ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 167 การรวมตัว
ตอนที่ 167 การรวมตัว
หลังจากฟังคำบรรยายของจินนา ลูเมี่ยนที่เต้นทวิสต์อย่างชำนาญ เผยสีหน้าตกใจเล็กๆ พร้อมกับถามกลับ
“คุณรู้เยอะขนาดนี้ได้ยังไง?”
ช่วงแรกยังพอเข้าใจได้ ในเมื่อจินนาเคยไปที่ห้องนั้นเพื่อคุยงานกับ ‘ค้อนเหล็ก’ แอต เธอย่อมเข้าใจโครงสร้างตึกและตำแหน่งคนดูลาดเลา แต่เรื่องที่สามารถปีนจากท่อลมในห้องครัวไปชั้นสอง เรื่องที่กระโดดจากหน้าต่างห้องข้างๆ เข้าห้องน้ำ หรือเรื่องที่ห้องน้ำมีส่วนยื่นออกมา เป็นข้อมูลที่นักร้องนางพญาผู้ร้องเพลงลามก สามารถทราบได้หรือไง?
และเธอก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องรู้เรื่องพวกนี้เลยสักนิด!
ใบหน้าของจินนาที่ทาอายแชโดว์สีดำกับไฝปลอม เผยให้เห็นความพึงพอใจอย่างยิ่ง
“อย่าสนใจเลยว่าฉันรู้ได้ยังไง… สิ่งที่ไม่ควรมองก็อย่ามอง สิ่งที่ไม่ควรฟังก็อย่าฟัง สิ่งที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม”
หญิงสาวปรับแต่งคำพูดในช่วงบ่ายของลูเมี่ยนเล็กน้อย ก่อนจะสนองคืนให้
และนั่นทำให้เธออารมณ์ดีอย่างมาก
คนที่จะสังเกตเห็นรายละเอียดระดับนี้ได้ ถ้าไม่ใช่พวกที่คิดจะ ‘ลอบสังหาร’ ก็ต้องเป็นพวก ‘วางแผนหนีออกจากสถานการณ์คับขัน’ … จินนาเป็นกรณีไหน? หืม… ความสามารถในการสังเกตและจดจำสภาพแวดล้อมแทบไม่ด้อยกว่า ‘นักล่า’ เลย… ต้องเป็นโอสถที่เน้นการลอบสังหาร ถึงจะเก็บเกี่ยวข้อมูลพวกนี้เข้าหัว… ลอบสังหาร… ท่ามกลางกระแสความคิด ลูเมี่ยนตัดสินใจหยั่งเชิงจินนา
เด็กหนุ่มพูดยิ้มๆ
“คุณคือ ‘นักลอบสังหาร’ นี่เอง”
เขาเน้นย้ำคำว่า ‘นักลอบสังหาร’ เป็นพิเศษ
สีหน้าจินนาเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มกลายเป็นแข็งทื่อ
“คุณรู้ได้ยังไง…?” หญิงสาวตกใจจนเผลอโพล่ง
“ใช้สมองไง” ลูเมี่ยนตอบยิ้มๆ
ยังมีโอสถที่ถนัดการสังเกตสภาพแวดล้อมอยู่อีกมาก แต่เด็กหนุ่มเดาไปก่อนว่าจินนาเป็น ‘นักลอบสังหาร’ เพียงเพราะตนกำลังวางแผนลอบสังหาร กอปรกับไรอันเคยพูดไว้ว่า ทางตอนกลางและตอนเหนือของอินทิส โดยเฉพาะกรุงทรีอาร์ ‘แม่มด’ คือหนึ่งในเส้นทางที่พบเห็นได้บ่อย จึงกล้าเดาว่าจินนาเป็นนักลอบสังหาร แต่ถึงจะผิดก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ขณะเดียวกัน ลูเมี่ยนเริ่มรำพันในใจ
“เพิ่งมาถึงทรีอาร์ไม่นานก็เจอ ‘นักลอบสังหาร’ แล้วหนึ่งคน แถมยังช่วยเธอไว้อีก… หรือจะเป็นการชักนำโดย ‘กฎการรวมตัวของตะกอนพลัง’ ?”
จินนายังไม่ถึงลำดับ 7 แน่นอน เพราะไม่มีทางที่ ‘แม่มด’ จะหมดเรี่ยวแรงเพียงเพราะดมกระดาษ แต่ควรตอบโต้เฮิดซ์กลับไปด้วยอำนาจในเชิงศาสตร์เร้นลับ
โอสถ ‘แม่มด’ นั้นชำนาญเวทมนตร์กับคำสาป นี่คือสิ่งที่เขียนไว้ในบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์
“เธอไม่น่าจะเป็นลำดับ 8 ‘นักกระตุ้น’ … นักกระตุ้นที่ไหนจะถูกเราอำติดๆ กันแบบนี้?”
“แต่ก็ยังไม่ควรตัดความเป็นไปได้ทิ้ง… เมื่อก่อนจินนาอาจจะโง่กว่านี้ แต่พึ่งพาโอสถ ‘นักกระตุ้น’ จนมีสติปัญญาเพิ่มขึ้น? แล้วอีกอย่าง เธอเป็นฝ่ายเสนอข้อมูลของ ‘ค้อนเหล็ก’ ให้เราเอง ถือว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระตุ้น…”
“หึหึ… จินนาก็เป็นผู้หญิง ไม่ต้องกลัวการเปลี่ยนเพศเพราะดื่มโอสถ ‘แม่มด’”
“โอสถของเธอมาจากไหนกันนะ… ‘บูตแดง’ ฟรังก้าให้มา? อย่าบอกนะว่านี่ก็เส้นทางแม่มดอีกคน?”
“ถ้าฟรังก้าอยู่แค่ลำดับ 8 ก็แล้วไป แต่ถ้าเป็น ‘แม่มด’ ในลำดับ 7… ใครจะรู้ว่าเดิมเคยเป็นชายหรือหญิง? อา… ได้ยินว่าเธอวางตัวแปลกๆ กับสตรี และมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับจินนา…”
จินนาแน่นิ่งไปทันที พยายามนึกทบทวนคำพูดเมื่อสักครู่ของตน แต่ก็ไม่พบว่ามีจุดใดบ่งบอกถึงชนิดโอสถที่ตนดื่ม
หญิงสาวตัดสินใจไม่ย้ำคิดในเรื่องที่ตนไม่เข้าใจ เพียงตักเตือนลูเมี่ยนด้วยความหวังดี
“ถ้าคุณคิดจะโจมตี ‘ค้อนเหล็ก’ ในห้องน้ำ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน… ฉันเคยได้ยินจากฟรังก้า แอตคือ ‘กลาดิเอเตอร์’ ซึ่งเก่งการต่อสู้ระยะประชิดมากกว่าโอสถใดในลำดับเดียวกัน ร่างกายทนต่อพลังวิเศษที่โจมตีเข้ามา…”
“แม้คุณจะเก่งหมัดมวย แต่ตามความคิดของฉัน ถ้าต้องสู้กับแอตในห้องน้ำแคบๆ มีโอกาสสูงทีเดียวที่คุณจะ… ชิ… ถูกหมอนั่นฆ่าในพริบตา”
“มาดาม คุณกำลังแนะนำหรือพยายามกระตุ้นผมกันแน่? มีพรสวรรค์ในการเป็น ‘นักกระตุ้น’ อยู่นะเนี่ย” คราวนี้ลูเมี่ยนพูดออกไปตรงๆ มิได้รำพันในใจ
เด็กหนุ่มพบว่าฟรังก้ารู้เรื่องของ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตมากกว่าบารอนบรินิแยร์ เพราะเอ่ยถึงจุดสำคัญที่ฝ่ายหลังไม่ได้เล่า
หากฟรังก้ามิได้ขัดแย้งส่วนตัวกับ ‘ค้อนเหล็ก’ นี่จะหมายความว่า ฟรังก้าอาจมีภูมิหลังที่ดีกว่า หรือได้รับความเชื่อใจจากบอสของพรรคซาฟาห์มากกว่าบารอนบรินิแยร์ ถึงได้มีข้อมูลเชิงศาสตร์เร้นลับและข้อมูลโอสถมากกว่า
เป็นอีกครั้งที่จินนาตกตะลึง
“คุณรู้จักนักกระตุ้นด้วยหรือ?”
เหตุใดหนุ่มหล่อจากบ้านนอกถึงได้มีภูมิปัญญาศาสตร์เร้นลับมากมายเช่นนี้?
ฟรังก้าบอกเธอว่า ชาร์ลถูกทางการตั้งค่าหัวอยู่ คงจะเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติครั้งใหญ่มาสินะ?
“ผมรู้มากกว่าที่คุณคิด” ลูเมี่ยนยิ้ม
ขณะพูดออกไป เขาพลันนึกถึง ‘คำนิยาม’ คำหนึ่งที่ตนเพิ่งได้รับเมื่อไม่นานมานี้
“คนโง่ศาสตร์เร้นลับ”
ข่มอารมณ์เศร้าที่เอ่อล้นกะทันหัน ลูเมี่ยนเริ่มไตร่ตรองคำเตือนของจินนาอย่างจริงจัง
ก็ตามนั้น แม้ ‘นักล่า’ จะเชี่ยวชาญการต่อสู้ แต่ถ้าไม่นับการวางกับดักและพลัง ‘ยั่วยุ’ ศึกดวลในระยะประชิดยังถือว่าเป็นรอง ‘กลาดิเอเตอร์’ อยู่หลายขุม แค่ชื่อโอสถก็บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในด้านนี้แล้ว โดยเฉพาะในสังเวียนปิดแคบๆ ที่กึ๋นการต่อสู้กลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ เมื่อคำนึงภาพปัจจัยทั้งหมด คงยากที่จะทำให้เกิดสถานการณ์ ‘ล้มยักษ์’ ขึ้นมา
หากพึ่งพาความยืดหยุ่นของ ‘นักเต้น’ ซึ่งช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไหวในองศาแปลกๆ ลูเมี่ยนเชื่อว่าตนจะไม่เสร็จอีกฝ่ายเร็วนัก ถ้าคิดจะฆ่า ‘ค้อนเหล็ก’ ก็ต้องแทง ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ใส่สักแผลแล้วเผ่นหนี
แต่ถ้าลงเอยเช่นนี้ มันจะต่างอะไรกับการล่า ‘หัวล้าน’ ฮาร์มัน? นี่ยังไม่ได้นับรวมปืนอีกสิบกระบอกของพวกนักเลง
ลูเมี่ยนเริ่มสำรวจอุปกรณ์ของตน ดูว่าสามารถนำสิ่งใดมาใช้ในแผนได้บ้าง
เงินมากกว่า 1,700 เฟลคิน… ปรอทเสื่อมทราม… เลือดสัตว์ประหลาดน้ำ… เกล็ดมีพิษของสัตว์ประหลาดน้ำ… ยาที่ทำให้จินนาอ่อนแรงหนึ่งขวด… แก๊สฉุนที่สามารถยกเลิกผลของยานั้น… ของเหลวที่ยังไม่รู้ว่าทำอะไรได้หนึ่งขวด… มีดพกของไอ้วิตถาร… กริชเงินพิธีกรรม… ผ้าพันแผลสีขาวจำนวนหนึ่ง…
คิดไปคิดมา ลูเมี่ยนเริ่มผุดแผนการในหัว
ระหว่างที่เต้นไปตามจังหวะเพลงพลางเอียงคอ เด็กหนุ่มถามขณะจ้องหน้าจินนา
“ห้องน้ำนั่นใหญ่ไหม?”
“ไม่ใหญ่” จินนาตอบอย่างมั่นใจ “นอกจากอ่างอาบน้ำ ชักโครก และอ่างล้างหน้า ก็เหลือที่ยืนได้อีกสักสี่ห้าคนเท่านั้น”
หรือก็คือ ถ้าลูเมี่ยนกับ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตซัดกันในนั้น ก็จะไม่เหลือพื้นที่ให้ใครยืน
“รอบอ่างอาบน้ำมีม่านไหม?” ลูเมี่ยนถามต่อ
“มี” จินนาตอบหลังจากคิด “คุณพกปืนไหม? ฉันว่าใช้ปืนดีกว่านะ ปลอดภัยกว่า มั่นใจกว่า”
“ไม่ได้พก” ลูเมี่ยนส่ายหัว
“แล้วยังคิดจะลงมือวันนี้เลย?” จินนาเย้ยหยัน
หญิงสาวเว้นวรรคสักหนึ่งวินาทีแล้วจึงพูด
“ถ้าคุณคิดจะฆ่า ‘ค้อนเหล็ก’ แอตในคืนนี้เลย… ฉันให้คุณยืมปืนได้”
“คุณพกปืนด้วย?” คราวนี้เป็นฝ่ายลูเมี่ยนที่ตกใจ
เด็กหนุ่มมองขึ้นมองลง แต่ก็ไม่พบว่าจินนาซ่อนปืนไว้ตรงไหน
‘นางพญา’ รายนี้สวมเสื้อเอวลอยตัวเล็กจิ๋ว เนินอกเปิดลึกจนเห็นขอบเสื้อใน ใส่กระโปรงสั้นฟูที่ยาวเกือบถึงเข่า สวมรองเท้าบูตดำที่ยาวไม่ถึงเข่า แถมยังคอยเต้นยกขาสูงเป็นระยะ ไม่มีทางรัดซองปืนไว้ตรงต้นขาได้แน่
ตามความคิดของลูเมี่ยน จุดเดียวที่ซ่อนปืนได้คือในรองเท้าบูต
จินนานึกว่าคำถามของชาร์ลคือ ‘ทำไมถึงพกปืนติดตัว’ จึงตอบกลับด้วยสีหน้าดูหมิ่นพลางทอดถอนใจ
“ฉันตระเวนร้องเพลงในคาบาเร่ต์เขตตลาด คุณคิดว่าพวกนักเลงเป็นคนดีหรือไง? ไม่คิดบ้างหรือว่าพวกมันอาจนอตหลุดแล้วหันมาเพ่งเล็งฉัน?”
“วันๆ ไอ้พวกแม่เย็*นั่นเอาแต่คิดเรื่องต่ำๆ … ถ้าเมื่อไรที่แท่งข้างล่างเริ่มครอบงำสมอง พวกมันจะลืมเรื่องที่ฉันสนิทกับฟรังก้าทันที ราวกับไม่เคยมีอยู่ในหัวมาก่อน”
“ชิ… ถ้าข่มขู่แล้วได้ผลทุกครั้ง ก็คงไม่มีคนทำผิดกฎหมายมากขนาดนี้หรอก!”
ขณะพูด จินนาจับจังหวะกลอง ก่อนจะโน้มตัวอย่างชำนาญเพื่อเอื้อมมือเข้าไปในรองเท้าบูต
หญิงสาวรีบดีดตัวขึ้นมายืน เอนกายแนบชิดลูเมี่ยน ระหว่างที่ตัวเองเต้นไปพลาง มือของเธอก็ประกบกับมือเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน
เด็กหนุ่มชักมือกลับอย่างแนบเนียน ยัดปืนเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตน
พอเสร็จในส่วนนี้ จินนาก็พูดต่อ
“ฉันพกไว้ตั้งแต่ก่อนจะย้ายมาอยู่เขตตลาด ตอนนั้นยังไม่รู้จักฟรังก้า ฝากเพื่อนซื้อด้วยเงินเก็บของตัวเอง… ไอ้พ่อค้าของเถื่อนนั่นพยายามตะล่อมชวนฉันไปนอนด้วย แต่ก็ถูกฉันเตะน่องจนร้องเอ๋งไปเลย”
พกปืนไว้ป้องกันตัวตลอดเวลา… รอบคอบดีมาก… หากไม่แล้ว ก่อนจะได้รู้จักกับฟรังก้า เธออาจตกเป็นเหยื่อของพวกสมาชิกแก๊ง จนต้องขายตัวหรือเป็นหางเครื่อง… ลูเมี่ยนตอบยิ้มๆ
“ทำได้ดี!”
จินนาตระหนักว่าดนตรีกำลังจะจบ จึงหยุดพูด
เมื่อกลองหยุดลง ลูเมี่ยนยืนมองหลังจินนาขณะเธอเดินกลับเวที
เด็กหนุ่มปลีกตัวออกจากลานเต้นรำ กลับไปอยู่วงนอกตามเดิม
ถือโอกาสนี้แวะเข้าห้องน้ำ เพื่อตรวจสอบและทำความคุ้นเคยกับปืนของจินนา
เป็นปืนลูกโม่กระบอกเล็กมาก ลำกล้องสั้น เหมาะแก่การพกพาซ่อนเร้น
สีหลักคือสีเหล็กดำ ด้ามจับเป็นไม้วอลนัท กระสุนรวมหกนัด
หลังจากเล่นปืนอยู่สักพัก ลูเมี่ยนพบปัญหา
เขาไม่เคยยิงลูกโม่มาก่อน เคยยิงแต่ปืนลูกซองล่าสัตว์ที่พึ่งพาการกระจายของหัวกระสุน
“ช่างปะไร เราไม่ได้หวังว่า ‘ค้อนเหล็ก’ จะถูกยิงตายคาที่ในนัดเดียวอยู่แล้ว แค่ทำให้บาดเจ็บจนอ่อนแรงก็พอ… ด้วยระยะห่างแค่นั้น อาศัยกำลังข้อมือ อาศัยประสบการณ์การยิงที่พอจะมีอยู่บ้าง ยังไงก็คงไม่เบี้ยวไปไกลนัก…”
“ด้วยสภาพห้องน้ำแบบนั้น โอกาสยิงคงแค่นัดเดียว ‘ค้อนเหล็ก’ แอตไม่มีทางปล่อยให้เรายิงนัดที่สองแน่…” ลูเมี่ยนคิดไวทำไว
เด็กหนุ่มออกจากห้องน้ำทันที อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เดินเข้าไปในครัวของคาบาเร่ต์โรงโม่
……………………………………………………..