ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 138 จดหมาย
ตอนที่ 138 จดหมาย
ลูเมี่ยนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่การลองผิดลองถูกครั้งที่สอง จัดเก็บโต๊ะไม้ให้เรียบร้อย หยิบบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์ออกมา อาศัยแสงสว่างของโคมไฟคาร์ไบด์ เริ่มเปิดหน้าที่เกี่ยวข้อง
ไม่ถึงสิบห้านาที เด็กหนุ่มมีลางสังหรณ์บางอย่าง จึงเงยหน้าขึ้น หันเหสายตาไปยังตำแหน่งใกล้ๆ กับหน้าต่าง
ตรงนั้นมีกระดาษจดหมายหนึ่งฉบับ วางเอาไว้อย่างเงียบงันในสภาพถูกพับ
“เร็วจัง?” ลูเมี่ยนยื่นมือออกไปหยิบจดหมายด้วยความประหลาดใจ
จดหมายตอบกลับจากรองประธานสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก ‘เฮล่า’ มาถึงเร็วกว่าที่เขาคิดไว้
ลูเมี่ยนคลี่จดหมายออก เริ่มอ่านข้อความที่ใช้คำได้สละสลวยเป็นพิเศษ
“ขอแสดงความเสียใจกับข่าวร้าย นับตั้งแต่ ‘มักเกิ้ล’ ขาดงานเลี้ยงเมื่อเดือนก่อน ดิฉันก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีนัก”
“โลกใบนี้เต็มไปด้วยอันตราย และบางครั้งเราก็เลี่ยงไม่ได้ เว้นเสียแต่จะควบคุมทุกคนรอบตัวไว้ในกำมือ”
“หากไม่เป็นการรบกวน ดิฉันอยากทราบเคราะห์กรรมที่ ‘มักเกิ้ล’ ได้เผชิญ ไม่จำเป็นต้องละเอียดนัก เพียงเล่าสถานการณ์ภาพรวม…”
“คำนึงจากการที่อัญเชิญผู้ส่งสารของดิฉันได้ คุณคงก้าวเข้าสู่เส้นทางเหนือธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว ดิฉันไม่แน่ใจว่าพี่สาวของคุณได้บอกหรือยัง ว่านับจากนี้คุณต้องเผชิญกับความอันตรายและบ้าคลั่งอยู่ตลอดเวลา ดิฉันขอเตือนเอาไว้ว่า ความยับยั้งชั่งใจและความรอบคอบ คือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา”
“หลังจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับ สามารถเขียนจดหมายมาถามได้ แม้ดิฉันจะมิได้ขึ้นชื่อว่าผู้รอบรู้ แต่ก็น่าจะตอบคำถามได้หลายเรื่อง”
“ดิฉันกับ ‘มักเกิ้ล’ พบกันเพียงสองครั้งในรอบปีที่ผ่านมา หลักๆ เพื่อพูดคุยในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับ เรื่องที่ดิฉันจำได้แม่นที่สุดก็คือ เธอเคยเล่าว่า เพื่อนคนหนึ่งของเธอถูกความฝันประหลาดตามรังควาน อยากหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้ หรือถ้าจำเป็น เธอก็อยากขอความช่วยเหลือจากนักจิตบำบัดตัวจริง…”
ท่ามกลางความเงียบ ลูเมี่ยนอ่านจดหมายตอบกลับจาก ‘เฮล่า’ จบลงไป ใบหน้าผ่อนคลายสลับกับบิดเบี้ยวเล็กๆ
โอลัวร์จริงจังกับการหาวิธีแก้ไขฝันร้ายให้เรา!
ลูเมี่ยนรวบรวมความคิด เริ่มไตร่ตรองว่าควรตอบจดหมายกลับไปอย่างไร
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มพลันชะงักงัน
สองคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน ปากพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วเบา
“โอลัวร์บอกกับเฮล่าว่า อยากขอความช่วยเหลือจากนักจิตบำบัดตัวจริง…”
“อ้างอิงจากคำอธิบายของมาดามซูซี่ นักจิตบำบัดตัวจริงน่าจะหมายถึงเส้นทาง ‘ผู้ชม’ ในบางลำดับ…”
“และมีเพียงผู้วิเศษในสาขานี้เท่านั้น ที่อาจช่วยให้เราไม่ต้องฝันถึงโลกที่ปกคลุมด้วยหมอกสีเทาอีก…”
เรื่องนี้ยังไม่ใช่ประเด็น ปัญหาก็คือ
ในสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์ มีการเขียนถึงเส้นทาง ‘ผู้ชม’ ไว้แค่ลำดับ 9 เท่านั้น!
แต่เธอรู้จัก ‘นักจิตบำบัด’ อย่างแน่นอน!
ลูเมี่ยนนึกถึงบทสนทนาในฝันสองจุด
หนึ่ง โอลัวร์บอกว่าจะหา ‘นักสะกดจิตตัวจริง’ มาลองรักษาตน
สอง โอลัวร์เคยพูดว่า เธอรู้จักลำดับ 9 และลำดับ 8 ของทุกเส้นทาง และพอจะมีความเข้าใจอยู่บ้าง
“นักจิตบำบัดมักเชื่อมโยงกับการสะกดจิต… ‘นักสะกดจิต’ คงเป็นบางลำดับของเส้นทาง ‘ผู้ชม’ และอาจอยู่สูงกว่า ‘นักจิตบำบัด’ …”
“โอลัวร์ไม่ได้บันทึกลำดับ 8 กับลำดับ 7 เส้นทางผู้ชมไว้ในบันทึกเวทมนตร์…” สีหน้าของลูเมี่ยนกลายเป็นเคร่งขรึมยิ่ง เจือปนความตื่นเต้นอันบิดเบี้ยว
หลังจากผ่านไปหลายวัน ในที่สุดเขาก็พบความไม่ชอบมาพากลในสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์!
ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มก็เคยสงสัยในประเด็นดังกล่าว แต่อีกใจหนึ่งก็ยังลังเล เนื่องจากโอลัวร์ในฝันของตนเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นจากความทรงจำและภาพจำของเขาเอง ผ่านอิทธิพลของเศษวิญญาณ ทุกคำที่เธอพูดไม่จำเป็นต้องถูกต้องหรือเป็นความจริง จึงไม่แปลกหากจะมีการเล่าข้ามข้อยกเว้นต่างๆ ไปบ้าง
แต่ตอนนี้ จดหมายตอบกลับจากเฮล่าช่วยยืนยันอีกเสียงว่า แท้จริงแล้วโอลัวร์รู้จักลำดับถัดจาก ‘ผู้ชม’ หรืออาจมากกว่าหนึ่งลำดับ และเข้าใจพลังวิเศษที่เกี่ยวข้องในระดับหนึ่ง
“ทำไมโอลัวร์ถึงไม่บันทึกความรู้ในเรื่องนี้ลงสมุดบันทึกเวทมนตร์ล่ะ… มีความลับอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังความผิดปกตินี้?” ลูเมี่ยนหยิบกระดาษขาว เลือกคำพูดด้วยอารมณ์เศร้าเจือตื่นเต้น
“เรียนมาดามเฮล่า”
“เรื่องมีอยู่ว่า…”
“ผมเองก็ไม่ทราบว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นเช่นไร เนื่องจากสูญเสียความทรงจำบางส่วนไปพร้อมกับภัยพิบัติดังกล่าว”
“หากคุณช่วยผมตามหากิโยม·เบเนต์ ปัวริส·เดอ·โร้คฟอร์ และพรรคพวก จะถือเป็นพระคุณอย่างสูง รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาสามารถหาได้จากหมายจับของทางการ”
“คำถามสุดท้าย ในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ทราบว่ามักเกิ้ลอยากขอความช่วยเหลือจากนักจิตบำบัดตัวจริงคนใด?”
เนื้อความในจดหมาย ลูเมี่ยนเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านกอร์ตูเพียงผิวเผิน มิได้กล่าวถึงความฝันหรือวัฏจักรเวลา และมิได้เล่าว่าตนถูกช่วยออกมาอย่างไร แต่ใช้เป็นลักษณะของการคาดเดา บอกว่าหลวงพ่อกิโยม·เบเนต์ ถูกใครบางคนชักชวนให้ศรัทธาเทพมาร ขับไล่คุณนายปัวริสที่นับถือเทพมารอีกองค์ออกไป สุดท้ายก็ประกอบพิธีกรรมที่ใช้ทั้งหมู่บ้านเป็นเครื่องเซ่นสังเวย แต่ในช่วงเวลาสำคัญ มักเกิ้ลที่ถูกเลือกเป็นภาชนะได้ผลักอีกหนึ่งเครื่องเซ่นที่สำคัญ นั่นก็คือตัวลูเมี่ยน จนพิธีกรรมล้มเหลว หมู่บ้านกอร์ตูกลายเป็นซากปรักหักพัง โดยในตอนสุดท้าย ผู้วิเศษจากทางการที่ได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือ ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่เพื่อเก็บกวาด
ลูเมี่ยนตั้งแท่นบูชาอีกครั้ง อัญเชิญหัวกะโหลกสีเงินออกมา แล้วยื่นจดหมายให้มัน
และเช่นเดิม ไม่ถึงสิบห้านาที เขาได้รับจดหมายตอบกลับฉบับที่สองจากเฮล่า
โดยไม่คิดจะเปรียบเทียบระดับความกระตือรือร้นในการตอบจดหมายระหว่างมาดามเมจิกเชี่ยนกับมาดามเฮล่า ลูเมี่ยนรีบอ่านเนื้อหาด้านใน
“ดิฉันสัมผัสได้ถึงความเศร้าของคุณ และเข้าใจความปรารถนาที่อยากสืบหาความจริง และตามหาตัวคนร้ายเพื่อทวงแค้น”
“ดิฉันกับมักเกิ้ลเป็นเพื่อนกัน จึงยินดีที่จะช่วยคุณในขอบเขตของความสามารถ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการช่วยตามหาตัวคนเหล่านั้น”
“ในแง่ดังกล่าว ดิฉันจะช่วยคุณเปิดมุมมองการสืบสวนใหม่ๆ ด้วย เท่าที่ได้ทราบมา พ่อแม่และญาติของมักเกิ้ลน่าจะยังมีชีวิตอยู่ เธอมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ต้องอยู่ห่างจากพวกเขา ไม่กล้ากลับไปยังทรีอาร์ ดิฉันไม่แน่ใจว่าระหว่างพวกเขามีปัญหากันหรือไม่ หรือเคยพัวพันกับสาวกของเทพมารหรือไม่”
“ดิฉันเองก็ไม่แน่ใจว่ามักเกิ้ลอยากขอความช่วยเหลือจากนักจิตบำบัดคนใดในเวลานั้น องค์กรของเรามีนักจิตบำบัดตัวจริงอยู่หลายคน และมีหลายการชุมนุมที่ดิฉันกับมักเกิ้ลเข้าร่วมไม่ตรงกัน ไว้จะลองถามสมาชิกที่เธอเคยติดต่อให้ ดูว่าจะได้คำตอบที่คุณต้องการหรือไม่…”
“จนกว่าการสืบสวนจะมีความชัดเจน ดิฉันจะช่วยคุณปกปิดข่าวการจากไปของมักเกิ้ล…”
“หากคุณย้ายบ้านในภายหลัง อย่าลืมอัญเชิญผู้ส่งสารของดิฉันอีกครั้ง เพื่อให้ทางนี้ยังสามารถติดต่อกับคุณได้ในกรณีที่มีข่าวใหม่…”
หลังจากอ่านจบ ลูเมี่ยนแน่นิ่งไปนาน ก่อนจะบรรจงผ่อนลมหายใจทีละนิด
ทีแรกเขาจินตนาการไว้ว่า มาดามเฮล่าจะเชิญตนเข้าสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก แทนที่ในตำแหน่งของโอลัวร์ทันที ซึ่งนั่นจะช่วยให้สืบได้ง่ายขึ้น ว่าใครคือนักจิตบำบัดที่โอลัวร์อยากขอความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าองค์กรดังกล่าว จะมีความรอบคอบในการรับสมาชิกใหม่ อาจต้องมีคุณสมบัติที่เฉพาะเจาะจงบางอย่างก่อน จึงจะมีสิทธิ์ถูกนำมาพิจารณาความเป็นไปได้ เช่น ‘ไม่สามารถกลับบ้านเกิด’ ตามที่โอลัวร์เคยกล่าวถึง
“ไม่แน่ว่า มาดามเฮล่าอาจกำลังดูท่าทีและประเมินเราอยู่…” ลูเมี่ยนปลอบใจตัวเองแบบนั้น นั่งลงไปอีกครั้ง เริ่มศึกษาบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์ต่อ
เกี่ยวกับครอบครัวเก่าของโอลัวร์ เด็กหนุ่มไม่มีเบาะแสใดเลย
…………
วันพุธ หนึ่งทุ่มห้าสิบ บ้านเลขที่ 20 ถนนเสื้อนอกขาว
ลูเมี่ยนที่สวมชุดคนงานสีเทาน้ำเงิน หมวกแฟลตแก๊ปสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ทำการเคาะประตูบ้านของออสตา·ทรูเอล
ออสตาที่สวมเสื้อคลุมสีดำมีฮู้ด เปิดประตูไม้ออกมา เหลียวซ้ายแลขวา แล้วจึงพูดยิ้มๆ
“คุณตรงต่อเวลากว่าที่ผมคิดอีกนะ”
“ฉันยังเป็นคนรักษาสัญญามากกว่าที่นายคิดด้วยนะ” ลูเมี่ยนเดินเข้าห้อง นำธนบัตรกับเหรียญมูลค่ารวมแปดสิบเฟลคินออกมา ส่งให้ออสตา
หลังจากออสตารับไป ก็นับอยู่สองรอบ จนกระทั่งเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างสุขใจ
เขาพาลูเมี่ยนเดินลงไปยังชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ พลางเล่าอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“ช่วงนี้เขตตลาดวุ่นวายสุดๆ ไปเลย… บารอนบรินิแยร์ยังไม่มาไถเงินผมด้วยซ้ำ”
“มีหัวหน้าหน่วยของแก๊งตายไปคนนึงน่ะ” ลูเมี่ยนเล่าผ่านๆ
ออสตาทำหน้าเข้าใจในทีแรก ก่อนจะพูดด้วยความเสียดาย
“ทำไมคนที่ตายถึงไม่ใช่บารอนบรินิแยร์กันนะ…”
“ต่อให้บารอนบรินิแยร์ตายไป บารอนกิโยมตายไป บารอนปิแยร์ตายไป ตราบใดที่แก๊งซาฟาห์ยังอยู่ นายก็ต้องจ่ายหนี้นอกระบบนั่นอยู่ดี” ลูเมี่ยนกล่าวด้วยเสียงเย้ยหยัน
สีหน้าแววตาออสตาเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำทันที
ถัดมาไม่นาน เขาพาลูเมี่ยนขึ้นรถม้าสาธารณะ จ่ายคนละสามสิบโกเปต์แล้วเข้าไปนั่งในตู้รถ
ใช้เวลาร่วมหนึ่งชั่วโมง รถม้าสาธารณะก็แล่นจากตลาดคนซื่อที่อยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำเซอเรนโซ่ มาถึงเขตถนนหลวงที่อยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำ หรือก็คือเขต 8
เขตนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของสาธารณรัฐอินทิส เพราะเป็นที่ตั้งของ ‘วังภราดรภาพ’ ซึ่งเป็นสำนักงานของประธานาธิบดี รวมไปถึงบรมมหาราชวังที่จักรพรรดิโรซายล์เคยประทับ และสำนักงานใหญ่ของหนังสืออีกหลายเจ้า โอบล้อมด้วยทิวแถวอาคารบ้านเรือนหรูหรา
ลูเมี่ยนเคยอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ ว่าค่าเช่าเฉลี่ยของเขตนี้ตกปีละสี่พันเฟลคิน หรือประมาณเจ็ดสิบสี่เฟลคินต่อสัปดาห์ ราคาแพงสุดอาจสูงถึงหลายหมื่น
“มิสเตอร์ K จัดชุมนุมลับในเขตถนนหลวง?” เมื่อเห็นว่าบนรถม้าไม่ค่อยมีคน ลูเมี่ยนหรี่เสียงพูดกับออสตา
ฝ่ายหลังตอบยิ้มๆ
“ใครๆ เขาก็ทำ…”
“สำนักงานใหญ่ของนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ กับ ‘อุปนิษัท’ ก็อยู่ในเขตถนนหลวงเหมือนกัน”
คนพวกนี้รู้จักซ่อนตัวจริงๆ … ลูเมี่ยนหันไปมองถนนอันกว้างขวางและเรียบง่ายด้านนอก แลเห็นต้นเมเปิลอินทิสที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบริมถนน รวมถึงอาคารทรงโบราณโทนสีอ่อนๆ ที่เป็นฉากหลัง
เมื่อใกล้ถึงเวลาสองทุ่มห้าสิบ ออสตาพาลูเมี่ยนเข้าไปในบ้านเลขที่ 19 ถนนเฌอร์
“สำนักงานใหญ่ของนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ อยู่ในตึกนี้ แต่พวกเขาเป็นเจ้าของแค่สามชั้นบนสุด” ออสตาไม่ได้พาขึ้นข้างบน แต่เลี้ยวเข้าทางเดินฝั่งขวาของชั้นหนึ่ง
แล้วจึงกล่าวกับลูเมี่ยน
“มิสเตอร์ K ต้องการพบคุณก่อนน่ะ”
“ตกลง” ลูเมี่ยนก้มศีรษะลงพลางกดหมวก ไม่แน่ใจว่ากำลังขยุกขยิกทำอะไร
ออสตาหยิบหน้ากากสีเหล็กออกมา แล้วพูดยิ้มๆ
“ได้เวลาปลอมตัวแล้ว อย่าให้ใครเห็นหน้าจริงของคุณเชียวล่ะ”
วินาทีถัดมา ลูเมี่ยนเงยหน้าขึ้น
ใบหน้าของเขาถูกพันด้วยผ้ารัดแผลสีขาวหลายชั้น เผยให้เห็นเพียงดวงตา รูจมูก และใบหู
ฉากตรงหน้าทำเอาหัวใจของออสตาแทบจะหยุดเต้น
……………………………………………………..