รักซ่อนร้าย นายซาตานรักผิดคน - ตอนที่ 33: มืออาชีพมากเลยค่ะ
บทที่33: มืออาชีพมากเลยค่ะ
พยาบาลทำแผลให้ฉินซู
ฉู่หลินเฉินยืนอยู่ข้างๆ เขาในตอนนี้สามารถบอกได้ว่าอารมณ์เสียมาก ใบหน้าเย็นชาเย็นจนสามารถแช่คนให้แข็งได้
บวกกับเดิมทีเขาก็มีออร่าที่ทรงอำนาจอยู่แล้ว มีความกดดันฟุ้งกระจายอยู่โดยปริยาย
มือที่พยาบาลทำแผลสั่นอย่างควบคุมไม่ได้……..
ฉินซูเห็นสถานการณ์แล้วค่อนข้างจนปัญญา
เธอกดมือของพยาบาลที่ถือเข็มเย็บแผลเอาไว้ “ฉันทำเองดีกว่าค่ะ”
ท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของพยาบาล ฉินซูรับเข็มมา และใช้มือข้างเดียวเย็บแผลเข้าหากัน
แม้แต่ฉู่หลินเฉินก็ยักคิ้วอย่างควบคุมไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้……..
ใช้แค่นิ้วมือทั้งห้าของเธอเย็บไปมาด้วยความคล่องแคล่ว บนใบหน้านอกจากมีความตั้งใจแล้ว ก็ไม่มีสีหน้าอื่นเลย ราวกับว่าแผลที่เย็บอยู่ไม่ใช่แขนตัวเองยังไงอย่างงั้น
ปกติเย็บแผลภายนอก จะเว้นระยะห่าง08-1cm ส่วนข้อกำหนดของการเย็บเสริมสวย ระยะห่างไม่เกิน2mm
บาดแผลที่ยาวห้าเซนติเมตร ฉินซูเย็บไปสิบห้าเข็ม
พยาบาลอุทานด้วยความตะลึง: “มืออาชีพมากเลยค่ะ คุณคงเป็นหมอสินะคะ?”
ฉินซูพูดอย่างเรียบเฉย: “ฉันเรียนด้านการแพทย์ค่ะ”
สายตาของฉู่หลินเฉินหล่นอยู่บาดแผลของเธอแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกคุ้นๆกับวิธีเย็บแผลนี้
แววตาของเขาลุ่มลึก หันหลังเดินออกไปข้างนอก
ตรงริมทางเดิน เว่ยเหอเดินก้าวเท้ายาวมาจากไม่ไกล : “คุณชายฉู่ครับ หลังจากโจวซือฉินได้เงิน จงจื้อหย่วนโผล่หน้ามาจริงๆด้วยครับ”
แววตาของฉู่หลินเฉินมืดมน และพูดอย่างเยือกเย็น: “สั่งคนไปจับตาพวกเขาให้ดีๆ สองสามีภรรยานี้ไม่ใช่ย่อยๆ”
“ทราบแล้วครับ”เว่ยเหอพยักหน้า แล้วอดถอนหายใจไม่ได้อีก: “โจวซือฉินกับจงจื้อหย่วนวางแผนด้วยกันตั้งแต่แรกแล้วครับว่าจะวางอุบายฉินซู พอคิดแบบนี้ รู้สึกเธอก็น่าสงสารเหมือนกันนะครับ”
ฉู่หลินเฉินชายตามองเขาทีนึง เป็นความหมายของการเตือน ไม่ต้องพูดก็สามารถเข้าใจได้
เว่ยเหอได้แต่ฝืนยิ้ม: “คุณชายฉู่ครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ”
ฉู่หลินเฉินฮื้อคำนึง
มีพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงแบบนี้ ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้ละโมบโลภมากกับเรื่องเงิน
ส่วนเธอน่าสงสารหรือเปล่า ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่เขาเป็นห่วงเลย
ในใจเพิ่งคิดแบบนี้ ฉินซูจัดการบาดแผลเสร็จก็ออกมา
เธอได้ยินการสนทนาเมื่อครู่ของทั้งสอง จึงได้พูดอย่างประหลาดใจ: “หาจงจื้อหย่วนเจอแล้วเหรอคะ?”
ฉู่หลินเฉินมองเธออย่างมีความหมายลึกซึ้งทีนึง จากนั้นได้พูดว่า: “เขากลับบ้านไปแล้ว”
ฉินซูฟังแล้วสีหน้ากลับไม่มีอารมณ์อะไรแล้ว แค่ยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ย
โจวซือฉินกับจงจื้อหย่วนร่วมมือการเล่นละครตบตาเธออีกแล้ว ลูกไม้อย่างนี้ พวกเขาก็ไม่ใช่เพิ่งจะเคยทำครั้งแรก
ฉู่หลินเฉินเก็บสีหน้าท่าทางทั้งหมดของเธอไว้ในสายตาลึกๆ เขานึกว่าเธอจะวู่วาม โกรธแคง แต่กลับนิ่งเฉยไม่มีอะไรเลย
สีหน้าท่าทางของเธอเรียบเฉย อ้างว้างเดียวดาย มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวงที่ไม่สอดคล้องกับอายุของเธอ
จู่ๆฉู่หลินเฉินรู้สึกที่ไหนสักแห่งของหัวใจค่อนข้างหดหู่ขึ้นมา
กลับมาถึงวิลล่า
เขาไม่พูดอะไรสักคำก็เข้าไป
ฉินซูเพราะมือได้รับบาดเจ็บ ท่าทางก็เลยเชื่องช้าและเหนื่อย เธอเพิ่งลงจากรถ
ตอนนี้ฤทธิ์ยาชาเริ่มหมดแล้ว บาดแผลเริ่มเจ็บแล้ว
เนื่องจากแปลกใจ เธอก็เลยถามเรื่อยเปื่อยไปคำนึง: “คุณเว่ย ผู้หญิงคนที่อยู่ในลานจอด มีความแค้นอะไรกับคุณชายฉู่เหรอ?”
“เรื่องนี้…….”
เพราะเรื่องเกี่ยวพันถึงเรื่องส่วนตัวของฉู่หลินเฉิน เว่ยเหอจึงค่อนข้างลังเล
แต่เมื่อครู่เขารู้สึกเห็นใจฉินซูอยู่ อีกอย่างเขาก็หวังอยากให้เธอซื่อสัตย์ปฏิบัติตัวดีๆขึ้นหน่อย ไม่อยากให้เธอขัดใจคุณชายฉู่
บางทีให้เธอรู้จุดที่น่ากลัวของคุณชายฉู่ คงไม่ใช่เรื่องร้าย
ฉินซูกลับถึงวิลล่า คอยคิดคำพูดเมื่อครู่ของเว่ยเหอ ยังคงรู้สึกหัวใจหนาวสั่นเป็นพักๆ
ใช้วิธีที่โหดเหี้ยมขนาดนั้นจัดการผู้หญิงคนนึง เกินกว่าฉู่หลินเฉินที่เธอรู้จักอย่างสิ้นเชิง
เป็นปีศาจตนนึงชัดๆ
ถ้าเธอเองขัดใจเขา…….งั้นไม่เท่ากับตายสถานเดียวเหรอ?
ฉินซูกลับห้องด้วยใจที่ไม่สงบ
เวลานี้
ในห้องนอนหลัก อารมณ์ของฉู่หลินเฉินก็ยากที่จะสงบเช่นกัน
เขาชินกับการควบคุมทุกอย่าง แต่ตอนนี้ สมองกลับคิดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉินซูอยู่เรื่อย
ดูเหมือน ผู้หญิงคนนั้นได้ชักจูงอารมณ์ของเขาเข้าให้แล้ว!
นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ดีเลย
ฉู่หลินเฉินหงุดหงิดสับสนวุ่นวายอย่างควบคุมไม่ได้
เขาใช่ว่าไม่มีผู้หญิงสักหน่อย หวังอี้หลิน ผู้หญิงคนแรกของเขา และเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาตัดสินใจจะแต่งงานด้วย
เขาควรจะคิดถึงเธอสิถึงจะถูก แต่ไม่ใช่ฉินซู!
ฉู่หลินเฉินสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที หยิบมือถือออกมาโทรศัพท์
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ฉินซูออกมาจากห้องนอน ได้เจอหน้ากับฉู่หลินเฉินอย่างจัง
เขาเปลี่ยนหน้าตาที่เย็นชาเคร่งขรึมและลุ่มลึก เปลี่ยนมาใส่ชุดสูทลำลองสีน้ำเงินแมทช์กับเสื้อเชิ้ตสีขาว พอเดินไปใกล้ ถึงขั้นสามารถได้กลิ่นหอมอ่อนๆของโคโลญบนตัวเขา
เหมือนวัยรุ่นโรแมนติกที่เตรียมออกเดท ดูสง่าและเป็นผู้ดีมีตระกูล
ถึงจะอย่างนี้ก็เถอะ พอนึกถึง“ธาตุแท้”ของผู้ชายคนนี้ หัวใจของฉินซูก็ยังหดเกร็งด้วยจิตใต้สำนึก เธอหลุบตาลงเล็กน้อย
ฉู่หลินเฉินก็ดึงสายตากลับอย่างไว ปกปิดแววตาที่มีความไม่ธรรมชาติแว๊บผ่าน ออกจากบ้านอย่างกับคนไม่มีอะไรทำ
ตระกูลหวัง
นี่เป็นวันแรกที่พวกเขาเข้ามาพักบ้านใหม่ จางเหวินจ้างคนรับใช้มาคนนึงอย่างไม่ขี้เหนียวเลยสักนิด คอยดูแลชีวิตประจำวันของครอบครัวเธอ
กับข้าวอุดมสมบูรณ์ทั้งโต๊ะนี้ คือฝีมือของคนรับใช้ น้ากูเป็นคนทำเอง
จางเหวินเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ไม่ต้องลงมือทำกับข้าวเองมาก ช่างดีจริงๆ ต่อไปเธอแค่รับผิดชอบเป็นคุณหญิงคุณนายที่ช้อปปิ้งทุกวัน ดูแลเสริมความงาม และซื้อๆๆ!
เพราะทั้งหมดนี้ ล้วนมีลูกเขยแสนดีของเธอ คุณชายตระกูลฉู่เป็นคนจ่ายตังค์อยู่แล้ว!
หวังเจิ้นหัวก็ดีใจมาก วันนี้เขาได้ลงทุนธุรกิจนึง เงินที่ใช้ก็ย่อมเป็นเงินในบัตรของฉู่หลินเฉินเช่นกัน
ขนาดของบริษัทจะค่อยๆขยายใหญ่ อีกไม่นาน เขาเชื่อว่าตัวเองก็จะสามารถกลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่เฉิง
อาศัยฉู่หลินเฉินต้นไม้เขย่าเงินต้นนี้ ตระกูลหวังของพวกเขา หลุดพ้นชีวิตชนชั้นล่างที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง ไม่นานก็จะกลายเป็นบุคคลชนชั้นสูง!
“มาๆๆ รีบกินเร็วๆ เมื่อก่อนได้แต่ดูโต๊ะอาหารของคนอื่นเต็มไปด้วยปลิงทะเลเป๋าฮื้อและกุ้งมังกรผ่านในเน็ต ตอนนี้บ้านเราก็มีแล้ว!”
จางเหวินหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบเป๋าฮื้อตัวนึงวางในถ้วยของหวังอี้หลิน “ลูกรัก เพราะลูกบ้านเราจะได้มีวันนี้ ลูกกินเยอะๆ บำรุงเยอะๆหน่อยนะ!”
ก่อนหน้านี้น้ากูก็เคยเป็นแม่บ้านที่ครอบครัวคนมีเงินเหมือนกัน แต่เพิ่งเคยเห็นตระกูลหวังแบบนี้ครั้งแรก มีบุคลิกของพวกเศรษฐีใหม่ที่รวยโดยใช้วิธีที่ไม่สุรจิต
เธอแบะปากในมุมที่ไม่มีคนสังเกตเห็น
หวังอี้หลินยังไม่ได้เอาเป๋าฮื้อเข้าปาก มือถือก็ดังขึ้น
เธอแค่ดูเรื่อยเปื่อยแว๊บนึง ก็ตกใจจนเป๋าฮื้อหล่นลงมาเลย จากนั้นเธอรีบรับสาย
หลังรับสายเสร็จ เธอตื่นเต้นจนพูดจาไม่คล่องแคล่ว: “คุณชายฉู่ชวนหนูไป……ทานข้าวค่ะ”
ต้องรู้ไว้นะ ตอนแรกเธอก็เคยบอกแล้วว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งเจอหน้ากับเธอเลย
หวังเจิ้นหัวกับจางเหวินก็อึ้งค้างไว้
จางเหวินมีปฏิกิริยาไว เธอวางตะเกียบลง: “แล้วยังรออะไรล่ะ! คุณชายฉู่คงจะคิดถึงลูกจะแย่อยู่แล้ว! รีบไป……ไม่ถูก ต้องเตรียมตัวดีๆก่อนถึงจะได้!”
…………
ในออฟฟิศผู้จัดการใหญ่ของซิงเหยียวเอนเตอร์เทนเมนต์
ฉู่หยุนซีรอข่าวที่ฉินซูขายหน้าในงานเลี้ยงอย่างใจเย็น
โทรศัพท์ของเพื่อนสนิทสามคนกลับทยอยกันโทรมา
“หยุนซี จู่ๆโปรเจ็คของบ้านฉันถูกสั่งหยุด! นี่มันอะไรกันอ่ะ?”
“พี่สะใภ้เธอฟ้องคุณชายฉู่หรือเปล่า? ทำไมแผนร่วมงานที่สามีฉันเพิ่งได้มาเมื่อเดือนที่แล้ว ก็ถูกหยุดกะทันหันเลย”
“ยังมีฉันด้วย แผนธุรกิจที่พ่อสามีฉันเพิ่งส่งไปที่บริษัทเครือฉู่ ก็ถูกตีกลับมาอย่างไร้สาเหตุ”
“หยุนซี พวกเราเพื่อช่วยเธอเอาคืนถึงไปรังแกพี่สะใภ้เธอนะ และเธอเป็นคนบอกว่าพี่ชายเธอไม่มีทางยืนอยู่ข้างพี่สะใภ้เธอ พวกเราถึงเชื่อเธอ ตอนนี้เกิดเรื่องแล้ว เธอจะต้องช่วยพวกเรานะ!”
ฉู่หยุนซีเห็นข้อมูลพวกนี้ พริบตาเดียวก็ปวดหัวเลย
ฉู่หยุนซีส่งอีโมจิรอยยิ้ม ตอบพวกเธอสามคน: “วางใจเถอะ พวกเธอต่างก็เป็นเพื่อนของฉัน ฉันไม่นิ่งดูดายหรอก ทางฝั่งของพี่ชายฉัน ฉันแค่พูดกับเขาสองคำ เดี๋ยวโปรเจ็คก็คืนให้พวกเธอแล้ว”
ปิดอินเทอร์เฟซการแชท หน้าของฉู่หยุนซีเย็นชาลงมาทันที
ฉินซูนังตัวดี ไม่นึกว่าจะไปฟ้องพี่ชายเธอ นึกว่าตัวเองเป็นคุณนายหญิงของตระกูลฉู่จริงๆหรือไง!