ราชันย์จอมโจรปล้นสุสาน - บทที่ 9: รักษาสิ่งที่ดีไว้เพื่อตัวเอง 2
บทที่ 9: รักษาสิ่งที่ดีไว้เพื่อตัวเอง 2
อาเบะและลินดาหันควับด้วยความตกใจ
“นั่นเสียงอะไร?”
“ตรงนั้น!”
เขาใช้การครอบงำกับขวานในมือทันทีที่อีกฝ่ายหันไป ขวานเหล่านี้เป็นสิ่งที่สุสานสร้างขึ้น ดังนั้นมันต้องมีบางสิ่งที่เขาทำได้
หนึ่งในนั้นคือ
‘ปิดสุสาน!’
ทันทีที่จูฮอนออกคำสั่ง ขวานส่องสว่างและทั่วพื้นที่เริ่มสั่นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหว
ตึก ตึก ตึก!
“นะ-นั่นอะไรน่ะ?!”
อาเบะและลินดากรีดร้องทันทีที่สุสานเริ่มพังทลายไปพร้อมกับพื้นดินที่สั่นสะเทือน
“เราต้องรีบแล้ว ออกไปกันเร็ว!”
“แต่ทางออกอยู่ที่ไหนล่ะ!”
“กลับไปทางเดิมที่พวกเรามา!”
จูฮอนกำลังวิ่งไปที่ทางออกเพียงลำพัง ในขณะที่อีกกำลังตะโกนด้วยความกลัว อาจเป็นเพราะนี่เป็นสุสานที่เพิ่งสร้างใหม่ เส้นทางไปยังทางออกเลยไม่มีกับดักและอยู่ไม่ไกล
‘ตรงนั้น’
ตู้ม!
จูฮอนเปิดฝาท่อระบายน้ำและโผล่ขึ้นมายังสถานที่ที่มีแสงไฟ ทางออกของสุสานดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับท่อระบายน้ำบริเวณใกล้เคียง เขาไม่เห็นผู้คนแถวนี้มากนัก แม้จะเป็นย่านศูนย์การค้าก็ตามที
เขาได้ยินเสียงสุสานกำลังพังทลายทันทีที่ออกมาจากท่อระบายน้ำ
ตู้ม!
สุสานลี้ลับที่กลบอาคารบ้านพักและก่อพายุฝุ่นได้สลายหายลงไปในดิน ดูเหมือนว่ามันกำลังถูกดูดลงไป อาคารบ้านพักที่ถูกฝังจากการปรากฏตัวของสุสานได้โผล่ขึ้นมา
บางส่วนได้รับความเสียหาย แต่อาคารส่วนใหญ่จัดอยู่ในสภาพดี เพราะมันเป็นเพียงแค่สุสานระดับต่ำ
ยิ่งสุสานเข้าถึงอันตรายมากเท่าไหร่ ยิ่งหมายถึงระดับของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
จูฮอนมองดูอาคารบ้านพักที่ปรากฏขึ้นก่อนที่จะตรวจสอบขวานที่นำออกมาจากสุสาน
พวกมันจะต้องได้รับการฟื้นฟูเพื่อที่จะได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ และถึงแม้ว่าจะเพิ่งนำออกมาจากสุสาน มันก็ยังใช้ประโยชน์ได้
เขาต้องตรวจสอบดูว่ามันทำอะไรได้บ้าง แต่สัญชาตญาณบอกกับเขาว่ามันจะนำพาความมั่งคั่งมาให้
‘ดีเลย ขอเดาว่านี่คือความสำเร็จแล้วกัน’
จูฮอนจึงเริ่มหัวเราะ
ขณะที่จูฮอนเอาแต่หัวเราะ มีบางคนกำลังจะเป็นบ้าอยู่
“ว่าไงนะ? มีคำพยากรณ์มาใหม่งั้นเหรอ? ทำนายว่าจะมีชาวเกาหลีแย่งโบราณวัตถุไปจากพวกเรา?”
อาเบะ ที่เกือบจะหนีจากสุสานไม่รอดกำลังโกรธเกรี้ยวขณะที่คุยโทรศัพท์
‘ฉันทำตามคำพยากรณ์บอกทุกอย่างจนมาถึงสุสาน แต่นี่มันอะไรกัน?
“เฮ้ย! ทำไมถึงมาบอกกันเอาตอนนี้ล่ะวะ?! ข้อมูลสำคัญขนาดนั้นน่าจะบอกกันก่อนสิ?!”
ชายชราปลายสายตอบราวกับว่าไม่ใช่ความผิดของตนเอง
[นายก็รู้นี่ว่าผู้ใช้โบราณวัตถุของบันทึกแห่งอนาคตเป็นคนยังไง]
“อย่าบอกนะว่าผู้ใช้นั่นอ่านคันจิไม่ออกอีกแล้วน่ะ?”
[ใช่]
“โว๊ย!”
อาเบะคงจะวางสายไปแล้วหากไม่ได้กำลังคุยกับผู้บริหารอาวุโสอยู่ แม้ว่าเขาจะด่าทอออกไป ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
คนที่เป็นปัญหาคือไอ้ผู้ใช้บ้านั่นที่ครอบครองบันทึกแห่งอนาคตของเจ้าชายโชโตกุ
‘นี่เป็นเพราะโบราณวัตถุที่ไปตกอยู่ในมือของไอ้บัดซบนั่น!’
บันทึกแห่งอนาคตของเจ้าชายโชโตกุ เป็นโบราณวัตถุประเภทที่ออกมาจากสุสานด้วยตัวเองเพื่อตามหาเจ้านาย ถึงกระนั้นบันทึกแห่งอนาคตก็เลือกเจ้านายได้แย่มากด้วยเหตุผลบางอย่าง
มันเลือกนักเรียนหญิงมัธยมที่เป็นอันธพาล ไม่เข้าใจอักษรโบราณ ซ้ำยังอ่านคันจิไม่ออก
เธอจะเริ่มเหงื่อแตกทันทีที่ตัวคันจิเริ่มอ่านยากขึ้น ซ้ำยังไม่สามารถถอดความหมายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นอักษรโบราณ
ปัญหาคือตัวอักษรโบราณที่อยู่ในบันทึกแห่งอนาคตเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เท่านั้นที่จะอ่านได้ จึงทำให้คนรอบตัวเธอเป็นบ้ากันไปหมด
“เรามีนักวิชาการอยู่กลุ่มหนึ่งไม่ใช่หรือไง! สั่งให้เธอเขียนคำพยากรณ์ที่อ่านไม่ออกส่งให้พวกนั้นแทนสิ!”
[อืม… เห็นชัดว่าเนื้อหากำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะอนาคตกำลังเปลี่ยน]
“บอกให้เธอหุบปากและเขียนลงไปซะ!”
[เธอเขียนทุกอย่างลงไปแล้ว แต่พลาดส่วนสำคัญไป เธอไม่รู้ว่าคำพยากรณ์ใดที่สำคัญ]
“บ้าฉิบ!”
ความจริงคือข้อมูลเรื่องสุสานนี้ก็เป็นสิ่งที่เพิ่งจะถูกค้นพบเหมือนกัน ไม่แปลกใจที่พวกเขาไม่ยอมบอกว่าผู้ทำนายของญี่ปุ่นมีอำนาจเหนือทุกอย่าง
[ถึงกระนั้น มันก็ควรจะมีข่าวดีหากเธอรู้อนาคต แค่ก็ควรทำให้ดีที่สุดอย่างที่เคยทำ ดูแลโบราณวัตถุที่ชิงมาจากเกาหลีให้ดีจนกว่าทีมวิจัยจะไปถึง]
อาเบะไม่มีทางเลือกนอกจากวางสายและทำให้อารมณ์ที่เดือดดาลเย็นลง
เขาขึ้นเครื่องบินไม่ได้ หากมีโบราณวัตถุที่ชิงมาจากเกาหลีอยู่
‘ถึงเราจะขโมยโบราณวัตถุมา ไอ้ชาวเกาหลีหน้าโง่พวกนั้นไม่รู้อะไรหรอก’
ถึงกระนั้น ผู้บังคับบัญชาก็บอกให้อาเบะระวังตัวให้มากที่สุด
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังบอกกล่าว ว่าเกาหลีอาจตามราวีขอให้พวกเขาขออภัยต่อเรื่องราวอะไรทำนองนั้นหากถูกจับได้
‘หึ ไม่แปลกใจเลยที่พวกโง่นั่นบอกว่าเราปล้นสิ่งของทางวัฒนธรรมไป ทั้งที่เราประมูลมาได้อย่างยุติธรรม’
อาเบะคิดว่าเบื้องบนคงโกรธมากเรื่องวัตถุโบราณไร้ประโยชน์ที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองไปในยุคอาณานิคม และตอนนี้พวกเขาก็ต้องโกรธอีกครั้งเพราะเรื่องโบราณวัตถุที่มอบพลังพิเศษให้แก่ผู้คน
ผู้บังคับบัญชาของอาเบะมักมีตรรกะแปลกประหลาด และแน่นอนว่าอาเบะก็เห็นด้วยเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลที่เขาได้รับคือ ผู้ที่ชิงขวานทองคำและขวัญเงินเป็นคนเกาหลี และบุคคลนั้นยังรู้เรื่องของสุสานอีกด้วย
‘เธอบอกว่าบุคคลนั้นเป็นพวกนอกรีตที่มีอำนาจเหนือญี่ปุ่นงั้นเหรอ?’
บันทึกแห่งอนาคตมีการใช้บทกวีดังนี้
อาเบะทวนบทกวีซ้ำไปซ้ำมาและเริ่มหัวเราะ
“ดวงดาวบ้าบออะไรกัน! มันก็แค่ไอ้คนนอกรีต!”
มันเป็นเรื่องปกติ
ถ้าบุคคลนั้นรู้เรื่องสุสาน ก็จะต้องปรากฏตัวในครั้งต่อไปแน่นอน
“จัดการมันได้เมื่อไหร่ก็แค่ลากตัวกลับญี่ปุ่นซะ”
อาเบะหัวเราะออกมาอีกครั้ง
น่าเสียดาย ที่เขาไม่ทราบเรื่องอะไรของชายที่เป็นคู่ต่อสู้เลย