ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 161 ลักษณะพิเศษ
ตอนที่ 161 ลักษณะพิเศษ
ในสายตาของคนร้ายมีเพียงจินนา จนกระทั่งลูเมี่ยนพุ่งออกจากเงามืด จึงเพิ่งจะรู้ตัวว่ามีคนแอบเข้ามาในถ้ำ หวังทำลายช่วงเวลาดีๆ ของตน
ผัวะผัวะผัวะ! ลูเมี่ยนเข้าประชิดตัว อาศัยมือ ศอก เข่า เท้า โหมบุกอย่างต่อเนื่องประหนึ่งพายุบุแคม
คนร้ายแม้จะดูตื่นตระหนก สองจิตสองใจว่าจะดึงกางเกงขึ้นดีหรือไม่ แต่กำลังกายของเขากลับไม่ธรรมดา ซ้ำยังทนทายาด ใช้เพียงท่อนแขนเล็กๆ ปกป้องตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง กอปรกับการก้าวเล็กๆ ถอยหลังทีละนิด ช่วยให้หน้าอก ท้อง ต้นขา หน้าขา สามารถทนรับการโจมตีที่ป้องกันได้ไม่หมด ไม่ถูกลูเมี่ยนโค่นลงง่ายนัก
เมื่อคนร้ายเริ่มกลับมาได้สติ นัยน์ตาสีน้ำตาลพลันฉาบด้วยสีเขียวอ่อน ส่องแสงประหลาดสะท้อนลงบนร่างลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนเกิดความต้องการทางเพศอย่างแรงกล้าในลักษณะที่ผิดธรรมชาติ เริ่มมองว่า ‘นางพญา’ จินนาที่นอนอยู่ด้านข้างพลางเงยหน้ามองพวกตนอย่างลำบากยากเข็ญ ดูเย้ายวนจนยากจะหักห้ามใจ ทุกส่วนสัดของร่างกายฉาบล้นด้วยเสน่หาอันตราตรึง
แรงกระหายเหล่านี้เปรียบดังระเบิดที่ถูกจุดชนวน พรั่งพรูไปทั่วทุกอณูร่างกายลูเมี่ยน เด็กหนุ่มหยุดการโจมตีทันที ดวงตาแดงก่ำ หายใจหอบหนัก หมุนตัวแล้วพุ่งเข้าใส่จินนา
“ไอ้เวรเอ๊ย! ตั้งสติหน่อย!” จินนาสัมผัสถึงความไม่ปกติ จึงตะโกนด้วยความโกรธปนกลัว
พริบตาเดียวเธอก็ถูกลูเมี่ยนจับกด
พร้อมกันนั้น เด็กหนุ่มสัมผัสถึงวัตถุแข็งๆ ที่กระทบกับเอวขวา
อะไรแข็งๆ? ลูเมี่ยนเอื้อมมือไปจับตามสัญชาตญาณ และทราบในทันทีว่ามันคือกริชเงินพิธีกรรมที่เขาจงใจสอดเข้าหาลำตัว
เขาได้สติกลับมาเล็กน้อย พร้อมกับนึกถึงจุดประสงค์การทำเช่นนี้ได้รางๆ
วินาทีถัดมา ลูเมี่ยนที่สติส่วนใหญ่ยังคงถูกแรงกระหายครอบงำ จับด้ามกริชเงินพิธีกรรมแล้วถือโอกาสแทงใส่ท้องตัวเอง
ปลายโลหะสีเงินขาวทะลวงผ่านเสื้อ เสียบเข้าไปในเนื้อหนัง
ความรู้สึกเจ็บแปลบแสบร้อนทะลุทะลวงเข้าไปในหัวสมองเด็กหนุ่ม ช่วยให้สติบางส่วนหลุดพ้นจากแรงกระหายอันบ้าคลั่ง ทวงคืนการตระหนักรู้ในบางแง่มุม
ลูเมี่ยนแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงคร่อมร่างจินนาไว้ ลูบไล้ร่างกายอย่างหื่นกระหาย
“ไอ้เวรเอ๊ย! ช่วยทำตัวมีประโยชน์หน่อย! แค่โรคจิตคนเดียวก็จัดการไม่ได้!” จินนาพยายามใช้คำด่าทอเพื่อเรียกสติผู้ช่วยเพียงหนึ่งเดียวของเธอ
เมื่อคนร้ายเห็นศัตรูถูกแรงกระหายเข้าครอบงำ ก็รีบชักมีดที่ซ่อนไว้ในเสื้อ ถลันเข้าใส่แผ่นหลังของลูเมี่ยนพร้อมกับจ้วงแทง
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มขยับสองมือออกไปยันพื้นเย็นๆ ข้างตัวจินนาในท่าเตรียมวิดพื้น
พร้อมกับเกร็งสะโพกเพื่อดีดตัว ถีบขาขวาตอกส้นไปข้างหลังสุดแรง
ปึก!
ปานประหนึ่งแส้ที่ฟาดใส่ ‘ไข่’ ของเป้าหมายอย่างหนักหน่วง
ท่ามกลางเสียงทื่อๆ ใบหน้าของคนร้ายพลันเปลี่ยนเป็นซีดเซียว เผยความเจ็บปวดแสนสาหัส
และมีดของเขาตกลงบนพื้น
คนร้ายล้มทรุดตามลงไป สองมือลูบคลำตำแหน่งที่ถูกเล่นงาน ร่างกายกลิ้งแถกไปมาบนพื้น ไม่อาจหลุดพ้นจากความเจ็บปวดรวดร้าวได้ง่ายนัก
ลูเมี่ยนไม่พลาดโอกาสทอง พลิกตัวกลับพร้อมกับลงมือจู่โจม เหยียดแขนสองข้างออกไปกอดรัดร่างศัตรู
มือขวาของเด็กหนุ่มเลื่อนขึ้นมาจับศีรษะของคนร้ายพร้อมกับบิดสุดแรง
กร๊อบ!
ชายคนดังกล่าวมองเห็นแผ่นหลังของตัวเอง และไม่ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดตรงกล่องดวงใจอีกต่อไป
หลังจากยืนยันว่าอีกฝ่ายตายสนิท ลูเมี่ยนก็คลายมือออก ชักกริชเงินพิธีกรรมออกมา แล้วใช้ผ้าพันแผลสีขาวที่พกไว้ประจำเพื่อง่ายแก่การปลอมตัว ทำแผลให้ตัวเองเบื้องต้น
เด็กหนุ่มไม่กลัวการติดเชื้อ เพราะด้วยความทนทานของร่างกาย ‘นักยั่วยุ’ ต่อให้ติดเชื้อเข้าจริงๆ ก็ยังอดทนจนถึงหกโมงเช้าได้สบายมาก
เป้าหมายหลักของการห้ามเลือด ก็เพื่อมิให้เลือดหยดเรี่ยราดในโพรงถ้ำ
จินนาที่นอนอยู่บนพื้นพยายามพยุงตัวขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นลูเมี่ยนถอนมือกลับ และคนร้ายล้มตึงไปกับพื้นพอดี
“ตายง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ?” จินนาเบิกตาโพลง กำลังตกใจปนงุนงง จนแรงกระหายที่เคยพลุ่งพล่านซาลงไปหลายระดับ
เธอมิใช่คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ย่อมทราบดีว่าไอ้วิตถารนั่นแข็งแกร่งและมีพลังเหนือธรรมชาติ แต่กลับยืนได้ไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ ก็ถูกหนุ่มหล่อจากชนบทนั่นฆ่าตาย!
ตั้งแต่ทั้งสองเริ่มซัดกัน จนกระทั่งศพทรุดลงมา ก็เพียงแค่แปดถึงเก้าวินาทีเท่านั้น!
เมื่อลูเมี่ยนพันแผลเสร็จ ก็หยิบเสื้อคลุมกับเสื้อเชิ้ตที่คนร้ายถอดออก เดินไปหาจินนา
หญิงสาวเพิ่งจะได้สติกลับมา จึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
แล้วก็เสริมด้วยการหยอกเย้าตามนิสัย
“คงไม่ได้ตกหลุมรักฉันแล้วแอบตามมาตลอดหรอกนะ?”
ลูเมี่ยนหัวเราะในลำคอหนึ่งชุด นั่งยองลง แล้วรวบสองมือของจินนาไพล่หลังเธอไว้
“คิดจะทำอะไรน่ะ?” จินนาตื่นตระหนก
หญิงสาวพยายามดิ้นรนสุดกำลัง แต่ร่างกายยังคงไร้เรี่ยวแรง ถูกลูเมี่ยนใช้เสื้อเชิ้ตลินินของคนร้ายมัดข้อมือไว้ง่ายดาย
ถัดมา เด็กหนุ่มใช้แจ็กเกตสีเข้มของคนร้ายคาดตาจินนาไว้อย่างแน่นหนา
“ไอ้เวร! คนบ้า! ไอ้โรคจิต! ทำบ้าอะไรของแก!” จินนาโมโห ร้อนรน และตื่นตระหนก
ลูเมี่ยนไม่ยี่หระ เพียงฉีกเสื้อเชิ้ตส่วนที่เหลือออกจากข้อมือ ม้วนเป็นก้อนผ้า แล้วยัดใส่หูกับปากของจินนา
“อู้อี้! อื้อ! อื้อ…” จินนาพูดไม่เป็นคำ
เธอคิดในใจอย่างสิ้นหวัง
ช่างเถอะ คิดเสียว่าถูกหมากัดครั้งเดียว ตราบใดที่เขาไม่ฆ่าเรา…
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวอีก ลูเมี่ยนเพียงลุกขึ้นยืน เดินตรงไปทางศพแทน
เช็ดกริชเงินพิธีกรรมให้สะอาด ประกอบพิธีชำระล้างมันหนึ่งครั้ง หลังจากนั้น ลูเมี่ยนเดินไปรอบๆ ถ้ำเล็กเพื่อสร้าง ‘กำแพงวิญญาณ’
ถัดมาเด็กหนุ่มเริ่มเต้น ‘ระบำเรียกสถิต’
โดยตั้งใจจะใช้มันเพื่อ ‘สื่อวิญญาณ’ !
แม้ผลลัพธ์จะเทียบไม่ได้กับการ ‘สื่อวิญญาณ’ ของจริง เพราะสุดท้ายแล้ว ‘ระบำเรียกสถิต’ มิได้ถูกสร้างมาเพื่อ ‘สื่อวิญญาณ’ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
พลังวิญญาณของเด็กหนุ่มผสานเข้ากับพลังธรรมชาติบางอย่าง แล้วเริ่มกระจายออกไปรอบนอก แต่ก็ถูกกำแพงวิญญาณสกัดเอาไว้แค่ภายในถ้ำ
ในแง่นี้ ไม่มีทางที่สัตว์วิญญาณด้านนอกจะถูกดึงดูดเข้ามาได้
ท่ามกลางการเต้นอันบิดเบี้ยวบ้าคลั่ง ลูเมี่ยนเห็นวิญญาณของคนร้ายเมื่อสักครู่
เด็กหนุ่มชักกริชเงินพิธีกรรม กรีดหยดเลือดออกมา แล้วสั่งให้วิญญาณดังกล่าวเข้ามาสิงร่างตน
ลูเมี่ยนรู้สึกหนาวเย็นทันที แต่อีกใจหนึ่งก็ร้อนรุ่ม สัมผัสถึงเปลวไฟแห่งความกระเหี้ยนกระหือรืออันไม่ปกติ จิตใต้สำนึกโหยหาสตรีอย่างแรงกล้า
ยังหลงเหลือความรู้สึกพวกนี้อยู่อีก? เหมือนกับความหิวของสัตว์ประหลาด ‘ปาก’ เมื่อตอนนั้นสินะ? ลูเมี่ยนข่มใจมิให้มองไปทางจินนาที่ถูกปิดตาและมัดมือ พลางสัมผัสถึง ‘สมอง’ ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในหัว
เนื่องจากคนร้ายเพิ่งตายหมาดๆ ‘สมอง’ จึงยังหลงเหลืออารมณ์ต่างๆ เช่นแรงกระหาย ความเจ็บปวด ความโกรธ และความเกลียดชัง รวมถึงสัญชาตญาณในการใช้ลักษณะพิเศษของตน นอกจากนี้ยังหลงเหลือความยึดมั่นถือมั่น กับความทรงจำที่ประทับใจมากที่สุด
ลูเมี่ยนพยายามจำแนกแยกแยะ จนพบว่าไอ้วิตถารนี่ มีพลังวิเศษและลักษณะเฉพาะมากกว่าสัตว์ประหลาด ‘ปาก’ พอสมควร
“กระตุ้นความโลภของเป้าหมาย”
“กลายเป็นคนโลภและงก สามารถสัมผัสถึงสิ่งของที่เคยเป็นของตัวเองและสูญเสียไป”
“กระตุ้นความอยากอาหารของเป้าหมาย”
“ร่างกายแข็งแรงและทรงพลัง”
“อยู่ในสภาวะหิวโหยตลอดเวลา”
“เผาผลาญพลังงานของตัวเองตลอดเวลา เพื่อเพิ่มพละกำลัง ปฏิกิริยาตอบสนอง ความเร็ว ความว่องไว และความถึกทน”
“ใช้สายตา วาจา และภาษากาย เพื่อแอบกระตุ้นให้เป้าหมายเกิดอารมณ์ทางเพศ”
“ใช้การสัมผัสโดยตรงและสิ่งที่คล้ายกับคาถา เพื่อกระตุ้นให้เป้าหมายเกิดอารมณ์ทางเพศในระดับต่างๆ”
“การปรุงยาสลบและสารอื่นๆ”
“การแยกแยะข้อมูลฮอร์โมนของบุคคลต่างๆ …”
อันแรกคือพลังที่มิสเตอร์เอฟฟ์เคยใช้กับเราสินะ? ไอ้วิตถารนี่ต้องเชื่อมโยงกับมิสเตอร์เอฟฟ์และซูซานน่า·มาติสแน่… หิวโหยตลอดเวลา… ไม่แปลกใจที่มันเพ่งเล็งจินนา ถึงขั้นยอมเสี่ยงลักพาตัวเธอ นี่คืออิทธิพลด้านลบไม่ใช่หรือไง? อา… จินนาอาจไม่ใช่เหยื่อคนแรก… ลูเมี่ยนยังมิได้เลือกใช้ลักษณะพิเศษใด จึงทำได้เพียงวิเคราะห์จากเนื้อหาเท่าที่รับรู้มา ยังไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดเชิงลึก
เด็กหนุ่มลอง ‘ขยาย’ ความทรงจำที่แรงกล้าที่สุดของคนร้าย
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนมองเห็นเวที บนเวทีมีหญิงงามในชุดกระโปรงยาวสีขาวบริสุทธิ์ โครงหน้าคมชัด นัยน์ตาสีทะเลสาบ แววตากระจ่างใสแต่แฝงไว้ด้วยคลื่นกระเพื่อม มอบความรู้สึกไร้เดียงสาอย่างมีเสน่ห์
ชาร์ล็อตต์·คัลวิโน… เด็กหนุ่มจดจำหญิงสาวผู้นี้ได้ — นักแสดงหญิงคนดังของโรงละครกรงพิราบเก่า
ขณะเดียวกัน ลูเมี่ยนสัมผัสถึงอารมณ์ตื่นเต้นจากจิตใจคนร้าย สภาวะหิวโซจึงยิ่งชัดเจน
แต่เนื่องจากมีผู้ชมล้อมหน้าล้อมหลังอยู่มาก เขาจึงไม่กล้าทำเรื่องประเจิดประเจ้อ เพียงรอให้ละครฉากนั้นจบลง แล้วค่อยรีบร้อนวิ่งเข้าห้องน้ำ
ความทรงจำจบลงแค่นี้ ลูเมี่ยนยุติระบำเรียกสถิต ปล่อยวิญญาณคนร้ายลอยออกจากร่าง
ถัดมา เขาเริ่มเต้นระบำเรียกสถิตอีกครั้ง ออกคำสั่งให้วิญญาณคนร้ายกลับมาสิงร่าง
เพราะทุกครั้งที่ถูกสิงร่าง เขาสามารถเลือกลักษณะพิเศษได้เพียงหนึ่งชนิด หรือหนึ่งความทรงจำ หรือหนึ่งความยึดมั่น ไม่สามารถเปลี่ยนได้กลางคัน
คราวนี้ลูเมี่ยนเลือกความทรงจำอัน ‘ติดตราตรึงใจ’ ที่อีกฝ่ายมีอยู่เพียงน้อยนิด
วินาทีถัดมา เขาเห็นจินนากำลังแสดงบนเวทีเยี่ยงนางพญา
“…” ลูเมี่ยนเข้าใจสถานการณ์ทันที จึงไม่อาจอดกลั้นความรู้สึกไว้ได้อีก จำต้องรำพันออกมาอย่างหัวเสีย “สมองคิดเรื่องอื่นไม่เป็นแล้วหรือไง? ในหัวมีแต่ผู้หญิง ผู้หญิง ผู้หญิง!”
เด็กหนุ่มยอมแพ้การ ‘สื่อวิญญาณ’ พลางรู้สึกเสียดายที่ตนยังก้าวไปไม่ถึงลำดับ ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ ไม่อาจทำสัญญายืมใช้ความสามารถหนึ่งแบบยาวนาน — ลูเมี่ยนอยากได้ลักษณะพิเศษของคนร้ายรายนี้มาก เพราะมองว่ามีประโยชน์ในการต่อสู้
“ถ้าเลี้ยงวิญญาณไว้ข้างกายได้ก็คงดี…” ลูเมี่ยนทอดถอนใจ ต้องยอมรับว่าตนไม่มีปัญญาทำเช่นนั้น
เขายกเลิกกำแพงวิญญาณ เก็บกริชเงินพิธีกรรมแล้วเดินกลับไปหาจินนา ถอดแจ็กเกตที่คาดตาเธอ รวมถึงเสื้อเชิ้ตที่ผูกข้อมือไว้
จินนาขมวดคิ้วพลางนำผ้าที่ยัดไว้ในปากกับหูออก
หญิงสาวถูข้อมือที่ถูกมัดจนแดง เงยหน้ามองลูเมี่ยนที่กำลังรื้อค้นกระเป๋าเสื้อและกางเกงของคนร้าย พลางเอ่ยปากถามไถ่
“คุณปิดตากับอุดหูฉันทำไม?”
“ผมทำไปเพื่อปกป้องคุณ ไม่ให้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น ไม่ให้ฟังสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน” ลูเมี่ยนตอบกลับทีเล่นทีจริง พลางหยิบเหรียญมูลค่ารวมแปดเฟลคิน กับขวดโลหะเก่าๆ ออกมาสามขวด
จินนาพบว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาทำร้ายตน จึงหัวเราะในลำคอพลางจิกกัด
“ที่นี่จะมีสิ่งใดไม่ควรเห็น ไม่ควรได้ยิน? หรือว่าคุณทำเรื่องอย่างว่ากับศพ…”
เสียงของเธอเบาลงเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงความรู้บางอย่าง หญิงสาวเริ่มเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงใช้วิธีการเหนือธรรมชาติเพื่อเค้นข้อมูลจากศพ
พอเห็นลูเมี่ยนกำลังเพ่งมองขวดโลหะใบเล็กทั้งสามขวด จินนารีบชวนคุยด้วยใบหน้าครุ่นคิด
“มีขวดหนึ่งที่บรรจุแก๊สสลบ เพียงสูดดมเข้าไป ร่างกายก็แทบจะไร้เรี่ยวแรง นั่นคือเหตุผลที่ฉันถูกจับมา”
“ยังมีอีกขวดที่บรรจุแก๊สฉุนๆ กลิ่นเหม็นบัดซบจนฉันตื่นขึ้นมา… ไอ้เวร… ไอ้วิตถารนั่นสมควรโดนลาเย็*ก้นจริงๆ!”
“ฉันไม่รู้ว่าขวดที่เหลือทำอะไรได้ และไม่แน่ใจว่าสองขวดที่บอกไป ขวดไหนคือขวดไหน”
……………………………………………………..