รักวุ่นวายของ Cool Guy สายเนี้ยบ - ตอนที่ 51 นายชอบผู้หญิงคนนั้น
จีฮวันที่เพิ่งกระดกแก้วโซจูเข้าปากถือแก้วค้างไว้ตัวแข็งไปแล้ว สีหน้าช็อกและเต็มไปด้วยความกลัว
ซอกยองดึงแก้วในมือจีฮวันออก แม้แก้วจะหายไป มือของจีฮวันก็ยังค้างอยู่ที่ปาก ซอกยองจับมือเพื่อนวางลงบนโต๊ะ
สายตาของจีฮวันที่มองมืออย่างไร้สติเลื่อนมาหยุดที่แก้วโซจู และย้ายมายังตาของซอกยอง ตาสบกัน ซอกยองพยักหน้า และย้ำอีกครั้ง
“นาย ชอบผู้หญิงคนนั้น”
กะพริบตาปริบๆ
“ไม่…”
“ไม่อะไร สภาพหมดสภาพของนายตอนนี้มันก็ชัดอยู่แล้ว ถ้าผู้หญิงเป็นฝ่ายเสนอให้คบกันแบบที่ไม่ต้องมีความรู้สึกมาพัวพัน ก็ควรจะขอบคุณสิ นายจะมาหงุดหงิด โมโห ไม่ชอบข้อเสนอที่จะทำให้ตัวเองสบายแบบนั้นทำไม นอกจากนายจะมีอย่างอื่นในใจ นายต้องการอะไรที่มากกว่านั้นจากผู้หญิงคนนั้น อยากมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าแค่นอนกัน แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น ก็เพราะนายชอบผู้หญิงคนนั้นยังไงล่ะ!”
“มะ ไม่ใช่ ไม่มีทาง ไม่มีทางเป็นแบบนั้น เพราะ”
จีฮวันส่ายหัวอย่างแรง อ้าปากที่แข็งเป็นน้ำแข็งอย่างยากลำบาก
“เพราะผู้หญิงคนนั้นห่างไกลจะสเปกและรสนิยมของฉันทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่หัวจรดเท้า พอๆ กับระบบสุริยะกับกาแล็กซีแอนโดรเมดา”
“ใกล้ต่างหาก กาแล็คซีที่อยู่ใกล้กับระบบสุริยะที่สุดก็กาแล็กซีแอนโดรเมดาไม่ใช่หรือไง”
จีฮวันเริ่มสาธยาย ไม่สนใจมุกคุณลุงของซอกยอง
“นายก็รู้สเปกผู้หญิงฉันไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงขี้เหร่ยังพอให้อภัย แต่ผู้หญิงทึ่มนี่ไม่ไหว สเปกฉันต้องเป็นผู้หญิงที่มีไหวพริบ! รู้จักขัดเกลาตัวเอง มีสไตล์ในตัวเอง เข้าใจอะไรรวดเร็ว ให้คบกับผู้หญิงเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกยังคบได้ ฉันไม่ชอบคนซื่อบื้อ!”
“ขนาดเจอผู้หญิงเจ้าเล่ห์แบบนั้นไป สติยังไม่กลับมาแท้ๆ…”
“แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่มีไหวพริบเลยสักนิด แถมไม่ฟังคำพูดของคนอื่นอย่างร้ายกาจ! ถ้าคนอื่นตั้งใจพูดอะไร ก็จะทำเป็นฟังนิดหน่อย แล้วก็ไปคิดเรื่องอื่น ไม่ก็ทำเป็นฟังแต่ทำอย่างอื่น ไม่มีสติ สมาธิสั้น คงไม่ได้เป็นโรคสมาธิสั้นในผู้ใหญ่หรอกนะ หกล้มบ่อย ทำอะไรหกตลอด กระเป๋าก็เที่ยวไปวางทิ้งไว้ ชอบรสเหมือนเด็กๆ ไม่แตะกาแฟ ชาเขียว บอกว่าขม แต่ชอบอะไรหวานๆ อย่างชาส้มกับโกโก้ รสปากก็ต่าง สเปกก็ต่างกันหมด ห่างไกลความเรียบร้อย ชอบเอะอะโวยวาย เปิดเผย เดินชนนั่นชนนี่ไปเรื่อย วันนี้ข้อศอกชน พรุ่งนี้มือ แขนของยัยนั่นไม่เคยอยู่สุขเลย เฮ้อ จับมัดมือไว้ก็ไม่ได้”
พูดแล้วความทรงจำที่ไม่ถูกใจต่างๆ ก็ผุดขึ้นมา จีฮวันคิ้วขมวด
“แล้วทั้งตัวนี่เป็นอาวุธไปหมด ทำไมเข่าต้องชนขาโต๊ะ ชอบทำร้ายตัวเอง? ทำไมไม่รู้จักระวัง! ตั้งแต่เด็กก็เป็นนักปีนป่าย ปีนตู้โชว์ตกลงมาตอนห้าขวบ ยังเหลือแผลเป็นเท่านี่ที่หน้าผาก แผลจะต้องใหญ่ขนาดไหน ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็นผู้ใหญ่สมาธิสั้นขนาดนี้มาก่อนเลย อายุก็สามสิบกว่าแล้ว ยังดูแลตัวเองไม่ได้อีก! ถ้ารู้ว่าตัวเองล้มเก่ง บาดเจ็บเก่ง ก็น่าจะต้องระวังสิใช่ไหม แล้วก็ยังดื้อมาก ให้ตายก็จะต้องทำสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำให้ได้”
พูดจนคอแห้ง จีฮวันเลยกระดกโซจูตามเข้าไปอีกอึก
“การแต่งตัวอีก เป็นไงรู้ไหม ใส่แต่กระโปรงเวียดนามกับแจ็คเก็ตฟิลด์ แต่งตัวเหมือนกระสอบผ้า นายรู้ใช่ไหม ว่าฉันเกลียดแจ็คเก็ตฟิลด์มาก จะผู้ชายผู้หญิงก็ไม่ใช่เสื้อผ้าที่ควรใส่ นั่นมันถุงข้าวชัดๆ! สีก็ทึมๆ แบบนั้นมันไม่ใช่แฟชั่น ซื้อโค้ตกับวันพีชสวยๆ มา ก็ใส่แค่วันเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ใส่อีก ถามว่าทำไมไม่ใส่ บอกว่ารัดตัวใส่ไม่สบาย ซื้อเสื้อผ้าที่สมกับเป็นเสื้อผ้ามาก็ควรต้องใส่สิ ทำไมต้องเก็บเอาไว้”
สีหน้าของจีฮวันทีเคยเคร่งเครียด มีชีวิตชีวาขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“เคยโทรไปครั้งนึงไม่ได้รับ แทนที่จะรีบส่งข้อความตอบ? ก็ไม่ แล้วซื้อโทรศัพท์ไว้ทำไม เวลาคุยก็เหมือนพูดแต่เรื่องที่อยากพูด ไม่ฟังที่ฉันพูดเลยแล้วก็วางสาย ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งนะ!”
“แล้วอีกเรื่องที่น่าหงุดหงิดคืออะไรรู้ไหม ฉันไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้โง่หรือฉลาดกันแน่ บางทีก็เด๋อด๋าไม่เข้าใจความหมายที่พูด แต่บางครั้งอะไรที่มันไร้สาระกลับเข้าใจได้เร็วซะงั้น มันจะต้องเป็นสักอย่างสิจะจิ้งจอกหรือหมี! เป็นคนสับสนมาก! หัวเราะไร้สติกับอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่ลูกบอลสักหน่อย ไม่รู้จะเด้งกระเด็นกระดอนไปมาอะไรนัก! แค่มองเฉยๆ เห็นแล้วยังใจหายใจคว่ำ!”
จีฮวันดื่มน้ำแก้คอแห้งอีกครั้ง
“แล้วรู้ไหมอะไรแย่สุด ก็คือเลี้ยงหมา! หมานั่นก็ดันเหมือนเจ้าของอีก ซื่อบื้อ บ้าๆ บอๆ อึฉี่ไม่เลือกที่ วิ่งเข้าหาคนไปทั่วแล้วฉี่ใส่ แย่ไหม”
“อาการหนักเลยแฮะ ชอบเขามากเลยสิ”
ซอกยองยิ้มกริ่ม จีฮวันหน้าดำหน้าแดง
“ฮะ เฮ้ย ไอ้บ้านี่! นายฟังยังไง! ทำไมพูดจา…”
“ฉันก็ฟังที่นายพูดมาไง และเข้าใจด้วยว่านายรู้เรื่องผู้หญิงคนนั้นดีมาก รู้ไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า”
“อะไรนะ”
“ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองเขียนวิทยานิพน์เรื่องผู้หญิงคนนั้นได้แล้วมั้ง ที่นายพูดมามันแสดงว่าฉันสนใจผู้หญิงคนนั้นมาก และฉันรู้จักเธอดีมาก! ภายในเวลาสั้นๆ นายบอกข้อมูลผู้หญิงที่ฉันไม่รู้ชื่อ ไม่เคยเห็นหน้า รู้แต่ว่าเป็นเจ้าของบราสีม่วงมาหมด ผู้หญิงคนนั้นอายุสามสิบต้นๆ ชอบของหวาน ไม่ชอบของที่มีคาเฟอีนอย่างกาแฟและชาเขียว ชอบใส่กระโปรงยาวกับแจ็คเก็ตฟิลด์บ่อยๆ ไม่ชอบเสื้อผ้าแนบเนื้อเพราะใส่ไม่สบาย ให้พูดคือไม่สนใจเรื่องแฟชั่น ไม่ค่อยอะไรกับโทรศัพท์ ถ้าคุยก็แค่คุยธุระแล้วก็วาง เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีนิสัยดื้อ ทำของหายบ่อย และชอบเดินชนนู่นชนนี่ นิสัยง่ายๆ ไม่ค่อยระมัดระวัง หน้าผากมีแผลเป็นใหญ่จากตอนเด็กๆ และตอนนี้ก็ยังเจ็บตัวบ่อยๆ ดูแล้วไม่ใช่คนที่มีนิสัยเรียบร้อย เอ๋ แล้วอะไรอีกน้า อ้อใช่ ผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงหมา”
จีฮวันตกใจอ้าปากค้าง
“เป็นไง สุดยอดเลยใช่ไหม เหมือนฉันรู้เรื่องผู้หญิงคนนั้นหมดเลยไหม ใครกันนะผู้หญิงที่รยูจีฮวันหลงรักข้างเดียว เหมือนจะไม่ชอบใจ แต่นายถูกผู้หญิงคนนั้นตกไปเรียบร้อยแล้วเพื่อน ตอนนี้นายดูเป็นยังไงรู้ไหมนายโคนเหมือนพวกสตอล์คเกอร์ที่คอยไล่ตามผู้หญิงคนนั้นเลยว่ะ!”
ตึง! สตอล์คเกอร์ พูดบ้าอะไร…
“เฮ้ย ไม่ใช่นะเว้ย ยัยนั่นไม่ใช่สเปกฉันจริงๆ นะ นายก็รู้ไม่ใช่หรือไง วะ ว่าที่ผ่านมาฉันคบผู้หญิงแบบไหน หา”
จีฮวันอ้อนวอนให้เห็นด้วย ซอกยองพยักหน้า
“เออ รู้ ว่าไม่ใช่สเปกนาย ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ใครจะไปรู้ว่ารยูจีฮวันมาติดใจผู้หญิงที่ไม่ใช่สเปกตัวเอง”
“เฮ้อ บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า ไม่ใช่โว้ย มันไม่ใช่ มันไม่มีทาง…”
จีฮวันเกือบจะร้องไห้ ที่พูดมานี้คือเรื่องจริง
ผู้หญิงที่เข้ามาอึแล้วหนีในบ้านเขา กระทั่งหมาที่เลี้ยงก็ยังมาฉี่ใส่ ห่างไกลจากรสนิยมของจีฮวันสุดกู่ แถมยังคิดว่าเขาเป็นแค่เพื่อนนอนอีก เขาเนี่ยนะ ชอบผู้หญิงแบบนี้
“ยอมรับไม่ได้สิท่า ศักดิ์ศรีของรยูจีฮวันถูกสั่นคลอนสินะ”
“อ๊ากกก!”
จีฮวันก้มหน้าทึ้งผมตัวเอง
คงไม่มั้ง ไม่สิไม่ ปฎิเสธแล้วปฏิเสธอีก เชื่อว่าแค่หวั่นไหวไปชั่วขณะ บรรยากาศพาให้ชวนคิดไปเอง อยากเชื่ออย่างนั้นจริงๆ
แต่ขณะที่โดนยิงย้ำให้แน่ชัดจากเพื่อนสนิทที่รู้ดีกว่าตัวเอง ก็คงใช่แน่แล้ว ความจริงที่ว่ารยูจีฮวันชอบโกอึนกัง
“ความสัมพันธ์ในเรื่องบนเตียงของพวกเรามันดีมาก ตอนแรกฉันก็นึกว่าเป็นเพราะเรื่องนั้นอย่างเดียว ไม่ใช่เรื่องของหัวใจ แค่เพราะร่างกายเรียกร้องเฉยๆ…”
เสียงพึมพำของจีฮวันดังขึ้น
“จะไปกลัวอะไรนักหนาล่ะ! นี่นายไม่เข้าใจหรือไง ถ้าร่างกายไป หัวใจก็ไปด้วยน่ะ!”
“ฉะ ฉันเหมือนคนไม่มีสติเลยตอนนี้ แปลกมาก”
“เวลาชอบใครก็มักจะไม่มีสติแบบนี้แหละ”
“ไร้สาระ ใครจะไปชอบผู้หญิงแปลกๆ อย่างนั้น…”
“โดนเข้าแล้ว ความรักก็แบบเนี้ย จู่ๆ ก็มา เหมือนอุบัติเหตุจราจร!”
คำพูดที่เคยเย้าแหย่ของซอกยองจู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“นี่ครั้งแรกหลังจากชเวราฮีใช่ไหม”
จีฮวันยักไหล่น้อยๆ
“อ้า ขอบคุณผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ถึงที่ผ่านมานายจะไม่เคยเล่า แต่ที่ผ่านมาเห็นนายแล้วก็ได้แต่เป็นห่วง คบผู้หญิงไปเรื่อยเปื่อยเหมือนคนสิ้นหวัง นึกว่าจะต้องอยู่แบบพิกลพิการทางความรู้สึกไปตลอดชีวิตซะแล้ว ยังไงก็อดปวดใจไม่ได้”
ซอกยองกระดกโซจูเข้าปากอีกแก้ว
“อ้า รสเหล้านี่มันดีจริงๆ นายไม่ได้จะเสียประเทศสักหน่อย เชิดหน้าเข้าไว้ เลิกทึ้งหัวตัวเอง แล้วยอมรับซะ”
จีฮวันเงยหน้าขึ้นช้าๆ ด้วยสีหน้าที่เหลือสติเพียงครึ่ง มองซอกยองอย่างเหม่อลอย
“เอ้า ชนแก้ว ชน!”
ซอกยองเอาแก้วไปชนแก้วของจีฮวัน
“นายต้องรับผิดชอบ ไอ้บ้า”
“พูดอะไรของนาย ทำไมฉันต้องรับผิดชอบด้วย”
“ก็เพราะนายทำให้มันเป็นแบบนี้ เพราะนาย”
“เฮ้ย! เศรษฐกิจไม่ดีก็ฉัน บอลโลกแพ้ก็ฉัน แล้วนี่รยูจีฮวันตกหลุมรักผู้หญิงก็เพราะฉันอีกเหรอ ไร้สาะ!”
“นายเป็นสะพานให้ฉันเจอกับผู้หญิงคนนั้น! นายเป็นคนแนะนำ!”
“ฉัน? ตอนไหน ฉันไปมีโอกาสแนะนำผู้หญิงให้นายเมื่อไหร่ ไอ้บ้านี่พูดอะไรเหลวไหล ขนาดให้ลองคบ ลองคบ ก็เอาแต่ชิ่งหนี แล้วไปคบแต่พวกผู้หญิงที่เหมือนจิ้งจอก ฉันไปทำอะไร…”
ซอกยองชะงัก กลอกตาไปมา
“หมา? ผู้หญิงคนนั้นเลี้ยงหมาใช่ไหม บอกว่าเที่ยวฉี่รดไปทั่ว และก่อนหน้านี้นายก็เคยโดนหมาฉี่ใส่…และเจ้าของหมานั่นก็คือโกคึมกังนักเขียนที่น้องเมียฉัน หา?”
ซอกยองได้แต่ตาเบิกโต
“เฮ้ย ระ รยูจีฮวัน บอกสิว่าเป็นไปไม่ได้ ฉันโยงมั่วไปเอง บอกสิว่าฉันนั่งเทียนเขียนนิยายไร้สาระ หื้ม? บอกสิว่าเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน กับคุณโกคึมกังนักเขียนเบสต์เซลเลอร์ที่น้องเมียฉันสุดหวง ไม่ได้คบกันแบบนั้น!”
จีฮวันไม่ตอบ ได้แต่จ้องมองซอกยองเท่านั้น
“มะ ไม่ใช่ใช่ไหม หื้ม? จีฮวัน ไม่ใช่ใช่ไหม เจ้าของบราสีม่วงนั่น ไม่ใช่นักเขียนโกคึมกังใช่ไหม ไม่สิ เป็นไปไม่ได้! ติดต่อให้ไปเป็นที่ปรึกษา เพื่อนฉันไม่มีทางทำอะไรเหลวไหลแบบนั้น ใช่ไหม ไปนอนกันแบบนั้น มันไม่มีเหตุผลมากๆ รยูจีฮวันไม่ใช่คนเอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัว! เพื่อนฉันไม่ใช่คนแบบนั้นเด็ดขาด ใช่ไหม”
“ไม่ใช่แค่นอนอย่างเดียว งานก็ตั้งใจทำเหมือนกัน”