"เย่เฉียว นี่เธอมีทัศนคติที่ขอร้อง ไม่สามารถประจบประแจงเลยจริงๆ" เย่จิ่นถังขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เธอสั่งสอนอบรมได้ยาก และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้เธออยู่เคียงข้างอย่างเชื่อฟัง
"แล้วฉันควรจะเป็นเหมือนหมางั้นเหรอ?" รอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเธอดูเป็นประกายเล็กน้อย และท่าทางที่ไม่ใส่ใจของเธอก็ทำให้คนไม่ชอบไม่ได้เลยจริงๆ
เย่จิ่นถังลุกขึ้นแล้ววางแก้วน้ำลงบนโต๊ะเล็กๆข้างเตียง
"เฉียวเฉียว ถ้าอาเจิ้งทำลายอนาคตของเขาเพราะเธอ มันคงน่าเสียดาย" เขาพูดประโยคเดียวของเขานั้นประสบความสำเร็จในการทำให้ใบหน้าของเย่เฉียวเปลี่ยนไป
เธอมองมาที่เขา อ้าปากเล็กน้อย เหมือนกับตกใจ แต่ก็เหมือนว่ากลัวด้วย เย่จิ่นถังถอนสายตาตัวเองกลับด้วยท่าทางที่จืดชืด
"เย่จิ่งถัง ฉันต้องทำยัไงคุณถึงจะพอใจ?" เย่เฉียวรู้สึกว่าความอดทนของตัวเองเกือบจะหมดลงแล้ว
"เชื่อฟังและเอาใจฉัน" คำขอของเขานั้นไม่ได้มากเกินไป แต่มันยากสำหรับเย่เฉียวที่จะทำมัน
ใบหน้าของเย่เฉียวซีดลงชั่วขณะหนึ่ง เขานั้นเข้าสู่สภาวะไร้ยางอายแล้วจริงๆ
"เย่จิ่งถัง! คุณมันไร้ยางอาย!"
เย่จิ่นถังก้มลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากโต๊ะและมองดูเธออีกครั้ง ดวงตาของเธอเย็นชาอย่างยิ่ง เย่เฉียวมองดูเขาที่เล่นโทรศัพท์ และหัวใจของเธอก็หมดหวัง
"ฉันสามารถทำสิ่งที่ไร้ยางอายยิ่งกว่านี้อีก เธอเชื่อไหมล่ะ"
เย่เฉียวค้นพบเป็นครั้งแรกว่าทัศนคติของเย่จิ่นถังที่มีต่อตระกูลเย่นั้นขาดไมตรีถึงขนาดนี้ หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยล่ะก็ มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงของตระกูลเย่ แต่เย่จิ่นถังดูเหมือนจะไม่สนใจเกี่ยวกับผลประโยชน์ต่อตระกูลเย่
เย่เฉียวลุกจากเตียงด้วยท่าทางตื่นตระหนก เดินโซเซไปถึงตรงหน้าเขาพลางจับมือเขาไว้
"อย่า……"
เย่จิ่นถังมองลงมาที่เธอ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เขาถูกปลดจากกองทัพ เขาได้ค่อยๆฟื้นคืนกลับมาเป็ฯตัวเขาที่ควรจะเป็น
เขารู้สึกได้ชัดเจนว่ามือของเย่เฉียวสั่นไม่หยุด แต่เขากลับมองเธออย่างเย็นชาอยู่เสมอ
เย่เฉียวมองมาที่เขาและค่อยๆก้มหัวลง "… ได้โปรดเถอะ อาสาม"
"อะไรนะ?อาสาม?" เย่จิ่นถังทวนคำพูดของเธออีกครั้งแล้วยิ้มอย่างเย็นชา
ปากของเย่เฉียวเปิดปิดอย่างไม่สามารถพูดอะไรได้เลย จนเกือบจะกัดลิ้นของตัวเอง
"…จิ่นถัง" เธอพูดด้วยเสียงต่ำ ไร้อารมณ์และน้ำเสียงที่เหมือนกับกลไก
เย่จิ่งถังวางโทรศัพท์กลับลงบนโต๊ะอีกครั้ง ยื่นมือออกมาจับใบหน้าเล็กๆของเธอ แล้วจูบลงไป เย่เฉียวรู้สึกว่าชายผู้นี้กำลังบีบเอวเธอด้วยกำลังที่แรงและปรารถนาจะบดขยี้เธอ
"ฉันเวียนหัวมาก ตอนกลางคืนได้ไหม?" เย่เฉียวรู้สึกรังเกียจเล็กน้อยกับการสัมผัสของเย่จิ่งถัง แต่ก็กลัวที่จะแสดงออกต่อหน้าเขาและทำให้เขาไม่พอใจ
มือของเย่จิ่นถังนั้นได้สอดเข้าไปในชุดนอนบางๆของเธอแล้ว แต่เป็นเพราะคำพูดของเธอ จึงค่อยถอยมันกลับคืนมา
ยกมือขึ้นลูบผมยาวยุ่งของเธอเบา ๆ : "ต่อไปเวลาที่ฉันจะไม่อยู่เคียงข้างเธอ ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา ถ้าฉันพบว่าอารมณ์ของเธอไม่ดี ฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่"
เขาอุ้มเธอขึ้นแล้ววางเธอลงบนเตียงอีกครั้ง
"เราจะกลับไปเมื่อไร?" เย่เฉียวถามอีกครั้งในทันที ไม่มีธุระในแคลิฟอร์เนียแล้ว ทำไมต้องยังจะอยู่ต่อไปอีก
"ร่องรอยบนตัวเธอชัดเจนขนาดนั้น กลับไปพี่สะใภ้คงจะไม่ปล่อยเธอไปแน่"
เย่เฉียวจำสิ่งที่เย่จิ่นถังทำกับตัวเองเมื่อคืนนี้ และสภาพเธอตอนนี้ก็ไม่สามารถกลับไปได้ในตอนนี้
หนึ่งชั่วโมงต่อมา อาซานก็นำโจ๊กร้อนๆมาด้วยตัวเอง และเย่จิ่งถังก็ใช้คางของเขาสั่งอาซานให้วางโจ๊กร้อนๆลงบนโต๊ะชา
"งั้นผมขอตัวไปก่อนนะครับ"
"นายกลับไปนิวยอร์กอธิบายสถานการณ์ที่นี่กับพี่ใหญ่ก่อน"
สำหรับวันเดินทางกลับ เย่จิ่นถังนั้นไม่ได้เอ่ยถึงสักคำ
อาซานพยักหน้า: "รับทราบ"
หลังจากที่อาซานจากไป เย่จิ่นถังก็เทโจ๊กร้อนๆออกมา แล้วเอาไปที่เตียง เย่เฉียวค่อยๆลุกขึ้นนั่ง เย่จิ่นถังต้องการจะป้อนเธอ แต่เธอก็ไม่กล้าเอื้อมมือออกไปหยิบชามข้าวในมือของเขาและบอกว่าจะกินเอง
เมื่อเห็นเธอรับประทานอาหารเสร็จอย่างเชื่อฟังแล้ว การแสดงออกของเย่จิ่นถังก็อ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เย่เฉียวเอนกายพิงหน้าต่างและมองวิวกลางคืนด้านนอก เขาเพิ่งกินข้าวเย็น และนอนหลับไปนานระหว่างวัน จึงไม่มีอาการง่วงนอนแต่อย่างใด
เย่จิ่งถังออกมาจากห้องอาบน้ำ และเห็นเธอที่เอนหลังพิงหน้าต่างอยู่พอดี เพียงภาพด้านหลังนี้ กลับรู้สึกเหงา เย็นชาและโศกเศร้า
เมื่อไหร่ เธอถึงจะละทิ้งความรักที่ภักดีที่อยู่ในใจมาตลอดได้ แม้จะไม่ความรักที่เปิดเผยไม่ได้ แต่มันคุ้มไหมที่เธอต้องมาเสียใจขนาดนี้?
คิ้วของเย่จิ่นถังค่อยๆกลัดกลุ้มลงเล็กน้อย และเป็นธรรมดาที่ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น เย่เจิ้งไม่ควรเป็นคนที่เธอควรนึกถึงอยู่แล้ว
เมื่อรู้ว่ามีคนเดินมาข้างหลัง เย่เฉียวก็หันกลับมาตามสัญชาตญาณและมองดูเย่จิ่นถังที่เดินเข้ามา เขาผลักเธอไปที่หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานข้างหลังเขา
"กำลังคิดอะไรอยู่?" เย่จิ่นถังถามด้วยเสียงต่ำ
ใบหน้าของเย่เฉียว นั้นดูไม่เป็นธรรมชาติและมุมริมฝีปากของเขาโค้งเล็กน้อย: "ไม่มีอะไร เพิ่งกินข้าวเสร็จเลยรู้สึกยังไม่ย่อย"
เย่จิ่งถังเข้ามาใกล้ และทุกลมหายใจก็กระทบเข้าที่ใบหน้าของเย่เฉียว เธอมองไปที่ชายที่อยู่ข้างหน้าเธอ ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ยังคงกลั้นไว้อย่างกะทันหัน
"ในเมื่ออาหารยังไม่ย่อย เรามาทำอะไรเกี่ยวกับการย่อยกันดีกว่า" น้ำเสียงที่คลุมเครือของเย่จิ่นถัง ข้ามาในหูของเขา ความปรารถนาของเขานั้นแสดงออกอย่างชัดเจน
เย่เฉียวคล้องคอของเขา การเคลื่อนไหวนั้นแข็งทื่อมาก เย่จิ่นถังหยุดลงและถอดเสื้อผ้าของเธอออก
กระจกที่อยู่ข้างหลังเขาเยือกเย็น และกล้ามเนื้อของเย่เฉียวก็เกร็งไว้ เย่จิ่นถังสังเกตถึงปฏิกิริยาของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่ตอบสนอง แน่นอนว่าต้องรู้สึกไม่คุ้นชินและไม่อยากทำ
"ยาคุมของเธอฉันได้จะเตรียมให้เธอแล้ว ต่อไปอย่าไปซื้อที่ร้านขายยา" เย่จิ่นถังกล่าวขณะจูบใบหน้าของเธอเบาๆ
หัวใจของเย่เฉียวตึงเครียด วันนั้นเขาออกไปแต่เช้าแล้วรู้ได้อย่างไรว่าเธอไปซื้อยาที่ร้าน
"อืม"
เย่จิ่งถังต้องการจะพูดคำว่าเชื่อฟังอย่างเอ็นดูที่จะโพล่งออกมาถึงริมฝีปากนั้นก็ได้กลืนมันกลับเข้าไป นี่เธอเชื่อฟังที่ไหนกัน มันก็เป็นเพราะเย่เจิ้ง
เย่เฉียวคิดว่าคืนนี้เขาจะขออะไรมากกว่านี้ แต่ในท้ายที่สุด เย่จิ่งถังที่จูบพอแล้วก็อุ้มเธอไว้บนเตียงและไม่ทำอะไรเลย
ตลอดทั้งคืนพวกเขานอนอยู่ในท่าเดียว เย่เฉียวนอนหลับเหมือนแมวขี้อ้อนที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
…
อาซานกลับมาที่นิวยอร์กก่อน และเย่เจิ้งก็กลับมาแล้ว การเดินทางฮันนีมูนกับอันเยว่สิ้นสุดลงโดยเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์
เมื่อเห็นเห็ฯแค่อาซาน เย่เจิ้งก็ยังคงแปลกใจเล็กน้อยและเรียกเขาไว้
"อาซาน อาสามกับเฉียวเฉียวไม่ได้กลับมากับนายด้วยเหรอ?"
"คุณเย่ คุณหนูและนายท่านยังมีงานต้องทำ ดังนั้นอาจต้องใช้เวลาสองสามวันกว่าจะกลับมาครับ" อาซานมองที่เย่เจิ้งแล้วยิ้ม
แต่ใบหน้าเย่เจิ้งกลับไม่มีรอยยิ้มเลย มีแค่อาสามกับเย่เฉียวที่อยู่แคลิฟอร์เนียเหรอ?
"แต่คุณเย่ครับ ไม่ได้ไปฮันนีมูนสำหรับคู่บ่าวสาวป้ายแดงเหรอครับ?ทำไมกลับมาเร็วจัง นี่มันเพิ่งไม่กี่วันนี้เอง"
เย่เจิ้งเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า "บริษัทมีเรื่องเร่งรีบเลยต้องกลับมาก่อน ถ้าว่างแล้วค่อยไปใหม่ก็ได้"
อาซานพยักหน้า: "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"
"อาซาน เฉียวเฉียวอยู่ที่นั้นมีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า" เย่เจิ้งหรี่ตาลงเล็กน้อย และท่าทางที่สงบเป็นธรรมชาติของอาซานนั้นช่างน่าสงสัยจริงๆ
MANGA DISCUSSION