ราชันมังกรแห่งสงคราม - ตอนที่ 34
เตวหยูหลานเกิดความสงสัย เธอมองไปที่โรลส์รอยซ์ที่จอดอยู่ด้านนอกและเหมือนเธอจะคิดอะไรบ้างอย่างออกเธอจึงรีบตะโกนออกไป “รถนั้นไม่ใช่ของเรา เขาเอามาจากไหนฉันก็ไม่รู้นะ!”
เตวหยูหลานพูดออกไปตามที่เธอเข้าใจไม่งั้นตำรวจจะมาหาเจี่ยงเป่ยเฉินทำไม?
“คุณมีความสัมพันธ์ยังไงกับเจียงเป่ยเฉิน?” หลินเสี่ยวหรานขมวดคิ้ว
“ฉันเป็นแม่ยายของเขา แต่ลูกสาวฉันกำลังจะหย่ากับเขาเร็วๆนี้แล้ว เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อไรกับเรา!”เตวหยูหลานรีบกล่าว
“โปรดเรียกให้เขาออกมา เราต้องการนำเขาไปสอบสวน!” หลินเสี่ยวหรานกล่าวอย่างเย็นชา
“เขาไปก่อคดีไว้จริงๆหรอเนี้ย ฉันว่าแล้วเขาต้องไม่ใช่ตัวดี!” เตวหยูหลานพึมพำและรีบหันกลับไปตะโกนเรียกเจียงเป่ยเฉิน “เจียงเป่ยเฉินรีบลงมาเลยตำรวจมาหานายน่ะ!”
หลังจากนั้นไม่นานเจียงเป่ยเฉินก็ออกมาจริงวันนี้เขาแต่งตัวเพื่อที่จะไปทำงานที่บริษัทเขา
“คุณคือเจียงเป่ยเฉินใช่หรือเปล่า?”
หลินเสี่ยวหรานเหลือบมองไปที่เจียงเป่ยเฉินเมื่อสังเกตุดูลักษณะของเขาแล้วเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็นคนที่ทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้น แต่ถึงยังไงขนาดแม่ยายของเขายังไม่ไว้ใจเขายังไงเธอก็ต้องพาเขาไปสอบสวนก่อน
“เราสงสัยว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสที่โรงงานเมื่อคืน เพราะงั้นกรุณามากับเราด้วย!” หลินเสี่ยวหรานกล่าวอย่างเย็นชา
“อะไรนะบาดเจ็บสาหัสเหรอ นายเจียงเป่ยเฉินนายเป็นบ้าอะไรถึงกับออกไปไล่ทุบตีคนแบบนั้นเนี้ย ฉันบอกไว้ก่อนนะครอบครัวเราไม่มีเงินมากพอจะจ่ายให้สำหรับค่ารักษาที่นายไปไล่ทุบตีชาวบ้านหรอกนะ!”
แม้ว่าเตวหยูหลานจะพูดไปแนนนั้น แต่เธอก็อดที่จะถามหลินเสี่ยวหรานไม่ได้ “คุณตำรวจมันร้ายแรงมากเลยหรอ”
ที่จริงแล้วเธอค่อนข้างจะเป็นกังวลเรื่องว่าจะต้องจ่ายค่ารักษาเท่าไร แต่ทว่าหลินเสี่ยวหรานไม่สะดวกที่จะบอก
“ในส่วนนี้เป็นความลับ เพราะงั้นเราจึงไม่สะดวกในการเปิดเผยข้อมูล เจียงเป่ยเฉิน กรุณาให้ความร่วมมือในการสอบสวนด้วย!” หลินเสี่ยวหรานหน้าแดงและหันไปพูดกับเจียงเป่ยเฉินอย่างเย็นชา
“โอเค! ผมจะไปกับคุณ” เจียงเป่ยเฉินพยักหน้าตกลง
……
พอมาถึงสถานีตำรวจ เจียงเป่ยเฉินก็ถูกสอบสวนโดยหลินเสี่ยวหราน
“เมื่อคืนเป็นนายลงมือทำใช่ไหม?”หลินเสี่ยวหรานกดดันถามอย่างจริงจัง
เจียงเป่ยเฉินส่ายหัว “ผมไม่ได้ทำ!”
“ฉันแนะนำให้นายพูดความจริง!” หลินเสี่ยวหรานลุกขึ้นยืนและโน้มตัวไปด้านหน้า
เจียงเป่ยเฉินมองไปที่เธอและหลบหน้าหนี หลินเสี่ยวหลานรู้สึกตัวจึงหน้าแดงรีบถอยหลังออกมาและตบไปที่โต๊ะ “บอกมาตรงๆ นายเป็นคนทำร้ายสองคนนั้นสินะ! ถ้านายทำและนายยอมรับนายก็จะได้รับการลดโทษนะ!”
เจียงเป่ยเฉินส่ายหัว “คุณไม่รู้หรอกว่าเวลาของผมมีค่าแค่ไหน นี่ผมก็ให้ความร่วมมือกันคุณเต็มที่แล้ว ทำไมคุณยังคิดว่าผมเป็นคนทำละ”
“จากการสอบสวนพบว่านายไปที่คลับหมิงเย่วเพื่อที่จะตามหาใครบางคน แต่พอไปถึงนายก็ได้ลงมือทำร้ายคนบางกลุ่ม หลังจากนั้นนายก็ออกไปตามหาหลิวเฟิงและเฉินจื่อเฉ่าใช่มั้ย?”
“ถูกตัอง!” เจียงเป่ยเฉินไม่ปฏืเสธ “แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะเป็นคนทำร้ายพวกเขา!”
“ นายยังกล้าปฏิเสธอีก” หลินเสี่ยวหรานตบโต๊ะอีกครั้งและตะคอด: “แม้ว่าฉันไม่รู้ว่านายมีเรื่องอะไรกัน แต่นายก็มีแรงจูงใจพอในการก่อเหตุ!”
เจียงเป่ยเฉินเงียบ
ผู้หญิงคนนี้รับมือยากจริงๆ เธอเป็นเหมือนทหารใหม่ของเขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
“ผมขอโทรศัพท์หน่อย!”เจียงเป่ยเฉินกล่าว
“นายจะโทรหาใครละ เหอฟู่เฉิงหรือเล่ยหง?” หลินเซียวหรานมองอย่างดูถูก “ฉันจะบอกนายให้ทุกวันนี้สังคมต้องอยู่ถายใต้กฏหมาย ยังไงก็หมายก็เป็นใหญ่ที่สุด!”
เจียงเป่ยเฉินยิ้มเล็กน้อยและกล่าว”โอ้ว ไม่รู้มาก่อนว่าคุณจะรู้มากขนาดนี้!”
ทั้งที่เธอรู้ว่าเขารู้จักกับเหอฟู่เฉิงกับเล่ยหงแล้วเธอยังกล้ามาจับเขา แสดงว่าเธอคนนี้อาจจะมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่อยู่บ้าง
“ผมไม่ได้จะโทรหาพวกเขา ผมจะโทรหาคนของผมเอง!” เจียงเป่ยเฉินกล่าว
หลินเซียวหรานหัวเราะ“เอาล่ะนายลองโทรดู ฉันก็อยากเห็นเหลือเดินว่าวันนี้ใครที่จะพานายออกไปจากที่นี้ได้”
เธอก็ไม่กลัวเช่นกัน เพราะเธอก็มีคนหนุนหลังเธออยู่เช่นกับครอบครัวของเธอก็ทำงานให้กับรัฐ แม้แต่ผู้อำนวยการสำนักงานของรัฐยังต้องไว้หน้าเธอ!
เจียงเป่ยเฉินไม่ได้โทรหาเหอฟู่เฉิงหรือเล่ยหงแต่เป็นคนของเขา
การติดต่อไปที่เบอร์นี้นี่เป็นครั้งที่สองที่อยู่ในหยนไห่ ครั้งแรกคือเมื่อคืนตอนเขาตามหาหวังเสี่ยวหวู่ ครั้งที่สองคือวันนี้
ไม่นานโทรศัพท์ของหลินเสี่ยวหรานก็ดังขึ้น
เป็นหัวหน้าหลิวหมิง
“เสี่ยวหรานยัยบ้า ฉันบอกเธอแล้วใช้ไหมว่าอย่ามีปัญหากับคนๆนั้น เธอผลีผลามเกินไป ฉันออกมาทำภารกิจแปปเดียวเธอก็ไปจับเขามาแล้วเนี้ยนะ! เธอนี่มัน…. “
“หัวหน้าหลิวความยุติธรรมจะไม่มีวันยอมอ่อนข้อให้กับอาชญากรรมมันถือเป็นความอัปยศของตำรวจ! ” ก่อนที่หลิวหมิงจะพูดจบหลินเสี่ยวหรานก็กล่าวขัดขึ้น ไม่รู้ว่าใครเป็นหัวหน้าใครเป็นลูกน้องกันแน่
“ดีดี!หลินเสี่ยวหรานฉันจะไม่พูดกับเธอแล้ว เธอไปคุยกับผู้กำกับเองแล้วกัน!”
“ยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เพราะยังไงก็ตามฉันจะเอาตัวคนคนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้!”
หลังจากวางสายไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมา หลินเสี่ยวหรานเดินไปเปิดประตูแล้วก็ตะลึงอยู่พักหนึ่ง
“หลินเสี่ยวหราน! เธอทำบ้าอะไรไปเนี้ย” ทันทีที่เธอเปิดประตูก็เห็นชายวัยกลางคนท่าทางโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากเดินเข้ามา จากนั้นเขายื่นมือไปหาเจียงเป่ยเฉิน “คุณเจียงผมชื่อ เกากัวเฟิง จากสำนักงานปกครองหยุนไห่ ผมมาช้าไป ขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจนี่มันเป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น!”
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนหลินเสี่ยวหรานก็ตะลึง
ชายคนนี้เป็นใคร? ทำไมหัวหน้าสำนักงานปกครองหยุนไห่ต้องมาขอโทษเจียงเป่ยเฉินด้วย?
หรือว่าแม้แต่พวกเขาก็ถูกควบคุมโดยอำนวจมืด?
หลินเสี่ยวหรานรู้สึกว่าโลกของเธอพังลง!
เจียงเป่ยเฉินพยักหน้าเบา ๆ : “อืม ผมไม่ต้องการเพิ่มปัญหาให้กันทางตำรวจ ผมขอโทษด้วยถ้าไม่มีอะไรแล้วผมไปเลยได้ไหม”
“ ได้แน่นอนครับ … ”
“ไม่มีทาง!” หลินเสี่ยวหรานตะโกน: “เขาเป็นผู้ต้องหาฉันยังสอบสวนไม่เสร็จจะให้ปล่อยเขาไปได้ไง”
เกากัวเฟิงเลิกคิ้วพูดอย่างเคร่งเครียด “ถ้าคุณเจียงเป็นอาชญากรงั้นโลกนี้คงไม่มีคนดีแล้วแหละ! อยย่าคิดว่าเธอสามรถทำอะไรก็ได้ในเมืองนี้เพราะเส้นสายของคนในครอบครัว แม้ว่าพวกเขาจะออกหน้ามายืนตรงนี้ ถ้าคุณเจียงพูดพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลินเสี่ยวหรานก็ตะลึง เธอแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอไม่เชื่อ “ฉันไม่เชื่อ! พ่อของฉันสอนฉันตั้งแต่ฉันยังเด็กว่าต่อให้เป็นโอรสสวรรค์เมื่อมีความผิดก็ต้องโทษ คนทั่วไปก็เหมือนกันถ้าเขาทำผิด ฉันก็ต้องจับเขา! “
“เธอ! ฉันไม่อยากเถียงกับเธอแล้ว เธอไปคุยกับ่อเธอเองเถอะ!” เกากัวเฟิงหันหน้าหนีด้วยความโกรธ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเจียงเป่ยเฉินเป็นยังไง แต่จากที่รับสายจากหน่วยงานกลางเขาก็เข้าใจได้ว่าเบื้องหลังของชายหนุ่มผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!
เวลาต่อมาหลินเสี่ยวหรานก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก “สวัสดีพ่อ ฉันมีเรื่องจะรายงานให้พ่อทราบ!” หลินเสี่ยวหรานผู้อย่างเป็นทางการ
เมื่อหลินเจิ้งกั๋วได้ยินน้ำเสียงนี้เขาก็รู้ทันทีว่าลูกสาวตัวน้อยของเขามีบางอย่างที่จะขอความช่วยเหลือ เขาจึงรีบพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรไปสาวน้อย มีปัญหาในการทำงานหรอ ทำไมหนูไม่ถามลุงเกาดูละเขาสัญญากับพ่อแล้วว่าเขาจะดูแลหนู!”
“พ่อหนูพูดถึงลุงเกานั้นแหละ เขาพยายามปกป้องและสมรู้ร่วมคิดกับผู้ต้องหา!” หลินเสี่ยวหรานบ่นเสียงดัง
“หลินเสี่ยวหรานอย่าพูดบ้าๆ!” เกากัวเฟิงคว้าโทรศัพท์และพูดว่า “นี่หลินเจิ้งไม่ใช่อย่างที่เสี่ยวหรานพูด … “
“ หลินเจิ้งกั๋วเหรอ?” ในตอนนี้เจียงเป่ยเฉินก็พูดขึ้นขัดทั้งคู่
อีกด้านหนึ่งเมื่อหลินเจิ้งกั๋วได้ยินเสียงของเจียงเป่ยเฉินความยินดีและความตื่นเต้นก็พลันปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาได้บอกให้เหล่าเกาเอาโทรศัพท์ให้คนๆนั้นอย่างรวดเร็ว