ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 104 การตัดสินใจ
ตอนที่ 104 การตัดสินใจ
เมื่อเห็นลูเมี่ยนเผยสีหน้าตกตะลึงที่มิอาจเก็บซ่อน หลวงพ่ออธิการโบสถ์กิโยม·เบเนต์ก็เหยียดตัวยืนตรงด้วยใบหน้าพึงพอใจ แล้วหันไปพูดกับปงส์·เบเนต์
“คอยจับตาดูมันไว้ดี!”
กล่าวจบหลวงพ่อก็เดินไปยังแท่นบูชา
ชาวบ้านรอบๆ พลันกลับมามีชีวิตชีวาหลังจากมันเดินออกไป รีบจับกลุ่มสามถึงห้าคนเพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ
“ราศีกำลังจะเปลี่ยนแล้วล่ะ”
“โชคลาภกำลังจะมาเยือนพวกเรา!”
“อีกไม่นานก็จะรวยกันแล้ว!”
“ถึงตอนนั้นฉันจะดื่มไวน์ทุกวัน กินเนื้อมื้อละปอนด์!”
“ฉันจะหาผู้หญิงสวยๆ”
“ฉันจะไปดูละครเวที”
“…”
ความคิดลูเมี่ยนกำลังสับสนอลหม่าน จนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากิโยม·เบเนต์เดินออกไปตอนไหน
สิ่งที่หลวงพ่อเพิ่งพูดเปรียบดังการโยนหินใหญ่ลงในทะเลสาบน้ำนิ่ง มีแต่จะทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อม
“เป็นไปได้ยังไง…”
“ในวัฏจักรก่อนๆ มันยังถูกเราฆ่าเพราะไม่รู้จักความพิเศษของเราอยู่เลย!”
“ตอนนั้นเรายังไม่แน่ใจในความพิเศษของตัวเองด้วยซ้ำ เป็นธรรมดาที่มันจะไม่รู้เหมือนกัน… หลังจากการต่อสู้คราวนั้น ผ่านมาแล้วสองวัฏจักร มันไม่เคยปะทะกับเราอีกเลยจนกระทั่งความผิดปกติของโอลัวร์กำเริบออกมา…”
“ก่อนหน้านี้มันทำตัวเหมือนมิได้ตระหนักถึงวัฏจักรเวลา… ทั้งคำด่าทออย่างโมโหร้ายในตอนที่เราพาคนต่างถิ่นเข้าไปจับชู้ ทั้งความอ่อนแอในตอนที่ถูกลีอาลอบเข้าไปในโบสถ์เพื่อซัดจนสลบ ทั้งความเดือดดาลที่แสดงออกมาระหว่างที่โอลัวร์สอดแนมด้วย ‘เจ้ากระดาษขาว’ … ไม่ว่าจะอันไหนก็ดูไม่เหมือนการแสร้งทำเลยสักนิด!”
“ถ้าทั้งหมดเป็นการเสแสร้งจริง ความอดกลั้นของมันก็เข้าขั้นน่าสยองขวัญ…”
“เหนือสิ่งอื่นใด ถ้ามันรู้ว่าคุณนายปัวริสรักษาความทรงจำข้ามวัฏจักรได้ ย่อมต้องทราบถึงความผิดปกติในปราสาทด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแอบเล่นชู้กับคุณนายปัวริสในทุกการเริ่มต้นวัฏจักร เพื่อมิให้มีใครเคลือบแคลงสงสัยในตัวมัน…”
“ถ้าเป็นเรา หลังจากรับรู้ว่าคุณนายปัวริสเคยผ่านอะไรมา คงไม่มีทาง ‘แข็ง’ เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอแน่ ย่อมไม่ต้องพูดถึงเรื่องบนเตียง!”
ยิ่งลูเมี่ยนครุ่นคิด ก็ยิ่งพบความน่าสยดสยองในตัวหลวงพ่อ และเป็นคนละรูปแบบกับคุณนายปัวริส
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มผุดข้อสงสัย
“ทำไมหลวงพ่อที่มีความทรงจำถึงไม่สังเวยแกะสามตัวตั้งแต่ต้นวัฏจักรไปเลยล่ะ? เพื่อรับพรจากองค์ซ่อนเร้นและคอยควบคุมหมู่บ้านกอร์ตูไว้ในกำมือ รวมถึงทำพิธีกรรมในคืนที่สิบสองให้เสร็จตั้งแต่วันแรก?”
“ถ้าทำแบบนั้นก็จะขจัดตัวแปรที่ไม่คาดคิดทั้งหมดได้!”
“หมอนั่นรออะไร… ทุกรอบจะต้องรอให้ใกล้ๆ วันมหาพรตถึงจะเริ่มพิธีกรรมสังเวย…”
“หรือพิธีกรรมนั่นต้องกระทำในวันที่และเวลาที่กำหนดเท่านั้น?”
“หรือว่าพิธีฉลองมหาพรตคือส่วนหนึ่งของพิธีกรรมใหญ่ในคืนที่สิบสอง มีแต่ต้องรอให้เทศกาลจบลงก่อนเท่านั้น หลวงพ่อจึงจะมีสิทธิ์ประกอบพิธีกรรมถัดไป?”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรควบคุมทั้งหมู่บ้านไว้ในกำมือตั้งแต่ต้น แล้วค่อยรอให้มหาพรตมาถึงก็ยังไม่สาย…”
“นอกจากนั้น องค์ซ่อนเร้นไม่เอะใจบ้างหรือที่หลวงพ่อสวดวิงวอนขอ ‘พร’ ถึงสองครั้งในรอบสามวัฏจักร? ไม่สิ… บางทีพระองค์อาจอยู่เบื้องหลังก็ได้… เช่นการช่วยให้หลวงพ่อฟื้นคืนความทรงจำ!”
“ไม่สิ… ถ้าพิธีกรรมสังเวยแกะสำเร็จลุล่วงจริง แกะสามตัวนั้นก็ต้องไม่มีตัวตนในวัฏจักรใหม่ เพราะทั้งวิญญาณของพวกเขา รวมถึงตะกอนพลัง ควรจะถูกสังเวยให้องค์ซ่อนเร้นไปแล้ว”
“หรือว่าจะเป็นเหมือนกับแรมงด์… วิญญาณยังคงวนเวียนรอบแท่นบูชาโดยไม่ได้ออกไปจากวัฏจักร?”
“ถ้าอย่างนั้น ในพิธีกรรมสังเวยแกะ พวกหลวงพ่อสวดวิงวอนถึงใครกันแน่? ใครเป็นคนมอบ ‘พร’ ให้พวกมัน?”
ขณะลูเมี่ยนครุ่นคิดสิ่งเหล่านี้ ความเจ็บปวดรวดร้าวแล่นมาจากร่างกายท่อนล่าง
ร่างกายคดคู้ตามสัญชาตญาณ แต่ก็ทำไม่ได้ในทางปฏิบัติเพราะถูกเชือกที่ล่ามอยู่รั้งเอาไว้
ปงส์·เบเนต์ชักเท้าขวาที่เตะใส่หว่างขาลูเมี่ยนกลับไป พลางจ้องมองด้วยสีหน้าพึงพอใจ เมื่อเห็นหยาดเหงื่อเย็นๆ เม็ดเท่าถั่วผุดขึ้นจากหน้าผากเด็กเปรตที่กำลังเจ็บปวดจนไม่อาจแม้แต่จะส่งเสียงร้อง
มันย่อตัวลง ยกมือขวาขึ้นมาตบหน้าลูเมี่ยนหนึ่งฉาด
“รู้สึกดีไหม? ฉันถามแกว่ารู้สึกดีไหม!”
โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนตอบ มันตบหลังแหวนใส่แก้มขวาลูเมี่ยนจนหูอื้อ รู้สึกเหมือนสมองจะกระเด็นหลุดออกจากท้ายทอย
เมื่อเห็นลูเมี่ยนถูกปงส์·เบเนต์ซ้อมอย่างหนัก บิดาของแรมงด์—ปิแยร์·เคร็กก์ก็เดินมาข้างๆ พร้อมกับคุกเข่าลง
“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป…”
“ราศีของพวกเรากำลังจะเปลี่ยน โชคลาภกำลังจะมาแล้ว”
“ถ้าพวกเราหันหลังกลับตอนนี้ จะทำให้พลาดโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง!”
เขาไม่สนใจการตอบสนองของลูเมี่ยนด้วยซ้ำ เอาแต่พูดกับตัวเองในเรื่องเดิมซ้ำๆ ไปมา
ลูเมี่ยนก็ไม่ได้ฟังคำพูดของปิแยร์·เคร็กก์เลยเช่นกัน เพียงมองไปทางปงส์·เบเนต์ด้วยแววตาที่ปราศจากความโกรธ ราวกับจ้องมองอากาศธาตุ
เด็กหนุ่มลืมชายคนนี้ไปเลย ลืมความเจ็บปวดและความอับอายที่มันนำพามาให้
เรื่องเดียวในหัวตอนนี้ก็คือ
“สถานการณ์กำลังวิกฤติ!”
“ไรอัน ลีอา กับวาเลนไทน์คงยังไม่รีบร้อนกระตุ้นให้เกิดวัฏจักรใหม่จนกว่าจะยืนยันจุดประสงค์ของหลวงพ่ออธิการโบสถ์ได้ และเนื่องจากพวกเขาเพิ่งผ่านศึกใหญ่ กว่าจะหายดีคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก เกรงว่ากว่าจะกลับหมู่บ้านก็ต้องเป็นพรุ่งนี้หรือวันมะรืน”
“และถ้าเป็นแบบนั้น ก็จะไม่มีใครคอยยับยั้งพิธีกรรมของหลวงพ่อในคืนนี้…”
เพี้ยะ! ปงส์·เบเนต์เอาแต่ตบหน้าสลับกับเตะผ่าหมากลูเมี่ยน มอบความเจ็บปวดเป็นสองเท่าของที่เพิ่งจะซาลงไป
ความคิดของลูเมี่ยนถูกขัดจังหวะหนแล้วหนเล่า แต่ก็คอยรวบรวมกลับมาได้ทุกครั้งโดยไม่แบ่งให้ปงส์·เบเนต์แม้แต่วินาทีเดียว
นี่ยิ่งทำให้ปงส์·เบเนต์โกรธและลงมือหนักข้อขึ้น
“ความพิเศษของเราถูกค้นพบและเพ่งเล็งแล้ว คงนำมาใช้ขัดขวางพิธีกรรมรอบนี้ไม่ได้แน่…”
“ทำยังไงดีล่ะ…”
“ทำยังไงดี!”
ลูเมี่ยนกัดฟันทนต่อความเจ็บปวด พลางครุ่นคิดหาวิธีแก้ลำวิกฤติร้ายตรงหน้า
ปงส์ทุบตีเด็กหนุ่มอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มเป็นฝ่ายเหนื่อยเสียเอง จึงหยุดเพื่อพักหายใจหายคอ
“ถ้าไม่ใช่เพราะหลวงพ่อสั่งห้ามฆ่าแก ป่านนี้ฉันคงแล่เนื้อแกออกทีละชิ้น รวมถึงไอ้จ้อนข้างล่างด้วย!”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว ลูเมี่ยนแน่นิ่งไปสักพัก หัวสมองราวกับมีแสงสว่างวาบวับขึ้นมา
“ฆ่าฉัน?”
“ฆ่าฉันสิ!”
เด็กหนุ่มเชิดหัวเพื่อมองหน้าปงส์·เบเนต์ด้วยรอยยิ้มกึ่งร่าเริงกึ่งบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
“แกมีแรงแค่นี้หรือไง? กำลังช่วยฉันขูดเหาอยู่หรือ?”
เขาเข้าสู่สถานะ ‘นักยั่วยุ’ ของลำดับ 8
…………
ภายในทุ่งราบสูงใกล้ๆ กับหมู่บ้านกอร์ตู
ไรอันที่คลุมร่างกายด้วยชุดเกราะสีเงินทรุดโทรม ยืนปักหลักเฝ้าทางเข้าพลางกล่าวกับวาเลนไทน์และลีอาด้านหลัง
“พวกคุณเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันสบายดี” วาเลนไทน์ขานรับทันที
ตามมาด้วยลีอา
“พลังวิญญาณของฉันฟื้นฟูกลับมาใกล้เต็มแล้ว”
ไรอันผงกหัวรับพร้อมกับสลายเกราะรุ่งอรุณ
“หลังจากฉันพักผ่อนและฟื้นฟูพลังกลับมาบางส่วน พวกเราจะย้อนกลับไปที่หมู่บ้านกอร์ตูกัน”
“ทันทีเลย?” ลีอาค่อนข้างประหลาดใจ
พวกเขาเพิ่งหนีออกจากกอร์ตูเมื่อไม่นานมานี้
ไรอันถอนหายใจเชื่องช้า
“พวกเราต้องรีบยืนยันให้ได้โดยเร็ว ถึงเหตุผลที่ก๊วนของกิโยม·เบเนต์ลงมือเมื่อคืนแทนที่จะเป็นวันใกล้ๆ กับคืนสิบสอง”
“นอกจากนั้น พวกมันเลือกที่จะจับตัวลูเมี่ยนกับโอลัวร์ไปโดยไม่ไล่ตามเรามา ประสบการณ์ของฉันกำลังบอกว่า อีกไม่นานจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น”
ลีอาบรรจงผงกหัวรับ
“แต่พวกเราสภาพไม่ค่อยสู้ดีกันสักคนเลยนะ”
ยังไงเสีย พวกเขาก็เพิ่งผ่านศึกใหญ่มา
“นั่นคือเหตุผลที่กิโยม·เบเนต์คาดไม่ถึงว่าเราจะกล้ากลับหมู่บ้านในคืนนี้เลย” ไรอันอธิบายความคิด “นอกจากนั้น เรายังต้องรีบกลับไปเอาสิ่งที่ทิ้งไว้ในบ้านของลูเมี่ยนกับโอลัวร์คืนมา จะปล่อยให้พวกกิโยม·เบเนต์ชิงไปไม่ได้”
เมื่อมีการเอ่ยถึง ‘สิ่งนั้น’ สีหน้าของทั้งวาเลนไทน์และลีอาต่างก็กลายเป็นขึงขัง
พวกเขาเห็นด้วยกับแผนของไรอัน
…………
เพี้ยะ!
ปงส์·เบเนต์ตบหน้าลูเมี่ยนอีกครั้ง มอบความเจ็บลึกตรงสันจมูก พร้อมกับเลือดสีแดงสองสายที่ไหลลงไปถึงปาก มอบรสชาติเค็มและคาว
“เป็นยังไงบ้างล่ะ?” ปงส์·เบเนต์ถามด้วยรอยยิ้มฉีกกว้าง
ลูเมี่ยนคอยสังเกตสีหน้าและพฤติกรรมของอีกฝ่าย จนยืนยันได้ว่าคำยั่วยุเมื่อสักครู่ มิได้สร้างผลลัพธ์ตามที่ตนต้องการ
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด พลางตอบยิ้มๆ
“ไปเอาผู้หญิงคนไหนมาก็ตบได้แรงกว่าแกทั้งนั้น!”
“งั้นหรือ…” ปงส์·เบเนต์เริ่มหุบยิ้ม
เพี้ยะ! มันหลังแหวนใส่ปากลูเมี่ยนจนฟันสองซี่กระเด็นออกมาพร้อมกับเศษเลือด
อาศัยการอ่านบรรยากาศอันเฉียบคมที่ ‘นักยั่วยุ’ มอบให้ รวมถึงประสบการณ์ที่เคยแกล้งคนมานับไม่ถ้วน ลูเมี่ยนสัมผัสได้ว่าภาษากายของปงส์·เบเนต์เปลี่ยนไปจากเมื่อครู่
เด็กหนุ่มผู้รอบรู้เรื่องฉาวในหมู่บ้านกอร์ตู ฉุกคิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงพูดด้วยรอยยิ้มยียวน
“ดูเหมือนว่าแกจะไม่มีชู้สินะ…”
ปากของเขาบวมฉุจากการถูกตบ อีกทั้งฟันยังหายไปสองซี่ คำพูดคำจาจึงขาดความคมชัดไปบ้าง
ได้ยินคำว่า ‘ชู้’ สีหน้าปงส์·เบเนต์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็เตะผ่าหมากใส่ลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มแทบจะสลบเพราะความเจ็บ จนถึงกับพูดไม่ออกไปหลายวินาที
ลูเมี่ยนแค่นยิ้มพลางพูดไปหัวเราะไป
“ส่วนหลวงพ่อก็มีชู้อยู่ทั่วหมู่บ้าน…”
“ทำไมแกไม่ทำบ้างล่ะ?”
สีหน้าของปงส์·เบเนต์พลันเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำ
ลูเมี่ยนทราบได้ทันทีว่าตนเดาเข้าเป้า
เด็กหนุ่มกล้ำกลืนฝืนทนต่อความเจ็บปวด พลางเปลี่ยนสีนัยน์ตาให้เข้มขึ้นเล็กน้อย
จนถึงเมื่อครู่ เขายังไม่กล้าใช้พลัง ‘ยั่วยุ’ เลยสักครั้ง ด้วยเกรงว่าถ้าใช้พร่ำเพรื่ออีกฝ่ายอาจสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่ตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมแล้ว!
ลูเมี่ยนหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เมียของแกก็นอนกับหลวงพ่อด้วยสินะ?”
“ลูกๆ ของแกก็เป็นของเขาใช่ไหม?”
ดวงตาของปงส์·เบเนต์แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที
มันเหยียดมือออกมาบีบคอลูเมี่ยนอย่างเกรี้ยวกราด แผดเสียงคำรามต่ำราวกับเร่งเค้นพละกำลังทั้งหมด
“ทำไมแกถึงไม่ตายๆ ไปซะล่ะ!”
ลูเมี่ยนได้ยินเสียงกร๊อบจากลำคอ และพบว่าลมหายใจของตนเริ่มติดขัด
แต่ถึงกระนั้นก็มิได้ประหวั่นใจ มุมปากกลับยิ่งยกขึ้นสูง รอคอยสุดยอดความเจ็บปวดและความตายอย่างใจเย็น
เขาทุ่มหมดหน้าตักเพื่อยั่วยุให้ปงส์·เบเนต์อยากฆ่าตนใจจะขาด
เมื่อตายไป วัฏจักรจะถูกกระตุ้น ทุกสิ่งจะกลับไปเริ่มใหม่อีกครั้ง กลับไปยังจุดเริ่มต้นพร้อมกับโอกาสในการแก้ตัว!
ลูเมี่ยนมิได้คิดเพียงแต่จะให้วาเลนไทน์ฆ่าตัวตายเพื่อยืนยันแก่นแท้ของวัฏจักร แต่ยังคำนึงถึงการปลิดชีพตัวเองในสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย!
เมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน จะมีอะไรฉุกเฉินไปกว่านี้อีก?
เด็กหนุ่มจ้องหน้าปงส์·เบเนต์ที่กำลังเกรี้ยวกราดสุดขีด ริมฝีปากม่วงๆ ของลูเมี่ยนขยับสองหน ราวกับกำลังพูดว่า ‘รีบฆ่าฉันสักที’
……………………………………………………..