รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - ตอนที่ 66-2 ทำไมต้องอิจฉาผู้หญิงคนนั้นขนาดนี้ด้วย / บทที่ 67-1 เตรียมสารภาพด้วยใจที่เต้นรัว
- Home
- รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ
- ตอนที่ 66-2 ทำไมต้องอิจฉาผู้หญิงคนนั้นขนาดนี้ด้วย / บทที่ 67-1 เตรียมสารภาพด้วยใจที่เต้นรัว
บทที่ 66-2 ทำไมต้องอิจฉาผู้หญิงคนนั้นขนาดนี้ด้วย
ราฮีลืมตาอยากยากเย็น
“…ราฮี! ลูกสะใภ้! ฟื้นแล้วเหรอ”
เสียงร้อนรนของคุณนายจางดังขึ้นใกล้ๆ แล้วก็ไกลออกไป ราฮีขยับต้นคอ กะระยะทางลำบาก ในหัวเหมือนถูกกระแทก
“อ้า…”
“เจ็บเหรอ ยังเจ็บอยู่เหรอ อยู่เฉยๆ ก่อนนะอย่าเพิ่งขยับ นอนนิ่งๆ”
“คุณแม่ ที่นี่ที่ไหน…”
เพดานไม่คุ้นตา ผนังก็ไม่คุ้นตา ไม่ใช่ทั้งบ้านที่ฮันนัมดงและบ้านพ่อแม่สามี
“โรงพยาบาลน่ะ ห้องพิเศษที่โรงพยาบาล เธอเป็นลมล้มพับไป จำไม่ได้เลยเหรอ หมอว่าอาจเป็นเพราะช็อก ให้ตาย ฉันตกใจมากเลยนะ”
ช็อกจนหมดสติ แล้วก็คิดถึงซองบอมขึ้นมา
“อ๊ะ คุณแม่ แล้วเขา…”
“นอนอยู่นู่น”
ราฮีกระดกหัวขึ้นมาอย่างยากลำบาก ซองบอมที่เข้าเฝือกที่แขนนอนหลับอยู่ฝั่งตรงข้ามของห้อง ได้ยินเสียงกรนเบาๆ
“แขน ได้รับบาดเจ็บเหรอคะ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
“ไม่มีทางไม่เป็นไร ฮึก…”
คุณนายจางไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำด้วยความโศกเศร้าที่พุ่งขึ้นมา ร้องไห้อยู่สักพัก คุณนายจางก็พ่นคำพูดออกมาอย่างโกรธแค้น
“ไอ้หมาบ้าไม่ควรจะเป็นบ้าทุบตีขนาดนั้น มันควรจะต้องตีลูกให้ตายเลยหรือไง… ไอ้คนอำมหิต”
เสียงกัดฟันปนเสียงร้องไห้ดังขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วยที่เงียบสนิท
“แขนร้าว ซี่โครงก็ร้าว อีกนิดเดียวก็เกือบจะเป็นอันตรายถึงกระดูกสันหลังแล้ว ฮือออ… มันไม่ใช่โทษที่สมควรตาย แต่ถึงแม้จะเป็นโทษที่สมควรตาย แต่มันก็เป็นลูก… ไอ้สัตว์ร้าย แกมันไม่ใช่คน ตบตีฉันเหมือนที่เคยทำมาตลอดชีวิตเสียดีกว่า ฉันคงต้องถูกตีตาย ถึงจะยัดมันเข้าคุกได้ ฮือออ”
เสียงร้องไห้อันเศร้าสร้อยของคุณนายจางทำให้ราฮียิ่งอึดอัดใจ
คุณแม่เข้าใจผิดแล้วนะคะ ถึงคุณแม่จะโดนคุณพ่อตีตาย คุณพ่อก็ไม่ติดคุกหรอกค่ะ เข้าไปแป๊บเดียว ระดมทนายฝีมือเยี่ยมในประเทศสักสิบห้าคน ก็ได้ภาคทัณฑ์แล้ว จากนั้นก็ทำเหมือนคนป่วยใกล้ตาย นั่งวีลแชร์ออกมาจากคุก
ประธานปาร์คชีดึกจบแค่ประถม ก่อร่างสร้างตัวจากที่ไม่มีเงินสักแดงเดียว เป็นคนเกาหลีที่มุ่งมั่นสร้างธุรกิจที่มีชื่อระดับประเทศ คุณแม่ในฐานะคุณผู้หญิงกลุ่มธุรกิจที่ร่ำรวยไร้สมอง มุ่งแต่ทำเรื่องฟุ่มเฟือยจากการทำงานของสามี จะมาร้องไห้คร่ำครวญทำไม
เพราะฉะนั้นอย่าคิดจะลงโทษสามีด้วยความตาย ถ้าคนตายแล้วสำนึกผิด ก็ไม่ทำแบบนั้นตั้งแต่แรก
“ถ้าไม่มีเธอ ซองบอมลูกฉันคงตายไปแล้ว ขอบใจนะลูกสะใภ้”
เธอไม่ได้เป็นลมเพื่อซองบอม แต่ไม่ว่าดูอย่างไรสถานการณ์มันก็กลายเป็นอย่างนั้นไปแล้ว คุณนายจางจับมือราฮี
“คุณแม่ หนูขอพักหน่อยนะคะ”
“ได้ ได้ นอนซะนะ หืม?”
คุณนายจางตบผ้าห่มของราฮีเบาๆ
ถ้ารู้ว่าในใจราฮีคิดอย่างไร คงจะขยะแขยงที่เธอทรยศหักหลัง โกรธจนน้ำลายฟูมปาก ว่าฉันทำดีด้วยตั้งเท่าไหร่!
ราฮีหลับตาลงเงียบๆ ไม่สบายใจที่ต้องมาสนิทกับคุณนายจางโดยไม่ได้ตั้งใจ
บทที่ 67-1 เตรียมสารภาพด้วยใจที่เต้นรัว
จีฮวันที่ครุ่นคิดพลิกไปมาทั้งคืนหลับบ้างไม่หลับบ้าง มองดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วตัดสินใจ
ว่าจะไม่สนใจหรือคิดเรื่องเกี่ยวกับราฮีอีก
เมื่อค้นหาปาร์คซองบอม ชเวราฮีก็ต้องมาเกี่ยวพันโดยอัตโนมัติ ราฮีที่ใช้ชีวิตอย่างสงบราบรื่นหลังออกจากงาน ถูกดึงมาเอี่ยวด้วยเพราะเหตุการณ์ของสามี
สามีของชเวราฮี, การแต่งงานของชเวราฮี, การแต่งงานการเมืองของชเวราฮี, เศรษฐีนีชเวราฮี, บ้านที่ชเวราฮีอาศัยอยู่, การเป็นหมันของชเวราฮี, ลูกๆ ของชเวราฮี, การทำศัลยกรรมของชเวราฮี, เสื้อผ้าของชเวราฮี, กระเป๋าของชเวราฮี, การหย่าของชเวราฮี…
คำค้นหาย่อยๆ ทั้งหมดติดมาเหมือนหางว่าว คนกำลังขุดหาทุกสิ่งของชเวราฮี
อ่านคอมเมนต์ข้างใต้ของพวกที่สงสัยและอยากรู้เรื่องชาวบ้านแล้วจีฮวันถึงได้เข้าใจ ว่าสมัยที่ยังเป็นพนักงาน ทำไมราฮีถึงได้กลัวมีข่าวฉาวขนาดนั้น
ราฮีอยากให้ความสนใจของมวลชนอยู่แค่ชเวราฮี ‘ผู้ประกาศข่าว’ ในข่าวทีวีเท่านั้น ความสนใจของผู้คนไม่แบ่งแยกว่าเป็นผู้ประกาศหรือคนธรรมดา ยิ่งเก็บตัว ความสนใจและความอยากรู้เกี่ยวกับ ‘ผู้หญิงที่ชื่อชเวราฮี’ ก็ยิ่งมากขึ้น
จีฮวันลบบันทึกการค้นหาทั้งหมด และหวังว่าราฮีจะไม่ได้อ่านคอมเมนต์และข่าวขยะเกี่ยวกับตัวเอง
ถึงแม้ราฮีจะโดนสามีทำร้าย แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จีฮวันจะทำอะไรได้
อยู่ๆ จะติดต่อไปถามว่าเป็นอะไรไหมก็ไม่ได้ ความเป็นห่วงของเขาอาจจะยิ่งกลายเป็นการเหยียบย่ำซ้ำเติมเธอ คนอื่นเป็นห่วงราฮีได้หมด แต่จีฮวันไม่มีคุณสมบัตินั้น
จีฮวันลุกออกจากเตียง ออกมาทำความสะอาดห้องน้ำของจีอง แล้วโทรศัพท์มือถือก็ดัง ข้อความจากอึนคัง
[ด่วน! สวนสนุกของโกอึนคังใกล้เปิดแล้ว!]
แค่หัวข้อก็ทำให้จีฮวันยิ้มได้แล้ว
“ผู้หญิงคนนี้นี่ คิดจะเปิดสวนสนุกเหรอเนี่ย”
[พรุ่งนี้เที่ยง เจอกันที่ KTX สถานียงซาน รักษาเวลาด้วย!]
“สถานียงซาน?”
จีฮวันสงสัยโทรไปหา พอได้ยินเสียงตกใจของอึนคัง อารมณ์ที่เคยดิ่งของจีฮวันก็ดีขึ้นทันที
“อ๊ะ ตื่นแล้วเหรอคะ ยังไม่เจ็ดโมงเลย”
“ผมตื่นเวลานี้เสมอครับ”
“ว้าว ขยันจังนะคะ ถึงได้มีเรื่องเล่าว่ามีคนตายจากการทำงานหนักเกินไป”
“คุณนักเขียนตื่นแล้วหรือยังไม่ได้นอน ยังไม่ได้นอนสินะครับ ทำงานอยู่หรือครับ”
“จะนอนแล้วค่ะ แต่มาส่งข้อความก่อนนอน”
“คงจะเหนื่อยสินะครับ”
อยากช่วยกล่อมและตบเบาๆ อยู่ข้างๆ คอยเฝ้าดูอึนคัง แต่จีฮวันได้แต่อดทน เขาไม่มั่นใจว่าจะเฝ้าดูอยู่เฉยๆ โดยไม่กระโจนใส่เธอได้ อดทนเอาไว้จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้ใช้ชีวิตนกฮูกสลับกลางวันเป็นกลางคืนมาแค่วันสองวัน ถ้าทนไม่ไหว ร่างกายจะเปลี่ยนโหมดเป็นนอนหลับตอนกลางคืนเอง พอนอนกลางคืนหลายๆ วัน ตื่นเช้ามาก็จะคึกคักแล้วกลับไปโหมดนกฮูกอีก!”
“แบบนั้นมันไม่ดีต่อสุข…”
อ๊ะ โกอึนคังไม่ชอบการบ่น!
“แล้วทำไมต้องที่สถานียงซาน อยากนั่งรถไฟไปเหรอครับ”
“ก็ถ้าขับรถไป คุณพีบีก็ต้องขับไปกลับคนเดียว ขับไปกลับก็คงจะเหนื่อยมาก ง่วงก็ไม่ได้”
“ก็คงแบบนั้น แต่ขอบคุณนะครับ ที่นึกถึงผม”
“คนเราก็ต้องมีความละอายใจ จะเป็นฝ่ายเอาแต่นั่งทุกครั้งได้ยังไง มันจะรบกวนเกินไปนะคะ”
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ไกลขนาดไหน เขาก็เป็นคนขับรถให้ได้ ถึงจะไม่เกรงใจก็โอเค
“เราเอาไข่กับปลาหมึกไปกินบนรถไฟกันด้วยนะคะ!”
เสียงตื่นเต้นของอึนคังพลอยทำให้จีฮวันอารมณ์ดีไปด้วย ถ้าได้อยู่กับเธอ จะนั่งรถไฟหรืออะไรไปเที่ยวก็ได้ทั้งนั้น
“แล้วทำไมต้องไปนัดกันถึงสถานียงซานครับ เป็นกลยุทธ 007 หรือยังไง”
“พอดีฉันมีงานนิทรรศการที่อยากไปค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย ตอนเช้าเลยจะไปดูงานที่โซลก่อน มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงกับคุณพีบี”
“อ้า งั้นเหรอครับ”
นึกว่าจะให้ไปดูด้วย เราเองก็ชอบงานนิทรรศการมาก จีฮวันเศร้าไม่น้อย ถ้าลองมาถามเขาว่าไปงานนิทรรศการด้วยกันไหมก็คงดี แต่เขาจะแสดงออกว่าเสียใจไม่ได้ การไปดูนิทรรศการด้วยกัน ไม่มีในสัญญา
“ว่าแต่จะไม่บอกกันก่อนเหรอครับ หรือตั้งใจจะไม่บอกเลยจนกว่าจะถึงวันนั้น”
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ กลัวคุณพีบีเตรียมของเยอะ เลยบอกล่วงหน้าก่อนวันเดียว วันเดียวจะมีเวลาแพ็คกระเป๋าย้ายบ้านไหมคะ”
“โอ้ว ขอบคุณ พอครับพอ แล้วพรุ่งนี้เราจะไปไหนกัน นั่งรถไฟ ITX จากสถานียงซานไปชองพยองเหรอครับ จองเพนชั่นแถวสวนพฤกษชาติไว้แล้วใช่ไหมครับ”
“เอ่อ คือ…”
อึนคังอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“ฮ้า ผมเดาถูกใช่ไหมครับ แค่เปิดป้ายคำถามก็บิงโกแล้วเหรอ”
“เอ่อ ไม่ใช่ มะ ไม่ได้ไปชองพยองสักหน่อย พะ เพนชั่นแถวสวนพฤกษชาติอะไรคะ ไม่เห็นรู้จักเลยว่าที่ไหน พะ พูดอะไรอยู่คะเนี่ย”
เสียงของอึนคังดังขึ้นแล้วเบาลงอย่างไม่เนียน จีฮวันกลั้นหัวเราะอย่างสุดกำลัง ชัดเลย คอยดูนะ คุณโกอึนคัง คุณต้องอยู่ในกำมือผม
“เข้าใจแล้วครับ เราไม่ได้จะไปชองพยอง แล้วก็ไม่ใช่เพนชั่นแถวสวนพฤกษชาติด้วย คุณนักเขียนที่มีความคิดแปลกใหม่สร้างสรรค์กว่าใคร ไม่มีทางคิดอะไรธรรมดาๆ แบบนั้น ผมเฝ้าคอยการเปิดสวนสนุกสุดหรรษาที่แปลกใหม่อย่างไม่เคยคิดฝันนะครับ”
“คะ คอยนะคะ!”
เสียงของอึนคังไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย จะขำอีกแล้ว จีฮวันพยายามกลั้นหัวเราะ คนเราสามารถน่ารักได้มากมายขนาดนี้เลยเหรอ
“ครับ เจอกันพรุ่งนี้ รีบนอนนะครับ”
“ค่า!”
จีฮวันวางสายแล้วก็ทำใจที่เต้นรัวให้สงบลง รีบวางแผนกำหนดการ
“วันนี้ต้องทำความสะอาดใหญ่แล้วก็ซักผ้าห่ม จองโรงแรมที่จะเอาจีองไปฝากพรุ่งนี้ และก็ต้องไปตลาด จากนั้นก็เก็บกระเป๋า…”
ช่วงเช้าหลังจากทำงานบ้านเสร็จสิ้น จีฮวันก็ออกไปจ่ายตลาดตอนบ่าย ถ้าเอารถไปเขาคงซื้อเนื้อซื้อผักนู่นี่จนเต็ม สำหรับทำอาหารให้อึนคังได้กินเต็มคราบ เขาต้องลดขนาดสัมภาระให้น้อยที่สุด จึงพยายามเลือกอย่างมีสติ
เขาเลือกของทำซุปทะเลกับกุ้งใหญ่สำหรับย่างเพื่ออึนคังที่ชอบอาหารทะเล แล้วก็ซื้อไวน์ดีๆ สักขวด เลือกช็อกโกแลตกับเยลลี่ไปอย่างละยี่ห้อสำหรับอึนคังด้วย ส่วนกับแกล้มก็เป็นชีสกับผลไม้สองสามอย่าง แล้วกระเป๋าที่ใช้เป็นตะกร้าก็เต็มเอี๊ยด
จีฮวันไม่ได้เพลิดเพลินกับการมาจ่ายตลาดอย่างนี้นานแล้ว เขาไม่ชอบไปที่ที่คนเยอะๆ เบียดเสียด แต่ถ้ามาซูเปอร์มาเก็ตก็จะมีเวลาคิดใคร่ครวญไม่ต้องรีบร้อน
วันนี้เขาไม่ได้ซื้อสิ่งที่เคยซื้อเสมอหรือแค่สิ่งที่จดมา แต่ค่อยๆ เลือกช้าๆ พลางคิดว่าอึนคังจะชอบอะไร จะกินอะไร
ระหว่างที่จีฮวันง่วนอยู่กับการจ่ายตลาด อึนคังก็กำลังนั่งอยู่บนเตียงกางโน้ตบุ๊ก โทรศัพท์อย่างเคร่งเครียด ที่หน้าจอเป็นรูปเพนชั่น
“ค่ะ ใช่ค่ะ กลีบกุหลาบทำเป็นรูปหัวใจใหญ่ๆ บนเตียง ค่ะ ถูกค่ะ พอเป็นไปได้ไหมคะ อ้า ได้เหรอคะ ขอบคุณนะคะ!”
อึนคังยิ้มกว้าง
“เฮือก! ลูกโป่งล่ะคะ มันก็ไม่จำเป็น แต่ถ้ามีก็ดี ไม่ยุ่งยากเกินไปใช่ไหม…ตรงไหนเหรอคะ อ้า เดี๋ยวนะคะ”