ราชันย์จอมโจรปล้นสุสาน - บทที่ 41: เหนือฟ้ายังมีฟ้า 1
บทที่ 41: เหนือฟ้ายังมีฟ้า 1
แต่ทว่า ใบหน้าของไอรีนที่กำลังจ้องมองไปที่รูปของยูแจฮากลับแปลกไป
“เอ๊ะ ชายคนนี้…?”
จูฮอนเริ่มขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน ไอรีนเผยใบหน้าเคร่งเครียด
“ใช่ มีอะไร? รู้จักเขาเหรอ?”
ไอรีนตอบราวกับถ้าไม่รู้จักก็คงแปลก
“รู้จักค่ะ เขาโกงพี่ชายฉันไปเมื่อเดือนที่แล้ว!”
จูฮอนเกือบหัวเราะทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
‘ไอ้เจ้าบ้ายูแจฮา!’
จูฮอนคิดว่าเทพแห่งการต้มตุ๋นคงไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขาถึงกับโกงตระกูลฮิลตัน!
‘หมอนี่เหลือรูปนี้ไว้ให้เรา
“โดนโกง? พี่ชายเธอโดนโกงอะไรไป?”
“คือว่า… พี่ซื้องานศิลปะมา แต่ปรากฎว่ามันเป็นของปลอมค่ะ”
ไอรีนก้มมองรูปทันทีที่กล่าวเช่นนั้น เธอเหมือนจะขายหน้าที่พูดออกไป เธอรู้สึกขายหน้ามากกว่าเดิมทันทีที่เห็นจูฮอนกำลังกลั้นขำ
“คุณต้องคิดว่าพี่ชายโง่ที่ถูกโกงแน่เลย”
แน่นอนว่ามันควรเป็นเช่นนั้น มันเป็นเรื่องน่าขัน ตระกูลที่ร่ำรวยราวกับราชวงศ์กลับถูกหลอกด้วยของปลอม
ทันใดนั้นเอง… จูฮอนเริ่มหัวเราะ
“แล้วเธอได้จ้างนักประเมินราคาให้มาตรวจดูไหมล่ะ?”
“จ้างค่ะ เขาเป็นนักประเมินราคาทรัพย์สินของตระกูลฮิลตัน และเขามั่นใจว่า…”
ถึงกระนั้น ทุกอย่างจบลงที่งานศิลปะนั้นเป็นของปลอม และพวกเขาถูกหลอก
“พี่ชายซื้อภาพวาดงานมา แต่ปรากฎว่าดันไปเหมือนกับภาพวาดที่คุณแม่ของครอบครัวเพื่อนซื้อมา…”
นั่นเป็นตอนที่พวกเขารู้ว่าเป็นของปลอม
ไม่มีทางที่ภาพวาดผลงานชิ้นเอกจะเหมือนกันได้แน่นอน ทุกคนโต้เถียงกันว่าภาพวาดตัวเองเป็นของจริง จนกระทั่งภาพที่สาม สี่ ห้า… ไปจนถึงยี่สิบกว่าภาพที่เหมือนกันโผล่มา นั่นทำให้ทุกคนแทบเป็นลม
พวกเขาทุกคนแทบเป็นบ้าเพราะเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียงสามสี่วันเท่านั้น
นอกจากนี้ พวกเขาถึงกับไล่ซื้อภาพวาดที่ถูกขโมยไปทั้งหมดกลับมา ทำให้ข่าวแพร่กระจายไปไม่มากนัก
เรียกได้ว่าความรอบคอบของตระกูลฮิลตันนำมาซึ่งปัญหา
จูฮอนหัวเราะทันทีที่ได้ยิน
“แล้วคนที่ขายภาพวาดให้พี่ชายเธอใช่ชายคนนี้ไหม?”
“ใช่ค่ะ ปกติจะมีแขกมาที่บ้าน และฉันก็กลับบ้านแค่เดือนละครั้ง คนที่เจอคือชายคนนี้แหละ ฉันจำหน้าเขาได้ดี”
ดูเหมือนว่าไอรีนจะอยู่ตัวคนเดียว เพราะเธออาจจะทำให้คนรอบข้างโชคร้ายได้
เธอเปลี่ยนโรงแรมทุกสัปดาห์ เพราะยิ่งอยู่นาน ยิ่งทำให้โรงแรมนั้นล้มละลาย
ทว่า ไอรีนถามกลับด้วยความระมัดระวัง
“เอ่อ… แล้วทำไมคุณถึงต้องตามหาชายคนนี้ล่ะ?”
เธอจ้องมองไปที่จูฮอนราวกับกำลังคิดว่าเขาคงโดนหลอกมาเหมือนกัน แต่จูฮอนกลับยิ้มอย่างสดใส
“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันไม่ได้โดนหลอก”
ลืมเรื่องโดนหลอกไปได้เลย เขาวางแผนที่จะหลอกไอ้หมอนั่นกลับต่างหาก
“คนรู้จักฉันถูกโกงไปน่ะ ฉันเลยต้องการตามหาเขา”
ไอรีนรู้สึกอึดอัดใจพร้อมกับกล่าวคำพูด ใบหน้าของเธอดูกังวล
“เอ่อ… แต่ว่า คุณคงไม่เจอเขาแล้วแหละค่ะ”
“ว่าไงนะ?”
“ชายคนนี้ขับรถตกหน้าผาไปแล้ว”
“วะ-ว่าไงนะ?”
“เขาถูกจับได้ว่าพยายามโกงเพื่อนของพี่ชายฉันอยู่… ทั้งสองคนจึงขับรถไล่ตาม พวกเขาทั้งคู่เห็นกับตาเลยนะคะ ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีปัญหาที่เบรกหรือขับเร็วเกินไป แต่เขาขับชนราวกั้นแล้วก็กระเด็นหลุดโค้งออกไปเลย ตำรวจยังบอกเลยว่าเขาตายแล้ว”
จูฮอนหัวเราะราวกับไม่เชื่อเช่นนั้น
“เธอกำลังจะบอกว่าไอ้หมอนี่ตายแล้วงั้นเหรอ?”
กริ๊ง!
ห้องทำงานสีขาวที่มีแสงแดดอบอุ่น นี่เป็นห้องลับชั้นสามของห้องแสดงผลงานศิลปะที่ลอสแองเจลิส ชายหนุ่มที่กำลังวาดภาพหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ไง เอ็ดเวิร์ด ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ”
[เหอะ ติดต่อได้สักที กว่าจะติดต่อได้ หายไปไหนมาล่ะ?]
ชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายหัวเราะขึ้นมา
“ผมโดนจับได้ เลยต้องแกล้งตายน่ะสิ”
ชายชราที่อยู่ปลายสายหัวเราะขึ้นมาเช่นกัน
[ล่าสุด นายคงปลอมไปโรงเรียนมาสินะ แปะไฝบนหน้าเพื่อปลอมเป็นคนอื่น ไม่มีอะไรทำที่ดีกว่าแกล้งว่าเป็นศพแล้วงั้นเหรอ? ไม่คิดว่าจะนายทำถึงขนาดนี้]
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมไม่มีทางเลือกน่ะ ตอนที่ไปโกงพวกฮิลตัน ทำเอาผมเกือบตาย!”
[คงเป็นการแกล้งตายครั้งใหญ่เลยสิ ถ้าถูกจับขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?]
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ขอพักสักเดือนก่อน แล้วค่อยกลับไปหลอกคนอื่นต่อ! พวกตำรวจหาตัวผมไม่เจอหรอก”
ยูแจฮา
ศิลปินหนุ่มอายุราวยี่สิบหกปีกำลังซ่อนตัวอยู่ในห้องทำงานลับพร้อมกับจิตวิญญาณแห่งศิลปิน ไม่สิ จิตวิญญาณแห่งนักต้มตุ๋นต่างหาก เขากำลังวาดภาพลงบนผ้าใบ
สิ่งที่แปลกคือเขามีกระดาษลายเซ็นขนาดเท่ากระดาษโอริงามิอยู่ในปากระหว่างที่กำลังวาดภาพอยู่
ภาพวาดที่เขากำลังวาดอยู่คือภาพผู้คนที่พยายามเอาชีวิตรอดจากทะเลที่ไหลเชี่ยวกราก
นี่คือภาพวาดพระเยซูผจญพายุในทะเลแกลิลีของแร็มบรันต์ ที่ถูกขโมยมาจากพิพิธภัณฑ์การ์ดเนอร์ของบอสตันในปี 1990 มันเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกที่ถูกขโมยไปจากเหตุการณ์ที่เรียกว่าการขโมยศิลปะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
ถึงกระนั้น นี่ก็เป็นของปลอม
แน่นอน เขาไม่เพียงแค่ดูรูปแล้ววาดตามลงไปเท่านั้น
[เครื่องหมายลับปลอมแปลงโลกตะลึงB: โบราณวัตถุหายาก / โบราณวัตถุครอบครอง)]
และนั่นก็เป็นเรื่องจริง
กระดาษลายเซ็นในปากของเขาเป็นโบราณวัตถุ ยูแจฮาใช้โบราณวัตถุเพื่อสร้างของปลอมนี้ขึ้นมาเพราะหวังจะหลอกผู้ประเมินราคาทรัพย์สินที่เก่งที่สุดในโลก
ภาพวาดที่เขาสร้างขึ้นโดยใช้โบราณวัตถุนี้เป็นแบบจำลองที่สมบูรณ์ เพื่อทำให้ผู้ประเมินราคาแยกไม่ออก นอกจากนั้น ภาพวาดไม่ใช่สิ่งเดียวที่เขาสร้างขึ้นมาได้
เอ็ดเวิร์ดเริ่มพูดอีกครั้ง
[ยังไงก็เถอะ ที่รับโทรศัพท์ฉันก็คงเป็นเพราะไม่มีเงินแล้วละสิ]
“ก็นะ ฉันใช้เงินไปเยอะกับการแกล้งตายน่ะ แถมรถยังมาพังอีก ฉันต้องจ่ายเงินให้ผู้ช่วยเพื่อให้เธอหุบปากด้วย ตอนนี้ยังออกจากห้องลับชั้นสามนี่ไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกเหมือนจะตาย ฉันคงแก่แล้วสินะ”
[เหอะ อยากให้ฉันแนะนำวิธีหาเงินให้ไหมล่ะ?]
“มีงานอะไรมาล่ะ?”
[ซ่อมแซมโบราณวัตถุ]
ยูแจฮาเดาะลิ้นราวกับรู้สึกไม่ชอบ เขาไม่ชอบการซ่อมแซมโบราณวัตถุเพราะมันเป็นงานที่ค่อนข้างเหนื่อย
‘ช่วยไม่ได้นะ เราไม่มีเงินเลยนี่’
“ลูกค้าคือใครล่ะ?”
[นายรู้จักประธานควอนแทจุนจากบริษัท TKBM ไหมล่ะ?]
ยูแจฮาหยุดวาดภาพทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น เขาขมวดคิ้วและถามกลับ
“อะไรนะ ประธานบริษัทยักษ์ใหญ่คนนั้นเหรอ? เขาเป็นลูกค้าจริงเหรอ?”
[นายสนใจไหมล่ะ? แต่เป็นเรื่องเร่งด่วนนะ]
“แน่นอน คุณเคยบอกว่าประธานคนนั้นมีโบราณวัตถุอยู่เยอะใช่ไหม? ฉันใช้โบราณวัตถุของตัวเองเพื่อเอาตัวรอดจากหน้าผา”
ยูแจฮาต้องการโบราณวัตถุ แต่เขาไม่กล้าพอที่จะเข้าไปในสุสาน แท้จริงแล้ว ข่าวเรื่องโบราณวัตถุที่ถูกแถลงออกไปทำให้เขารู้สึกมีความสุข
นั่นเป็นสาเหตุที่เขาเริ่มโทรหาใครสักคนอย่างรวดเร็ว