ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 164 รายงาน
ตอนที่ 164 รายงาน
คาบาเร่ต์ลมเอื่อย ร้านกาแฟชั้นสอง
ลูเมี่ยนเดินตามอำเภอใจเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามบารอนบรินิแยร์
ไม่เพียงเด็กหนุ่มจะไม่แสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ยังขาดแม้กระทั่งความเคารพที่เป็นมารยาทพื้นฐาน ราวกับว่าทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกัน
พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้ลูอิสด้านหลังบารอนบรินิแยร์ แอบส่ายหัวเงียบๆ
เขาเคยเห็นคนประเภทนี้มามาก จุดจบสุดท้ายมักหนีไม่พ้นการถูกพรรคซาฟาห์จับส่งตำรวจ หรือไม่ก็เจ็บหนักระหว่างการปะทะ จนกลับไปต่อสู้ไม่ได้อีก ทำได้เพียงส่ายหางเหมือนสุนัขเพื่อแลกกับการสนับสนุนจากแก๊ง บางคนก็ตายด้วยเหตุผลต่างกันไป เช่นถูกจับไปปล่อยไว้ในส่วนลึกของโลกใต้ดิน หรือถูกยัดถังไม้ถ่วงด้วยหิน แล้วนำไปโยนลงแม่น้ำเซอเรนโซ่
“สายัณห์สวัสดิ์ บารอน” ลูเมี่ยนยิ้มทักทาย
ใบหน้าบารอนบรินิแยร์ปราศจากร่องรอยความขุ่นเคืองใจ เพียงหยิบกล้องยาสูบสีไม้ท้อขึ้นมาสูบ พูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“บ่ายวันนี้คุณไปไหนมา”
“ใต้ดิน” ลูเมี่ยนตอบเหมือนศพที่ดื่ม ‘ยาผีบอก’ เพียงตอบคำถามตามที่ถูกถาม ไม่ขยายความเพิ่มเติม
หาก ‘กะหรี่น้อย’ จินนาและ ‘บูตแดง’ ฟรังก้ามิได้ปิดบังเรื่องที่ตนฆ่าไอ้วิตถารเพื่อช่วยฝ่ายแรก คำตอบนี้ของเด็กหนุ่มจะถือเป็นสัญลักษณ์ของความเถรตรง
บารอนบรินิแยร์นิ่งไปหนึ่งวินาที ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย พลางลูบไล้กล้องยาสูบสีไม้ท้อ
“ผมมีงานให้คุณทำ”
โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนถาม อีกฝ่ายอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ผมประทับใจในตัวคุณมาก และเชื่อว่าคุณมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นคนสำคัญของพรรคซาฟาห์ สามารถถืองานสำคัญๆ ไว้กับตัว…”
“แต่แค่ความประทับใจของผมมันยังไม่พอ คุณต้องแสดงฝีมือให้คนส่วนมากได้ประจักษ์ ต้องทำผลงานในระดับที่ทุกคนยอมรับ”
แคร์รอตที่ผูกไว้หน้าลา? ลูเมี่ยนเย้ยหยันภายในใจ
เด็กหนุ่มแสร้งทำเป็นตาลุกวาว
“งานแบบไหนหรือ?”
บารอนบรินิแยร์วางกล้องยาสูบสีไม้ท้อลง ยกกาแฟจิบหนึ่งคำ พูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“จู่โจมสมาชิกคนสำคัญของแก๊งหนามพิษ ใครก็ได้ ดีที่สุดคือทำให้เจ็บหนัก แต่จะถึงตายก็ไม่ว่า”
ลูเมี่ยนยิ้ม
“เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณยังบอกให้ผมอดทนไว้ก่อน อย่าทำให้เรื่องราวบานปลายจนเกิดสงครามเต็มรูปแบบกับแก๊งหนามพิษ…”
“ตอนนี้คุณไม่กลัวผลลัพธ์แบบนั้นแล้ว? ไม่กลัวว่าจะถูกตำรวจจับตามองแล้ว?”
แม้เด็กหนุ่มตั้งใจจะสะกดรอย ‘ค้อนเหล็ก’ แอตแห่งแก๊งหนามพิษอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมให้บารอนบรินิแยร์ทำเหมือนตนเป็นคนโง่
บารอนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“คุณฉลาดกว่าคนรอบตัวผมเยอะเลย”
“ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ผมเฝ้าสังเกตท่าทีของแก๊งหนามพิษ พบว่าพวกมันไม่มีความคิดที่จะแก้แค้นคุณเลย อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเร็วๆ นี้”
“สิ่งนี้บ่งบอกถึงอะไร?”
“บ่งบอกว่าพวกมันกลัวพรรคซาฟาห์ของเรามาก” ลูเมี่ยนตอบติดตลก
นี่เป็นแค่มุก หากแก๊งหนามพิษกลัวพรรคซาฟาห์จริง พวกมันคงไม่กล้าขยายอิทธิพล ไม่กล้าไต่เต้ามาเป็นแก๊งอันดับสองของเขตตลาดคนซื่อ
บารอนบรินิแยร์ส่ายหัว
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน พวกมันจะตอบโต้อย่างเท่าเทียม หรือบีบให้พรรคซาฟาห์ของเราต้องจ่ายแพงกว่า ไม่มีทางจบที่ค่ารักษาพยาบาลเพียงอย่างเดียวแน่”
“นอกจากนี้ หลังจากมาร์โกต์ตาย พวกมันทำเป็นฮึดฮัดแค่ฉากหน้าเท่านั้น ลึกๆ แล้วไม่พยายามทำตัวเลยเถิด จนนำไปสู่การปราบปรามอย่างหนักจากตำรวจ ยังกับว่าพวกมันสร้างความปั่นป่วนพอเป็นพิธี เพื่อสืบหามือสังหารตัวจริง…”
“ยิ่งเห็นพวกมันทำตัวผิดวิสัยบ่อยครั้งเข้า ผมก็ยิ่งเชื่อว่าแก๊งหนามพิษกำลังคิดการใหญ่อยู่ ถึงได้อดทนและยับยั้งชั่งใจกันขนาดนี้…”
“ผมก็ไม่แน่ใจว่า ‘การใหญ่’ ของพวกมันจะส่งผลเสียกับพรรคซาฟาห์หรือไม่ แต่เราไม่สามารถนั่งรอคำตอบอย่างสันติ”
ฉลาดไม่เบา… ลูเมี่ยนแอบชมเชยบารอนบรินิแยร์อย่างไม่เต็มใจนัก
เด็กหนุ่มถามยิ้มๆ
“คุณอยากให้ผมฆ่าคนสำคัญของพวกมัน เพื่อรอดูท่าทีรอบใหม่สินะ?”
“ถ้าพวกมันยังมีน้ำอดน้ำทนได้อีก ก็บ่งบอกได้กลายๆ ว่าปัญหานี้ค่อนข้างรุนแรง เราต้องหาทางเปิดศึกเต็มรูปแบบโดยเร็ว เพื่อบีบให้มันเผยปัญหาออกมา?”
บารอนบรินิแยร์หัวเราะในลำคอ
“ผมชอบคุยกับคนฉลาด”
“คิดว่ายังไงบ้าง? จะรับทำงานนี้ไหม?”
แม้รูปประโยคกับน้ำเสียงจะมาในเชิงถามไถ่ แต่ท่าที สายตา และภาษากาย ล้วนบ่งบอกว่าเป็นคำสั่ง
หากไม่ปฏิบัติตาม พรรคซาฟาห์จะไม่ให้ความคุ้มครองอีกต่อไป
ลูเมี่ยนหัวเราะเบาๆ
“ผมต้องการข้อมูลของสมาชิกตัวเป้งๆ ในแก๊งหนามพิษทุกคน ประกอบด้วยชื่อ หน้าตา ความสามารถ จุดเด่น มีภรรยาหรือไม่ มีญาติสนิทหรือไม่”
คำพูดดังกล่าวทำเอาลูอิสที่ยืนอยู่ด้านหลังบารอนบรินิแยร์พลันสะดุ้ง
ทำไมต้องถามถึงครอบครัวของพวกหัวหน้าหน่วยแก๊งหนามพิษ? คิดจะนำมาใช้ประโยชน์?
ในหมู่แก๊งใหญ่ของกรุงทรีอาร์ จะมีกฎปากเปล่าที่ทุกคนยินยอมทำตามยกเว้นในกรณีพิเศษ นั่นคือการไม่พุ่งเป้าไปยังสมาชิกในครอบครัวที่ไม่ได้สังกัดแก๊ง
ประการแรก แทบทุกคนมีพ่อแม่ ภรรยา และลูกๆ ถ้าเริ่มฆ่าแกงกันโดยไม่มีขีดจำกัดล่าง ทุกคนจะถูกลากเข้ามาพัวพันจนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
ประการที่สอง สมาชิกแก๊งระดับล่างไม่มีค่าพอให้ต้องทำร้ายครอบครัวพวกเขา และในกรณีของบุคคลตำแหน่งสูงอย่างบารอนบรินิแยร์ ข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวถือเป็นความลับสุดยอดที่แทบไม่มีใครทราบ และไม่ได้อาศัยอยู่ในเขตตลาดคนซื่อด้วยซ้ำ
ประการที่สาม บุคคลที่มีตำแหน่งสูงในแก๊ง ส่วนใหญ่มีนิสัยโหดเหี้ยมอำมหิต การยกครอบครัวมาขู่ไม่เพียงจะไม่สร้างประโยชน์ แต่ยังจะไปกระตุ้นให้อีกฝ่ายโกรธจัดด้วย
ประการที่สี่ หากเกิดเหตุฆ่าล้างครัวอันอุกอาจ ย่อมหลีกเลี่ยงการขึ้นพาดหัวข่าวไม่ได้ นั่นจะสร้างความโกรธแค้นให้คนใหญ่คนโตในกองบัญชาการตำรวจ นำพาไปสู่การปราบปรามอย่างหนักข้อ
ข้อยกเว้นเดียวที่จะลากครอบครัวมาพัวพันก็คือ ในยามที่ต้องการถอนรากถอนโคนขั้วอำนาจสักกลุ่ม เพื่อมิให้หลงเหลือเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง และเพื่อข่มขู่แก๊งอื่นให้เข็ดขยาด
แต่สิ่งแรกที่ชาร์ลเรียกร้อง กลับเป็นข้อมูลญาติสนิทกับภรรยาของสมาชิกคนสำคัญในแก๊งหนามพิษ? เขาคิดจะทำอะไร?
บารอนบรินิแยร์จ้องลูเมี่ยนหลายวินาที รอยยิ้มปรากฏขึ้นช้าๆ
“หัวหน้าแก๊งหนามพิษชื่อโรเจอร์ ฉายา ‘แมงป่องดำ’ อาศัยอยู่ที่ถนนใหญ่ตลาด บ้านเลขที่ 126 ผมไม่รู้ว่าเขามีภรรยาหรือญาติสนิทหรือไม่ ถึงแม้จะมี ก็ไม่ได้อยู่ในเขตตลาด อาจไม่อยู่ในทรีอาร์เลยก็ได้”
“เขาใช้เวทมนตร์ชั่วร้ายบางอย่าง มีพลังวิเศษ แม้แต่ผมก็ไม่กล้าเผชิญหน้าด้วยตรงๆ”
บารอนบรินิแยร์กำลังเตือนลูเมี่ยนกลายๆ ว่า ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าลงมือกับเขา มิฉะนั้นจุดจบเดียวที่รออยู่คือความตาย
เวทมนตร์ชั่วร้าย… ผู้วิเศษประเภทร่ายมนตร์? คำนึงจากการที่มาร์โกต์ยอมอยู่ใต้อาณัติ โรเจอร์ต้องมีลำดับ 7 เป็นอย่างน้อย หรือมีสมบัติวิเศษ ไม่ก็อาวุธวิเศษ… สำหรับผู้วิเศษประเภทนี้ หากร่างกายไม่แข็งแรงมากนัก และไม่มีพลังวิเศษประเภทป้องกันตัว เราสามารถใช้กับดัก หรือการลอบสังหารระยะประชิด หรือวิธีอื่นๆ เพื่อจัดการ แต่ถ้าร่างกายไม่อ่อนแอ ซ้ำยังเก่งหมัดมวย หรือมีพลังคล้าย ‘กระดาษคนตัวแทน’ ของลีอา ตัวเราในตอนนี้คงยังโค่นไม่ไหว เว้นแต่จะใช้ ‘ศาสตร์การเปลี่ยนชะตา’ เพื่อพลิกชะตากรรมของมันล่วงหน้า จนมีโอกาสพลิกเกม… ความคิดลูเมี่ยนแล่นผ่านปานสายฟ้าแลบ แล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มพยักหน้า
“แล้วคนอื่นล่ะ?”
บารอนบรินิแยร์ละเมียดดูดกล้องยาสูบ ก่อนจะกล่าวในจังหวะไม่รีบไม่ช้า
“แก๊งหนามพิษเคยมีแกนหลักที่เก่งกาจอยู่สี่คน หากเป็นในเขตตลาด พวกมันอ่อนแอกว่าเราเพียงเล็กน้อย แต่หลังจากที่คุณฆ่ามาร์โกต์ไป วิลสันที่ขึ้นมาแทนยังอ่อนแออยู่มาก นับว่าสูญเสียกำลังรบไปพอสมควร…”
“มือขวาของ ‘แมงป่องดำ’ คือ ‘หัวล้าน’ ฮาร์มัน หมอนั่นกับโรเจอร์เป็นสองคนแรกที่มาถึงเขตตลาด เปิดคาบาเร่ต์โรงโม่ และค่อยๆ รวบรวมคนเข้ากลุ่มจนก่อตั้งแก๊งหนามพิษขึ้นมา…”
“ฮาร์มันชำนาญการต่อสู้มาก ไม่ได้ด้อยกว่ามาร์โกต์เลย ซ้ำยังมีพลังแปลกๆ เช่น ในบางครั้งก็แทงแทบไม่เข้า มีแค่รอยมีดบาดเล็กน้อยเท่านั้น บางครั้งก็ทำตัวดุร้ายราวกับกินยาอะไรเข้าไป บางครั้งก็ทำให้คนรอบข้างรู้สึกหวาดกลัว… อา… เขายังมีมีดอาบพิษร้ายด้วย”
“นิสัยจัดว่าโหดเหี้ยม ไม่มีครอบครัว ไม่มีคนรัก แต่มักมากในสตรี คอยเรียกโสเภณีที่แก๊งหนามพิษดูแลอยู่มาบำเรอ”
“ปกติอาศัยอยู่ที่บ้านของ ‘แมงป่องดำ’ แต่เมื่ออยากผู้หญิง จะสุ่มใช้บริการโรงแรมต่างๆ ที่ค่อนข้างสะอาดในเขตตลาด”
ลูเมี่ยนเงียบฟังอย่างตั้งใจ ความคิดเริ่มก่อตัวขึ้น
“สำหรับ ‘หัวล้าน’ ฮาร์มัน มีกับดักหนึ่งที่ได้ผลดีมาก”
“ในเมื่อมีพลังวิเศษด้านป้องกันที่แข็งแกร่ง ถึงขนาดถูกมีดแทงก็ได้รับบาดเจ็บไม่มาก คนแบบนี้มีแนวโน้มที่จะ ‘แลกหมัด’ เพื่อเอาชนะศัตรู เพราะเป็นการพึ่งพาจุดแข็งอย่างเต็มที่”
“เราจะเปิดโอกาสให้หมอนั่นสู้ในแบบที่ตัวเองถนัด แต่สิ่งที่จะทำให้มันเกิดบาดแผล ‘เล็กๆ’ คือปรอทเสื่อมทราม”
“ถึงจะเป็นบาดแผลเล็กน้อยแต่ก็ต้องมีเลือดไหล!”
บารอนบรินิแยร์ยังคงกล่าวต่อ
“คนที่ดูแลหางเครื่องเกือบทั้งหมดในแก๊งหนามพิษคือ ‘เชิงเทียนขาสั้น’ คาสตินา เธอเป็นชาวเฟเนพ็อต ถูกจับมาเป็นหางเครื่องที่ทรีอาร์ และต่อมากลายเป็นนางบำเรอของ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์”
“เชิงเทียนขาสั้นคือฉายาสมัยเธอเป็นหางเครื่อง สื่อถึงรูปร่างที่ค่อนข้างเตี้ยของเธอ”
ลูเมี่ยนลองจินตนาการถึงเชิงเทียนขาสั้น จนเริ่มกะเกณฑ์ส่วนสูงของคาสตินาถูก
“คาสตินาลงมือเองไม่บ่อยนัก แต่จากไม่กี่ครั้งที่เธอทำ ก็แสดงให้เห็นว่ามีทักษะการต่อสู้พอตัว เมื่อเผชิญหน้ากับหางเครื่องที่แตกแถว เธอจะทำตัวเย็นชาไร้ความปรานี บางทีคงหลงลืมความทุกข์ทรมานที่ตนเคยลิ้มรสเมื่อในอดีตไปแล้ว” บารอนบรินิแยร์ประเมินเธออย่างถนอมน้ำใจตามประสาสุภาพบุรุษ “คาสตินาอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์หมายเลข 19 ถนนไนติงเกล พวกเราไม่ทราบว่าห้องไหนชั้นอะไร เธอมักจะแวะไปที่บ้านของแมงป่องดำอยู่บ่อยๆ”
อย่างนายมีสิทธิ์พูดด้วยหรือไง? ลองเปลี่ยนมาคุยเรื่องที่คนเป็นพ่อติดหนี้จนต้องตาย ส่วนลูกสาวถูกบังคับให้ร้องเพลงที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อยดีไหม? ลูเมี่ยนไม่เคยคิดว่าแก๊งอันธพาลจะมีจิตสำนึกที่ดี
แม้คนพวกนี้จะทำตัวมีน้ำใจ ยุติธรรม จงรักภักดี และรักพวกพ้อง แต่นั่นเป็นเพียงดอกไม้ป่าบนกองโคลน ถ้าอยากรู้จักธาตุแท้ของพวกเขา ต้องฟังจากเหยื่อเท่านั้น เช่นพวกหางเครื่อง โสเภณีริมถนน เหยื่อของเงินกู้นอกระบบ พ่อค้าเร่ที่ถูกขูดรีด
บารอนบรินิแยร์เริ่มแนะนำหัวหน้าหน่วยแก๊งหนามพิษคนสุดท้าย
“‘ค้อนเหล็ก’ แอต เคยเป็นคนของพรรคซาฟาห์เรา กล้าหาญ ฉลาด ร่างกายดี… ผมเคยชื่นชมเขา ตั้งใจว่าจะแนะนำให้บอสใหญ่รู้จัก แต่ดันทรยศเราไปเข้าแก๊งหนามพิษเสียก่อน และไม่นานก็ได้รับพลังเหนือธรรมชาติ”
“ผมสงสัยว่าเขาได้รับโอสถของเส้นทาง ‘นักรบ’ ตอนนี้คงลำดับ 8 แล้ว เดาจากส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เกือบถึงหนึ่งเมตรเก้า และเดาจากพฤติกรรมในตอนที่ปะทะกัน”
“‘ค้อนเหล็ก’ สื่อถึงหมัดของเขาที่แข็งแรงและมีพลังเหมือนค้อนเหล็ก แม้จะต่อสู้ด้วยมือเปล่าเป็นหลัก แต่ก็ใช้ปืนกับมีดสั้นได้ดีไม่แพ้กัน”
“พ่อแม่ของเขาเสียไปหลายปีแล้ว ไม่มีพี่น้อง ไม่มีภรรยาหรือลูก อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 25 ถนนแผ่นศิลา ข้างเขตตลาดคนซื่อ แถวนั้นมีสมาชิกแก๊งหนามพิษอาศัยอยู่ชุกชุม”
นักรบ? ถ้าตายจะมี ‘ตะกอนพลัง’ ออกมาสินะ? ลูเมี่ยนพยักหน้าตอบบารอนบรินิแยร์
“นอกจากนี้ ผมยังอยากรู้รูปแบบการเคลื่อนไหวคร่าวๆ ของพวกมัน และขอปืนหนึ่งกระบอก กระสุนให้พอใช้ กับอาวุธที่พกพาสะดวก จะเป็นมีดสั้น ดาบสั้น มีดสามคม หรือขวานก็ได้”
“ไม่มีปัญหา ผมจะให้ลูอิสไปส่งพรุ่งนี้เช้า” บารอนบรินิแยร์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
หลังจากมองดูชาร์ลเดินออกจากร้านกาแฟ ลูอิสรีบกระซิบ
“ท่านบารอน จะให้เขาไปจัดการกับหัวหน้าหน่วยแก๊งหนามพิษจริงๆ หรือครับ?”
บารอนบรินิแยร์หัวเราะ
“นายไม่ได้ฟังหรือไง? ฉันอธิบายเขาอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีตรงไหนเลยที่โกหก…”
“เพียงแต่ว่า… พวกหัวหน้าหน่วยของแก๊งหนามพิษล้วนเคี้ยวไม่ง่าย ทุกคนระวังตัวแจอยู่แล้ว… ไม่ว่าชาร์ลจะฆ่าได้อย่างหืดจับ จนต้องได้รับการรักษาและปกป้องจากพวกเรา หรือพ่ายแพ้จนเกือบตาย ต้องร้องขอความคุ้มครองจากเรา ก็ล้วนทำให้เขาสูญเสียความถือดีและยอมเชื่อฟังมากขึ้น”
……………………………………………………..