ราชันมังกรแห่งสงคราม - ตอนที่ 8
บนถนนรถซานตาน่าตัวเก่าเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ และผู้ที่ขับรถคันนั้นก็คือเจียงเป่ยเฉิน
หวังเสี่ยวหวู่ เพิ่งโทรมาและขอให้เขาเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกับเตวหยูหลาน
หญิงชราของตระกูล หวัง เป็นทั้งหัวหน้าตระกูล หวัง และคุณยายของ หวังเสี่ยวหวู่ เธอถูกเรียกตัว เตวหยูหลานเป็นธรรมดาที่เธอจะต้องไปเข้าร่วมด้วย
เตวหยูหลาน เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารเพียงแค่ในนามเป็นตัวแทนของหวังเป่าเหริน นับตั้งแต่ที่เธอขึ้นรถเธอก็แต่งหน้าของเธอโดยไม่สนใจเจียงเป่ยเฉิน
ลูกเขยคนนี้นับว่าไม่เจริญหูเจริญตาเลย เป็นไปได้เธอไม่อยากจะมานั่งรถคันนี้ด้วยซ้ำ
“เจียงเป่ยเฉิน! นายแต่งตัวแบบนั้นหรอไม่คิดจะซื้อชุดใหม่หรอ? การแต่งตัวของนายแย่มากเลย นายมันไม่เหมาะกับลูกสาวฉันเลย! “
ผ่านไปครึ่งทางในที่สุด เตวหยูหลาน ก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมา
เจียงเป่ยเฉิน รู้ถึงนิสัยใจคอของเธอดีเขาจึงไม่พูดอะไรออกไป
“แก แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินหรอ?”
“เหอเหอ อย่างงั้นสินะผู้ชายขยะที่กำลังอารมณ์เสีย?”
“แกมันไม่ดีพอกับลูกสาวของฉันหรอก”
“ฉันขอแนะนำให้แกนะเลิกกับเธอไว้ๆจะดีกว่า”
“ถ้าพวกแกเลิกกันด้วยการพึ่งทนายลูกสาวของฉันจะเสียชื่อเสียง! “
เมื่อเห็นว่า เจียงเป่ยเฉิน ไม่ตอบสนอง เตวหยูหลาน ก็ได้ใจยิ่งขึ้นและตบเบาะหน้าอย่างดุเดือด: “แกขับเกวียนอยู่หรือไง? ทำอะไรชักช้า การประชุมจะเริ่มขึ้นแล้ว อย่าให้ลูกสาวฉันต้องรอนาน! “
“เอาล่ะคุณป้าคุณนั่งนิ่ง ๆ !”
มุมปากของเจียงเป่ยเฉินโค้งขึ้นเล็กน้อย เขาเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์และกระทืบคันเร่งทันที!
เตวหยูหลาน นั่งเงียบตลอดทางทันไม่ ไม่ใช่ว่าเธอไม่พูด แต่เธอไม่มีโอกาสได้พูดเลย
“อว๊าก!”
เมื่อมาถึงชั้นล่างสำนักงานใหญ่ หวัง เตวหยูหลาน ก็วิ่งลงจากรถไปที่ข้างถนนทันที
“แม่เป็นอะไรรึเปล่า”
วังซิวหวู่เพิ่งมาถึงและรีบเข้าไปหาเมื่อเธอเห็นฉากนี้
“ฉันอ๊วก… ”
“นาย! แม่ทำอะไรของฉัน”
หวังเสี่ยวหวู่ หันกลับมาและจ้องที่ เจียงเป่ยเฉิน
เจียงเป่ยเฉินพูดอย่างไม่แยแส: “ป้าอาจจะรู้สึกคลื่นไส้เมารถเล็กน้อยละมั้งอาจเพราะว่าประจำเดือนแกหมดด้วย เอาเถอะเดียวพอกลับไปฉันจะขอให้เพื่อนมาช่วยดูป้าให้แล้วกัน!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดท่าทีของ หวังเสี่ยวหวู่ ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยและพูดกับเขาทันทีว่า: “ไปหาคุณย่ากันเถอะ อย่ามาไร้สาระ!”
“โอเค!”
เตวหยูหลาน อาการของเธอเริ่มดีขึ้นเธอจ้องมอง เจียงเป่ยเฉิน ด้วยสายตาอาฆาต
การประชุมคณะกรรมการ บริษัท กำลังจะเริ่มขึ้น
ทั้งสามรีบตรงไปที่ห้องประชุม
เมื่อมาถึงประตูเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุดไว้ด้านนอก หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยมองไปที่ เจียงเป่ยเฉิน และกล่าวว่า “คืนนี้มีเพียงผู้ถือหุ้นและตัวแทนผู้ถือหุ้นเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการของตะกูล หวัง ได้”
“เขาเป็นสามีฉัน!”
หวังเสี่ยวหวู่ กัดฟันและบอกสถานะของ เจียงเป่ยเฉิน
“ โย่? เป็นทหารกลับมาแล้วหรอ? “
ในเวลานี้มีเสียงเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
ชายคนหนึ่งก้าวออกจากรถ Audi และพูดด้วยสีหน้าติดตลก: “วันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการของตระกูล หวัง มีคนนอกมานี่เป็นไปได้ไหมว่านายจะมาของานจากคุณย่า”
“ฉันบอกได้เลยว่าตระกูลหวังเราไม่ได้สนใจขยะแบบนี้!”
เจียงเป่ยเฉินขมวดคิ้วเขาจำชายตรงหน้าได้
“หวังซูเรามาทำอะไรที่นี่มันไม่ใช่ธุระของนายนิ? อีกอย่างคนที่เรียกเขามาก็คือคุณย่า! “
เมื่อได้ยินเช่นนี้หวังเสี่ยวหวู่ ก็ตอบออกไปทันทีแม้ว่า เจียงเป่ยเฉิน จะเป็นสามีของเธอเพียงแค่ในนาม
“เธอบอกว่าคุณย่าเรียกมาสินะ”
หวังซูไม่เชื่อ วันนี้จะมีคนนอกจะมาเข้าร่วมการประชุมที่สำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร?
“นี่ ซือหยุ่น ของเธอเนี้ยต้องการระดุมทุนจำนวนมากในช่วงนี้สินะ ฉันเกรงว่าเธอจะไม่มีเงินซื้อชุดให้หมอนี่สินะ? “
วังซูกล่าวติดตลก
หวังเสี่ยวหวู่ มองไปที่เสื้อเชิ้ตสีขาวของ เจียงเป่ยเฉิน และใบหน้าของเธอก็แดง
ผู้ชายคนนี้ไม่มีเสื้อสูทหรือไงนะ?
“ไม่ต้องห่วงหรอกปัญหาของ ซือหยุ่น ได้รับการแก้ไขแล้ว!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยของ หวังซู เจียงเป่ยเฉิน ก็พูดเบา ๆ
“ แก้ไขแล้ว?”
วังซูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เงินสิบล้านไม่ใช่เงินก้อนเล็ก ไม่คิดว่าหวังซู่หวู่จะแก้ปัญหาได้เร็วขนาดนี้?
หวังเสี่ยวหวู่ แปลกใจที่ เจียงเป่ยเฉิน รู้เรื่องนี้เธอเพิ่งได้รับเช็คมูลค่าสิบล้านหยวน แต่เขาคนนี้รู้ได้อย่างไร?
ใบหน้าของวังซูน่าเกลียดมาก เดิมทีเขาต้องการใช้โอกาสนี้ในการทำให้ลูกพี่ลูกน้องคนนี้อับอายในการประชุมคณะกรรมการบริหาร แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผนจะล้มเหลว
“หึ เป็นเรื่องดีนี่น้องหญิงที่น่ารัก!”
วังซูก็ฮัมเพลง
“หวังซูหมายความว่ายังไง?”
“ ฉันหมายความว่ายังไง เดียวเธอก็รู้เองแหละ”
หวังซูแสดงท่าทางขี้เล่น
“ ในช่วงเวลาสั้น ๆ เธอไม่น่าจะไปหากู้มาได้ ถ้าฉันเดาไม่ผิดเธอคงไปขอร้องใครสักคนให้มาช่วยสินะ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หวังซู ก็มองไปที่ หวังเสี่ยวหวู่ อย่างไร้ยางอายและหัวเราะเยาะ: “หึหึ แบบนี้เองสินะ… ”
ป๊าบ! หวังซูถูกตบหัวทึ่ม
“ ไอ้เวรนี่กล้าตบกูหรอ”
หวังซู จับไปที่ใบหน้าของเขาที่โดนตบ เขามองไปที่เจียงเป่ยเฉินอย่างไม่คาดคิด เขาไม่คาดว่าขยะแบบนี้จะกล้าลงมือกับเขา
เขายกแขนขึ้นอย่างรวดเร็วหมายจะเอาคือ แต่กลับถูกหลังมือของเจียงเปียเฉินซัดเข้าไปอีกดอก ทำให้เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“พวกแกมัวทำบ้าอะไรอยู่ รีบจัดการมันให้ฉันซะ!”
วังซูตะโกนใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคน
เจียงเป่ยเฉินหันหน้ามองไปยังทั้งสองคนอย่างกระทันหันด้วยสายตาที่คมกริบราวกับอินทรีจ้องมองเหยื่อ
ชั่วขณะหนึ่งราวกับว่ามีออร่าแห่งการฆ่าฟังที่ไม่มีที่สิ้นสุดปกคลุมพวกเขาทั้งสองไว้ทำให้พวกเขาทั้งสองทรดตัวลงกับพื้นทั้นที! ดวงตาของหวังเสี่ยวหวู่เปลี่ยนเป็นตกตะลึงในทันที ทันใดนั้นความรู้สึกแปลกๆบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจเธอราวกับกระแสน้ำที่อบอุ่นไหลผ่านมา เธอตั้งสติแล้วตะโกนบอกเขา “เจียงเป่ยเฉิน ปล่อยพวกเขาไปเถอะ!”
ผู้ชายคนนี้กลับมาจากการเป็นทหารหาเขาเอาจริง หวังเสี่ยวหวู่ กลัวจริงๆว่าเขาจะทำให้ หวังซู พิการ
เตวหยูหลาน ตบไปที่แขนของ เจียงเป่ยเฉิน “ไอ้ขยะนี่ปล่อยพวกเขาได้แล้ว นี่แกคิดจะต่อต้ายพวกเขาหรือไงห๊ะ?”
เตวหยูหลาน โกรธมากเพราะประธานรัก หวังซู มากถ้าประธานรู้ว่าวังซูถูกรังแกเธอจะไม่มีวันปล่อยไปแน่นอน
“โอเค คุณภรรยา!” เจียงเป่ยเฉิน มองไปที่ หวังซู ด้วยสายตาเย็นชา
เพียงประโยคนี้เมื่อ หวังเสี่ยวหวู่ ที่ได้ยินเขาเรียกเธอว่า “ภรรยา” คนนี้หัวใจของเธอก็สั่นสะท้านอย่างอธิบายไม่ถูก
“ฉันจะพูดอีกครั้งขอโทษเธอซะ!”
ทันใดนั้นเจียงเป่ยเฉินก็เปล่งเสียงขึ้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
วังซูอดไม่ได้ที่จะตะลึงและพูดตะกุกตะกัก: “เสี่ยว เสี่ยวหวู่ ฉะ ฉันผิดเอง ฉันขอโทษ!”
“โอเคโอเค การประชุมคณะกรรมการจะเริ่มเร็ว ๆ นี้รีบไปเถอะ!”
หวังเสี่ยวหวู่ ขมวดคิ้วและกระตุ้น เจียงเป่ยเฉิน จากนั้นก็บอกให้ทุกคนเดินไปยังห้องประชุม
“หึ! ไอพวกสวะ รอดูก่อนเถอะ ทันทีที่การประชุมจบลงซือหยุนก็จะมาอยู่ในมือของฉันดูสิตอนนั้นพวกแกจะหยิ่งยโสแบบนี้อีกไหม?”
เมื่อเห็นทั้งสามจากไปดวงตาของ หวังซู ก็ค่อยๆดุร้ายขึ้น
เขากจะไม่มีวันลืมเรื่องที่เขาถูกเจ้าขยะนี่ตบหน้า!
เมื่อพวก หวังเสี่ยวหวู่ มาถึงห้องประชุมผู้ถือหุ้นของตระกูล หวัง คนอื่นๆก็มาถึงกันเกือบหมดแล้ว การปรากฏตัวของ เจียงเป่ยเฉิน ดึงดูดความสนใจอย่างมากในทันที เขาไปเป็นทหารมาสามปี ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกลับมาในเวลานี้
ทุกคนรู้เกี่ยวกับสถานะของเขาในตระกูลหวัง
ทุกคนรู้ดีว่า เจียงเป่ยเฉิน เป็นลูกเขยที่เลือกโดย หวังเป่าเหริน! เป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครพูดดูถูกเขาได้ต่อหน้าแต่ก็ยังมีการแสดงออกด้วยสายตาที่ดูถูกเขาเป็นบางครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานหญิงชราคนหนึ่งที่อายุเกือบเจ็ดสิบปีและแต่งตัวร่ำรวยก็เดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมไม้เท้ากับเลขาของเธอ
“ประธานมาแล้ว!”
“ประธาน!”
“มุกคนนั่งลงเถอะ!”
หลังจากนั่งลงแล้วหญิงชราก็กวาดสายตาไปมาแล้วกล่าวว่า: “การประชุมวันนี้มีจุดประสงค์สองอย่าง … เสี่ยวหวู่ ฉันได้ยินมาว่า ซือหยุ่น ของเธอมีปัญหาบางอย่าง และต้องการเงีน 10 ล้านเพื่อจัดการมัน ใช่ไหม?”
หญิงชราหันหน้าไปที่หวังเสี่ยวหวู่ก่อน น้ำเสียงเธอดูเหมือนอ่อนโยน แต่จริงๆแล้วทุกคนรู้ดีว่าเธอกำลังถามอย่างจริงจังและชัดเจน
“คุณย่าไม่ต้องกังวลเรื่องเงินถูกแก้ไขแล้ว!”
หวังเสี่ยวหวู่รู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่เธอก็พูดออกไป
หญิงชราผงะไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าว่า “โอ้ได้ยินแบบนั้นฉันก็สบายใจ ได้ยินว่าสามีเธอกลับมาแล้วเขาอยู่ที่ไหนละ?
ให้ย่าเห็นหน้าเขาหน่อย! “
ที่มุมหนึ่งเจียงเป่ยเฉินนั่งอยู่เงียบๆ เนื่องจากเขาไม่ใช่ผู้ถือหุ้นจึงไม่มีการจัดที่นั่งให้เขา
“เจียงเป่ยเฉิน รีบมาหาคุณย่าเร็ว!”
เตวหยูหลาน ตะโกน
“สวัสดีครับคุณย่า!”
เจียงเป่ยเฉิน ยืนขึ้นช้าๆและกล่าว
“ เหอ เสี่ยวเฉินเปลี่ยนไปมาก ฉันแทบจะจำมันไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าหลายปีมานี้เธออยู่ในกองทัพเป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้เธอได้ยศอะไรแล้วละ “
หญิงชรามองมาและถามด้วยรอยยิ้ม
“ผมปลดประจำการจากกองทัพชั่วคราวไม่มียศหรอกครับ!”
เจียงเป่ยเฉิน ตอบเบา ๆ
“อ๋อ?
กองทัพไม่ได้ส่งเธอไปทำงานในสถานที่ราชการอื่นๆหรอ? “
หญิงชราถามอีกครั้ง
“ไม่ครับ ผมว่างงาน!”
หือ! ทุกคนตกใจ
“เป็นทหารมาห้าปีแต่ไม่ได้เลื่อนยศนี่นะ”
“คนอื่นๆอย่างน้อยๆสามปีก็ได้ร้อยตรีแล้วนะ?”
“นี่มันสะวจริงๆเลยนะ!”
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยเหล่านี้หวังเสี่ยวหวู่กำมือเธอแน่นรู้เธอสึกร้อนที่ใบหน้าและกัดริมฝีปากเธอโดยไม่รู้ตัว เตวหยูหลาน หน้าแดงด้วยความอับอายหากบนพื้นมีรูเธอก็อยากจะมุดลงไปในทันที
ขยะนี้น่าละอายนี่ต้องถูกโยนออกไปทันที!