เช่อเฟยเดินกลับเข้ามาในฉากพร้อมความมั่นใจเต็มร้อย ใบหน้าที่มีความมุ่งมั่นต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“เริ่มถ่ายต่อ ฉากที่15 5 4 3 2 1 แอคชั่น” สิ้นเสียงผู้กำกับ นางเอกสาวก็เดินเข้าไปหาพระเอกหนุ่มที่ยืนรออยู่ พูดสองสามประโยค และดึงพระเอกเข้ามาจูบอย่างเร่าร้อน รสจูบอันหนักหน่วงของเธอทำเอาพระเอกหนุ่มต้องหรี่ตามองด้วยความแปลกใจ แต่ก็เล่นตามบทไป จูบตอบเธอไปจนกว่าผู้กำกับจะสั่ง
นางเอกสาวลืมตาขึ้นมาสบดวงตาคมกริบของคนที่กำลังจูบอยู่
เธอยิ้มมุมปากและหรี่ตาลง จากนั้นดวงตาเข้มของเขาก็เบิกกว้างขึ้น ความเจ็บที่พุ่งพล่าน ทำให้มือที่กอดเธออยู่กำเข้าหากันโดยอัตโนมัติ “คัต ” เสียงผู้กำกับดังขึ้น พระเอกหนุ่มรีบดันตัวออกพร้อมเอามือกุมปากตัวเอง “เธอกัดปากชั้น” เร่ออวี้พูดลอดไรฟัน แต่ นางเอกสาวทำเป็นไม่สนใจ
และช่างหน้าช่างผมก็เดินเข้ามาเซ็ทหน้าผมให้ทั้งคู่ เฉิงเซียวยื่นน้ำให้ทั้งคู่ แต่มีเพียงเช่อเฟยที่คว้าน้ำไปดื่มอย่างสบายใจ เฉิงเซียวมองพระเอกหนุ่มอย่างตกใจเมื่อเห็นความผิดปกติที่ปากของเขา
“พี่อวี้ ทำไมปากพี่ถึงบวมขนาดนั้น แพ้ลิปสติกเหรอ ” ถึงแม้จะใช้มือปิดยังไงก็ปิดไม่มิด เพราะมันบวมเจ่อเห็นชัดขนาดนั้น
“อ๋าาา ลิปสติกที่ใช้ทาปากพี่อวี้แท่งนี้มันเป็นกลิ่นสตรอเบอรี่นี่ แสดงว่าพี่อวี้ต้องแพ้อะไรที่เป็นสตรอเบอรี่แน่ๆเลย ” เช่อเฟยดมลิปสติกที่อยู่ในมือช่างแต่งหน้า แล้วตอบอย่างชอบใจ
“หืม จริงเหรอพี่อวี้ ทำไมชั้นไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยล่ะ” เฉิงเซียวมองเร่ออวี้อย่างสงสัย
พระเอกหนุ่มไม่ตอบและจ้องมองเช่อเฟย
อย่างคาดโทษ นางเอกสาวดูดน้ำพร้อมยักคิ้วกวนส่งให้พระเอกหนุ่มที่กำลังโมโหเพราะทำอะไรไม่ได้จนต้องรีบเดินออกไปสงบสติอารมณ์เช่อเฟยมองตามไปและยิ้มอย่างชอบใจ
“ตกลงว่าพี่อวี้แพ้สตรอเบอรี่จริงๆเหรอ” เฉิงเซียวหันมาถามเช่อเฟยอีกครั้ง
“อืม ๆ ” เช่อเฟยพยักหน้ารู้สึกขำกับอาการสงสัยของเฉิงเซียว
“ผู้จัดการคะ แต่ลิปนี่ไม่ใช่กลิ่นสตรอเบอรี่นะคะ เป็นกลิ่นแตงโมต่างหาก” ช่างหน้าบอก
“สงสัยจะแพ้อะไรที่เป็นผลไม้ล่ะมั้ง เอาลิปพวกนี้ไปทิ้งให้หมดเลยนะ ถ้าพี่อวี้หายไม่ทันปิดกล้องตามกำหนดล่ะก็ ชั้นจะหักเงินพวกเธอ” เฉิงเซียวเริ่มพาล
“อ้าววว ” ช่างหน้าทำหน้าหงอยไปตามๆกัน
“ไป ๆ เดี๋ยวชั้นจะไปบอกผู้กำกับให้ถ่ายฉากอื่นก่อน ระหว่างรอพี่อวี้หาย โอ๊ย ชั้นล่ะปวดหัวไม่เว้นวัน ตาผู้กำกับนั่นก็จอมวีนซะเหลือเกิน นักแสดงก็มีปัญหากันดีจริงๆ ”
เฉิงเซียวบ่นก่อนจะเดินมุ่งไปหาผู้กำกับ
เช่อเฟยเริ่มรู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนวุ่นวาย เธอจึงจำใจเดินไปหาเร่ออวี้ โดยไม่ลืมที่จะหยิบถุงเย็นไปด้วยเธอเดินมาถึงรถบ้านเคลื่อนที่ส่วนตัวของพระเอกหนุ่ม มือบางเคาะไปที่ประตู รอจนได้ยินคนข้างในอนุญาตให้เข้าไป แต่เคาะอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงใด “พี่อวี้ พี่อยู่ข้างในหรือเปล่า”
เมื่อมีแต่ความเงียบ เธอจึงถือวิสาสะเข้าไปด้านใน ภายในรถบ้านสุดหรู ที่มีเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน จนสามารถเป็นบ้านอีกหลังได้เลย เมื่อเห็นพระเอกหนุ่มนอนอยู่บนโซฟา เธอจึงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ “พี่อวี้ หลับอยู่เหรอ ถึงว่าเรียกตั้งนานก็ไม่ตอบ” เธอมองใบหน้าตอนหลับของเขาที่มีแมสปิดบังช่วงปากอยู่ มือบางยื่นไปเปิดแมสออกเพื่อจะประคบเย็นให้เขา นิ้วเรียวปลดสายแมสออกจากใบหูข้างขวาของเขา หมั่บ ! ยังไม่ทันดึงแมสออก มือหนาก็คว้าข้อมือเธอไว้ เขาลืมตาขึ้นมองใบหน้าเธอที่กำลังตกใจ พระเอกหนุ่มออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยเธอก็ลงมานอนแนบอยู่บนอกแล้ว เขาพลิกตัวขึ้นมาให้อยู่บนตัวเธอ แมสบนหน้าเขาหลุดติดมือเธอออกมาจึงทำให้เห็นช่วงปากที่หายบวมแล้วอย่างชัดเจน “ทำไมปากพี่ไม่บวมแล้วล่ะ”
พระเอกหนุ่มส่งสายตาไปทางโต๊ะข้างๆ เช่อเฟยจึงเห็นถุงประคบเย็นที่วางอยู่ตรงนั้น
“ในเมื่อหายแล้ว แล้วทำไมไม่บอกล่ะ เป็นใบ้หรือไง”
“ถ้าชั้นบอก ชั้นจะเห็นความเป็นห่วงของเธอเหรอ” ประโยคนี้ทำเอาเช่อเฟยหน้าแดงก่ำ
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ชั้นเนี่ยนะจะเป็นห่วงพี่”
“แล้วนี่อะไร” เร่ออวี้มองไปที่มือของเธอที่กำถุงประคบเย็นอยู่ เช่อเฟยรีบปล่อยของในมือออก “พี่เซียวให้ชั้นมาต่างหากล่ะ ถ้าชั้นไม่โดนบังคับ ชั้นก็ไม่มาหรอก”
“เธอเนี่ยเป็นนักแสดงที่เล่นไม่เก่งเอาซะเลยนะ”
“เมื่อไรพี่จะลุกออกไปสะที ชั้นจะได้ไปทำงานต่อ”
“เธอกล้าแกล้งชั้นต่อหน้าคนอื่น คิดว่าชั้นจะปล่อยเธอไปง่ายๆงั้นเหรอ อืมมมม คิดว่า ชั้นควรจะทำยังไงกับเธอดีล่ะ “เร่ออวี้ทำหน้าครุ่นคิด แววตาที่มีเลสนัยนั้นทำเอาเช่อเฟยหายใจไม่ทั่วท้อง
“ทำหน้าเกร็งอะไรขนาดนั้น คิดว่าชั้นจะทำอะไรแบบนั้นกับเธอเหรอ รสนิยมชั้นไม่ได้แย่ขนาดนั้น ยัยเพี้ยน ” เขาลุกขึ้นเต็มความสูง
“หืมมมม พี่เป็นผู้ชายแบบไหนกัน ถึงได้ปากจัดขนาดนี้ หน้าตาก็ดีแต่นิสัยแย่ชะมัด” เธอลุกขึ้นยืนอย่างฉุนเฉียว
“ที่เธอโมโหเพราะว่าชั้นไม่ทำอะไรเธอเหรอ ความหล่อของชั้นทำให้เธออดใจไม่ไหวล่ะสิ่” เขาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาและจงใจพูดแบบลอยหน้าลอยตากวนประสาทให้เธอยิ่งหงุดหงิด
“พี่หลงตัวเองมากเกินไปหรือเปล่าห๊ะ” เธอกอดอกหันมาจ้องเขา หน้าตากวนประสาทแบบนี้รอให้ปิดกล้องก่อนเถอะ คราวนี้ปากจะไม่แค่บวมแต่จะแตกจนเลือดซิบเลยล่ะ เช่อเฟยคิดอยากจะชกไปที่ปากจอมทะเล้นของคนที่นอนยิ้มอยู่สักทีให้หายโมโห แต่ก็ต้องระงับอารมณ์ไว้
“แต่เรื่องที่เธอกัดปากชั้นจนบวม ชั้นก็ต้องคิดบัญชี กลับถึงบ้านแล้วไปหาชั้นที่ห้องด้วย อย่าให้ชั้นต้องพูดซ้ำ ออกไปได้แล้ว” เขาไล่เธอดื้อๆ แล้วนอนกระดิกขาอย่างสบายอารมณ์จนน่าหมั่นไส้เช่อเฟยเม้มปากแน่น แล้วเดินกระทืบเท้าออกมาอย่างหัวเสียเร่ออวี้เห็นท่าทางของเธอก็หัวเราะชอบใจใหญ่
เช่อเฟยเดินออกมาจากรถของพระเอกหนุ่มระหว่างที่หันไปปิดประตูเธอเห็นชายกระโปรงของตนเปิดขึ้นเล็กน้อย เธอจึงจัดให้เข้าที่เข้าทาง มองผ่านกระจกรถเห็นผมเสียทรงนิดหน่อยเธอก็จัดให้เรียบร้อย แล้วไปทำงานต่อตรงมุมเสาในที่จอดรถมีใครบางคนยืนอยู่ พร้อมกับมือถือในมือที่เก็บภาพของนางเอกสาวเอาไว้ทุกอิริยาบถ
MANGA DISCUSSION