"สิ่งที่เธอต้องการมันจะเป็นอะไรได้อีก？ในเมื่อฉันสัญญากับเธอแล้ว ก็จะไม่คืนคำ" เธอไม่จำเป็นต้องแสดงความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามต่อเขาและทำหน้าขมวดคิ้วในเวลานี้

มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง

จากนั้นเย่จิ่นถังจึงต่อยๆออกแรงเล็กน้อยแล้วเย่เฉียวก็นั้นก็ยิ่งถอยหลังไป และเอนหลังลงบนเตียง เย่จิ่นถังดึงเสื้อผ้าของเธอออกอย่างดุดันด้วยใบหน้าเย็นชา ดึงเน็คไทออกพลางเอนตัวลงไปจับมือเธอไว้

"ตกลง ฉันจะเติมเต็มเธอ" อารมณ์ที่ไม่แน่นอนของเย่จิ่นถัง มักแสดงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

เย่เฉียวไม่ได้ขัดขืน หันหน้าออก ด้วยท่าทางที่ของคนที่ไม่สามารถดิ้นรนได้

เย่จิ่นถังรู้สึกว่าหน้าอกของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ และกระแทกกำปั้นลงบนเตียงนุ่มอย่างแรง แล้วบีบคางของเธอด้วยมืออีกข้างหนึ่ง: "เวลาส่วนตัวเรียกฉันว่าจิ่นถัง"

เมื่อเขาถอยตัวห่างออกไป น้ำเสียงนั้นเย็นชา เย่เฉียวพลิกตัวกลับและปกปิดลักษณะที่ไม่เรียบร้อยด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยบนริมฝีปาก

เย่จิ่นถังคิดว่าตัวเองกำลังมีความรักหรืออะไรบางอย่าง

เท้าของเธอแพลง และตารางงานต่อไปของเย่จิ่นถังก็ล่าช้าไปสองหรือสามวัน ซึ่งเฝ้ามองเธออยู่ในโรงแรมอย่างไม่ละสายตา

แม้แต่การเพิกเฉยต่อการคัดค้านในการรับยาของเธอ

เย่เฉียวไม่ชอบใส่รองเท้าที่แกะกล่องในโอกาสสำคัญพวกนี้ แต่เมื่อกำลังจะออกไป เย่จิ่นถังยืนยันว่าจะต้องให้เธอสวมรองเท้าส้นแบนที่ไม่มีความสวยคู่นี้

"วันนี้จะไปหารือเกี่ยวกับสัญญาอะไร คุณถึงจะให้ฉันใส่สิ่งนี้" เย่เฉียวไม่พอใจ มันสะดวกต่อตัวเอง แต่มันไม่เคารพต่อลูกค้าอย่างมาก

"ถ้าคุณไม่อวดเก่ง มันก็จะไม่เป็นแบบนี้"

เย่เฉียวถอนหายใจอย่างเย็นชา โน้มตัวไปหากล่องมาใส่รองเท้าแล้วยื่นให้อาสามที่อยู่ข้างเขา

"ใส่ไว้ในรถ ค่อยใส่ตอนกลับมา" เธอรู้ว่าการที่มุ่งจะปฏิเสธนั้นเช้านี้ตัวเองคงไม่ได้ออกไปอย่างแน่นอน

คิ้วของเย่จิ่นถังห้อยลง แต่กลับไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วก็เดินออกไป

เย่เฉียวเดินตามเขาไป จ้องมองไปที่แผ่นหลังของเขา อาจเป็นเพราะเขาเป็นทหารพิเศษ หลังของเขานั้นดีกว่าผู้ชายคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้มากเกินไป ถ้ามองจากมุมมองด้านหลัง ก็ยังคงรู้สึกว่าร่างกายนั้นสมบูรณ์แบบอย่างมาก

หลังจากปลดประจำการมาหลายปี ผู้คนที่เย็นชาและโหดเหี้ยมที่เพิ่งถูกนำออกจากกองทัพเหล่านั้น ดูเหมือนจะถูกกลืนกินในห้างสรรพสินค้าที่น่าสนใจแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม มันเป็นแค่สัตว์ร้ายในเครื่องแบบเท่านั้น

ในเวลานี้ ความสงบของเย่เฉียวที่มีต่อเขานั้นไม่ได้สูง เพราะเขารักเย่เจิ้งอย่างสุดหัวใจจนถอยตัวไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงเกลียดเย่จิ่นถัง ที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อบังคับเธอ

วันนี้ถึงจะเป็นธุรกิจที่จะหารืออย่างจริงจัง เย่เฉียวนั้นมองดูเอกสารตลอดทาง

"บริษัทจีน?" เย่เฉียวเหลือบมองเย่จิ่นถังหลังจากอ่านมัน

"อืม คนจีน พวกเขาส่วนใหญ่มีกลิ่นปากบ้างในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ถ้าพูดตรงๆก็คือกลุ่มพวกเศรษฐีใหม่ที่เดินทางเพื่อมาพัฒนาเติบโตในสหรัฐอเมริกา ด้านหนึ่งพวกเขาต้องการปีนเข้ามาในตระกูลเย่ ในทางกลับกัน พวกเขาก็อาจจะเข้ามาในตระกูลเย่เพื่อจะทำอะไรบางอย่าง"

"ในเมื่อพ่อก็รู้เรื่องนี้ดีบ้างมาก ทำไมยังให้ความร่วมมืออย่างเอาจริงเอาจังเช่นนี้"

"เมื่อกี้ก็พูดไปแล้วหนิ? พวกเขาเป็นกลุ่มพวกเศรษฐีใหม่ ถ้าคุณจะเป็นนักร่วมลงทุนที่จะแนะนำการลงทุนที่ดีให้พวกเขา พวกเขาจะมีความสุขมาก และจะเร่งความร่วมมือกับตระกูลเย่เร็วยิ่งขึ้น รองลงมา พี่ใหญ่ก็มีความรักใคร่ต่อเพื่อนร่วมชาติในจีนเสมอมา ดังนั้นนักธุรกิจชาวจีนที่มาที่นี่ พี่ก็มักจะนำทางอยู่เสมอ "

เย่จิ่นถังไม่มีข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับแผนการทางเชื้อชาติแบบนี้ เดิมทีก็เป็นผู้คนเป็นคนแปลกหน้าในต่างแดนซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของคน ตระกูลเย่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ นั่นเป็นเหตุผลที่พี่ใหญ่ที่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้

เย่เฉียวจะไม่ยับยั้งการตัดสินใจของพ่อของเธอ โชคดีที่ตัวเองเข้าร่วมบริษัทร่วมลงทุนและไม่ได้ทำงานในตระกูลเย่ มิฉะนั้นคงจะต้องทะเลาะกับเขาทุกวัน

"พ่อเลยบอกให้ฉันมา?" เย่เฉียวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ากำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่ เรื่องนี้แค่เลือกใครสักคนมาจากบริษัทก็ดีมากแล้ว

"มีแค่เธอเท่านั้นที่ทำได้ดี การลงทุนที่แนะนำควรเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่" เย่จิ่นถังเตือนเขาอย่างสงบ

เย่เฉียวผงะในใจ และแน่นอนว่าพ่อจะไม่ยอมให้พวกเขามาพบกับคนเหล่านี้โดยเปล่าประโยชน์แน่นอน

"พ่อต้องการช่วยอาสองสินะ" เหตุผลนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าเศรษฐกิจในบางทีของตระกูลเย่มีปัญหา ซึ่งยังเป็นปัญหาใหญ่อีกด้วย

เย่ซู่เต๋ออาสองนั้นติดการพนัน ไม่รู้ว่าเขาเสียไปเท่าไหร่ในลาสเวกัสมาก และยังถูกคนคิดร้ายไปไม่รู้เท่าไหร่

พี่น้องสามคนของตระกูลเย่นั้นแยกกันอยู่ตั้งแต่ในช่วงปีแรกๆ และธุรกิจของบริษัทก็แยกจากกัน เพียงแค่ช่วยเหลือกันเป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่ในครั้งนี้เย่ซู่เต๋อนั้นสร้างปัญหามากมาย

เย่จิ่งถังพึมพำเบาๆ เย่เฉียวต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน แต่ก่อนที่จะมา พี่ใหญ่นั้นไม่ได้บอกเย่เฉียว น่าจะเป็นเพราะเธอกลัวว่าเธอจะไม่มา

บนโต๊ะอาหารค่ำมีคนมากกว่า 10 คน เย่จิ่นถังนั้นได้จองร้านอาหารจีนโดยเฉพาะ ในบริเวณนี้ร้านอาหารจีนนั้นหายากมาก แต่ความตั้งใจของเขา ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดง

"ทำไมถึงเป็นคุณเย่เล็กล่ะ ไม่ใช่บอกว่าประธานเย่จะมาคุณกับเราหรือ?" ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนนั้นค่อยๆหันมามองเย่เฉียวด้วยสายตาตั้งใจลัไม่ตั้งใจ

เย่จิ่นถังกำลังถือเหยือกพอร์ซเลนเพื่อเทไวน์ให้เขา เพียงเพื่อจะบังสายตาของเขา

"พี่ใหญ่ยุ่งมากจนไม่สามารถมาได้จริงๆ ซึ่งผมมามันก็เหมือนกัน" เย่จิ่นถังกล่าวอย่างเงียบๆหลังจากเติมไวน์เต็มแก้ว

แม้ว่าท่าทางของเขาจะไม่อบอุ่นหรือร้อนรน แต่ก็ถือได้ว่ายังอ่อนโยน

"คุณเย่เล็ก คนนี่คือ…"

"นี่คือผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่ผมพามา พวกคุณเป็นมือใหม่และยังไม่คุ้นเคยเกี่ยวกับตลาดในสหรัฐอเมริกา เธอจะให้คำแนะนำที่ดีแก่คุณ" เย่จิ่งถังนั้นไม่ได้แนะนำว่าเธอเป็นลูกสาวประธานเย่ แต่แค่บอกว่าเธอคือผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน

ประโยคของเย่จิ่นถังที่พูดว่าฉันนำมา ทำให้หลายคนที่อยู่ตรงนี้นั้นมองหน้ากัน ซึ่งความหมายนี่ก็ชัดเจนพอแล้วว่านี่คือผู้หญิงของเย่จิ่นถัง ซึ่งไม่สามารถมาแตะต้องได้

เย่เฉียวนั้นเงียบ ตรงหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยไวน์ มีเพียงชาสักถ้วยที่อยู่ตรงหน้าเธอ ซึ่งเย่จิ่นถังสั่งพนักงานเสิร์ฟให้เตรียมก่อนจะเข้ามาแล้ว

ยิ่งเย่จิ่นถังใส่ใจมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น

เย่เฉียวฟังทุกอย่างที่พูดกันในโต๊ะอาหารค่ำนี้ อย่างที่พ่อคิดไม่มีผิด ความต่ำต้อยของคนบางคนไม่เปลี่ยนแปลงเพียงแค่การเปลี่ยนประเทศหรือสัญชาติ

"คุณเย่ครับ คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ทำไมไม่พูดสักคำล่ะครับ เห็นคุณเย่สวยมากขนาดนี้ คงไม่ใช่ดูถูกคนแก่อย่างพวกเราใช่ไหม?"

มีนั้นคนล้อเล่น เย่เฉียวหัวเราะเบาๆ ริมฝีปากนั้นยิ้ม แม้แต่รอยยิ้มเล็กๆน้อยๆแต่ก็ทำให้จิ้งจอกเหล่านี้ไปยังใจกลางในฤดูใบไม้ผลิ

"หลังจากเซ็นสัญญาแล้ว เราค่อยกันเรื่องการลงทุนค่ะ อยู่ที่นี่มันคือกฎ" เธอเหลือบมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างเร่งรีบและรับการแสดงออกบางส่วนของพวกเขาอย่างภาพพาโนรามา

ในช่วงสองปีที่ผ่านมาในห้างสรรพสินค้า เธอได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการสังเกตคำพูด

ไม่มีความหมายที่ชัดเจนกว่านี้แล้ว นี่คืออาณาเขตของตระกูลเย่ และแน่นอนว่าพวกเขาต้องฟังทุกอย่าง

"คุณเย่เล็ก คุณผู้หญิงเย่คนนี้น้ำเสียงดุดันมากนะครับ"

หลินเจิ้งหัวหรี่ตาลงและเหลือบมองเย่จิ่นถัง ตราบใดที่เย่เฉียวพูด เย่จิ่นถังนั้นก็จะไม่พูด

แค่คิดก็รู้แล้วว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนคนนี้จะต้องมีศักยภาพอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้หญิงธรรมดาๆของเย่จิ่นถังเท่านั้น