ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 155 จินนา
ตอนที่ 155 จินนา
แม้จะมีหลากหลายความเป็นไปได้ที่ช่วยให้วิลสันหายเป็นปลิดทิ้งอย่างน่าอัศจรรย์ในเวลาอันสั้น เช่นโอสถ ‘แพทย์’ ซึ่งเป็นลำดับ 8 ของเส้นทาง ‘นักเพาะปลูก’ หรือ โอสถ ‘นักปรุงยา’ ลำดับ 9 ของเส้นทางนักปรุงยา แต่ตราบใดที่มองเห็นโอกาสสาวไปถึงคุณนายปัวริสกับลูกน้อง ลูเมี่ยนจะไม่ปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด
ถ้าลูเมี่ยนไม่ฉุกใจคิดช้าเกินไป จนวิลสันกับลูกน้องลับสายตาไปแล้ว เด็กหนุ่มจะเปิดประตูรถม้าสาธารณะที่กำลังแล่นแล้วกระโดดลงไป จากนั้นก็หาวิธีพาตัววิลสันไปยังโพรงเหมืองหินแบบมีชีวิต เพื่อสอบถามถึงเหตุผลที่บาดแผลหายเร็วนัก
หากสุดท้ายแล้วมันไม่เกี่ยวข้องกับเทพมารที่คุณนายปัวริสนับถือ ลูเมี่ยนแค่ต้องขอโทษวิลสันสักคำ ส่วนวิลสันก็ต้องขอบคุณเขาที่ไม่ใจร้ายพอจะฆ่าปิดปาก
แน่นอน การฆ่าปิดปากก็เป็นหนึ่งในแนวทาง จะเลือกวิธีไหนขึ้นอยู่กับอารมณ์ของลูเมี่ยนล้วนๆ
เมื่อรถม้าสาธารณะจอดป้าย ลูเมี่ยนเป็นคนแรกที่เดินออกจากประตูห้องโดยสาร ย้อนกลับไปยังซอยที่วิลสันกับพรรคพวกหายตัวไป
ซอยนี้ไม่มีเครื่องกีดขวาง ผู้คนสัญจรไปมาเป็นปกติ วิลสันกับพรรคพวกก็มิได้ย่ำลงบนสิ่งที่เป็นเครื่องหมายโดดเด่น ลูเมี่ยนใช้เวลาอยู่เกือบสิบห้านาทีในการพินิจพิเคราะห์ จนสุดท้ายก็ยอมยกธงขาว
เด็กหนุ่มมิได้ท้อแท้สิ้นหวัง หากจับวิลสันไม่ได้ ก็ยังมีวิล มีวิลเลียมสัน อย่างไรเสีย แก๊งหนามพิษมีหัวหน้าหน่วยที่ตำแหน่งสูงกว่าวิลสันอยู่อีกมาก แต่ละคนคุมถิ่นและธุรกิจในความรับผิดชอบ ถึงจะหนีไปได้ แต่อธิการโบสถ์หนีจากโบสถ์ไม่ได้ ลูเมี่ยนเพียงต้องรอคอยอย่างอดทน สุดท้ายก็จะจับได้สักคนสองคนแน่นอน ซึ่งพวกเขาต้องใกล้ชิดกับผู้อยู่เบื้องหลังแก๊งหนามพิษมากกว่าวิลสัน รู้ข้อมูลมากกว่า!
หืม… ลูเมี่ยนยับยั้งความร้อนรนเอาไว้ หวังสังเกตการณ์ไปอีกสักระยะก่อน จึงค่อยวางแผนการล่า
ถ้าแก๊งหนามพิษพัวพันกับเทพมารที่คุณนายปัวริสนับถือจริง หัวหน้าหน่วยระดับเดียวกับมาร์โกก็ต้องมี ‘ตะกอนพลัง’ ลำดับ 8 เป็นอย่างน้อย หรือไม่ก็เป็นคนสนิทของเทพมาที่ได้รับ ‘พร’ เทียบเท่าผู้วิเศษลำดับ 8 หรือแข็งแกร่งกว่า ถ้าลูเมี่ยนไม่รวบรวมข้อมูลให้มากพอ ไม่เตรียมกับดักไว้ล่วงหน้า เอาแต่บุกเข้าไปทื่อๆ โอกาสจบไม่สวยมีสูงมาก
“เพียงเพราะเป็นนักยั่วยุแล้ว ใช่ว่าจะต้องละทิ้งความเป็นนักล่า” หลังจากเตือนตัวเองเงียบๆ ลูเมี่ยนเดินไปตามถนนใหญ่ตลาด เข้าไปในคาบาเร่ต์ลมเอื่อย
เนื่องจากยังบ่ายสามโมงกว่า ลูกค้าในร้านจึงค่อนข้างน้อย ไม่มีใครร้องเพลงหรือเต้นรำ ลูเมี่ยนเห็นนักเลงลูอิสนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ กระดกดื่มน้ำอัดลมรสทับทิมรัวๆ
“น้ำอัดลม?” ลูเมี่ยนเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม “ดื่มอะไรให้สมกับเป็นผู้ใหญ่หน่อยสิ”
ลูอิสหันมามอง แลเห็นชาร์ลสวมรอยยิ้มอบอุ่นและท่าทางเป็นมิตร กำลังเดินตรงเข้ามา
ฉากนี้ทำให้เขาสับสนเล็กน้อย คล้ายกับไม่ค่อยคุ้นหน้าเด็กหนุ่มที่กำลังย่างกราย
นี่คือคนเดียวกับชาร์ลที่แม้จะยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา แต่เนื้อแท้กลับโหดเหี้ยมดุดัน พร้อมจะฆ่าคนทันทีที่ขวางหูขวางตาจริงหรือ?
อีกฝ่ายดูไม่ต่างจากเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าพรรคซาฟาห์ ยังคงหลงเหลือบรรยากาศง่ายๆ ของเด็กชนบท
ลูอิสส่ายขวดน้ำอัดลมในมือ ยิ้มอย่างขื่นขม
“ผมต้องติดตามท่านบารอน ตอนนี้ยังดื่มไม่ได้”
ลูเมี่ยนจ้องรอยช้ำบนหน้าผากอีกฝ่ายที่ยังไม่หายดีนัก คลี่ยิ้ม แล้วชี้หน้าผากตัวเอง
“ยังไม่หายอีกหรือไง? ผ่านมาตั้งกี่วันแล้ว?”
“เมื่อกี้ฉันเห็นวิลสันด้วยล่ะ หมอนั่นเพิ่งถูกหักแขนแล้วโยนลงมาจากชั้นสี่ แต่ตอนนี้เดินปร๋อเฉยเลย”
ลูอิสผงะเล็กน้อย
“ความหมายของคุณก็คือ วิลสันหายดีแล้ว?”
“ดูเผินๆ ก็เหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ ฉันว่าจะเข้าไปทักสักหน่อย แต่หมอนั่นเดินเร็วมากเลย” ลูเมี่ยนทำหน้าเสียดาย
เข้าไปทัก? เอ็งคิดจะอัดวิลสันอีกรอบ แต่คราวนี้จะไม่เปิดโอกาสให้รักษาตัวแล้ว? ลูอิสไม่กล้าพูดความในใจ
เพียงพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ตอนที่เราปะทะกับแก๊งหนามพิษ คนเจ็บของฝั่งมันหายดีภายในไม่กี่วัน เหตุการณ์นั้นทำให้บารอนสงสัยว่าอีกฝ่ายมีผู้วิเศษสายรักษาอยู่”
“แต่ในกรณีของวิลสัน ที่บาดเจ็บสาหัสแล้วกลับมาเดินเหินได้เร็วๆ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“เพราะว่าพวกนายไม่เคยทำให้คนของแก๊งหนามพิษเจ็บหนักถึงปางตายได้เลยสินะ?” ลูเมี่ยนจิกกัดด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่
ลูอิสรำลึกก่อนจะพูด
“เคย แต่น้อยมาก และกว่าจะเห็นหน้าอีกครั้งก็ผ่านไปนานมากแล้ว เป็นธรรมดาที่จะหายดี”
หรือก็คือ การรักษาที่วิลสันได้รับ ทรงอานุภาพยิ่งกว่าพลังวิเศษของ ‘แพทย์’ กับ ‘นักปรุงยา’ สินะ? ลูเมี่ยนถอดข้อสรุปสำคัญจากคำพูดลูอิส
แม้จะยังตัดความเป็นไปไม่ได้ที่เกิดจากฝีมือผู้วิเศษลำดับสูงกว่าบนเส้นทางเดียวกัน แต่อย่างน้อยก็ช่วยกรองตัวเลือกออกไปได้บ้าง
ลูเมี่ยนเตรียมจะถามถึงคำไหว้วานที่ฝากให้รวบรวมวัตถุดิบ หญิงสาวเจ้าของรูปลักษณ์โดดเด่นก็เดินเข้ามาจากประตูพอดี
เครื่องแต่งกายของเธอดึงดูดสายตาอย่างยิ่ง ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกเกล้ามวยสูง มีปอยผมห้อยลงมาข้างหู ข้างแก้ม และท้ายทอย
รอบใบหน้าถูกโบกด้วยเครื่องสำอาง รอบดวงตาสีครามถูกเขียนด้วยเส้นดำ ช่วยให้ดวงตาดูจมลึกแฝงเสน่ห์แบบหญิงใจแตก
สตรีผู้นี้สวมชุดกระโปรงยาวสีแดงที่เผยเนินอกอย่างมาดมั่น ประดับประดาด้วยเครื่องประดับที่ส่องประกายวิบวับตามจุดต่างๆ
นี่มิใช่นักร้องหญิงที่ร้องเพลงลามกในคาบาเร่ต์โรงโม่ของแก๊งหนามพิษหรือไง? ลูเมี่ยนมองด้วยแววตาตกตะลึงไปชั่วครู่
ที่นี่คือคาบาเร่ต์ลมเอื่อยของพรรคซาฟาห์นะ!
อย่างไรก็ดี ลูเมี่ยนยังไม่แน่ใจสักเท่าไรว่าเป็นคนเดียวกัน เพราะนักร้องหญิงที่เคยเห็นมีจุดดำอยู่ข้างปาก ส่วนหญิงสาวตรงหน้ามีจุดดำอยู่หางตาซ้าย
“ทำไม? คุณหลงรัก ‘กะหรี่น้อย’ เข้าแล้วหรือ?” ลูอิสมองตามสายตาของลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนยิ้ม
“ไปเรียกมาดามแบบนั้นได้ยังไง? เกิดเป็นคนก็ควรมีมารยาทสิ”
“บางครั้งคุณกับท่านบารอนก็คล้ายกันจริงๆ” ลูอิสตัดพ้อ “ชื่อเล่นของเธอคือ ‘กะหรี่น้อย’ น่ะ… ‘กะหรี่น้อย’ จินนา ‘นางพญา’”
“นางพญาคืออะไร?” ลูเมี่ยนไม่ปิดบังความไม่รู้ของตน เพราะเพิ่งจากหมู่บ้านกอร์ตูเข้ากรุงทรีอาร์จริงๆ
ลูอิสนึกถึงคำอธิบายของบารอนอย่างจริงจัง ก่อนจะตอบติดๆ ขัดๆ
“ก็คือเป็นนักร้องหญิงที่ชอบเล่นใหญ่ทั้งเสียงร้อง ลีลาการร้อง และการแต่งตัว”
นี่ก็เป็นนักร้อง? ลูเมี่ยนลองโยนหินถามทาง
“เธอร้องเพลงที่คาบาเร่ต์โรงโม่ด้วยใช่ไหม?”
“ใช่ ตราบใดที่จ่ายเงิน เธอสามารถร้องเพลงให้กับทุกคาบาเร่ต์บนถนนอลเวง” ลูอิสพูดขณะ ‘กะหรี่น้อย’ จินนาเดินเข้ามา
ดวงตาสีครามของเธอสำรวจไปรอบๆ จนกระทั่งเลื่อนจากใบหน้าลูเมี่ยนไปหาลูอิส
“สิบเพลง สี่เฟลคิน หนึ่งในสามของเงินที่โยนขึ้นมาบนเวทีเป็นของฉัน”
“ไม่มีปัญหา” ลูอิสได้รับคำสั่งจากบารอนมาแล้ว
ร้องเพลงทั้งคืนได้แค่สี่เฟลคิน? ลูเมี่ยนเกิดคำถามทันที: ค่าตอบแทนที่ตนจ่ายให้ออสตา·ทรูเอลนั้นสูงไปไหม?
หากเป็นสาขาที่ไม่คุ้นเคย ตนจะยังประเมินราคาได้ไม่แม่นยำนัก
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มมอง จินนาก็หันมามองพร้อมกับยิ้มอย่างสดใส
“จะมองต่ำกว่านี้ก็ได้นะ”
เธอหมายถึงเนินอกที่ค่อนข้างเปิดเผย
ลูเมี่ยนที่มีประสบการณ์จากในนิยายเท่านั้น ย่อมเพิ่งเคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ แต่กระนั้นก็มิได้แสดงสีหน้าผิดวิสัย เพียงตอบกลับไปยิ้มๆ
“ผมมีคำถาม… ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นคุณจากที่อื่น จุดดำยังอยู่ข้างปาก แต่ตอนนี้มันย้ายไปอยู่ข้างตาแล้ว”
จินนายิ้มอย่างเย้ายวนชวนหวานซึ้ง กอปรกับร่างกายที่ขยับเล็กน้อย ทำเอาลูอิสเผลอกลืนน้ำลาย
“คุณมาจากต่างถิ่นหรือ” จินนาถามกลับ
ลูเมี่ยนพยักหน้าอย่างซื่อตรง
จินนายิ้มหยอกเอิน โน้มตัวมาข้างหน้า ชี้แก้มตัวเองพลางอธิบายเสียงเบา
“นี่เป็นแฟชั่นของกรุงทรีอาร์น่ะ พวกสาวๆ มักจะติดจุดดำปลอมบนไว้หน้า ติดกลางแก้มสื่อถึงความสง่างาม ติดกลางจมูกสื่อถึงความซุกซน ติดตรงหางตาสื่อถึงความเร่าร้อน ติดข้างปากสื่อถึงความเย้ายวน ติดไว้แถวกระดุมหมายถึงความลับ…”
หญิงสาวพูดไปพลางส่งตาหวานให้ลูเมี่ยน ราวกับจะบอกว่า ‘วันนี้ฉันเร่าร้อนราวกับไฟ’
“สมกับเป็นทรีอาร์จริงๆ …” ลูเมี่ยนทำได้เพียงแสดงความรู้สึกด้วยประโยคนี้
เนื่องจากอีกฝ่ายขยับเข้าใกล้ กลิ่นลมหายใจหอมๆ ของจินนา และกลิ่นน้ำหอมที่ดูเหมือนจะกระตุ้นแรงกระหายของมนุษย์ ต่างก็ประดังเข้ามาในจมูก
ทำเอาลูเมี่ยนรีบบีบจมูกตามความเคยชิน
จินนา ‘อุ๊ยตาย’ ออกมาทันที
“อย่าบอกนะว่าเป็นหนุ่มซิง?”
“ฉันไม่ใช่อีตัวหรอกนะ แต่ถ้าเป็นคุณล่ะก็… ฉันไม่ถือ”
เธอจ้องหน้าลูเมี่ยน ยังกับพึงพอใจกับรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มมาก
หนุ่มซิง? สิ่งที่จะได้กลับมาทุกหกโมงเช้าน่ะหรือ? ลูเมี่ยนคิดในใจอย่างไม่ยี่หระ เพียงตอบยิ้มๆ
“ตอนนี้เลยหรือ? เดี๋ยวก็ได้ขึ้นร้องเพลงสายหรอก”
ที่ร้านเหล้าคร่ำครึในหมู่บ้านกอร์ตู เมื่อทุกคนเริ่มพูดจาลามกจกเปรต ลูเมี่ยนมักจะลามกยิ่งกว่าใครเพื่อน เพราะไม่อย่างนั้นอาจถูกล้อเลียนเอาได้ง่ายๆ
จินนาหัวเราะคิกคักสองเสียงอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะโบกมือเบาๆ
“งั้นไว้เจอกันหลังจากฉันร้องเพลงเสร็จ”
พูดจบ เธอเดินไปทางเวทีไม้สูงกึ่งหนึ่งหน้าลานเต้น เพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมล่วงหน้า
เอาแต่ใจจังเลยนะ ไม่คิดจะนัดเวลากับสถานที่เลยหรือ? ลูเมี่ยนจิกกัดจินนาเบาๆ ในใจ
ผู้หญิงคนนี้ เมื่อสักครู่ก็แค่หยอกตนเล่นเท่านั้น!
ลูอิสเตือนลูเมี่ยนด้วยความอิจฉา
“อย่าไปเชื่อคำพูดของเธอ จินนาก็แค่ชอบหยอกล้อผู้ชายหน้าตาดี ไม่ได้คิดจะนอนกับคุณจริงจังหรอก”
“ผมสงสัยว่าเธอคบกับฟรังก้าอยู่”
“ฟรังก้า… ‘บูตแดง’ ฟรังก้า?” ลูเมี่ยนค่อนข้างประหลาดใจ
‘บูตแดง’ ฟรังก้าคือหัวหน้าหน่วยของพรรคซาฟาห์ที่ดูแลถนนเสื้อนอกขาว ซึ่งลูเมี่ยนคิดว่าคงเป็นผู้หญิง
“ใช่” ลูอิสพยักหน้า “ฟรังก้าน่ะ ถึงจะมีข่าวว่าแอบกุ๊กกิ๊กกับบอส แต่ก็วางตัวแปลกๆ กับผู้หญิงเช่นกัน เราสงสัยว่าเธอเป็นพวกไม่เลือกเพศ และ ‘กะหรี่น้อย’ ก็สนิทกับเธอมาก”
แฟนของแฟนสินะ… เป็นอีกครั้งที่ลูเมี่ยนรู้สึกทึ่งกับบรรยากาศของทรีอาร์
ลูอิสมองจินนาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนเวที กล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความหลงใหล
“ตอนที่เธอมาถึงเขตตลาดใหม่ๆ ยังไม่น่าหลงใหลเท่านี้ ผ่านไปสองปี เธอแต่งตัวเก่งขึ้นเรื่อยๆ มีเสน่ห์ของผู้หญิงมากขึ้น… น่าเสียดายจริงๆ …”
“ถ้านายไต่เต้าไปอยู่ระดับเดียวกับ ‘บูตแดง’ ได้ ก็น่าจะพอมีหวังอยู่นะ” ลูเมี่ยนยั่วยุความทะเยอทะยานของลูอิสด้วยท่าทีผ่อนคลาย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ของสามอย่างที่ฉันขอไป มีความคืบหน้าบ้างหรือยัง?”
ลูอิสหันกลับมาพูด
“ผมกำลังจะบอกอยู่พอดี ทางเราหาได้ครบแล้ว”
“เร็วขนาดนี้เชียว?” ลูเมี่ยนทึ่งกับประสิทธิภาพการทำงานของพรรคซาฟาห์
ทำไมพวกนายถึงไม่เปิดโรงงาน? มาทำแก๊งอยู่ทำไม?
ลูอิสอธิบายเสริม
“‘มุสิก’ คริสโตเลี้ยงสัตว์ไว้เพียบ บางตัวมีมูลค่าสูงลิบลิ่ว บางตัวพวกเราก็เข้าไปหยิบมาได้เลย ขอเพียงจ่ายเงินตามราคา ก็จะได้ตากิ้งก่ากับถุงพิษงูมาทันที หินรังนกอินทรีก็ได้มาจากเขา”
‘มุสิก’ คริสโตที่รับผิดชอบธุรกิจลักลอบนำเข้า? ลูเมี่ยนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
……………………………………………………..