ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 131 วิวาทยามราตรี
ตอนที่ 131 วิวาทยามราตรี
หากไม่นับแสงจันทร์สีแดงที่ลอยเหนือนภา แหล่งกำเนิดแสงเดียวคือโคมไฟถนนในระยะไกล
ท่ามกลางแสงเหล่านี้ ลูเมี่ยนยังพอจะแยกแยะรอยเท้าได้ และไล่ตามไปอย่างไม่รีบร้อน
ผ่านไปสักพัก รอยเท้าที่เคยเปียกกลายเป็นแห้งสนิท ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นจุดสังเกตได้อีก แต่ลูเมี่ยนสามารถจดจำขนาดรอยเท้าทั้งสี่คู่ ลวดลายบนพื้นรองเท้า และลักษณะการเดินของแต่ละคนได้แล้ว จึงไม่สับสนกับรอยเท้าอื่น
แต่ถึงอย่างนั้น การแกะรอยก็มิได้ราบรื่น ไม่เหมือนกับซากปรักหักพังของหมู่บ้านกอร์ตู ถนนอลเวงและละแวกใกล้เคียงมีผู้คนสัญจรนับพันรายในทุกวัน ทิ้งรอยเท้าไว้นับไม่ถ้วน แถมยังซ้อนทับ หักล้างซึ่งกันและกัน ทำให้ยากที่จะค้นหาเป้าหมายแท้จริง
ซ้ำยังมีขยะที่พ่อค้าแม่ขายทิ้งไว้ รวมถึงอุปสรรคจากสภาพแวดล้อมอันย่ำแย่ บางครั้งลูเมี่ยนก็รู้สึกไม่ต่างจากการควานหาหยดน้ำในมหาสมุทร
โชคดีที่ตอนนี้เป็นยามเที่ยงคืน ผู้คนบนถนนบางตา ส่วนใหญ่เป็นคนเมา ส่งกลิ่นชัดเจนประหนึ่งหิ่งห้อยในคืนมืด รอยเท้าส่วนใหญ่ซวนไปเซมา ลูเมี่ยนสามารถคัดกรองได้ไม่ยาก
เหนือสิ่งอื่นใด เนื่องจากมาร์โกต์กับลิ่วล้อเพิ่งจะผ่านไปไม่นาน รอยเท้าหลายรอยยังไม่ถูกลบเลือน ช่วยให้การไล่ตามยังพอเป็นไปได้
บางครั้ง เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมหรือความรอบคอบของมาร์โกต์ รอยเท้าจะขาดหายไปกลางทาง แต่ลูเมี่ยนก็ยังไม่ท้อแท้ ไม่ยอมถอดใจ ยังคงทำตัวสุขุม ค้นหาด้านหน้า ด้านซ้าย และด้านขวาอยู่สักพัก เพื่อมองหารอยเท้าใหม่ และหลังจากลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง หลังจากใช้เวลาไปมาก ในที่สุดเขาก็พบรอยเท้าที่ต้องการ
ลูเมี่ยนตามไปจนถึงถนนไนติงเกลในเขตตลาด หยุดอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์หมายเลข 5 ที่รายล้อมด้วยคาบาเร่ต์เกรดต่ำหลายแห่ง
รอยเท้าของมาร์โกต์กับลูกน้อง บ่งบอกว่าทั้งสี่เดินเข้าไปในอพาร์ตเมนต์
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ลูเมี่ยนยืนยันว่า ลูกน้องสามคนออกจากละแวกนี้ไปแล้ว แต่ละคนแยกย้ายไปตามทาง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เหลือเพียงมาร์โกต์เท่านั้น ที่ยังอยู่ห้องใดห้องหนึ่งของตึกนี้
“ไม่ต้องให้ลูกน้องคอยคุ้มกันเลยสินะ… คงมั่นใจในฝีมือตัวเองมาก” ลูเมี่ยนพึมพำเสียงแผ่ว ยิ่งปักใจเชื่อว่าเป้าหมายเป็นผู้วิเศษ
มองไปยังทางเดินอันมืดมิดของอพาร์ตเมนต์ เด็กหนุ่มนึกถึงความสามารถในการขจัดรอยเท้าของ ‘นักล่า’ จนได้ข้อสรุปว่า ต่อให้นำโคมไฟคาร์ไบด์มาใช้ ค้นหาทุกซอกมุม ก็คงยากที่พบร่องรอยของมาร์โก ดีไม่ดีอาจเข้าไปติดกับดักที่อีกฝ่ายวางไว้
ไม่นานนัก เด็กหนุ่มได้พบกับชายวัยยี่สิบกว่าๆ ที่กำลังเมาหยำเป แทบจะเดินทรงตัวไม่ได้
เมื่ออีกฝ่ายเดินมาถึงโคมไฟถนนต้นที่ชำรุด และเริ่มอาเจียน ลูเมี่ยนก็กดหมวกลง เดินเข้าไปใกล้พร้อมกับกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
“ขอซื้อต่อเสื้อนอก ให้ 1.5 เฟลคิน”
ทีแรกคนเมาตอบสนองด้วยใบหน้ากังขา เชื่อว่าตนคงจะเมาจนเห็นภาพหลอน
คนเมาสวมทวีดแจ็กเกตสีน้ำเงินเทา ซื้อมาจากร้านเสื้อผ้าถูกๆ ในตลาดคนซื่อด้วยเงินเพียงหนึ่งเฟลคิน แต่ตอนนี้ มีคนอยากจ่ายถึง 1.5 เฟลคิน หรือสามสิบริกต์ เพื่อซื้อเสื้อผ้าที่เขาใส่มาตลอดสองปี!
เราบ้า หรือไอ้หมอนี่บ้า? คนเมาพยายามยกศีรษะ มองไปยังคู่กรณี แต่เนื่องจากแสงสว่างค่อนข้างน้อย จึงเห็นเพียงเค้าโครงอันมืดทึบ
วินาทีถัดมา อีกฝ่ายยัดเหรียญเย็นๆ สองเหรียญใส่มือเขา
คนเมาลองกะเกณฑ์น้ำหนัก ลองลูบคลำลายผิวเหรียญโดยสัญชาตญาณ
จากนั้นก็เรอหนึ่งคำแล้วพูด
“ซื้อไปทำไม…?”
“ถ้าไม่ขาย ฉันจะไปหาคนอื่น” ลูเมี่ยนเตรียมจะชักเหรียญเงินสองเหรียญนั่นกลับ
คนเมาไม่ถามไถ่อะไรอีก ด้วยท่วงท่าอันเชื่องช้า ปากพึมพำไปพลางถอดเสื้อนอก ล้วงของในกระเป๋าออก
เมื่อลูเมี่ยนเดินห่างออกไปพร้อมกับเสื้อผ้าตน เขาก็ยกหัวขึ้นอย่างยากลำบากพร้อมกับโบกมือ
“ฮะฮะ! คนบ้า คนบ้าที่เอาเงินมาให้… โอ๊กกก…”
เมื่อย้อนกลับมายังอพาร์ตเมนต์ริมถนนไนติงเกล ลูเมี่ยนเปลี่ยนชุดใหม่ สวมหมวกแฟลตแก๊ปสีน้ำเงินเข้ม ใส่ทวีดแจ็กเกตหนาสีเทาน้ำเงิน กางเกงขายาวสีขาวที่ซักแล้ว รองเท้าหนังที่ทั้งเก่าและสกปรก
เมื่อรวมกับสิ่งของอื่นๆ ที่เตรียมไว้ใช้ในภายหลัง เด็กหนุ่มใช้เงินไปทั้งสิ้นสิบสองเฟลคิน
ขณะเงยหน้ามองอพาร์ตเมนต์อันมืดมิด ลูเมี่ยนชะงักไปเล็กน้อย
ทำไมเราถึงเจาะจงเลือกมาร์โกต์เป็นเหยื่อล่ะ?
ลูกน้องสามคนของมันก็ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ และชัดเจนว่าอ่อนแอกว่ามาก ไม่รู้จักซ่อนร่องรอย การจะฆ่าพวกมันยากกว่าการเชือดไก่นิดเดียว…
‘ชะตากรรมที่ถูกวิญญาณมงต์ซูรีจู่โจม’ ก็ไม่ได้เจาะจงว่าคนที่รับช่วงต่อต้องเป็นใคร!
แล้วทำไมเราถึงคิดแต่จะล่ามาร์โกต์?
เมื่อก่อนเราไม่ใช่คนแบบนี้ สามารถเลือดเย็นได้เมื่อจำเป็น แต่ถ้าเลือกได้ก็จะลองแก้ไขด้วยวิธีง่ายๆ ก่อน ไม่สร้างภาระพร่ำเพรื่อ…
ท่ามกลางกระแสความคิด ลูเมี่ยนบรรจงยกมุมปาก
สิ่งที่ทำให้เขาเลือกเป้าหมายที่อันตรายกว่าคือ ‘สัญชาตญาณ’
เหตุผลไม่ซับซ้อน ก็เพราะการทำแบบนี้จะท้าทายกว่า ผ่อนคลายได้มากกว่า และสนุกสนานยิ่งกว่า
เมื่อก้มมองหน้าอกซ้ายที่ถูกเสื้อผ้าบดบัง ลูเมี่ยนเชื่อว่า นี่คงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มลพิษภายในร่างกายนำมา
หลังจากเงียบไปสักพัก เด็กหนุ่มกดเสียงลง หัวเราะกับตัวเองแผ่วเบา
“ดูเหมือนจะเริ่มบ้านิดๆ แล้วสินะ…”
เขาเลิกคิดเรื่องการเปลี่ยนเป้าหมาย ราวกับได้กลิ่นเลือดคาวๆ ลอยโชยมาแล้ว
นี่เป็นทั้งพร และคำสาป
กดหมวกแฟลตแก๊ปลง ลูเมี่ยนหอบกองสิ่งของ เดินอ้อมไปทางด้านหลังอพาร์ตเมนต์เป้าหมาย
เด็กหนุ่มนำก้อนเนื้อติดมัน ไส้โซฟาที่ติดไฟง่าย และวัตถุอื่นๆ วางลงตรงมุมตึก แล้วทำแนวกันไฟไว้รอบๆ
ถัดมา ลูเมี่ยนจุดไม้ขีดไฟ แล้วโยนเข้าไปในกอง
ประกายไฟแล่นกระจายไปตามวัสดุติดไฟง่าย ไม่นานก็ลุกลามจากเล็กไปใหญ่ กลืนกินสิ่งที่อยู่รอบข้าง
ควันดำพวยพุ่งขึ้นด้านบน
เมื่อควันเริ่มหนาขึ้น จนปกคลุมบริเวณโดยรอบ ลูเมี่ยนเริ่มแหกปากตะโกน
“ไฟไหม้แล้ว!”
“มีไฟไหม!”
เด็กหนุ่มแหกปากพลางวิ่งย้อนกลับไปที่หน้าอพาร์ตเมนต์ แล้วหลบเข้าไปในเงามืดตรงหัวมุมตึก
แผนการของเขาคือ ในเมื่อไม่ทราบว่ามาร์โกต์อยู่ห้องไหน ซ่อนกับดักอะไรไว้บ้าง ก็ต้องบีบให้อีกฝ่ายออกมาเอง!
และถ้ามาร์โกต์เป็น ‘นักวางเพลิง’ ก็ย่อมต้องตระหนักว่าเปลวไฟกับควันดำด้านล่าง ไม่มีทางก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้จริง การตอบสนองจะต้องต่างจากผู้เช่าคนอื่นโดยสิ้นเชิง ถึงตอนนั้น ลูเมี่ยนก็จะมั่นใจว่าอีกฝ่ายอยู่ลำดับใด แล้วตัดสินใจว่าจะดันทุรังทำตามแผนหรือล้มเลิก
ท่ามกลางควันดำที่หนาขึ้น เปลวไฟวูบวาบ และเสียงตะโกนของลูเมี่ยน ผู้เช่าของอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว รวมถึงบ้านเรือนรอบข้าง ต่างก็พากันวิ่งลงจากบันไดออกมายังถนน
เนื่องจาก ‘เพลิง’ ไม่ใหญ่มาก ภายในอพาร์ตเมนต์จึงไม่ได้ผลกระทบจากควัน จึงไม่มีใครเสี่ยงกระโดดลงมา
ลูเมี่ยนเลิกตะโกน เพียงตรึงสายตาอยู่กับทางเข้าออกอพาร์ตเมนต์ ปล่อยให้คนอื่น ‘ช่วย’ ตะโกนคำที่คล้ายกันแทน บางคนก็เริ่มมองหาต้นเพลิง
สองวินาทีถัดมา เงาหนึ่งกระโดดลงจากหน้าต่างชั้นสอง เท้าสัมผัสพื้นอย่างมั่นคง
เป็นมาร์โกต์ สวมเสื้อเชิ้ตสีแดง กางเกงขายาวสีน้ำเงินกรมท่า ผมสั้นสีเหลืองอ่อนตั้งชัน!
มาร์โกต์อาศัยความเป็นผู้วิเศษ ผนวกกับอยู่ห้องค่อนข้างต่ำ จึงไม่เบียดเสียดกับคนอื่นเพื่อลงจากบันได แต่เลือกกระโดดออกจากหน้าต่าง
เมื่อเท้าสัมผัสพื้น เขาหันกลับไปมองอพาร์ตเมนต์ พบว่าไฟไม่ได้ลามมากมายอะไร การกระโดดครั้งนี้ไม่จำเป็นเลยสักนิด เป็นเพียงพฤติกรรมของพวกโง่ตื่นตูม
ทันใดนั้น เขาเห็นร่างของใครบางคน สวมหมวกแฟลตแก๊ป ทวีดแจ็กเกตสีเทาน้ำเงินโผล่หน้าออกจากมุมตึก
อีกฝ่ายก้มศีรษะต่ำ ชี้นิ้วมาทางเขา แล้วหัวเราะเสียงดัง
“ดูหมอนั่นสิ โง่ชะมัด!”
ปึด! อารมณ์ของมาร์โกต์พลันปะทุ
ดวงตาเริ่มแดง สองเท้าปรี่เข้าหาชายที่หัวเราะเยาะตน
เขารวดเร็ว แต่อีกฝ่ายเร็วกว่า พริบตาเดียวก็หันหลังวิ่งหนีเข้าซอยใกล้ๆ
มาร์โกต์อยากระบายอารมณ์กับอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ จึงไล่ล่าอย่างไม่ลดละ
ทั้งสองวิ่งไล่จับกัน หนึ่งตามหนึ่งหนี เข้าไปในซอยมืดๆ เปลี่ยวๆ
ตึกตึกตึก! ร่างนั้นวิ่งตรงไปทางเครื่องกีดขวาง กดมือขวาลงแล้วกระโดดข้ามไป
มาร์โกต์ไม่หยุดไล่ ใช้เท้าเหยียบลงบนเครื่องกีดขวาง กระโดดข้ามไปทั้งตัว
เพียงลงถึงพื้น ก็เห็นอีกฝ่ายหยุดหนีแล้วหันกลับมามอง
ใต้แสงจันทร์สีแดง ใบหน้าใต้หมวกแฟลตแก๊ปสีน้ำเงินเข้ม ปรากฏสู่สายตามาร์โกต์
ส่วนใหญ่ถูกพันด้วยผ้ารัดแผลสีขาว เผยให้เห็นเพียงรูจมูก ตา และใบหู
มือซ้ายของอีกฝ่ายก็เช่นกัน กำลังถือมีดสั้นสีเงินดำที่ดูชั่วร้ายเล็กๆ
มาร์โกต์เบิกตากว้างทันที จิตใจเริ่มสั่นคลอน
เขาเพิ่งได้เข้าใจว่า ตนถูกสิ่งที่คล้ายกับพลัง ‘ยั่วยุ’ เล่นงาน
ข่มความรู้สึกกระสับกระส่ายที่เริ่มก่อตัว มาร์โกต์ชักปืนลูกโม่สีดำที่ซุกอยู่ตรงเอว
เขาเล็งใส่ลูเมี่ยน พร้อมกับกระตุ้นพลัง ‘ยั่วยุ’
“แค่มีด?”
“ไอ้โง่ นี่มันยุคของปืนแล้ว!”
ปัง!
มาร์โกต์เหนี่ยวไก วิถีกระสุนพุ่งเข้าหาศีรษะลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มหงายหลังคล่องแคล่ว ร่างกายโค้งงอเหมือนสะพาน
จากนั้นก็ใช้มือผลักร่างกายพุ่งมาข้างหน้า ลำตัวขนานกับพื้นในท่านอนหงาย เพื่อหลบกระสุนอีกนัดที่มาร์โกต์ยิงซ้ำใส่
เพียงพริบตา ลูเมี่ยนดีดตัวกลับมายืนตรงได้เหมือนสปริง ฉวยโอกาสขว้างปรอทเสื่อมทรามในมือใส่มาร์โกต์ ทำราวกับเป็นมีดขว้าง
คำนึงถึงพลังที่คล้าย ‘การยั่วยุ’ ของอีกฝ่าย มาร์โกต์ระแวงพิษบนอาวุธ จึงไม่กล้ารับไว้ตรงๆ เพียงฉากหลบไปด้านข้าง ปล่อยให้มีดสั้นสีเงินดำพุ่งผ่านร่างไป ปักใส่ร่องหินบนเครื่องกีดขวาง
พอหลบการโจมตีพ้น มาร์โกต์เห็นลูเมี่ยนถลันเข้าใส่ตนดุจดังเสือดาว
เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ในรูหูของอีกฝ่ายมีกระดาษหนาๆ อุดอยู่ ส่งผลให้แทบไม่ได้รับอิทธิพลจากการ ‘ยั่วยุ’ ของตนเลย!
ผู้ที่เข้าใจ ‘นักล่า’ ได้ดีที่สุด ก็คือ ‘นักล่า’ อีกคน!
นั่นทำให้มาร์โกต์กลับมาเดือดดาล ราวกับถูกอีกฝ่าย ‘ยั่วยุ’ โดยไม่ต้องใช้เสียง
ผัวะ! ลูเมี่ยนกำหมัดขวา เล็งต่อยใส่ขมับของมาร์โกต์จนเกิดเสียงแน่นๆ
มาร์โกต์ยกแขนซ้ายขึ้นมารับไว้ได้ทัน
พร้อมกันนั้นก็ยกมือขวาขึ้นใหม่ เล็งลูกโม่ใส่หัวลูเมี่ยน
ระยะใกล้ขนาดนี้ ดูสิว่าจะหลบยังไง!
เพียงพริบตา ลูเมี่ยนโน้มตัวไปข้างหน้า ทำท่าคล้ายกับจะใช้หัวโขกใส่หน้าอกมาร์โกต์ พลางยื่นมือซ้ายไปจับข้อมือขวาของอีกฝ่าย
ขาขวาของเด็กหนุ่มขยับอย่างยืดหยุ่นสุดโต่ง ฝ่าเท้าพุ่งเข้าหาท้ายทอยของตัวเอง
เขาไม่ได้คิดจะถีบท้ายทอย แต่เป็นปรอทเสื่อมทรามที่ปักอยู่ในร่องหินบนเครื่องกีดขวางข้างๆ ลำตัว
มีดสั้นสีเงินดำที่แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายลอยขึ้น อาศัยการนำวิถีบางส่วนจากปลายเท้า พุ่งตรงเข้าหามาร์โกต์
……………………………………………………..