ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 107 พังทลาย
ตอนที่ 107 พังทลาย
ตึกตัก ตึกตัก!
เสียงหัวใจเต้นระรัว ดังกังวานอยู่ในโสตประสาทของลูเมี่ยน
ขณะเดียวกัน เขารู้สึกเหมือนภาพแล้วภาพเล่าค่อยๆ ถูกลากออกไปจากส่วนลึกของความทรงจำ
เด็กหนุ่มทุกข์ทรมานราวกับศีรษะใกล้ปริแตก ระหว่างนั้นก็ดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิตเพราะไม่อยากให้สิ่งนี้ดำเนินต่อไป
นอกหน้าต่างกระจกสี เมื่อเห็นว่าพิธีกรรมเริ่มแล้ว ไรอันสลัดทุกความลังเลทิ้ง โยนหุ่นฟางตานาโกให้ลีอา ฝากให้เธอใช้สมบัติผนึกชิ้นนี้กับหลวงพ่อแทน ส่วนตัวเองรีบใช้สองมือยกดาบแสงแรกขึ้น
ท่ามกลางเปลวไฟสีทอง ลีอากับวาเลนไทน์รีบย้ายไปยังหน้าต่างกระจกสีอีกบาน อยู่ห่างจากไรอันโดยมีเพียงผนังนูนครึ่งทรงกระบอกขวางกั้น เพื่อลดทอนความเสียหายที่อาจเกิดจาก ‘พายุแสง’
อ้างอิงจาก ‘พลังป้องกัน’ ที่โบสถ์นักบุญซิธสำแดงให้เห็นจนถึงเมื่อครู่ พวกเขาเชื่อว่าขอแค่มีส่วนหนึ่งของโบสถ์ช่วยบังเอาไว้ พวกตนก็จะปลอดภัย ยังไงเสีย ไรอันก็คงช่วยควบคุมทิศทางไว้อยู่แล้ว
ลีอาแบกหุ่นฟางตานาโกไว้บนหลัง แล้วนำไปแนบกับกระจกสีที่วาดภาพการเผยแผ่ศาสนาของนักบุญซิธ เล็งทิศทางไปยังแท่นบูชา เล็งไปยังหลวงพ่อกิโยม·เบเนต์ที่กำลังดำเนินพิธีการ
อีกด้านหนึ่ง ไรอันจับด้ามดาบด้วยสองมือ จ่อปลายดาบแสงแรกไว้ตรงกรอบหน้าต่าง
ดาบสองมือเล่มเขื่องที่เกิดจากการควบแน่นของแสงอรุณแรก พลันแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ จำนวนมาก พริบตาเดียวก็กลายเป็นพายุแสงที่เต็มไปด้วยเกล็ดแสง
‘พายุ’ ขยายตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระแทกใส่กระจกสีตรงหน้า
ท่ามกลางเสียงปริแตก โบสถ์ทั้งหลังสั่นในระดับหนึ่ง ผิวกระจกเริ่มร้าวทีละจุดสองจุด จนกระทั่งกลายเป็นใยแมงมุมจำนวนมาก
ทว่า พวกมันยังคงปักหลักเหนียวแน่น ไม่ยอม ‘เปิดทาง’ ให้คนนอกเข้าไป
ไรอันเห็นดังนั้นจึงเสกแสงรุ่งอรุณขึ้นมารอบตัว ควบแน่นพวกมันให้เป็นขวานยักษ์ที่ต้องถือด้วยสองมือ
เขายังใช้พายุแสงไม่ได้อีกสักพัก จำเป็นต้องเปลี่ยนอาวุธ
ลีอากับวาเลนไทน์รอดจากอิทธิพลของพายุแสงได้เพราะผนังโบสถ์ที่นูนออกมา ขณะเดียวกัน การมองเห็นของหุ่นฟางตานาโกกำลังจดจ่ออยู่กับหลวงพ่อ ดวงตาที่ฝังอยู่ในมัดฟางสีน้ำตาลอมเขียวกำลังสะท้อนภาพของชายสวมชุดคลุมยาวสีขาวแถบทอง
ทันใดนั้น ลีอาเห็นแสงประกายรอบๆ แท่นบูชาที่หลวงพ่อกิโยม·เบเนต์กำลังยืน
ประกายแสงสีเงินผสมดำ
ด้วยเสียง ‘โผละ’ ดวงตาของหุ่นฟางตานาโกระเบิดออก น้ำตาสีเลือดไหลลงมาเป็นทาง
หลวงพ่อหันมามองหุ่นไล่กาครู่หนึ่งแล้วหันกลับไป
รอจนกระทั่งแกะสองตัวเดินขึ้นแท่นบูชา ‘ด้วยตัวเอง’ หลวงพ่อเริ่มท่องคาถาถัดไปด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแฝงความเร่าร้อน
“ท่านคือวัฏสงสารอันไร้สิ้นสุด คือชะตากรรมที่ไม่อาจเลี่ยง คือเหตุ คือผล คือกระบวนการ!”
เพียงพริบตา เทียนไขสองเล่มที่แทนองค์เทพบนแท่นบูชา ขยายเปลวไฟจนใหญ่เท่าๆ กับหัวมนุษย์
เมื่อลมสายหนึ่งพัดผ่านภายในโบสถ์ ชาวบ้านก็ดูคล้ายกับกลายเป็นรูปปั้นทันที
แต่ละคนมีตุ่มสีเงินผสมดำยื่นออกจากผิวหนังส่วนที่เปิดเผย เช่นหลังมือหรือบนใบหน้า ทีละเม็ดสองเม็ด
ประกายแสงสีเงินผสมดำรอบแท่นบูชาแผ่ขยายออกไปทุกทิศทางจนกระทั่งคลุมทั่วทั้งโบสถ์
หลังคาโดมทรงโค้งที่เต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังกลายเป็นโปร่งใส กลุ่มเมฆบนท้องฟ้าสูงเริ่มแหวกออก พระจันทร์สีแดงเข้มเริ่มแดงก่ำเหมือนเลือด
ดวงดาวหลังผ้าม่านกำมะหยี่สีดำไม่ถูกบดบังอีกต่อไป ทยอยส่องแสงทีละดวงสองดวง ทุกดวงเจิดจ้าดุจดังดวงตะวัน
กลางคืนเปลี่ยนเป็นกลางวันชั่วขณะ กลุ่มชาวบ้านกลับมาจ้อกแจ้กจอแจอีกครั้ง
“ราศีเปลี่ยนไปแล้ว…”
“โชคลาภกำลังจะมา…”
เสียง ‘ตุ้บ’ ดังขึ้นสามหนซ้อน ไรอัน ลีอา และวาเลนไทน์ที่ไม่ได้ยินอะไรเลย แต่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ทรุดลงไปกับพื้นพร้อมกัน นอนดีดดิ้นครวญครางด้วยความเจ็บปวด ราวกับกำลังทุกข์ทรมานสุดขีด
ผิวกายไรอันเปลี่ยนเป็นสีเทาอมฟ้า ใบหน้าลีอามีหนอนแมลงชอนไช รวมถึงตุ่มเนื้อที่ผุดขึ้น ส่วนวาเลนไทน์ส่องแสงราวกับดวงตะวัน จากภายในสู่ภายนอก จากบนลงสู่ล่าง
พวกเขาแทบจะคลุ้มคลั่งคาที่
หุ่นฟางตานาโกหล่นลงข้างๆ และเอาแต่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ลูเมี่ยนพบว่าหน้าอกของตนร้อนรุ่มผิดปกติ มาพร้อมกับเสียงอันน่าพรั่นพรึงที่ดังจากไกลอนันต์แต่ก็เหมือนใกล้มหันต์
ในหัวรู้สึกเหมือนกับมีแท่งเหล็กล่องหนสอดเข้าไป คนกวนสมองอย่างบ้าคลั่ง จนเส้นเลือดใหญ่พองขึ้นตามผิวกายทุกจุด เม็ดตุ่มสีเงินผสมดำลุกลามไปทั่วร่างกาย
พลังที่มองไม่เห็นห่อหุ้มร่างกายเด็กหนุ่มพร้อมกับยกขึ้นจากแท่นบูชา
เชือกที่พันธนาการไว้รวมถึงเศษผ้าที่อุดปาก ต่างก็แหลกเป็นผุยผงพร้อมกับปลิวว่อน
โอลัวร์ก็ถูกพลังงานที่มองไม่เห็นยกลอยเหนือแท่นบูชาเช่นกัน ในลักษณะหันหน้าเข้าหาลูเมี่ยน
ดวงตาแดงก่ำของเด็กหนุ่มสะท้อนภาพพี่สาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนอันว่างเปล่า ใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องแต่ซึมกะทือ ชุดคลุมยาวสีขาวเรียบง่ายแต่ดูประหลาด
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น สัมผัสได้ว่า ‘ความคุ้นเคย’ จากก้นบึ้งความทรงจำเริ่มกลับมาชัดเจนอีกครั้ง และความเจ็บปวดที่มาพร้อมกันก็มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าตอนที่ได้ยินเสียงเพรียกหา
ฉากเหตุการณ์รอบตัวถูก ‘ตัดเป็นชิ้นๆ’ แล้วนำมาซ้อนทับกันภายในห้วงความคิดของลูเมี่ยน
ภาพใบหน้าอันคลั่งไคล้แต่เคร่งขรึมของหลวงพ่ออธิการโบสถ์
ภาพของชายสวมชุดคลุมดำที่กำลังเดินบนแท่นบูชา
ภาพของคนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรีที่คลานไปกับพื้น
ภาพของโดมหลังคาโบสถ์ที่กลายเป็นโปร่งใส
ภาพของพระจันทร์แดงเลือดและแสงดาวบนฟ้าสูง
ภาพของชาวบ้านที่ทำหน้าไร้อารมณ์ขณะรอต้อนรับโชคลาภ
ภาพของโอลัวร์ที่กำลังทำหน้ามุ่ยเล็กๆ เหมือนกับรู้สึกเจ็บ
ความคิดของลูเมี่ยนเริ่มล่องลอย รู้สึกเพียงว่าร่างกายของตนค่อยๆ ถูกพลังงานที่มองไม่เห็นฉีกออกจากกัน เม็ดตุ่มสีเงินผสมดำผุดขึ้นตามผิวหนังมากขึ้นตามลำดับ
แต่เขาดิ้นไม่หลุดจากพันธนาการ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไร้ผล
“อ๊า!”
ลูเมี่ยนกรีดร้องอย่างมิอาจอดกลั้น หน้าอกเริ่มปริแตกทีละนิด แสงสีเงินผสมดำหลั่งไหลออกมาแล้วลอยไปหาโอลัวร์
ได้ยินเสียงกรีดร้องอันทุกข์ทรมานนั่น ดวงตาของหญิงสาวสั่นเครือเล็กน้อย
แววตาอันเหม่อลอยของเธอสะท้อนภาพลูเมี่ยนที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยเส้นเลือดโป่งพอง ใบหน้าบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยตุ่มสีเงินผสมดำ
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง หญิงสาวอาศัยสัญชาตญาณเหยียดแขนออกไป ผลักลูเมี่ยนเต็มแรง หวังดันให้หลุดพ้นจากขอบเขตของอันตราย
พี่…! เด็กหนุ่มจ้องมองโอลัวร์ที่ผลักตนออกจากแท่นบูชา
ทันใดนั้น เสียงอันน่าพรั่นพรึงในหัวพลันเลือนลับ พันธนาการที่มองไม่เห็นบนผิวกายเริ่มอันตรธานหาย ความรู้สึกคล้ายร่างกายถูกแผดเผาเริ่มทุเลาลง
แต่ความเจ็บปวดในหัวมิได้เปลี่ยนไปเลย ภาพในความทรงจำส่วนลึกยังคงถูกฝืนดึงออกมา
ยังกับมีคนค่อยๆ ใช้ตะขอควักสมองของเขาออกมา
ภาพเหตุการณ์ขณะโอลัวร์ เจ้าของดวงตาสีฟ้าอ่อนเจือสีเงินผสมดำ เจ้าของแววตาว่างเปล่าและใบหน้าไร้อารมณ์ ช่วยผลักตนออกจากแท่นบูชา ย้อนกลับมาฉายในใจลูเมี่ยนอีกครั้ง มันดูคล้ายคลึงกับสิ่งที่เพิ่งเห็นเมื่อสักครู่ เพียงแต่พื้นหลังต่างออกไปเล็กน้อย และปราศจากชายในชุดคลุมสีดำ
ความรู้สึก ‘คุ้นเคยอย่างยิ่ง’ ทำให้ลูเมี่ยนกระจ่างชัดว่าตนเคยผ่านเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันมาก่อน และทำให้เขาต้องครวญครางอย่างทุกข์ทรมานอีกครั้ง
โครม! ลอยหลุดออกจากแท่นบูชา ลูเมี่ยนกระแทกกับพื้นอย่างแรง
ไม่สนใจความเจ็บปวดในศีรษะหรือความสับสนทางจิตใจ ลูเมี่ยนดีดตัวพรวดขึ้นมายืน เตรียมกระโจนกลับไปหาพี่สาวเพื่อพาเธอออกจากแท่นบูชา
ร่างหนึ่งขวางทางเด็กหนุ่มไว้ เป็นชายในชุดคลุมดำที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัน
มันประเคนหมัดใส่แก้มขวา จนเขาล้มกระเด็นไปกับพื้น
ยังไม่สิ้นความหวัง ลูเมี่ยนผู้มีความกล้าบ้าบิ่นมากพอที่จะแสวงหาชีวิตในห้วงความเป็นความตาย ลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกับพุ่งใส่ชายชุดคลุมสีดำตรงหน้า
วืด!
ชายในชุดคลุมดำชกอีกหนึ่งหมัด แต่ลูเมี่ยนหลบพ้นได้ด้วยสัญชาตญาณ
เด็กหนุ่มงงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แสยะยิ้มอย่างบิดเบี้ยวพลางคำรามต่ำ
“ไอ้เวร ก็ไม่เท่าไรนี่หว่า?”
“อ่อนแอพอๆ กับฉันเลยสินะ!”
ลูเมี่ยนหลงลืมหลวงพ่ออธิการโบสถ์ ลืมคนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรี เพียงถลันเข้าใส่ชายในชุดคลุมสีดำ
ชายชุดดำหันกายไปด้านข้าง ยกขาขวาขึ้น เล็งเตะตัดขาลูเมี่ยนตรงน่อง แต่เด็กหนุ่มไม่คิดหลบ อาศัยความยืดหยุ่นอันน่าขนลุกขนพองของนักเต้น ฝืนบิดหมุนร่างกายไปครึ่งท่า เหยียดแขนออกไปโอบรัดศัตรู
ตุ้บ! ตัวเขาที่ถูกเตะตัดขา ล้มกระแทกพื้นไปพร้อมกับชายในชุดคลุมสีดำ
อีกฝ่ายรีบยกมือขวาขึ้น คว้าเข้าลำคอลูเมี่ยน พร้อมกับยกเข่าสูง แล้วตีเข่าใส่เป้ากางเกงเด็กหนุ่ม
ลูเมี่ยนไม่คิดหลบ ด้วยตาแดงก่ำ นิ้วมือขวาของเขาขุดเข้าไปในเบ้าตาอีกฝ่ายด้วยความเกรี้ยวกราด
“อ๊า!”
ชายในชุดดำกรีดร้องอย่างเป็นทุกข์ ดวงตาถูกกระชากออกอย่างโหดเหี้ยม เลือดไหลเจิ่งนอง ส่วนลูเมี่ยนก็ขดตัวคุดคู้ตามสัญชาตญาณ — ความเจ็บปวดจากท่อนล่างทำเอาแทบจะสิ้นสติ
เด็กหนุ่มกระเสือกกระสนหวังเหยียดตัวให้ตั้งตรง พลางหัวเราะเยาะชายชุดดำที่กำลังนอนโอดโอย
“ก็เอาสิวะ! มาตายไปพร้อมกัน!”
“ตายซะ! ไอ้ขี้ขลาด!”
เขาพุ่งตะครุบมันอีกครั้ง คราวนี้ใช้แขนโอบรัดลำคอ
ขณะเดียวกัน ปิแยร์·แบรีที่อยู่ขอบแท่นบูชาพลางต่อสู้กับความหวาดกลัวในจิตใจ ฝืนพยุงร่างขึ้นอย่างทุลักทุเล ชักขวานออกมาพร้อมกับวิ่งเข้าใส่ลูเมี่ยน
ตึง!
ขวานของมันสับลงอย่างแรง แต่ถูกหมอกสีเทาที่โผล่ขึ้นมาเมื่อไรไม่ทราบกีดกันไว้ จนมิอาจทำอันตรายใดกับลูเมี่ยน
ปิแยร์·แบรีลองเปลี่ยนไปใช้พลังอื่นอีกสองชนิด แต่ก็หมดสิทธิ์ทำลายแนวป้องกันของหมอก
กิโยม·เบเนต์ หลวงพ่ออธิการโบสถ์ เร่งรัดอ่านคาถาท่อนถัดไปโดยไม่ลังเล
“ข้าวิงวอนขอพระองค์”
“ขอพระองค์ทรงประทานพร”
“ขอพระองค์ทรงประทานพรแด่ข้าพเจ้า…”
ยังไม่ทันจะอ่านจบ รอบตัวมันพลันเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ราศีบนท้องฟ้าสูงล้ำ เริ่มเคลื่อนคล้อยน้อยนิด เปลี่ยนตำแหน่งไปจากเดิม
ทั่วหมู่บ้านกอร์ตูเริ่มสั่นสะเทือนโครมคราม ทุกหลังคาเรือน ทุกตารางนิ้วของดินถูกดึงดูดเข้าหาโบสถ์
ชาวบ้านทุกคนแหลกสลายอย่างเงียบงัน กลายเป็นอวัยวะต่างๆ เช่น ตา ปาก จมูก หัวใจ นิ้วมือ หรือก้อนเลือดเนื้อ…
เศษซากเหล่านี้กลับไปรวมตัวอีกครั้ง กลายเป็นร่างที่ต่างไปจากเดิม บางคนปกติ บางคนยุ่งเหยิง บางคนไม่ครบส่วน และบางคนเกินส่วน
เศษซากที่เหลือเกือบทั้งหมดลอยไปยังแท่นบูชา ลอยไปหาโอลัวร์
ผิวหนังโอลัวร์ปรากฏรอยแตกลาย พริบตาเดียวก็แหลกสลายกลายเป็นเศษเลือดเนื้อจำนวนมาก
ได้เห็นฉากนี้ ลูเมี่ยนสิ้นหวังจากก้นบึ้งหัวใจ
แต่เขายังไม่ยอมแพ้ จับศีรษะชายในชุดดำแนบแน่นพร้อมกับบิดสุดแรงเกิด หักคอผู้ชายที่กำลังถลึงตาตกตะลึงท่ามกลางเสียง ‘กร๊อบ’
ลูเมี่ยนรีบลุกขึ้นยืน รีบวิ่งไปหาพี่สาว
แต่รอบตัวโอลัวร์คล้ายกับมีโล่ล่องหนคอยกีดขวาง
ครืนนน!
เสียงอึกทึกดังมาจากใต้ดิน โบสถ์เริ่มยกตัวขึ้นอย่างฉับพลัน
ต้นไม้ ดิน และหินใหญ่นอกหมู่บ้าน รวมถึงบ้าน เครื่องเรือน และข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดในหมู่บ้าน ต่างก็ถูกดูดเข้าหาโบสถ์
อวัยวะส่วนใหญ่ของชาวบ้านลอยเข้าสู่แท่นบูชา ผสานเข้ากับเลือดเนื้อของโอลัวร์ ยุบพองอย่างน่าสยดสยองจนกระทั่งกลายเป็นยักษ์ตัวใหญ่
คนยักษ์สูงสี่ซ้าห้าเมตร สามเศียรหกกร ทั้งตัวประกอบจากก้อนเลือดเนื้อและเศษอวัยวะ ผิวหนังเต็มไปด้วยรอยแตก น้ำหนองเหลืองไหลเยิ้ม
หัวกลางของยักษามีสีหน้าเจ็บปวดระคนเสียใจ พยายามมองมาทางลูเมี่ยน
น้ำตาสีเลือดกึ่งโปร่งใสบรรจงหยดจากหางตาของ ‘เขา’
ได้เห็นฉากนี้ จิตใจของลูเมี่ยนสั่นสะท้านทันที รู้สึกประหนึ่งถูกขวานผ่าร่างครึ่งซีก
ดวงตาเริ่มสั่นเทาขณะ ‘เห็น’ โบสถ์แหลกสลายกลายเป็นเศษซาก ‘เห็น’ ภูเขาเลือดที่ยกตัวสูงขึ้น ‘เห็น’ กำแพงเมืองอันเกิดจากการบิดงอของบ้านเรือน ‘เห็น’ วงแหวนซากปรักหักพังที่รายล้อมภูเขา ‘เห็น’ สัตว์ประหลาดนานาชนิดที่อยากออกแต่ออกไปไม่ได้
นี่มัน… ลูเมี่ยนปวดหัวรุนแรงอีกครั้ง
ระหว่างที่มองอนุภาคแสงจำนวนมากลอยออกจากตัวคนยักษ์และเหล่าสัตว์ประหลาด ลอยเข้ามาในอกของตน เด็กหนุ่มพบว่าภาพในส่วนลึกของความทรงจำ ถูกดึงออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว
ภาพนั้นแทบจะเหมือนกับฉากตรงหน้าทุกประการ
นี่มัน… ลูเมี่ยนผุดข้อสันนิษฐานบางอย่าง ส่งผลให้อาการปวดหัวยิ่งเลวร้าย
ทันใดนั้น ทุกสิ่งตรงหน้าพลันกลายเป็นมายา ปรากฏรอยแตกร้าวคมชัด เฉกเช่นกระจกที่ถูกทุบ
นี่มัน! ในที่สุดลูเมี่ยนก็นึกออก
ถัดมา เขาเห็นชายในชุดคลุมสีดำที่กลายเป็นของเหลวสีดำโสโครก ลอยละลิ่วมาทางตน แล้วไหลเข้าไปในหน้าอกฝั่งซ้าย
“อ๊า!”
ลูเมี่ยนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทิวทัศน์รอบข้างพังถล่มโดยสิ้นเชิง
เด็กหนุ่มสะดุ้งลืมตา แล้วพบว่าตนกำลังนอนอยู่ใต้ ‘ภูเขา’ สีเลือด อาณาเขตความมืดที่ดูคล้ายยามราตรีเจือจางลงไปเกือบหมดแล้ว
ลูเมี่ยนพลิกตัวลุกนั่งตามสัญชาตญาณ เอนตัวไปข้างหน้า ใช้มือสองข้างยันพื้นพลางมองไปรอบๆ
เขาเห็น ‘กำแพงเมือง’ อันบิดเบี้ยว เห็นทุ่งร้างไร้วัชพืช เห็นซากปรักหักพังในความฝันอยู่อีกฝั่ง เห็นไรอัน ลีอา และวาเลนไทน์กำลังนอนอยู่ตรงมุมห้องไม่ไกลออกไป
ทั้งสามกำลังหลับเป็นตาย
ลูเมี่ยนทำคอตก ยกมือขึ้นมาขยุมหัวพลางพึมพำอย่างเจ็บปวด
“ความจริงคือความฝัน ความฝันคือความจริง?”
“ที่นี่คือปัจจุบัน ที่นั่นคืออดีต?”
“โอลัวร์… ช่วยโอลัวร์กลับมาไม่ได้แล้วหรือ…?”
“ใช่” เสียงของสตรีดังขึ้นท่ามกลางซากปรักหักพัง
ลูเมี่ยนเงยหน้าด้วยอาการเซื่องซึม และเห็นมาดามลึกลับยืนอยู่ข้างหน้าอย่างพร่ามัว
สุภาพสตรีปรากฏตัวในชุดกระโปรงยาวสีส้ม ย่างกรายทีละก้าวเข้ามาใกล้
“ด้วยเหตุนี้ เธอจึงกระเหี้ยนกระหือรือขวนขวายหาพลังวิเศษในความฝัน โดยไม่สนใจผลที่จะตามมาภายหลัง”
“ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่แยแสชีวิตของผู้อื่นและตัวเอง คิดแต่จะแก้ ‘ปริศนา’ ของวัฏจักรเวลาโดยเร็ว”
“ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่อาจระงับสัญชาตญาณของตน จนบางครั้งก็เผลอพูดหรือทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม…”
ลูเมี่ยนจ้องมองมาดามลึกลับ และพบอารมณ์แปลกๆ ในแววตาอีกฝ่าย — อารมณ์อันยากอธิบายที่เขาเคยเห็นมาแล้วหลายครั้ง
แต่หนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ
มันคือความสงสาร
……………………………………………………..