์ลมเอื่อย เตรียมหาห้องสะอาดๆ สำหรับอัญเชิญผู้ส่งสารของมาดามเมจิกเชี่ยน เพื่อรายงานความคืบหน้าภารกิจให้เธอทราบ รอดูว่าอีกฝ่ายจะช่วยตนไขปริศนาหรือไม่ เช่น มิสเตอร์ K ใช้วิธีใดทำให้เรื่องราวดูเหมือนเกิดขึ้นโดยบังเอิญ
……………………………………………………..