บทที่ 14: หากทำได้ จงทำให้สำเร็จ 2
“หรือจะมีวิธีอื่นที่ทำให้พวกเขาออกมาได้ คิดงั้นใช่ไหม?”
อาเบะอาปากค้างและหันหน้ามาทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย อาเบะเผยความตระหนกที่เห็นชายหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยนั่งบนกองดาบ
คนนั้นคือจูฮอน
ดวงตาของอาเบะเบิกกว้างทันทีที่เห็นจูฮอน
“แก!”
จูฮอนยิ้มและโบกมือพร้อมกับโบราณวัตถุที่ขโมยมาจากอาเบะ
“ขอบคุณนะสำหรับของพวกนี้ ผู้พันอาเบะจากกองกำลังขุดค้นญี่ปุ่น”
ชิ้นหนึ่งเป็นเค้กข้าว อีกชิ้นเป็นเชือก อาเบะแทบจะน้ำลายฟูมปากทันทีที่เห็น แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่อีกฝ่ายรู้ชื่อเขา
‘ไอ้เวรนี่มันขโมยไปจริงด้วย!’
“เฮ้ย! วางลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“แล้วทำไมฉันต้องทำล่ะ?”
อาเบะจ้องไปที่อาเบะทันทีที่ได้ยิน
‘ไอ้เด็กเวรเอ้ย’
หากเป็นเช่นนี้ ก็มีเพียงวิธีเดียวที่เหลืออยู่
“รอจนกว่าฉันจะเจอมุรามาสะก่อนเถอะ แกจะเป็นคนแรกเลยที่จะโดนผ่าครึ่ง”
นั่นคือการตามหามุรามาสะที่อยู่ที่ไหนสักแห่งในห้องนี้ เขายังไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน แต่ถ้าหากเขาพบมันล่ะก็!
ถึงกระนั้น จูฮอนเริ่มหัวเราะทันทีที่ได้ยินคำขู่ของอาเบะ จากนั้นอาเบะก็เริ่มเป็นกังวล
“ตลกอะไรนักหนา?!”
เสียงหัวเราะของจูฮอนดังก้องไปทั่วสุสาน
“อะไรกัน แกกำลังจะบอกว่ายังหาไม่เจอทั้งที่มีผู้ทำนายคอยช่วยเนี่ยนะ? ขนาดอยู่ตรงหน้า แกก็หาไม่เจองั้นเหรอ?”
“อะ-อะไรนะ?”
อาเบะทำอะไรไม่ได้นอกจากตกใจ มันเป็นเพราะว่าจูฮอนพูดราวกับว่าเจอมุรามาสะแล้ว
เขากำลังบอกว่ามันอยู่ตรงหน้างั้นเหรอ?
‘เป็นไปไม่ได้!’
“มุรามาสะไม่ได้อยู่ที่นี่!”
คำทำนายกล่าวว่ามุรามาสะเป็นดาบโคดาจิที่มีใบมีดไร้มลทิน ถึงกระนั้น เขาไม่เห็นดาบเล่มไหนเลยที่คล้ายแบบนั้น ทั้งหมดที่เห็นคือเศษซากใบมีดที่หักกระจาย อาวุธเพียงอย่างเดียวที่ยังคงมีอยู่คือหอก กริช และดาบสั้น
*ดาบโคดาจิ คือดาบที่ยาว 2 ซากุ (1 ซากุ = 0.3 เมตร)
จูฮอนยิ้มขึ้นมา เขาปฏิบัติกับอาเบะราวกับว่าเป็นคุณครูที่กำลังสอนนักเรียน
“ไอ้หน้าโง่ อยู่นี่ไง”
จากนั้น เขาก็คว้าดาบเก่าขึ้นมา มันไม่ได้ดูเหมือนจะอยู่ในสภาพที่ดีเลย ทั้งใบมีดที่เข้าด้วยซ้ำ
นั่นเป็นเหตุที่ทำให้อาเบะเผยแต่ความตกใจออกมา มุรามาสะแตกต่างจากดาบโคดาจิที่เขาคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
“หา แกจะบอกว่านั่นคือมุรามาสะงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ไอ้เบื้อก”
จากนั้น จูฮอนใช้การยึดครองกับดาบ ดาบโคดาจิที่เป็นเหมือนดาบเก่าในตอนแรกได้เปลี่ยนไปและเริ่มปล่อยออร่าที่ชั่วร้ายออกมา
[แกหาข้าเจอแล้ว ไอ้เจ้ามนุษย์หน้าโง่!]
ดาบเริ่มพูดออกมาราวกับพยายามดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา
[มนุษย์ที่ต้องการพลัง ชโลมข้าด้วยเลือดของคนสิบคน หากแกหวังที่จะออกไป ข้าจำเป็นต้องอาบเลือดมนุษย์เพื่อกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์!]
ผู้คนเริ่มสั่นกลัวทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น พวกเขายังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ หรือสิ่งที่อาวุธพูดขึ้น
“มันพูดว่าอะไรน่ะ?!”
สิ่งเดียวที่พวกเขาแน่ใจคือสิบชีวิตต้องตาย ผู้คนจะไม่กลัวได้อย่างไรในเมื่อกำลังตกอยู่ในอันตราย แถมยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ
และมันเป็นเช่นนั้น
บททดสอบของโบราณวัตถุนี้คือการสังหารหมู่
งานอดิเรกอันน่ากลัวของโบราณวัตถุ คือ การกลับคืนสู่สภาพเดิม ไม่ใช่ มันเป็นการที่ต้องใช้เลือดมนุษย์เพื่อชโลมดาบต่างหาก นั่นคือสาเหตุที่มันลากผู้คนจำนวนมากเข้ามายังสุสานตั้งแต่แรก
แต่ทว่า นี่ไม่ได้เป็นแค่วิธีของมุรามาสะเท่านั้น ดาบญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีการทดสอบที่คล้ายกันเพื่อให้ได้มา
มันต้องการให้ผู้ใช้ล้างสังหารหรือเผยจิตใจของความเป็นยอดฝีมือออกมา
อาวุธที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่มักได้รับชื่อเสียงผ่านทางสงคราม จนเป็นผลให้พลังงานภายในของมันถูกชโลมไปด้วยเลือด
‘นี่คือเหตุผลที่เราไม่ชอบโบราณวัตถุประเภทใบมีดเลยแม้แต่น้อย’
เขาวางแผนที่จะขายมุรามาสะทิ้งหลังจากการปรากฎของสุสานครั้งยิ่งใหญ่ เพราะว่ามีบางคนที่ยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อแลกกับความสามารถของมัน
มุรามาสะดูเหมือนจะหงุดหงิดกับจูฮอนไม่น้อย ที่ไม่ยอมฆ่าคนเพื่อกระตุ้นพลังของดาบ
[เฮ้ย ไอ้เจ้ามนุษย์ รีบฆ่าคนเร็วสิ! แกไม่ต้องการข้างั้นเหรอ? แกกำลังจะทำอะไรของ…!]
“จะหุบปากได้หรือยัง? ไอ้ดาบน่าสมเพช”
[อะ-อะไรนะ?]
จูฮอนไม่ได้มีแผนจะทำตามที่โบราณวัตถุนี้ร้องขอ คนส่วนใหญ่ที่นี่ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาต้องบ้าไปแล้วหากทำเช่นนั้น
แต่ทว่า เขารู้วิธีการคืนสภาพมุรามาสะโดยไม่ต้องฆ่าคน
ปัญหาคือการขัดขืนของมุรามาสะ
‘เหอะ เราจัดการกับโบราณวัตถุเกรด B (ระดับหายาก) ได้อยู่แล้ว’
จูฮอนกำด้ามจับของมุรามาสะไว้แน่น
จากนั้น…
“แกพูดมากไปแล้ว เพราะฉะนั้นหุบปากไปซะ!”
เขาใช้การยึดครองกับมุรามาสะ
ตู้ม!
สุสานสั่นสะเทือนรุนแรงทันทีที่จูฮอนใช้การยึดครอง ออร่าของมุรามาสะพุ่งเข้าปะทะ ผู้คนกรีดร้องนอนราบกับพื้น บ้างก็วิ่งหนีออกจากห้อง
ยามนี้มุรามาสะเริ่มหลุดการควบคุม
[อ๊าก! ไอ้มนุษย์จอมโอหัง! กล้าดียังไง!]
ตู้ม! ตู้ม!
ออร่าที่พุ่งออกมานั้นรุนแรงกว่ากริชมุรามาสะระดับต่ำก่อนหน้านี้เสียอีก
ถึงกระนั้น จูฮอนไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย และยังคงกำราบมุรามาสะอยู่อย่างนั้น ไม่ช้า มุรามาสะก็คร่ำครวญอย่างเจ็บปวด
[ไอ้เจ้ามนุษย์!]
การต่อสู้แห่งปณิธานของทั้งคู่อยู่ได้อีกไม่นานก่อนที่จูฮอนจะออกคำสั่งอย่างแรงกล้า
“มุรามาสะ จงดูดกลืนร่างอื่นของเจ้ามาให้หมด!”
แสงไฟสว่างวาบพร้อมกับเสียงกรีดร้อง ทันใดนั้น สิ่งที่น่าประหลาดใจพลันบังเกิด
ใบมีดที่กระจัดกระจายทั่วสุสาน ไม่เว้นแม้กระทั่งที่ปักตามกำแพง ยามนี้สลายกลายเป็นฝุ่นรวมกันที่มุรามาสะ
จากนั้นใบมีดจึงเริ่มปรากฏบนร่างมุรามาสะ มันขัดกับคำที่ว่าเรื่องนี้จะไม่อาจเกิดขึ้นหากปราศจากเลือดมนุษย์
ดาบโคดาจิที่ได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ปรากฏขึ้นทันทีที่แสงหายไป
จูฮอนตะโกนออกมาทันทีที่มันปรากฏอยู่บนมือ
“ปิดผนึก!”
สุสานเริ่มสั่นสะเทือนและมีแสงลอดผ่านเพดานหิน สุสานกำลังพังทลาย ทางเดินไปยังทางออกได้ปรากฏขึ้น
จูฮอนปลุกการใช้งานของโบราณวัตถุเชือกและตะโกนไปทางฝูงชน
“จับเชือกเอาไว้ มันจะพาพวกคุณออกไปจากที่นี่”
ผู้คนดูเหมือนจะหลุดพ้นจากความตกใจ พวกเขารีบวิ่งไปพร้อมกับคว้าเชือก เชือกที่ลอยอยู่รอบ ๆ ดูเหมือนกับงูเห่าที่กำลังชูหัวขึ้น
เมื่อเชือกลอยขึ้นไปข้างบนแล้ว จึงเหลือเพียงแค่จูฮอนและอาเบะที่ยังคงอยู่ในสุสาน
อาเบะมองไปที่จูฮอนก่อนที่จะพยายามคว้าเชือก
พัวะ!
จูฮอนเตะอาเบะจนล้มลง
“โอ๊ย!”
“คิดจะไปไหนไม่ทราบ?”
“แก! ไอ้บัดซบ!”
จูฮอนเริ่มหัวเราะ
“ว่าอะไร แกเองยังคิดใช้ชีวิตคนอื่นเลยไม่ใช่หรือไง?”
ได้ยินจูฮอนพูดถึงเรื่องนี้ อาเบะรู้สึกสำนึกเสียใจ เขาหันมองไปอย่างสิ้นหวัง
ตู้ม!
สุสานกำลังพังทลายจากด้านหลัง เพดานเป็นเพียงทางออกเดียว
เขารีบตะโกนเพราะทราบว่าทางออกมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
MANGA DISCUSSION