รักซ่อนร้าย นายซาตานรักผิดคน - ตอนที่ 47 ให้ยาแก้อาการกับเธอ
บทที่ 047 ให้ยาแก้อาการกับเธอ
“สองวันมานี้ฉันเพิ่งให้คนทำสัญญาไปเรียบร้อย เธอไปสมัครเข้าซิงเหยียวเอนเตอร์เทนเมนต์ได้โดยตรงเลย”
“จริงเหรอ?”หวังอี้หลินประหลาดใจ
“ฉันเป็นผู้จัดการทั่วไป นี่ก็แค่เรื่องง่ายๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปากเท่านั้น” ฉู่หยุนซีกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “มีฉันที่เป็นผู้สนับสนุนแก มันเป็นเรื่องที่ใช้เวลาแค่เศษเสี้ยวนาที!”
นี่มันไม่ใช่เรื่องโกหก
ซิงเหยียวเป็นบริษัททางบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เส้นทางของนักแสดงจำนวนไม่น้อย ก็เกิดมาจากที่นี่ทั้งนั้น!
แต่ว่าเธอไม่ได้ดีใจจนลืมเรื่องอื่นไป เลยต้องพยายามเก็บงำอาการตื่นเต้นเอาไว้ แล้วถามกลับ “มีอะไรต้องขอร้องหรือเปล่า? อยากให้ฉันทำอะไรไหม”
ฉู่หยุนซีคิดแล้วคิดอีก “ตอนนี้ก็มีพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ที่กำลังนิยมกันอยู่ การโฆษณาและการบรรจุหีบห่อผลิตภัณฑ์ เช่นพวกของกิน ปลาคาร์ฟ หรือพวกผลิตภัณฑ์ลดหุ่นพวกนั้น…”
หวังอี้หลินขมวดคิ้วขึ้นมา
อาศัยความสามารถด้านศิลปะ การแสดง หน้าตา คนในวงการบันเทิงที่มีชื่อเสียงอันโด่งดัง สวยสะพรั่งดั่งก้อนปุยเมฆ ส่วนเธอนั้นไม่มีอะไรที่เป็นจุดเด่นเลยสักอย่าง!
แต่ตามที่ฉู่หยุนซีพูดมา ขอแค่เธอหาคนที่ได้รับความนิยมคนหนึ่ง พร้อมทั้งใส่ข้อมูลให้น่าสนใจลงไป ยังจะกลัวไม่ดังอีกเหรอ?
หวังอี้หลินกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาจะไปตกอยู่ที่ข้อมูลข้างตัว
ในใจก็เกิดความคิดขึ้นมา
“เป็นคนเรียนเก่ง เป็นไง?”
หวังอี้หลินมองมาทางฉู่หยุนซี
“เป็นคนเรียนเก่งเหรอ?” ฉู่หยุนซีครุ่นคิดอยู่สักพัก จนตาเป็นประกาย “เรื่องนี้ถือว่าไม่เลวเลย!”
จากนั้นก็ถามหวังอี้หลินอีกครั้ง “ตกลงว่าแกเรียนจบชั้นไหนมา? เมื่อก่อนได้รับรางวัลอะไรมา สรุปมาให้ทั้งหมดเลย เดี๋ยวฉันกลับไปจะได้ให้คนเป็นคนเกลาให้”
“ฉันเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เมืองไห่เฉิง” แต่ว่า เธอนั้นหลอกล่อฉู่หลินเฉิน เลยต้องลาออก
ฉู่หยุนซีได้ฟังก็ผิดหวังทันที มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ไห่เฉิง จะนับว่าเป็นสถาบันนานาชาติได้อย่างไร?
“การศึกษาของเธอ ก็ไม่ได้สูงเท่าฉัน” เธอรู้สึกไม่ชอบใจอยู่บ้าง
แต่ว่ามีวิธีการจัดการอยู่ “ฉันสามารถช่วยแกในการทำใบรับรองตอนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศได้ แต่ว่าทางที่ดีที่สุดแกต้องไปทำใบประกาศเฉพาะทางมา หรือไม่ก็พวกเทคนิคทางการเรียนจำพวกนี้ ก็จะแสดงให้เห็นว่าแกเป็นคนที่เก่งมาก”
หวังอี้หลินพยักหน้าอย่างยินดี “ตกลง”
เธอก้มหน้าลงดูเวลา นักข่าวพวกนั้นคงใกล้ถึงแล้วมั้ง? การเคลื่อนไหวทางฝั่งนั้นเดี๋ยวก็ได้ข่าวกลับมาแล้ว
ฉากข่มขืน…ช่างทำให้คนตั้งตารอเสียจริง!
หลินมึ่งฟานยังคิดว่าตนเองจะช่วยเขาจริงๆ เชอะ เขาก็แค่หมากที่เอาไว้ต่อกรกับฉินซูเท่านั้นเอง
……
ฉินซูพยายามอดทนกับสภาพร่างกายที่ยากจะรับมือไหว พร้อมทั้งพยุงตนเองไว้กับกำแพงแล้ววิ่งหนีออกไปยังเบื้องหน้า
เมื่อครู่พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าหลินมึ่งฟานจงใจทำเรื่องไม่ดี ดีที่ว่าเธอรีบคว้าโคมไฟบนหัวเตียงแล้วตีหัวเขาอย่างจัง ถึงได้มีโอกาสในการวิ่งหนีออกมา
ไอ้ผู้ชายทุเรศ ก่อนหน้านี้มาขอคืนนี้แต่เธอไม่ยอม เลยต้องใช้วิธีอัปรีย์จัญไรพวกนี้!
แต่ว่าเธอถูกวางยาได้ยังไงกันนะ?
กาแฟ? หรือจะเป็นเครื่องดื่มแก้วนั้น? หรือว่าจะเป็นอย่างอื่นเหรอ…
ไม่ว่าจะยังไง ก็หนีไม่พ้นว่าต้องเกี่ยวข้องกับหลินมึ่งฟานแน่ บัญชีนี้ เธอจะต้องไปคิดกับเขาให้ชัดเจนแน่!
แต่ตอนนี้เธอต้องรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้
ภายในร่างกายยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ ขาทั้งสองข้างเองก็อ่อนแรงเสียเหลือเกิน
“เสี่ยวซู รอฉันก่อนเถอะ…”
ด้านหลัง มีเสียงหลินมึ่งฟานดังตามหลังมา
ฉินซูใบหน้าซีดเผือด พอดีที่เห็นว่ามีเงาคนสองคนเดินเข้ามาหา
คนที่เดินมาคนแรกนั้น รูปร่างสูงใหญ่ สูงโปร่ง แถมยังแผ่รัศมีอันมีอำนาจมากมายมากกว่าคนอื่น
ประเด็นสำคัญนั่นก็คือ คนคนนั้นช่างละม้ายคล้ายคลึงฉู่หลินเฉิน?
ความจริงแล้วเธอเองก็ไม่มีแรงที่จะมาแยกแยะสถานะที่แท้จริงของอีกฝ่าย เธอได้แต่ทนกัดฟันแล้วกระโจนเข้าหา จนเซถลาไปชนเข้ากับแผงอกของอีกฝ่าย พร้อมทั้งหายใจติดขัด “ช่วยฉันด้วย….”
ผู้ช่วยที่อยู่ด้านหลังรีบตะคอกใส่ทันที “ช่างกล้า ถึงขั้น——”
ผู้ชายคนนี้ง้างมือออก เพื่อหยุดคำพูดของเขาเอาไว้
เขาหลุบตาต่ำเพื่อมองผู้หญิงที่แนบชิดกับด้านหน้าของตนเอง นัยน์ตาทอประกายอาการตกใจออกมาเล็กน้อย “ฉินซู?”
หลินมึ่งฟานอยากจะตามไป แต่ว่าเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเรียกชื่อฉินซูออกมา เลยคิดว่าน่าจะเป็นรู้จักกัน เขาเลยไม่กล้าเดินหน้าต่อ ได้แต่ถอยหลังไปตรงมุมทางเดิน จากนั้นอีกฝ่ายก็เป็นคนพาฉินซูเข้าไปในห้องแทน
“คนคนนั้นไม่ใช่ฉู่หลินเฉิน หรือว่าจะเป็นชู้รักที่ฉินซูแอบเลี้ยงเอาไว้?”
หลินมึ่งฟานบ่นพึมพำ พร้อมทั้งมองฉินซูอย่างดูถูกอยู่ในใจ ทั้งๆ ที่ปฏิเสธที่จะกลับมาคืนดีกับเขา แต่กลับเซถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของผู้ชายอีกคนได้? ผู้ชายคนเมื่อครู่นั้น อายุอานามเยอะกว่าเธอมากนัก ที่แท้ ก็ชอบแบบนี้นี่เอง?
หากเรื่องนี้ถูกฉู่หลินเฉินรู้เข้า เกรงว่าฉินซูคงไม่อาจจบลงด้วยดีแล้ว
หลินมึ่งฟานเพิ่งคิดอย่างนี้ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก กลุ่มนักข่าวก็กรูออกมา
“คนล่ะ? อยู่ห้องไหนนะ?”
หลินมึ่งฟานประหลาดใจ ทำไมถึงมีนักข่าวได้?
ไม่นานนักเขาเหมือนคิดอะไรออก จนใบหน้าแสดงท่าทีอาฆาตออก
เขาชี้ไปห้องที่ฉินซูถูกพาตัวไป จากนั้นเหล่านักข่าวก็เข้าใจความหมายทันที ต่างก้าวเท้ายาวมุ่งหน้าออกจากลิฟต์ไปทันที
ทางที่ดีที่สุดเขาต้องรีบไปจากที่นี่ เพื่อจะไปไม่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวพันด้วย
บรรดานักข่าวมองบานประตูที่ปิดไม่สนิท ทุกคนต่างใช้สายตาในการสอดส่อง จากนั้นจับกลุ่มกันเป็นก้อน แล้วผลักประตูเข้ามา
คนกลุ่มหนึ่งต่างกระหืดกระหอบพุ่งเข้าไปในห้อง พร้อมทั้งแบกกล้องและขาตั้งยาวของนักข่าว เพื่อเตรียมถ่ายภาพที่ทำให้คนตกใจได้
แต่เหตุการณ์เบื้องหน้ากลับทำให้พวกเขาอึ้งไป
“มีสงครามเสียดสีระหว่างชายหญิงที่ไหนกัน? มีเพียงแค่ชายหญิงที่กำลังนั่งอยู่ด้านข้างโต๊ะกลางโซฟาเท่านั้น พร้อมทั้งกำลังดื่มชากันอย่างปกติ แถมด้านหลังของผู้ชายนั้นยังมีผู้ช่วยอยู่อีกหนึ่งคน
“เดี๋ยวนี้นักข่าวสามารถบุกรุกห้องของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตได้แล้วเหรอ? พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าบุกเข้ามาในห้องของใคร?”
ผู้ช่วยถามอย่างเย็นชา สายตาไม่พอใจจ้องมองไปยังนักข่าวที่อยู่หน้าสุด
นักข่าวเริ่มแสดงอาการกระอักกระอ่วน
ผู้ชายคนนี้วางแก้วชาลง พร้อมทั้งหันกลับมาอย่างไม่รีบร้อน น้ำเสียงชัดเจนดังกังวาน “ฉันมาเจอกับหลานสะใภ้เป็นครั้งแรก แค่เชิญเธอมานั่งจิบชาเท่านั้นเอง ทุกคนต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ?”
เมื่อรู้ตัวตนของชายหนุ่ม พวกนักข่าวก็ไม่ได้ประหลาดใจอีก
ไม่ใช่ว่า ฉินซูกับแฟนเก่าถ่านไฟเก่าคุ แล้วกำลังแอบกกกอดกันอยู่ที่โรงแรมเหรอ? ทำไมถึงกลายเป็นคนนี้…
“คุณฉู่อื้อแย้ นี่…นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด…”
นักข่าวที่ยืนอยู่หน้าสุดยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ขาก้าวถอยไปด้านหลัง
นักข่าวที่อยู่ด้านหลังยังคงขวางประตูเอาไว้จนออกไม่ได้ ผ่านไปสักพัก พวกนักข่าวถึงได้รีบสลายตัวออกไปทันที
เมื่อนักข่าวออกไปแล้ว ฉินซูก็ล้มพับไปกองกับเก้าอี้ทันที ก่อนหน้านี้ที่นั่งทำตัวปกตินั้นไม่ง่ายเลย มันช่างทรมานสุดๆ
ฉู่สวี้รีบลุกขึ้นทันที พร้อมทั้งประคองเอาไว้ “ดูจากสภาพแล้วคุณคงถูกคนวางแผนใส่ร้ายป้ายสีมา ตอนนี้รู้สึกเป็นไงบ้าง?”
ฉินซูยังคงมีสติสัมปชัญญะดี เมื่อเห็นว่าผู้ชายที่อยู่ด้านหน้าเขาหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับฉู่หลินเฉินอยู่ 60-70 เปอร์เซ็นต์
นี่คืออารองของฉู่หลินเฉิน ชื่อฉู่สวี้
เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะเขา นักข่าวพวกนั้น…
ไม่กล้าคิดถึงผลที่จะตามมาเลย
ฉินซูอยากให้เขาช่วยไปซื้อยาให้หน่อย แต่คำพูดมาถึงริมฝีปากแล้ว แต่ก็พูดไม่ออกมาแม้แต่คำเดียว แต่กลับตกอยู่ในภวังค์เรื่องอย่างว่า พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย
เธอรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง
ฉู่สวี้เองก็เข้าใจสถานการณ์ของเธอแล้ว พลางขยิบตาให้ผู้ช่วยที่อยู่ข้างตัว สั่งว่า “โทรหาหลินเฉินเดี๋ยวนี้”
ฉินซูส่งสายตากระเง้ากระงอดมองเขา ส่วนในใจร้อนรนจนทนไม่ไหวแล้ว
โทรหาฉู่หลินเฉินทำไมกัน? ตอนนี้เธอต้องยาถอนพิษ ถึงแม้ว่าติดต่อให้เขามาได้แล้ว…
เดี๋ยวก่อน คงไม่ใช่ว่าเขามาถอนพิษให้เธอหรอกนะ?
ความคิดนี้ทำให้ฉินซูตกใจทันที
เธอพยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้น แต่ว่าร่างกายกลับอ่อนยวบระทวยโรยแรง
ฉู่สวี้คว้าร่างของเธอไว้ มองใบหน้าดุจดอกท้อของเธอ ริมฝีปากแดงเผยอเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็รู้สึกลำคอตีบตันขึ้นมา
ช่วงนี้เขายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของบริษัท รู้แค่ว่าฉู่หลินเฉินกับฉินซูแต่งงานกัน แต่ไม่ได้รู้ว่าคนทั้งสองไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ
ดังนั้นในสายตาของเขาฉินซูเป็นหลานสะใภ้
เขาปล่อยมือให้เธอกลับไปอยู่บนเตียงใหญ่ทันที
“พวกเราไปรอด้านนอก”
จากนั้นก็หมุนตัว ไม่มองผู้หญิงที่อยู่บนเตียงอีกเลย