รักซ่อนร้าย นายซาตานรักผิดคน - ตอนที่ 43 ชื่อเสี่ยวซูน่าฟังกว่า
บทที่ 043 ชื่อเสี่ยวซูน่าฟังดีกว่า
หวังอี้หลินต้องการจะโยนความผิดให้กับฉินซู เลยพูดขึ้นทันที “ชาพวกนี้ฉันซื้อมาจากเธอนั่นแหละ ถึงแม้ว่าไม่ได้บอกจะเอามาให้คุณย่าก็ตาม แต่ว่าก็ได้บอกอาการของคุณย่าอย่างชัดเจน กลัวจะมีความผิดพลาดใดๆ เพราะเราเป็นเพื่อนสนิท ความสัมพันธ์ช่างดีเสมอมา ดังนั้นก็เลยเชื่อใจที่เธอคอยแนะนำชาบำรุงที่มีราคาแพงหูฉี่นี้…”
เธอตั้งใจที่เน้นย้ำ “ราคาที่แพงหูฉี่” เพื่อจงใจแสดงว่าฉินซูทำทุกอย่างก็เพื่อเงิน เลยแนะนำของบำรุงไปมั่วซั่ว จนทำให้คุณผู้หญิงเป็นลมล้มพับไป
“ที่แท้คุณนี่เองที่เป็นคนก่อเรื่อง!” ฉู่หยุนซีเบิกตามองฉินซู พร้อมทั้งเชื่อคำพูดของหวังอี้หลินอย่างหมดใจ “อยู่ดีๆก็ไปขายยาบำรุงให้กับอี้หลิน? นี่มันเป็นการจงใจใส่ร้ายคนอื่นนี่?”
หลิ่วเหวยลู่ไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมา จนถึงกลับต้องถามทันที “ทำไมคุณถึงไปขายยาบำรุงได้ล่ะ?”
ฉินซูอยากจะอ้าปากพูด แต่หลินเฟิงก็ช่วยพูดให้ “คุณนายหญิงฉู่ช่วยอาจารย์ดูแลร้านยา”
“คุณหลิน คุณรู้ได้ยังไง?” หลิ่วเหวยลู่จ้องมองเขาอยากแปลกใจ
หลิ่วเหวยลู่ยิ้มให้แทน “เพราะว่าเมื่อวานนี้ ผมกับคุณหวังเพิ่งจะเดินสวนทางกันเข้าในร้านยา และยังซื้อของมาจากคุณนายหญิงฉู่ด้วย”
เมื่อพูดจบ หวังอี้หลินตัวสั่นเทา
หลินเฟิงยังคงพูดต่อ “แต่ว่าคุณหลินเข้าไปแล้วก็พูดทันทีว่าต้องการยาบำรุงที่แพงที่สุดที่ดีที่สุด คุณนายหญิงฉู่ก็เลยพูดแนะนำหลายประโยคว่ายาบำรุงนั้นไม่สามารถกินมั่วๆได้ แต่ช่างน่าเสียดายที่คุณหวังนั้นไม่ยอมฟัง พร้อมทั้งรีบจ่ายเงินแล้วจากไปเลย”
หลิ่วเหวยลู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอไม่เชื่อฉินซู แต่หลินเฟิง….เขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับฉินซู คงไม่อาจช่วยเธอพูดได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลิ่วเหวยลู่มองไปทางหวังอี้หลินแทน
หวังอี้หลินจิตใจหดหู่จนไม่กล้ามองเธออีกแล้ว
ฉู่หยุนซีอยากจะพูดอะไร แต่กลับรู้สึกว่าตนเองก็….ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้วแหละ
หลินเฟิงยิ้มอ่อนๆ มองไปทางฉินซู “ทีแรกผมตั้งใจจะซื้อยาบำรุงให้คุณผู้หญิง แต่ว่าคุณนายหญิงฉู่เคยบอกไว้ว่า ไม่จำเป็นต้องบำรุงอีก แค่นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดังนั้นแนะนำให้ผมซื้อพวกยานอนหลับผ่อนคลายให้แทน”
หลิ่วเหวยลู่มองไปที่ฉินซูโดยมีความเปลี่ยนเปลงบ้าง
……
ด้วยคำเชิญจากหลินเฟิง ฉินซูนั่งรถของเขาจากบ้านตระกูลฉู่
ภายในรถ ฉินซูพูดด้วยความขอบคุณ “ท่านประธานหลิน ขอบคุณนะที่ช่วยพูดให้ฉัน”
“ฉันก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง”
หลินเฟิงแบมือออกมา พลันขมวดหัวคิ้วอีกครั้ง แล้วถามทันที “คุณนายหญิงฉู่ ฉันขอถามหน่อยว่า เมื่อกี้ คุณหวังคนนั้นเป็นใครกันคะ? ถึงได้ไม่มีมารยาทกับคุณแบบนั้นซะเลย”
ฉินซูหลุบตาต่ำ พูดว่า “เธอเป็นเพื่อนสนิทของหยุนซี”
“นั่นมันก็มากเกินไป ในบ้านตระกูลฉู่มันช่างกล้ามากที่จะพูดลามปามต่อคุณได้อย่างไร”
ได้แต่ส่ายหน้าไปมาและพูดถอนหายใจ “แต่ว่าหยุนซีเด็กนี่ก็ไม่ควรจริง ไม่ให้เกียรติคุณเลยสักนิด”
ฉินซูได้แต่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไรเลย
หวังอี้หลินเป็นคุณนายหญิงตัวจริงของตระกูลฉู่ ส่วนเธอเป็นได้แค่ของปลอมเท่านั้นเอง
หลินเฟิงเห็นรอยยิ้มบนหน้าของเธอ ยังไงก็เป็นห่วงเธอขึ้น
หญิงสาวธรรมดาได้แต่งเข้าบ้านอภิมหาเศรษฐี คนภายนอกมองดูหรูหรา ทว่าความจริงแล้วมีคลื่นใต้น้ำอยู่เสมอ
เมื่อคิดเช่นนี้ หลินเฟิงได้แต่พูดว่า “คุณนายหญิงฉู่ต่อไปหากมีเรื่องให้ฉันช่วย รีบบอกฉันทันที”
“ท่านประธานหลิน เอ่อ….”
“อย่าเรียกฉันว่าประธานหลินเลย เรียกฉันว่าอาสิ!”
ฉินซูตะลึงทันที แต่ไม่ปฏิเสธและพูดตามว่า “งั้นได้ ต่อไปคุณก็อย่าเรียกฉันว่าคุณนายหญิงฉู่เลย เรียกฉันว่าเสี่ยวฉินดีกว่า”
“เสี่ยวฉินเหรอ? ฮ่าๆ งั้นเรียกว่าเสี่ยวซูจะน่าฟังกว่า”
ฉินซูได้แต่ปล่อยไปเลยตามเลย จนพูดกลับมาว่า “ลุงหลินตามสบาย เลย”
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลฟู่คาง หลินเฟิงพูดทันที “เสี่ยวซูฉันขอไม่ขึ้นไปแล้ว”
ฉินซูเข้าใจความกังวลของเขา เลยพยักหน้าให้ “ได้ ฉันจะไปดูอาการของคุณย่า แล้วค่อยมาบอกคุณทีหลัง”
“อืม” หลินเฟิงทำท่าทางทำมือว่าโทรศัพท์หากัน “ติดต่อกันบ่อยแล้วแล้วกัน”
ฉินซูทำเสียงตอบรับ จากนั้นก็โบกมือให้พร้อมทั้งยิ้มให้ด้วย “แล้วเจอกันค่ะอาหลิน”
ภาพนี้ ตกอยู่ในสายตาของคนที่ใส่แว่นตาดำที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ท่านประธานหาน ความสัมพันธ์ของคุณนายหญิงฉู่กับหลินเฟิงนั้นไม่ธรรมดา” ผู้ช่วยของหานโม่หยางพูดกระซิบกระซาบ
หานโม่หยางพลันนึกถึงงานเลี้ยงครั้งก่อนที่ฉินซูทักทายหลินเฟิงในตอนนั้น พร้อมทั้งหรี่ตาลง “มองเธอพลาดไป ฉู่หลินเฉินนี่ช่างหาผู้ช่วยได้ดี!”
การที่หลินเฟิงสามารถหาเงินก้อนนี้มาได้ เขาจำฝังใจ!
หานโม่หยางมองอีกครั้ง นัยน์ตาลึกล้ำ สีหน้าท่าทางเย็นชาพร้อมทั้งสอดตัวเข้าไปในรถเก๋งสีดำทันที
บนรถมีผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ พร้อมทั้งรีบถามทันที “อาหยางเป็นไง? หมอว่าไงบ้าง?”
หานโม่หยางเม้มริมฝีปาก อารมณ์หม่นหมอง
ผู้หญิงยังคงเงียบขรึมเช่นเดิม “ยังไม่ได้ใช่ไหม….”
ผู้ช่วยรีบพูดอธิบายทันที “คุณผู้หญิง อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้ท่านประธานหานมัวแต่วุ่นวายกับการจัดงานการแข่งขันด้านการแพทย์ จนทำให้มีความกดดันสูง ยาก็ไม่ได้กินตามปกติ บางทีผ่านระยะนี้ไปเมื่อมาตรวจซ้ำอีกรอบอาจจะมีข่าวดีก็ได้?”
ผู้หญิงคนนั้นได้แต่ส่ายหน้าไปมา พร้อมทั้งพูดถอนหายใจ “หลายปีมาแล้ว….”
จนเธอตัดสินใจได้แล้ว พร้อมทั้งดึงมือหานโม่หยางเอาไว้ แล้วพูดว่า “หรือว่าจะทำตามที่แม่พูด พวกเราไปทำเด็กหลอดแก้วกัน? ยังไงก็ต้องมีทายาทสืบทอดให้แก่ตระกูลหานให้ได้?”
สีหน้าของหานโม่หยางเย็นชา จนเม้มริมฝีปากไว้แน่น แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้หญิงคนนั้นรู้ความหมายว่าเขาเห็นด้วย จนสีหน้ามีแต่ความยินดี “งั้นก็ไปตามนั้น แม่จะหาผู้หญิงที่บริสุทธิ์คนหนึ่งมาให้ เพื่อรับประกันว่าสายเลือดของตระกูลหานของพวกเราจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”
อีกฝั่ง ฉินซูก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาลแล้ว
“คุณนายหญิง!”
เมื่อเดินเข้าไป พยาบาลก็จดจำเธอไว้ได้ พลางพูดว่า “คุณผู้หญิงกำลังตรวจร่างกายอยู่ที่ชั้นสาม”
ฉินซูก้มหัวให้อีกฝ่ายเพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยบอกทาง จากนั้นก็เดินก้าวเข้าไปในลิฟต์
ด้านนอกห้องตรวจนั้นฉู่หลินเฉินยังคงรอผลอยู่
ทว่าเมื่อเห็นว่าฉินซูเข้ามาหาแล้ว เขารู้สึกแปลกใจมาก “ทำไมคุณถึงมาได้?”
“อาหลินไม่วางใจถึงเรื่องอาการป่วยของคุณย่า เลยให้ฉันเป็นคนเข้ามาดู”
“อาหลิน?” ฉู่หลินเฉินเหล่ตามองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ไม่นาน คุณหมอก็เอารายงานใบตรวจออกมา
“เป็นไงบ้าง?” ฉู่หลินเฉินสาวเท้ายาวไปด้านหน้า หน้าตาที่เย็นชาอันหล่อเหลามีแต่ความกังวล
เพราะว่าเขาเป็นห่วงคุณผู้หญิงฉู่จริงๆ
สีหน้าของคุณหมอหนักใจมาก พลางพูดว่า “คุณชายฉู่อาการของคุณผู้หญิงไม่สู้ดีนัก แนะนำว่าให้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน”
ฉู่หลินเฉินขมวดคิ้ว “แต่ว่าคุณย่าไม่ชอบนอนอยู่ที่โรงพยาบาล คงไม่ยินยอมแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ฉินซูก็อดใจไม่ไหวจนต้องพูดออกมาแทน “นิสัยของคนแก่ก็เหมือนเด็กน้อย เด็กน้อยไม่เข้าใจเรื่องราว หรือว่ายังไม่ใส่ใจต่อไปดีล่ะ? เรื่องความเป็นความตาย ต้องเชื่อฟังหมอสิ!”
ฉู่หลินเฉินหรี่ตามองเธอทันที แต่ไม่ได้ตอบโต้
คุณหมอที่อยู่ด้านข้างถึงกลับตะลึงเช่นเดียวกัน คุณนายหญิงพูดเป็นไปตามความจริง … พูดได้อย่างมีหลักการ!
การเป็นหมอนั้น ความจริงพวกเขาได้ประสบพบเจอกับคนชราที่ไม่ยอมนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมามากมาย สุดท้ายคือพอเริ่มป่วยหนักจึงเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อหมดทางรักษาจนเสียชีวิต คนเสียชีวิตไปแล้ว ญาติพี่น้องยังโทษโรงพยาบาลว่ารักษาไม่ดีอีก!
แต่ว่าด้วยสถานะของคุณชายฉู่กับคุณผู้หญิงฉู่ที่พิเศษมาก คำพูดประโยคนี้ใครกันที่จะกล้าพูดออกมา
คุณหมอได้แต่จ้องมองฉินซูอย่างขอบคุณ พร้อมทั้งคารวะให้กับท่านนี้ คุณนายหญิงฉู่ที่พูดออกมาตรงๆ
ส่วนฉินซูตนเองก็ยืนอยู่ในมุมการแพทย์เพราะว่าตนเองก็เป็นนักศึกษาด้านแพทยศาสตร์เช่นเดียวกัน ที่พูดออกมานั้นก็เป็นความคิดที่อยู่ในใจแค่นั้นเอง
ฉู่หลินเฉินขมวดคิ้วพร้อมทั้งครุ่นคิดอยู่นาน จนสุดท้ายจึงยอมพยักหน้าให้ “งั้นนอนที่โรงพยาบาลก็แล้วกัน”
“ได้” คุณหมอรีบดำเนินการให้ทันที เว่ยเหอก็ติดสอยห้อยตามไปด้วย