ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 168 เป้าการสวด
ตอนที่ 168 เป้าการสวด
ตลอดทาง ลูเมี่ยนพึ่งพาความไวของสายตาและมือ หลบหลีกเด็กเสิร์ฟที่ถืออาหารออกมา หรือนำภาชนะที่ใช้แล้วกลับไปคืน
ไม่นานนัก เด็กหนุ่มเข้าใกล้ห้องครัว แลเห็นสภาพภายในอันยุ่งเหยิง
ภาชนะที่ยังไม่ได้ล้าง ถูกวางซ้อนกันอย่างไร้ระเบียบในอ่าง แต่ละใบเต็มไปด้วยคราบมัน มีผู้หญิงสองคนยืนประจำอ่าง คอยล้างทำความสะอาดโดยไม่ได้หยุดพัก
เตาหลายเตาคอยพ่นไฟสีเหลืองอ่อน ทำให้มิติอันคับแคบนี้ร้อนกว่าภายนอกหลายองศา ทุกคนต่างเหงื่อแตก กุลีกุจออยู่กับงานของตน
พ่อครัวสามคนสวมผ้ากันเปื้อนสีขาว ทำอาหารแตกต่างกันไป นานๆ ทีจะตักใส่จาน บางครั้งก็ใช้นิ้วจุ่มซอสนิดๆ หรือไม่ก็หยิบอาหารชิ้นเล็กๆ ใส่ปากชิมรสชาติ พอเสร็จก็เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน แล้วเริ่มปรุงอาหารจานถัดไป
เด็กเสิร์ฟที่ถูกพ่อครัวเรียก จะเดินเข้ามายกจานออกไปเสิร์ฟ บ่อยครั้งที่นิ้วหัวแม่มือสัมผัสกับอาหารหรือจุ่มลงในซุปข้นๆ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่รู้สึกตัว หรือไม่ก็ไม่ใส่ใจ
บรรดาลูกมือรอบๆ พ่อครัวช่วยกันหั่นผัก บางคนก็จัดการปลา บางคนทำความสะอาดวัตถุดิบอื่น บางคนทิ้งขยะ บางคนคอยส่งเครื่องปรุงกับวัตถุดิบ เป็นความชุลมุนวุ่นวายอย่างแท้จริง แต่ไม่ว่าจะทำงานหนักสักเพียงใด ห้องครัวก็ยังดูยุ่งเหยิงไม่เปลี่ยน บนพื้นเต็มไปด้วยใบผักและเปลือกผลไม้ ข้างเตากับอ่างล้างจานมีคราบมันกระจายอยู่ทั่ว
เสียงหลักๆ ในนี้คือเสียงด่าทอกับเสียงเรียกของพ่อครัวและผู้ช่วย นับว่าคึกคักอย่างยิ่ง
หากลูเมี่ยนหลับตา ฟังด้วยหูเพียงอย่างเดียว เขาอาจจะคิดว่าที่นี่คือสนามรบสุดโกลาหล
อาศัยสถานการณ์ดังกล่าว เด็กหนุ่มหลบหลีกผู้คนที่ยุ่งมือเป็นระวิงได้ไม่ยากเย็น จนมาถึงตู้เก็บวัตถุดิบหลากชนิด
อาศัยแผ่นกั้น ที่จับ ท่อแก๊สสีเทาขาว และท่อน้ำประปา เขาค่อยๆ ปีนขึ้นเพดาน คลานเข้าไปในท่อระบายอากาศที่ติดตั้งอยู่
กลิ่นไอน้ำมันทะลวงเข้าจมูกลูเมี่ยนทันที ทำเอาคนจมูกดีแบบเขาแทบจะเป็นลม
อาศัยความ ‘ทนต่อสภาพแวดล้อมโหดร้าย’ ของภิกษุบิณฑบาต ลูเมี่ยนฝืนคลานไปตามท่อระบายอากาศอย่างยากลำบาก บางครั้งก็ปีนขึ้นบน
ผ่านไปราวๆ สิบกว่าวินาที เด็กหนุ่มโผล่ศีรษะออกจากเพดานห้องน้ำบนชั้นสอง
หลังจากยืนยันว่าไม่มีใคร ลูเมี่ยนกระโดดลงอย่างคล่องแคล่ว เดินเร็วไปทางประตู เพื่อแอบชะโงกมองทางเดินทั้งสองฝั่ง
แถวนี้เงียบมาก สมาชิกแก๊งเฝ้าอยู่แค่ตรงทางลงบันได สนใจเพียงคนที่จะเดินขึ้นมา มิได้ระวังหลังแม้แต่น้อย
ลูเมี่ยนทำหน้าโล่งใจ รีบระบุห้องเป้าหมาย แล้วค่อยๆ หมอบไปยังห้องข้างเคียง
ประตูห้องถูกลงกลอนแน่นหนา แต่ก็มิใช่ปัญหาสำหรับเด็กหนุ่ม เพียงอาศัยเหล็กที่พกติดตัวมาด้วย ไขกุกกักไม่กี่ครั้งก็เปิดประตูไม้นั่นได้
ไม่ผิดจากที่จินนาอธิบายไว้ ห้องน้ำในห้อง ‘ค้อนเหล็ก’ ไม่มีชานหน้าต่าง มีเพียงการตกแต่งที่ยื่นออกมาสั้นๆ พอให้คนแบะเท้ายืนอย่างฝืนๆ
กระทั่งสำหรับ ‘นักล่า’ การกระโดดจากชานหน้าต่างไปยังส่วนยื่นแล้วยืนอย่างมั่นคง ก็ดูจะยากลำบากเกินไป
โชคยังดี ลูเมี่ยนยังเป็น ‘นักเต้น’ ด้วย มีความยืดหยุ่นในระดับเหนือธรรมดา
หลังจากจ้องอยู่สักพัก เด็กหนุ่มเริ่มกระโดด เท้าขวาเหยียบลงบนส่วนยื่นอย่างมั่นคง แต่ฝั่งซ้ายของร่างกายเกือบจะเสียการทรงตัว โงนเงนไปยังทิศทางที่ทำให้ตก
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ร่างลูเมี่ยนดีดกลับเหมือนสปริง เอนตัวเข้าหาห้องน้ำนั่น พร้อมกับใช้มือขวาจับกรอบหน้าต่างไว้อย่างเหนียวแน่น
เด็กหนุ่มหามุมยืนจนมั่นคง แล้วจึงย่อตัวลง โผล่หัวออกไปเพียงครึ่งเดียว แอบมองเข้าไปในห้องน้ำอย่างเงียบเชียบ
ประตูห้องน้ำเปิดอ้าไว้ มีคนของแก๊งเดินผ่านไปมาเหมือนกำลังลาดตระเวน
ลูเมี่ยนรอคอยอย่างอดทน จนกระทั่งเข้าใจรูปแบบการเฝ้ายาม จึงถือโอกาสช่วงที่หน้าห้องน้ำไม่มีใคร รีบใช้มีดของเฮิดซ์แงะหน้าต่างแล้วกระโดดเข้าไป
เด็กหนุ่มไม่ตื่นตระหนก ไม่ร้อนรน ยังมีการหันกลับไปปิดหน้าต่างอย่างใจเย็น แล้วจึงเข้าไปแอบในอ่างอาบน้ำ อาศัยผ้าม่านที่แขวนอยู่แต่ยังไม่ถูกคลี่ ช่วยปิดบังร่างกายที่กำลังยืน
ลูเมี่ยนที่แทรกซึมเข้ามาอย่างราบรื่น ทยอยจัดสิ่งของที่จะใช้ในลำดับถัดไปให้สะดวกต่อการหยิบจับ พลางท่องจำตำแหน่ง ป้องกันมิให้หยิบผิดเพราะความตื่นตระหนก
ถัดมา เด็กหนุ่มยืนนิ่งปานรูปปั้น คอยฟังเสียงจากห้องด้านนอก
‘ค้อนเหล็ก’ แอต บ้างก็ถามถึงรายได้ในระยะหลังจากผู้จัดการคาบาเร่ต์ บ้างก็ตำหนิลูกน้องสองสามคำ บ้างก็หยอกเย้าหางเครื่องดาวเด่นอย่างแนบชิด
ไม่นานนัก หลังจากผู้จัดการคาบาเร่ต์กับหางเครื่องดาวเด่นออกไป แอตลุกขึ้นยืน เริ่มเดินวนเวียนด้วยจังหวะไม่เร็ว
เขาสั่งพวกนักเลงในห้องที่มีอยู่ในมาก
“ในช่วงไม่กี่วันหลังจากนี้ ส่งคนทั้งหมดของเรากระจายกันไป ‘เยี่ยม’ บ้านทุกหลังในถิ่น… ต้องทำให้แน่ใจว่าในการเลือกตั้งใหญ่สัปดาห์หน้า ท่านส.ส. จะชนะในเขตตลาด!”
หืม… แก๊งของพวกแกแทรกแซงการเลือกตั้งใหญ่ด้วยสินะ? ลูเมี่ยนรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ขนาดนั้น
แก๊งในทรีอาร์ไม่มีทางเติบโตได้ หากปราศจากการสนับสนุนจากคนใหญ่คนโต พวกมันต้องมีเส้นสายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่นกรรมาธิการตำรวจหรือนักการเมืองรายใหญ่ หรือไม่ก็เป็น ‘ถุงมือดำ’ ให้กับนักธุรกิจใหญ่ โดยที่นักธุรกิจใหญ่เหล่านี้ ล้วนมีส่วนได้ส่วนเสียกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล หรือเบื้องบนของศาสนจักร หรือผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ลูเมี่ยนคาดไม่ถึงว่าบุคคลเบื้องหลังแก๊งหนามพิษจะทะเยอทะยานถึงขนาดคิดแย่งชิงเก้าอี้ในสภา ทีแรกนึกว่าอย่างมากก็คงเป็นระดับกรรมาธิการตำรวจ หรือพวกสภาเมืองทรีอาร์อะไรเทือกนั้น
อินทิสปกครองในระบอบสาธารณรัฐแบบ ‘รัฐสภา’ โดยประชาชนในแต่ละเขตเลือกตั้ง จะมีสิทธิ์เลือกตัวแทนเขตเพื่อไปจัดตั้งรัฐสภาที่ชื่อว่า ‘ที่ประชุมใหญ่แห่งชาติ’
รัฐสภา ‘ที่ประชุมใหญ่แห่งชาติ’ นี้มีอำนาจแต่งตั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี โดยที่ประธานาธิบดีกับนายกรัฐมนตรีจะเลือกเฟ้นและแต่งตั้งบรรดารัฐมนตรีอีกทอดหนึ่ง แต่แน่นอนว่าต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา
รัฐสภายังมีอำนาจในการออกกฎหมาย ประกาศสงคราม และกำหนดงบประมาณของรัฐบาล สมาชิกสภาแต่ละคนถือเป็นคนใหญ่คนโต
ณ ปัจจุบัน ที่ประชุมใหญ่แห่งชาติมีสมาชิกมากกว่าสามร้อยที่นั่ง หนึ่งในสิบมาจากชนชั้นขุนนางเดิม โดยมีอดีตราชวงศ์อย่างตระกูลเซารอนเป็นแกนหลัก ที่นั่งที่เหลือจะถูกแบ่งตามแคว้นและเขตการปกครองพิเศษ โดยอิงจากจำนวนประชากรและขนาดเศรษฐกิจเป็นหลัก หนึ่งในนั้นคือแคว้นทรีอาร์
ทั้งในแง่จำนวนประชากรและขนาดเศรษฐกิจ กรุงทรีอาร์ถือว่ามีอิทธิพลสูงสุดในแคว้นทรีอาร์ หรือแม้กระทั่งในสาธารณรัฐอินทิส จึงได้รับที่นั่งในสภาไปเกือบสี่สิบเก้าอี้
เกือบสี่สิบที่นั่งตรงนี้จะถูกจัดสรรให้กับยี่สิบเขต บางเขตมีสมาชิกสภาถึงสี่หรือห้าคน บางเขตมีเพียงหนึ่งคน และโดยตำแหน่งแล้ว พวกเขายังทำหน้าที่เป็น ‘สมาชิกสภาเมือง’ ควบคู่กันด้วย
เขตตลาดคนซื่อถูกจัดให้เป็นเขตเลือกตั้งขนาดเล็กที่มีเพียงหนึ่งที่นั่ง ใครก็ตามที่ถูกเลือก จะได้เป็นบุคคลทรงอำนาจและทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของเขต
ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชาติ พรรคหัวก้าวหน้าที่ได้รับเสียงสนับสนุนมากที่สุด หรือพรรคปฏิรูปที่ต้องการแก้ไขปัญหาต่างๆ ล้วนทุ่มเทสรรพกำลังเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
ผู้ที่ครองเสียงข้างมากในสภาจะได้เป็นรัฐบาลชุดใหม่ หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องยอมประนีประนอม ยอมอ่อนข้อ เพื่อจับมือกับพรรคอื่นๆ
นอกจากพรรคประชาชาติ พรรคหัวก้าวหน้า และพรรคปฏิรูป ในอินทิสยังมีพรรคจักรพรรดิ (กลุ่มผู้พยายามฟื้นฟูลัทธิโรซายล์) และพรรคเผาถ่านที่ไม่พอใจกับระบบปัจจุบัน จึงพยายามโค่นล้มทุกอย่างด้วยกำลัง
คนของแก๊งต่างขานรับ ‘ค้อนเหล็ก’ แอต แสดงถึงความมั่นใจว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาด
แต่พวกเขากลับไม่ยอมเอ่ยถึงพรรค หรือผู้สมัครที่คอยสนับสนุนอยู่ ทำให้ลูเมี่ยนหงุดหงิดเบาๆ
แค่พูดสักคำมันจะตายหรือไง!
หลังจากออกคำสั่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ‘ค้อนเหล็ก’ แอตพูดกับลูกน้อง
“พวกนายออกไปก่อน ถ้าฉันไม่สั่งไม่ต้องเข้ามา”
หมอนี่คิดจะทำอะไร? ลูเมี่ยน ‘ฟัง’ ด้วยความประหลาดใจ
ไม่นานนัก คนของแก๊งทยอยออกจากห้อง ทิ้งให้ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตอยู่ตามลำพัง
ลูเมี่ยนยังไม่ลงมือ เพราะหลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เขาได้ข้อสรุปว่า ในสถานการณ์ที่ไม่ได้ใช้ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ การต่อสู้ในห้องน้ำกับ ‘ค้อนเหล็ก’ แอต จะสอดคล้องกับแผนมากกว่าข้างนอก
ด้านนอกห้องกลายเป็นเงียบสงัด เด็กหนุ่มต้องเพ่งสมาธิฟังจึงจะพอได้ยินบ้าง
คล้ายกับ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตกำลังพึมพำกับตัวเอง
“ผู้พิทักษ์คนชั่ว… สุภาพสตรีผู้ฟูมฟักเทพ…”
สุภาพสตรีผู้ฟูมฟักเทพ? ฟังดูยิ่งใหญ่ชะมัด… แอตกำลังสวดวิงวอน… ต่อองค์ซ่อนเร้น? ดูเหมือนจะมีคำนิยามอยู่สี่ห้าประโยค แตกต่างจาก ‘นิยามสามประโยค’ ตามมาตรฐาน… ลูเมี่ยนเดาได้ไม่ยากว่า ‘ค้อนเหล็ก’ แอตกำลังทำอะไร
แต่ถ้าถามว่ากำลังสวดถึงใคร จากคำอธิบายที่ได้ยินขาดๆ หายๆ เด็กหนุ่มจนปัญญาที่จะเดา
อย่างน้อยก็มิได้อยู่ในขอบเขตปัญญาศาสตร์เร้นลับที่เขามี
อย่างพร่าเลือน ลูเมี่ยนสัมผัสได้ว่าห้องด้านนอกถูกปกคลุมด้วยความชั่วร้าย
ใช่แล้ว ห้องทั้งห้องกลายเป็นความชั่วร้าย
ลูเมี่ยนกลั้นหายใจ รวบรวมสติ ไม่กล้าฟังเสียงจากด้านนอกอีก
ผ่านไปไม่นาน ความรู้สึกดังกล่าวเริ่มเลือนราง ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
ลูเมี่ยนบรรจงหายใจออก ขยับฝ่ามือเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน ‘ค้อนเหล็ก’ แอตสั่งให้ลูกน้องกลับเข้ามาในห้อง
ลูเมี่ยนจึงรอต่อไป
นาทีแล้วนาทีเล่าผ่านไป จนกระทั่งเด็กหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินมาทางห้องน้ำ
นี่คือเสียงเดินของ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตที่ลูเมี่ยนจำแนกได้นานแล้ว
เขาหยิบขวดโลหะใบเล็กที่มีรอยบากออกมาทันที
จากนั้นก็เปิดฝาขวด ยัดก้อนกระดาษเรียวๆ ที่ขยำไว้ล่วงหน้าใส่ปากขวด
ไม่กี่วินาทีถัดมา เมื่อเสียงเท้าเริ่มดังใกล้ห้องน้ำ ลูเมี่ยนดึงก้อนกระดาษออกแล้วขันฝาขวดให้แน่น
เด็กหนุ่มฉีกก้อนกระดาษเป็นสองส่วน ยัดเข้าไปในจมูกของตน
กลิ่นคล้ายมูลสัตว์หมักหมมทะลวงเข้าไปในสมองลูเมี่ยน ทำเอาเกือบจะหลั่งน้ำตา มือขวาอยากกระชากก้อนกระดาษออกในทันที
ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ผนวกกับจุดแข็งด้านการ ‘ทนต่อสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย’ ของภิกษุบิณฑบาต ลูเมี่ยนข่มใจได้อย่างเต็มกลืน
ขณะใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว กล้ามเนื้อหน้าสั่นกระตุก เด็กหนุ่มหยิบขวดโลหะที่บรรจุแก๊สอีกใบออกมาเปิดฝา
แกร่ก!
‘ค้อนเหล็ก’ แอตปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินไปยืนหน้าชักโครก
ห้องน้ำกลายเป็นมิติกึ่งปิดทันที มีเพียงช่องว่างตามซอกประตู กับหน้าต่างที่มีอากาศไหลผ่านเล็กน้อย
หึ… มีดวงจะเลือดตกยางออก… ลูเมี่ยนอ่านดวงไปพลาง คอยส่ายขวดโลหะที่เปิดฝาไปพลาง ส่งผลให้แก๊สไร้สีไร้กลิ่นในขวด เริ่มฟุ้งไปทั่วห้องน้ำ
นี่คือยาสลบวิเศษที่เฮิดซ์ผลิตขึ้นเอง มีฤทธิ์ทำให้ ‘นักลอบสังหาร’ ที่อยู่ใกล้ เพียงได้กลิ่นที่ระเหยเล็กน้อยจากกระดาษ ก็พลันสูญเสียกำลังวังชาไปส่วนหนึ่ง!
นับว่าเหมาะอย่างยิ่งกับพื้นที่แคบกึ่งปิดในห้องน้ำ
นี่คือกับดักที่ลูเมี่ยนติดตั้งเพื่อล่า ‘ค้อนเหล็ก’ แอต!
แน่นอน กว่าแก๊สจะกระจายเต็มห้องจนส่งผลที่ต้องการ ย่อมต้องใช้เวลาไม่น้อย เพราะเหยื่อมิได้สูดกลิ่นในระยะประชิด
แผนการถัดไปของลูเมี่ยนก็คือ ไม่เปิดโอกาสให้ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตออกจากห้องน้ำ และอย่าให้นักเลงด้านนอกเปิดประตูเข้ามา
เด็กหนุ่มวางขวดโลหะที่ฝาเปิดอยู่ไว้กับขอบอ่างอาบน้ำ หยิบลูกโม่ของจินนาออกมา เล็งผ่านม่านไปยังโถส้วม
……………………………………………………..