รันนิ่งแมนกับระบบครองโลก - ตอนที่ 6 หัวหน้าผู้กำกับ
ลู่เฟยอยู่บ้านตลอดทั้งบ่าย จากนั้นก็ซื้อตั๋วไปหางโจวทางเน็ต เขากำลังออกเดินทางไปหางโจวจากสนามบินแคปิตอลในเช้าวันพรุ่งนี้ แล้วเขาจะได้ลงทะเบียน
ณ เวลาประมาณ 3 ทุ่ม
เสียงกริ่งที่บ้านของลู่เฟยดังขึ้น เขาออกไปเปิดประตูก็เจอกับสาวน้อยหยางอิ่ง
“เบบี้ คุณมาทำไรที่นี่?” ลู่เฟยมองไปทางหยางอิ่งอย่างประหลาดใจ ตอนนี้หยางอิ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงคู่ใต้กระโปรงห่อหุ้มร่างที่เหมือนปีศาจน้อยของเธอช่างดูสวยงามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“อื้ม ใช่ ฉันเพิ่งกลับมาถึงหน้า ฉันว่าจะบอกคุณเกี่ยวกับการสมัคร The Voice of China ของวันพรุ่งนี้หน่ะ” เบบี้ยิ้ม
“โอเคงั้นเข้ามาก่อนสิ” ลู่เฟยก้าวหลบให้เธอเข้ามาก
“อื้อ” หยางอิ่งเดินเข้ามาในบ้านลู่เฟยก็เดินตามมาแล้วปิดประตู ทั้งสองคนนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นของชั้น 1 ลู่เฟยหยิบเครื่องดื่มออกมาจากตู้เย็นแล้วส่งให้กับเบบี้
“เบบี้ คุณกินเข้าเย็นหรือยัง? ให้ผมทำอะไรให้คุณทานไหม?” ลู่เฟยถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ฉันกินข้าวข้างนอกแล้วล่ะ” หยางอิ่งตอบด้วยรอยยิ้ม เธอพูดต่อไปว่า : “คุณหยิบโทรศัพท์ของคุณออกมาสิ เซฟเบอร์นี้ไว้ ฉันจะให้เบอร์ของ หัวเฉ่า ผู้จัดรายการทีวีของเจ้อเจียง
คุณจะได้เจอกับหัวเฉ่าได้โดยตรง แล้วเขาจะพาคุณไปพบกับผู้กำกับ จางเสี่ยวอิง ผู้กำกับ The Voice จากนั้นคุณก็จะสมัครได้” หยางอิ่งตอบกับลู่เฟย
“โอเค ได้ครับคุณดาราใหญ่” ลู่เฟยหยิบมือถือของเขาออกมา ตอนนี้เขารู้จักหัวเฉ่าซึ่งเป็นพิธีกรรายการทีวีดาวเทียมเจ้อเจียง
“อื้ม” หยางอิ่งเม้มริมฝีปากของเธอแล้วบอกเบอร์โทรฯ หัวเฉ่า ให้ลู่เฟยบันทึกไว้
“ฉันได้แนะนำคุณกับหัวเฉ่าแล้วก็ผู้กำกับจางเสี่ยวอิงไปแล้ว คุณไปสมัครวันพรุ่งนี้ได้เลย ผู้กำกับจางเสี่ยวอิง
น่าจะฟังการร้องเพลงของคุณก่อน แต่ฉันเชื่อว่าระดับคุณคงทำให้เธอตกใจแน่เลย เพราะงั้นการลงทะเบียนก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรแน่นอน” เบบี้น้อยพูดคุยกับลู่เฟยอย่างระมัดระวัง
ลู่เฟยมองไปท่าทางการเคลื่อนไหวของหยางอิ่ง เขาค่อยๆ หลงไหลไปกับความงามใต้เสื้อผ้าของแอเจิลล่าเบบี้ เรียวขายาวตรงขาวราวหิมะที่ไม่สวมถุงน่อง ช่างงดงามนัก
บางทีหยางอิ่งอาจกลัวที่จะจากไปเพราะแสงสว่างภายในห้อง ขาของเธอพาดเข้าหากันแน่นทำให้ลู่เฟยรู้สึกหดหู่มาก เขาไม่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่ไม่อาจบรรยายได้
“โอเคเบบี้ ขอบคุณสำหรับเรื่องทั้งหมดนี่นะ ขอบคุณมากจริงๆ หยางอิ่งผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี” ลู่เฟยมองไปทางหยางอิ่งอย่างซาบซึ้ง ดวงตาสีเข้มมองลึกไปยังเบบี้
“อย่าสุภาพกับฉันสิ ฮิฮิ คุณอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยได้ป่าว? ฉ้นจะมากินข้าวบ้านคุณอีกนะ” หยางอิ่งตอบด้วยรอยยิ้ม
“อื้อ ได้เลย คุณจะมาบ่อยแค่ไหนก็ได้” ลู่เฟยบอกกับหยางอิ่ง ถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องดีที่สามารถทำอาหารใหนสาวงามได้
นี่ยังไม่รวมไปถึงว่าเธอนั้น เบบี้งดงามระดับเทพธิดาด้วย ลู่เฟยเต็มใจทำให้เธอตลอดชีวิต…
“เอ่อ.. ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะมาบ่อยๆ ตอนนี้ดึกแล้ว ฉันต้องกลับบ้านไปพักผ่อน” หยางอิ่งลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไป
“โอเคเบบี้ เดินช้าๆ นะ ฝันดี” ลู่เฟยโบกมือลาหยางอิ่ง
“อื้อ ฝันดี” ไม่นานหยางอิ่งก็ออกจากบ้านของลู่เฟยกลับไปยังบ้านของเธอ
ลู่เฟยไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้หลังจากที่หยางอิงจากไป แม่ม ฉันเป็นอะไรไป? ฉันชอบเบบี้มากขึ้นเรื่อย ๆ หรือเปล่า?
ทำไมฉันถึงคิดว่ารอยยิ้มของเธอสวยมากและหัวใจฉันเต้นแรงขนาดนี้ โอ้ว นี่มันคล้ายกับความรู้สึกของรักแรก? ฉันกลับไปเป็นหนุ่มหรือเปล่า? ลู่เฟยคิดอย่างเขินอาย
คืนนั้นกว่าลู่เฟยจะหลับไปก็ดึกมากแล้ว เขานอนในห้องนอนบนชั้นสองเขากำลังคิดเรื่องต่างๆ ทั้งคืนลู่เฟยออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้น
เที่ยวบินจากสนามบินแคปิตอลไปยังสนามบินนานาชาติหางโจวออกอย่างรวดเร็วหลังจากผ่านไปกว่าสองชั่วโมงลู่เฟยก็มาถึงหางโจวในที่สุดเขาก็ตรงไปที่สถานีโทรทัศน์เจ้อเจียง
ใกล้ถึงเวลา 11 โมง ที่ลู่เฟยมาถึงล็อบบี้ที่ชั้นหนึ่งของสำนักงานใหญ่ของสถานีโทรทัศน์เจ้อเจียงและทันทีที่ลู่เฟยเริ่มโทรหาเจ้าบ้านหัวเฉ่า
เสียงรอสายดังอยู่ไม่กี่วินาที
“ฮัลโหลๆ นี่หัวเฉ่าพูด” เสียงของหัวเฉ่าดังขึ้น
ลู่เฟยดีใจมาก : “สวัสดีหัวเฉ่า ผมชื่อ ลู่เฟย ผมเป็นเพื่อนกับหยางอิ่ง ผมมานี่เพื่อสมัคร The Voice of China วันนี้น่ะครับ”
“แล้วคุณลู่อยู่ที่ไหนครับ คุณมาที่สถานีโทรทัศน์ของเราไหม?”
“ตอนนี้ผมอยู่ที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งของสถานีครับ” ลู่เฟยอธิบาย
“อ่าครับ คุณรอผมสักครู่นะครับ ผมจะหาคุณทันทีเลย แล้วพาคุณไปพบผู้กำกับรายการ The Voice ของเรา” หัวเฉ่าตอบกลับลู่เฟย
“โอเคครับ ผมจะรอคุณที่นี่”
“ครับ”
ห้านาทีต่อมา ลู่เฟยก็เห็นหัวเฉ่า จากนั้นเขาก็พาลู่เฟยขึ้นลิฟต์
“ผมได้ยินมาจากเบบี้ว่า คุณร้องเพลงได้ดีมาก ผมไม่ทราบว่าคุณลู่เคยทำอะไรมาก่อนครับ เคยเป็นนักร้องหรือเปล่า?” หัวเฉ่าถามลู่เฟยที่อยู่ด้านข้าง เขาได้ยินเรื่องนี้มากจากหยางอิ่ง
“เปล่าครับ ผมไม่เคยเป็นนักร้องมาก่อน แต่ผมน่าจะเป็นนักร้องในอนาคตน่ะครับ” ลู่เฟยยิ้มจางๆ
“กลายเป็นว่าคุณลู่ไม่เคยเป็นนักร้อง งั้นคุณต้องผ่านบททดสอบของผู้อำนวยการจางของเรานะครับ คุณถึงจะสามารถลงทะเบียนเป็นผู้เข้าแข่งขันอย่างเป็นทางการได้
แม้คุณจะเป็นเพื่อนกับเบบี้ แต่ถ้าคุณไม่ผ่าน ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้ รายการของเราเป็นรายการที่ทางสถานีฯให้ความสำคัญมาก เพราะนี่เป็นซีซั่นแรกของเดอะวอยซ์ ดังนั้นต้องทำให้ดี”
ลู่เฟยรู้สึกช่วยไม่ได้แต่แววตาของเขาก็ดุดันขึ้นเล็กน้อย มองไปทางหัวเฉ่าแล้วถามว่า
“หัวเฉ่า คุณกำลังสงสัยความสามารถของผมใช่หรือเปล่า? คุณคิดว่าผมมีกำลังไม่พอ? เป็นผู้ชายที่กำลังมองหาชื่อเสียงใช่ไหม? ”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น อย่าเข้าใจผมผิด” ใบหน้าของหัวเฉ่าแดงเล็กน้อย เขาอับอายนิดหน่อยเมื่อลู่เฟยตอกกลับมา
“ผมเข้มแข็งพอที่จะพิสูจน์ตัวเอง คุณไม่ต้องกังวล” ลู่เฟยพูดต่อและลิฟต์ก็หยุดลงทันทีที่เขาพูดจบ
ลู่เฟยและหัวเฉ่าออกจากลิฟต์ไม่นานเขาก็เห็นผู้กำกับรายการเสียงจริงตัวจริงในสำนักงาน จางเสี่ยวอิง หญิงวัยกลางคนอายุสี่สิบเศษ
“ผู้กำกับจางครับ นี่คือผู้สมัครที่หยางอิ่งแนะนำมา เขาอยากเข้าร่วมรายการ The Voice of China” หัวเฉ่าเริ่มแนะนำเขาให้รู้จักกับหัวหน้าผู้กำกับจางเสี่ยวอิง
จางเสี่ยวอิงเบื้องหน้าเขานั้นดูกลางๆ แต่เธอดูท่าทางโอ่อ่าดุดัน มีความเป็นสาวสตรองพอตัว
“ผู้กำกับจางครับ ผมชื่อ ลู่เฟย” ลู่เฟยเริ่มพูด
“นั่งลงสิ นั่งลงคุยกันก่อนนะ”
“ดีครับ” “ครับ”
ลู่เฟยและหัวเฉ่าค่อยๆ นั่งลง ผู้กำกับจางเสี่ยวอิง ก็พูดต่อไปว่า
“คุณลู่ แม้ว่าสาวน้อย หยางอิ่ง จะมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถเล่นพรรคเล่นพวกได้
คุณควรร้องเพลงอะไรก็ได้ต่อหน้าฉันและหัวเฉ่าก่อน ร้องแล้วเราจะตัดสินว่าคุณจะได้อยู่ต่อหรือไม่ คุณรับมันได้ไหมคะ?”
“เอาล่ะครับ ผู้กำกับจาง งั้นให้ผมได้ร้องเพลงที่ผมแต่งเองให้พวกคุณฟังนะครับ เพลงนี้ชื่อเพลงว่า ‘น่าเสียดายที่ไม่ใช่คุณ’ ” ลู่เฟยเห็นด้วยทันที เขาไม่ใช่คนถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจ
เขาคิดว่าจะร้องเพลงนี้ ‘น่าเสียดายที่ไม่ใช่คุณ’ เขาเช็คบนอินเทอร์เน็ตแล้ว เพลงนี้ยังไม่เคยปรากฏบนโลกคู่ขนานนี้
“ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณลู่จะแต่งเพลงเองด้วย เรารอจะฟังอยู่นะครับ” หัวเฉ่าสงสัยเล็ก เขาเริ่มรู้สึกว่าลู่เฟยไม่ธรรมดา
“คุณเริ่มร้องเพลงได้เลยค่ะคุณลู๋” ผู้กำกับจางเสี่ยวอิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้างั้นผมโชว์ขายหน้าแล้วครับ”
เมื่อลู่เฟยพูดจบ เขาก็เริ่มร้องเพลง ‘น่าเสียดายที่ไม่ใช่คุณ’ แม้ว่าจะไม่มีดนตรีคลอ แต่การร้องเพลงของเขาก็ยังเป็นที่รักใคร่
เสียงร้องของเขาก็ทำให้หัวเฉ่าและจางเสี่ยวอิงขนลุกพรึ่บจนฉี่แทบจะราด อันที่จริงพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าการร้องเพลงของลู่เฟยจะไพเราะและสมบูรณ์แบบมากขนาดนี้ อีกทั้งเพลงนี้ก็สะเทือนใจเกินไป ซาบซึ้งใจเกินไป…
! ! !
ในขณะนี้ฉันรู้สึกคุ้นเคยอย่างกะทันหัน
เช่นเมื่อวานและวันนี้
ฉันแสดงในเวลาเดียวกันน้ำเสียงนี้ดูเหมือนว่าคุณ
ไม่ใช่หลักฐานแห่งความรักของเราฉัน
เกือบจะโกหกตัวเองและโกหกคุณ
ความรักและการถูกรักไม่จำเป็นต้องได้สัดส่วนกัน
ฉันรู้ว่าการเจ็บปวดเป็นโชคดี
แต่ฉันไม่สามารถอดกลั้น
ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อคุณได้ทั้งหมดแต่ฉันไม่สามารถเปลี่ยน
สายที่จองไว้สำหรับคุณฉัน
คิดว่ามันจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป
ราวกับว่าเมื่อวานนี้
แต่เมื่อวานอยู่ไกลมาก
แต่ฉันสามารถมองเห็น
ได้โดยที่หลับตาแต่น่าเสียดายที่คุณไม่ได้อยู่กับฉัน สุดท้ายก็เดินไปด้วยกัน แต่เสียทางแยก
…….
…….
! ! !