ราชันย์จอมโจรปล้นสุสาน - บทที่ 11: หากทำได้ จงทำให้สำเร็จ 2
บทที่ 11: หากทำได้ จงทำให้สำเร็จ 2
ไมโครโฟนและลำโพงบนเวทีทำงานอย่างผิดปกติ กลุ่มคนเริ่มไม่พอใจที่ได้ยินเสียงไม่พึงประสงค์ แต่แล้วพวกเขากลายเป็นต้องหวาดกลัว เพราะอุปกรณ์บนเวทีล้มลงทีละชิ้น
“บ้าฉิบ! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?!”
“เชี่ย! กาแฟ!”
คาเฟ่ที่อยู่ใกล้เคียงเกิดความวุ่นวายเช่นกัน ทั้งแก้วกาแฟและโต๊ะถูกแยกออกเป็นสองส่วน
“นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นเนี่ย?”
อาเบะและจูฮอนต่างตอบสนองพร้อมกัน โทรศัพท์ของอาเบะสว่างขึ้นพร้อมข้อความปรากฏตรงหน้าจูฮอน
อาเบะเร่งรีบรับโทรศัพท์
“もしもし (ว่าไง?)”
จูฮอนตรวจดูข้อความทันทีที่อาเบะหันหลังไป
มันเป็นข้อความธรรมดา
[ทักษะสอดแนมเปิดใช้งาน]
[ออร่าพลังงานที่รุนแรงจากสุสานกำลังพุ่งเข้ามาใกล้]
จูฮอนนึกขำทันทีที่เห็นข้อความ ปรากฏการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่เกิดเองตามธรรมชาติ
‘นี่เป็นผลที่เกิดจากการปรากฎของสุสาน’
ขณะจูฮอนหันมองรอบ อาเบะที่กำลังคุยโทรศัพท์จึงเริ่มตะโกนด้วยโทสะ
“อะไรนะ? หมายความว่ายังไงกัน?”
อาเบะกำลังคุยกับเบื้องบน บุคคลนั้นบอกว่าผู้ใช้โบราณวัตถุของเจ้าชายโชโตกุมีคำพยากรณ์ใหม่
แต่ทว่า ปัญหาคือเนื้อหาในคำทำนาย
“เดี๋ยวก่อนนะ! นายกำลังจะบอกว่าไอ้เกาหลีนั่นอยู่แถวนี้งั้นเหรอ?! แน่ใจนะว่ามันเป็นคนเดียวกันกับที่ชิงขวานทองคำและขวานเงินไป?”
[ใช่ แต่ฉันไม่รู้ว่าตรงนี้หมายถึงอะไร คำทำนายบอกว่าให้ระวังเหล้าเบียร์ นายอาจจะเจอไอ้เกาหลีที่นั่นก็ได้]
“เหล้าเบียร์งั้นเหรอ…”
ดวงตาของอาเบะเปลี่ยนไปทันทีที่คิดได้
‘เบียร์นั่น!’
เขานึกถึงคนที่ทำเบียร์กระเด็นใส่ อาเบะหันควับอย่างรวดเร็วทันทีที่คิดเช่นนั้น
“เฮ้ย นี่แก!”
แต่แล้ว ขณะหันที่หันกลับก็พบว่าจูฮอนหายไปเรียบร้อย
[นี่? เกิดอะไรขึ้นกัน! เฮ้ย?]
อาเบะกำแน่นโทรศัพท์แน่นทันทีที่มองไปที่พื้นอันว่างเปล่า
“โว้ย บ้าฉิบ!”
ท้ายที่สุด อาเบะสบถก่อนที่จะวิ่งผ่านกลุ่มคนที่อยู่ลานกว้าง
[นี่ อาเบะ!]
“ฉันคิดว่าเจอไอ้หมอนั่นแล้ว”
[อะไรนะ?!]
“ถอดความหมายของคำทำนายต่อไปแล้วส่งมา! ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันไปที่ไหน!”
ถึงกระนั้น จูฮอนวิ่งหายไปโดยไม่ได้สนใจว่าอาเบะกำลังโกรธอยู่หรือไม่ เขากำลังเริ่มค้นหา
มันเป็นเพราะออร่าลึกลับที่โอบล้อมไทม์สแควร์เอาไว้
‘ออร่ามันดูน่ากลัวกว่าที่เราคิด’
เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังงานแห่งความโกลาหลของโบราณวัตถุที่ถูกปล่อยออกมาจากการปรากฎของสุสาน
มันค่อนข้างรุนแรง
‘ต้องไม่ใช่โบราณวัตถุธรรมดาแน่’
มันแตกต่างจากโบราณวัตถุขวานทองคำและขวานเงิน นั่นเป็นโบราณวัตถุที่รุนแรงน้อยกว่า มันแค่กลืนทเมนท์ไปบางส่วน แต่นั่นเป็นเพียงแค่ของเด็กเล่น
ฝูงชนอยู่ข้างนอกและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
แต่ทว่าเจ้าสิ่งนี้…
ทันใดนี้เอง จูฮอนสังเกตเหตุสิ่งหนึ่ง มันอยู่ตรงหน้าต่างร้านกาแฟที่ถูกผ่าครึ่ง
ข้อความเลือดสีแดงสดปรากฏขึ้นบนหน้าต่าง
นั่นเป็นอักษรสุสานโบราณ
มันเป็นข้อความที่สุสานส่งมาเพื่อให้ข้อมูล สายตาของจูฮอนจดจ่ออยู่กับการอ่านข้อมูล
‘แน่นอนแล้ว สุสานต้องปรากฏขึ้นแถวนี้แน่’
ขนาดของสุสานก็เป็นปัญหาเช่นกัน
‘นี่คือสุสานขนาดใหญ่ในระดับการอพยพ’
โบราณวัตถุมีการสร้างและจัดระดับภัยพิบัติให้กับสุสานทุกหนแห่ง ในอนาคตรัฐบาลจะแบ่งสุสานออกเป็นสี่ระดับตามขนาดและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และสุสานที่จะปรากฏที่นี่จะอยู่ในระดับการอพยพ ซึ่งอยู่ในระดับที่สาม
สุสานระดับนี้จะทำให้เกิดความเสียหายเทียบเท่ากับแผ่นดินไหวระดับหก ยิ่งสุสานมีความอันตรายมากเท่าไหร่ โบราณวัตถุภายในก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
มันอาจเป็นโบราณวัตถุเกรด B (ระดับหายาก) ไม่ก็เกรด A (ระดับสิ่งล้ำค่า)
มีโอกาสสูงมากที่จะมีโบราณวัตถุระดับสูงอยู่ในสุสานที่อันตรายขนาดนี้
‘แต่เราไม่รู้ว่าจะสุสานจะปรากฎตอนไหน’
และในตอนนั้นเอง…
[0: 6 นาที]
ภาพโฮโลแกรมสีน้ำเงินปรากฏขึ้นบนลานกว้าง มันเป็นข้อความจากทักษะในการสอดแนม
จูฮอนค่อนข้างตกใจ
‘หกวินาทีงั้นเหรอ?’
‘นั่นมันเกือบจะ?’
จูฮอนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาแต่ไกลทันทีที่กำลังเดินไปทางนั้น
“เฮ้ย แก!”
คนที่พูดคืออาเบะ ซึ่งกำลังมองหน้าจูฮอนอยู่
เขาคว้าปืนออกมาทันทีที่เห็นจูฮอน
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าขยับขณะที่ฉันกำลังใจดีกับแกอยู่”
จูฮอนยิ้มเยาะเย้ยทันทีที่เห็น
‘ดูมันสิ เดินเข้ามาเพราะโบราณวัตถุที่ถือครอง’
ทันใดนี้เอง โฮโลแกรมจึงเปลี่ยนเป็น [0: 5 นาที]!
ตู้ม!
ทันใดนั้นพื้นก็เริ่มสั่นไหว
“อ๊าก!”
ข้อความฉุกเฉินปรากฏขึ้นต่อหน้าจูฮอน
[พลังงานที่รุนแรงกำลังปะทุออกมาจากพื้นดิน]
คำเตือนนั้นโผล่มาแค่ครู่เดียว
ตู้ม!!
แผ่นดินไหวรุนแรงเริ่มสั่นสะเทือนไปทั่วทุกพื้นที่โดยไม่มีเวลาให้ผู้คนอพยพหนีเลย พื้นดินแยกออก อาคารพังทลาย หลายสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นตามปกติก็เริ่มเกิดขึ้น
อาเบะไม่ได้คาดหวังอะไรเช่นนี้
“เฮ้ย นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?!”
“อ๊าก!”
“ช่วยด้วย!”
ตู้ม! ตู้ม!
แสงไฟดับลง เกิดขึ้นเป็นความโกลาหล ราวกับโลกกำลังจะแตก และนรกกำลังจะโผล่ขึ้นมาจากใต้พื้นดิน กระนั้นก็ยังมีคนหนึ่งที่อาการสงบไม่เหมือนดังคนอื่น
นั่นคือจูฮอน
จูออนยืนนิ่งขณะที่คนอื่นกรีดร้องราวกับคนใกล้ตาย
‘มาแล้ว’
แสงอันเจิดจ้าส่องประกายผ่านรอยแตกในพื้นดิน
ทันใดนี้เอง ผู้คนที่ต้องถูกแสงสว่างได้เลือนหาย ไม่เว้นแม้แต่จูฮอน
ภาพที่คุ้นเคยปรากฏต่อหน้าจูฮอน
ความรู้สึกที่มืดมนและเย็นชื้น กลิ่นคาวของเชื้อรา สุสานที่มีผนังสีเทาถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์เน่า
เขาเคยมาที่นี่มาก่อน
จูฮอนรู้ดีเรื่องโบราณวัตถุภายในสุสานนี้
ทุกอย่างยังคงเหมือนกับในความทรงจำ
ทุกอย่าง ยกเว้นสิ่งเดียว…