รักซ่อนร้าย นายซาตานรักผิดคน - ตอนที่ 45 สามารถหลอกใช้งานได้
บทที่ 045 สามารถหลอกใช้งานได้
เสวียชิ้งเป็นคนโทรเข้ามาหา
“หยุนซี เรื่องที่บ้านฉันเมื่อไหร่จะจัดการได้สักที? พ่อฉันทำสงครามเย็นกับฉันมาสองวันแล้วเนี่ย บอกว่าถ้าฉันจัดการเองไม่สำเร็จ จะให้ฉันไปแต่งงานกับเสี่ยหลี่เพื่อจะได้ช่วยเหลือกันทางธุรกิจ!”
ฉู่หยุนซีรับสายแล้ว จากนั้นก็พูดไปอย่างเลยตามเลย “แกก็อย่าเพิ่งรีบร้อน ตอนนี้ฉันก็พูดเรื่องนี้กับพี่ชายฉันแล้ว ต้องช่วยแกจัดการเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
“งั้นแกก็รีบๆ หน่อยแล้วกันนะ! พวกเราช่วยออกหน้าแทนแก ถึงได้ไปยั่วยุอารมณ์พี่ชายของแกเอาไว้”
“วางใจเถอะ ไม่มีทางปล่อยให้พวกแกน้อยใจไปแน่”
หลังจากที่ฉู่หยุนซีปลอบโยนเพื่อนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วก็หน้าด้านโทรศัพท์ไปหาฉู่หลินเฉินทันที
เธอเปลี่ยนเสียงให้ดูน่าสงสาร พร้อมทั้งพูดว่า “พี่ชาย ฉันทำผิดไปแล้ว…..”
ฉู่หลินเฉินกำลังจะเช็คอินขึ้นเครื่องบิน ตอนที่เดินไปด้วยก็ส่งเสียงเย็นชากลับมาแทน “แกรู้แล้วสิว่าการแสดงออกของแกในวันนี้มันทุเรศแล้วเหรอ? แกไปสำนึกผิด ต่อหน้าอาหลินก็แล้วกัน ว่าแกพูดเรื่องโง่ๆ ไปกี่คำแล้ว!”
ฉู่หยุนซีผงะไปทันที ไม่คิดเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ พี่ชายและแม่ของเธอก็โทษว่าเป็นความผิดของเธอ
ในใจเกิดความรู้สึกโกรธเคือง ทว่าเมื่อคิดถึงคำขอร้องของเพื่อนได้ เธอยังต้องโกหกตีหน้าตายเพื่อพูดต่อ “พี่ชาย ต่อไปฉันจะระวังเรื่องการแสดงอารมณ์ของตนเอง งั้น…. เรื่องเพื่อนของฉัน พี่สามารถ——”
ฉู่หลินเฉินเมื่อได้ยินถึงเรื่องนี้แล้ว น้ำเสียงยิ่งเย็นชาหนักกว่าเดิมขึ้นไปอีก “ไม่ได้”
“ขอร้องแหละนะพี่ชาย ถือว่าเป็นคำขอร้องจากฉันดีไหม ถ้าเรื่องนี้มันพลาดไปแล้ว พ่อของเสวียชิ้งจะให้เธอไปแต่งงานเพื่อต่อยอดธุรกิจ ถึงยังไงเธอก็เป็นเพื่อนสนิทของฉัน พี่จะไม่ช่วยหน่อยเหรอ?
“ตอนที่แกให้พวกเธอมาช่วยทำเรื่องโง่ๆ พวกนั้น น่าจะคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมานะ!” ฉู่หลินเฉินพูดจาถากถาง แต่ก็ลังเลอยู่หน่อย
เพราะถึงอย่างไร ฉู่หยุนซีก็เป็นน้องสาวของเขาเอง
เมื่อคิดอยู่นาน เขาก็ตัดสินใจจะให้โอกาสเธออีกสักครั้ง “ฉันต้องการให้แกสัญญามา ต่อไปต้องเก็บอารมณ์ให้ดี อย่าไม่ยุ่งและใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ยังมีอีก แกไปขอโทษฉินซูซะ ถ้าเธอยอมยกโทษให้แก ฉันก็จะไม่สนใจเพื่อนของแกอีกแล้ว”
“อะไรนะ พี่ให้ฉันไปขอโทษอีนังจอมปลอมนั่นอ่ะนะ?!” ฉู่หยุนซีพูดอย่างตกอกตกใจ
เพราะยังไงก็เป็นการช่วยคุณย่า ที่ฉันขอร้องมันเกินไปหรือยังไง? ถ้ารับไม่ได้เรื่องเพื่อนของแกก็ไม่ต้องเอ่ยขึ้นมาอีกเลย
ฉู่หยุนซีใจเต้นโครมคราม พร้อมทั้งรีบพูดทันที “ได้ ฉันจะไปขอโทษเธอ พร้อมทั้งไปขอบคุณ บุญคุณที่เธอช่วยชีวิตคุณย่าเอาไว้ด้วย!”
ฉู่หลินเฉินถึงได้พอใจ จนตัดสิน แล้วเดินเข้าไปในประตูเช็คอินขึ้นเครื่อง
ฉู่หยุนซีจ้องมองโทรศัพท์ จนเบ้าตาแดงแจ๋
พี่ชายของเธอให้เธอไปขอโทษฉินซูเนี่ยนะ! เธอเป็นถึงคุณหนูพันล้านของตระกูลฉู่ แถมต้องมาขอโทษคนเชยๆ มาจากบ้านนอกเนี่ยนะ?!
แต่ว่าเพื่อเพื่อน เธอจำเป็นต้องทำตาม
ฉู่หยุนซีกำลังอึดอัดใจ เหมาะเจาะเลยที่หวังอี้หลินโทรศัพท์เข้ามาหาเธอ
“หยุนซีเรื่องในวันนี้ฉันทำผิด จนทำให้คุณแม่ของแกไม่พอใจใช่ไหม? ผิดที่ฉันเองแหละ เมื่อฉันเห็นฉินซูก็เลยคิดถึงเรื่องที่เธอปลอมแทนฉัน และไม่สามารถจะให้อภัยเธอได้ … ฉันเห็นแก่ตัวเกินไป”
เสียงปลายสาย หวังอี้หลินพยายามพูดสอบถาม
เธอย่อมรู้ดีว่าการแสดงออกของเธอในวันนี้มันรีบร้อนเกินควร จนดูโง่ไปถนัด
เรื่องที่ต้องการไล่ฉินซูไปให้ไกลนั้น เธอจำเป็นต้องอาศัยมิตรภาพจากฉู่หยุนซีเอาไว้ก่อน เพื่อให้อีกฝ่ายยืนอยู่ฝ่ายตนเอง ดังนั้น เธอเลยโทรศัพท์หาเธอ
ฉู่หยุนซีกำลังโมโหกับเรื่องที่ตนเองต้องเข้าไปขอโทษฉินซู เมื่อได้ยินชื่อฉินซู จนอารมณ์ระเบิดออกมา “ไม่! อี้หลินแกไม่ได้ทำผิดสักนิด ฉินซูเหยียบหัวแกจนตนเองเชิดหน้าชูตาได้ ช่างเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเฉลียวเสียจริง! ผู้หญิงคนนี้ช่างน่าขยะแขยงมาก!”
หวังอี้หลินฉีกยิ้ม ที่แท้ สมองของฉู่หยุนซีนั้นบริสุทธิ์ใสซื่อมาก สามารถหลอกใช้งานได้
เมื่อได้ยินฉู่หยุนซีพ่นคำพูดออกมา “แกรู้ไหมว่าพี่ชายฉันโทรหาฉันแล้วพูดว่าอะไร? เขาให้ฉันไปขอโทษอีนังจอมปลอมคนนั้น! ฉันก็ไม่ได้ทำเรื่องผิดอะไรกับนางนี่ ก็แค่เผลอพลั้งปากพูดไปไม่กี่ประโยคเท่านั้นเอง พี่ชายฉันดันขอให้ฉันทำเรื่องที่เกินเลยแบบนี้ออกมาได้…”
“เขาให้แกไปขอโทษฉินซูเหรอ??” สีหน้าของหวังอี้หลินเปลี่ยนท่าทีไปเล็กน้อย
ฉู่หยุนซีเป็นน้องสาวของคุณชายฉู่ ส่วนฉินซู เป็นแค่ “ของปลอม” ในใจให้ความสำคัญกับใครคุณชายฉู่ให้ฉู่หยุนซีมาขอโทษฉินซู!
มันเกินไปแล้ว เข้าข้างเธอมากไปแล้วนะ….
สติสัมปชัญญะของหวังอี้หลินเริ่มยุ่งเหยิง ผ่านไปชั่วครู่ สีหน้าเคร่งขรึมลงมาทันที “งั้นแก วางแผนว่าจะทำยังไงล่ะ?”
“จะยังไงได้ล่ะ? อารมณ์ของพี่ชายฉันค่อนข้างรุนแรง แค่ไปพูดขอโทษกับนางสองสามคำก็พอแล้ว คงไม่ใช่ไม่สนใจเพื่อนของฉันใช่ป่ะ!”
ฉู่หยุนซีพูดไปเรื่อย พร้อมทั้งพูดเสียงกระซิบ “แต่ว่าบัญชีนี้ฉันจะทำเรื่องนางเอาไว้ ดูว่าต่อไปฉันจะจัดการกับนางยังไงก็แล้วกัน!”
แววตาของหวังอี้หลิน กะพริบไปมา เพราะว่าได้คิดแผนไว้ในใจแล้ว
……
ฉินซูได้รับข้อความจากฉู่หลินเฉินแล้ว เพราะช่วงสองสามวันนี้เขาไปทำงานต่างเมือง เลยไม่ต้องการให้เธอเที่ยวไปก่อเรื่อง
เธอได้แต่ถอนหายใจโล่งออกไปที
เพราะว่าช่วงสองวันนี้นั้นมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับงานการวิจัย แต่ไม่รู้ว่าจะพูดกับเขาว่ายังไงดีเหมือนกัน
ที่เขาไปแบบปัจจุบันทันด่วนแบบนี้ แต่กลับทำให้ตนเองสบายอยู่ไม่น้อย
อาจารย์สวู่เป็นอาจารย์พี่เลี้ยง แต่ไม่ได้เหมารวมอยู่ด้วย อาจารย์ที่เป็นพี่เลี้ยงของทีมนั้นเป็นศาสตราจารย์แซ่ฉาง ผลของการวิจัยนั้นอาศัยชื่อของทีมในการเสนองาน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน
หลังจากที่ใบสมัครของฉินซูผ่านแล้ว ศาสตราจารย์ฉาง ก็ลากเธอเข้ากลุ่มเพื่อปรึกษาหารือ ในกลุ่มมีจำนวนนักศึกษาอยู่ 5 คน เมื่อเพิ่มศาสตราจารย์ฉางและอาจารย์หม่าที่เป็นผู้ช่วยเข้าไปด้วย รวมแล้วทั้งหมด 7 คน
ฉินซูเป็นคนสุดท้ายที่ได้เข้ากลุ่ม
ทุกคนต่างเป็นนักศึกษาแพทย์ต่างมหาวิทยาลัยกัน เพราะยังไงเลยไม่สนิทสนมกัน ดังนั้นเมื่อเข้ากลุ่มและมีการขอร้องเป็นครั้งแรก นั่นก็คืออย่าแก้ชื่อ
ฉินซูเป็นคนติดต่อกับศาสตราจารย์ฉางตั้งแต่ต้นแล้วว่า สถานะของตนเองนั้นค่อนข้างเปราะบางมาก ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยตัวตน ทางด้านศาสตราจารย์ฉางเองก็ยินยอม เลยอนุญาตให้เธอได้ใช่ชื่อปลอม เพราะอย่างไรสุดท้ายแล้วการเข้าแข่งขันก็คือใช้ชื่อทีมในการเข้าร่วม
ฉินซูแก้ชื่อเป็น “เหอซูนักศึกษารุ่น10ของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เมืองไห่เฉิง”
ท่านฉาง: ทุกคนเอาชื่อของตนเองกำกับไว้ด้วย
ทุกคนต่างตอบกลับกันอย่างพร้อมเพรียงกัน : รับทราบ
ฉินซูก็ตอบกลับมาหนึ่งคำ : รู้แล้ว
ในวันที่นัดรวมตัวกันนั้น ฉินซูเตรียมเอกสารเตรียมออกจากบ้าน
พลันมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ โทรเข้ามาหา
ฉินซูย่อมรับโทรศัพท์ทันที
น้ำเสียงของฉู่หยุนซีดังมาจากปลายสาย “ฉินซู เราเจอหน้ากันหน่อยไหม ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“เหมือนว่าเราไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกัน? ฉันยุ่งมาก ฉันมีเรื่องต้องทำ” ฉินซูขมวดคิ้ว จากนั้นก็ตัดสายทิ้งทันที
“เดี๋ยวสิ!”
ฉู่หยุนซีรีบพูดทันควัน น้ำเสียงเริ่มเบี่ยงเบนประเด็น “ความจริงแล้วคือว่า ก่อนหน้านี้ที่ฉันแสดงท่าทีกับเธอไม่ค่อยดี แถมพูดจาในสิ่งที่ไม่ควรพูด ฉันอยากจะขอโทษกับคุณ”
ฉินซูเลิกคิ้วทันที พร้อมทั้งพูดเสียงปกติ “ฉันรู้แล้ว”
ฉู่หยุนซียังคงขมวดคิ้ววุ่นวายไม่เลิก รู้แล้ว? มันหมายความว่าไง
เธอเลยพูดต่อว่า “เราเจอหน้ากันหน่อยไหม ฉันอยากจะขอโทษต่อหน้าคุณ ฉันสัญญาว่า ต่อไปฉันจะไม่กล้าต่อกรกับคุณอีกแล้ว พูดเรื่องจริงนะ ฉันได้จองสถานที่เอาไว้แล้ว เป็นร้านกาแฟที่อยู่ติดกับโรงแรมจินหยาง”
โรงแรมจินหยาง? ศาสตราจารย์ฉางนัดเจอพวกเขาที่ละแวกแถวนั้นพอดี
ฉินซูครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ถือว่าไปทางนั้นพอดี เลยอยากจะไปฟังสิว่าคุณหนูฉู่คนนี้ต้องการอยากจะพูดอะไร
ไม่ต้องบอกว่าจะเพิ่มเพื่อนมาอีกคนหรอก แค่ลดจำนวนคนที่มักจะคอยหาเรื่องกับตนเองไปอีกคน ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินซูก็ตอบตกลงที่จะไปเจอหน้ากับฉู่หยุนซีทันที