รักซ่อนร้าย นายซาตานรักผิดคน - ตอนที่ 19 ควรจะเชื่อฟังใคร
กลางดึก พระจันทร์สาดส่อง
พอฉินซูคิดถึงเรื่องที่โดนฉู่หลินเฉินโยนลงรถ แล้วเจอพวกอันธพาล ก็รู้สึกไม่ปลอดภัย
ฉู่หลินเฉินเป็นคนที่คาดเดาอารมณ์ยาก แค่คำพูดเขาคำเดียว ก็โยนเธอเข้าคุกได้แล้ว
สถานภาพของเขาตระหง่านอยู่ตรงนั้น หล่อนเองก็ต่อต้านไม่ได้ อีกอย่าง คุณย่ายังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลของบริษัทเครือฉู่ ต่อให้เธอมีความคิด ก็ต้องรอให้คุณย่าหายดีก่อน……
แต่ฉินซูไม่ใช่คนที่นิ่งดูดาย
เธอหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งชาร์จเสร็จ
“อาจารย์ซวูคะ คราวที่แล้วที่อาจารย์คุยเรื่องหัวข้อวิทยานิพนธ์กับหนู ตอนนี้มีใครเอาไหมคะ หนูอยากลอง”
……
เรื่องที่ฉินซูลอบพบหลินมึ่งฟาน แล้วโดนฉู่หยุนซีตีไข่ใส่สี ฟ้องไปถึงผู้ใหญ่ในตระกูลฉู่
“ดีนะคะที่หนูเป็นคนเห็น ถ้าเป็นคนอื่นเห็น บ้านเราคงเสียหายป่นปี้!”
ฉู่หยุนซีเห็นคุณผู้หญิงขมวดคิ้ว ท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เบ้ปาก“คุณย่าคะ อย่าเป็นเพราะว่าฉินซูช่วยคุณย่า แล้วคุณย่าจะโดนหลอกนะคะ หล่อนมารยาสาไถย!อยากจะไต่เต้าตำแหน่งสูงสุด!”
พูดจบ หันไปหาหลิ่วเหวยลู่ “แม่คะ พี่ชายก็อีกคน หนูเห็นกับตาว่าเขาไล่ผู้หญิงคนนั้นลงรถ แล้วก็กลับไปรับอีก หมายความว่าไงคะเนี่ย คงไม่ใจอ่อนกับผู้หญิงแบบนั้นหรอกนะคะ”
หลิ่วเหวยลู่รักษาอาการและสีหน้าท่าทาง“อย่าพูดเหลวไหล!”
หลังจากที่เตือนฉู่หยุนซีแล้ว จึงหันไปพูดกับซ่งจิ่นหรงอย่างครุ่นคิด“แม่คะ หรือเราประเมินฉินซูต่ำไป ให้เธออยู่ในบ้านตระกูลฉู่ ช้าเร็วต้องเกิดเรื่อง มิสู้——”
“ไม่รีบ”ซ่งจิ่นหรงโบกมือ พูดเป็นนัย“เสี่ยวหมิง ให้คนรับฉินซูมาที่นี่”
หมิงซูพยักหน้า ล่าถอยออกไป
ในคฤหาสน์ ฉู่หลินเฉินหายไปนานแล้วไม่เห็นแม้แต่เงา
ฉินซูกำลังเตรียมออกจากบ้าน ก็มีรถที่บ้านตระกูลฉู่มาขวางไว้
หล่อนก้าวขึ้นรถ ระหว่างทาง พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉินซูถูกพามาที่ห้องโถง คุณผู้หญิงนั่งอยู่ตำแหน่งประมุข หลิ่วเหวยลู่นั่งข้าง ฉู่หยุนซียืนอยู่
พอเธอเข้ามา ฉู่หยุนซีกลอกตาขาวใส่ พูด“ผู้หญิงหน้าด้าน”
“ฉินซูเธอกับหลินมึ่งฟานเป็นมายังไง”คุณผู้หญิงมองฉินซู ด้วยสายตาผิดหวัง“ให้เธอลอบใช้สถานะเข้ามา นับว่าเมตตามากแล้ว ตอนนี้เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ทำไมถึงให้เกิดเรื่องแบบนี้”
“คุณผู้หญิง” ฉินซูตะโกนร้องออกไป พร้อมเล่าเหตุการณ์โดยละเอียด
“แฟนเก่า คืนเงิน หึ เธอคิดว่าเขียนบทละครหรือไงยะ ใครจะไปเชื่อลง!”ฉู่หยุนซีแค่นเสียง
ฉินซูลอบมองเธอ นำ้เสียงเรียบ“อย่างน้อย นายฉู่เชื่อฉัน”
ฉู่หยุนซีเงียบอึ้งจ้องมองเธอ
คุณผู้หญิงสีหน้าอ่อนลง“พูดแบบนี้ แปลว่าพวกเราเข้าใจผิดแล้ว”
จากนั้นจึงมองไปที่ฉู่หยุนซีอย่างไม่พอใจ“หยุนซี ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีก!เห็นลมบอกว่าฝน ถ้าคุณย่าโมโหจนเป็นอะไรไปจะทำไง”
“คุณย่าคะ หนู——”
ฉู่หยุนซีรีบจนอยากอธิบาย หลิ่วเหวยลู่พูดแทน“คุณแม่คะ ก็ไม่ใช่ความผิดหยุนซีทั้งหมดนะคะ”
เธอทอดสายตาไปที่ฉินซู มีแววตาเย็นชาเล็กน้อย
หากน้ำเสียงอ่อนหวาน“ฉินซู ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อเธอนะ แต่เรื่องที่พบแฟนเก่า มันทำให้คนเข้าใจผิดได้ ในเมื่อเธอเป็นคุณนายหญิงของที่นี้ การพบแฟนเก่าโดยไม่มีหลินเฉินนับเป็นเรื่องที่ไม่ระมัดระวังอย่างยิ่ง”
ฉู่หยุนซีเบ้ปาก“นั่นสิ!”
ฉินซูไม่เถียง มองตาม“คุณหญิงฉู่พูดถูกค่ะ”
หลิ่วเหวยลู่เปลี่ยนหัวข้อ พูด“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ต่อไปเธอพักอยู่บ้านเก่าเถอะ หลินเฉินกำลังจะรับช่วงกิจการตระกูลฉู่ ธุระมากมาย ดูแลเธอไม่ไหวหรอก”
เมื่อฟังความหมายของเธอ ฉินซูอดขมวดคิ้วไม่ได้
ตอนนี้ให้เธอกลับไปอยู่บ้านเก่าตระกูลฉู่ สู้อยู่คฤหาสน์ฉู่หลินเฉินไม่ได้
บ้านตระกูลฉู่ ฉู่หยุนซีเป็นปฏิปักษ์ต่อเธออย่างประหลาด พอเจอก็อดหมั่นไส้เธอไม่ได้ไม่มีเหตุผลเลย
จากนั้นหลิ่วเหวยลู่ผู้สูงสง่า น้ำเสียงอ่อนโยน กลับทำให้ฉินซูรู้สึกกดดันยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อเทียบกันแล้ว อยู่ที่คฤหาสน์ยังจะอิสระเสียกว่า
ฉินซูค่อยๆเปิดปากพูด“คุณหญิงฉู่ อยากให้หนูอยู่ที่นี่ คุณชายฉู่อยากให้หนูอยู่บ้านโน้น”
หล่อนชะงัก แสดงสีหน้าลำบากใจ“ฉันควรจะฟังใครดี”
หลิ่วเหวยลู่ขมวดคิ้วอย่างไม่ตั้งใจ มองดูฉินซูอย่างสบายอารมณ์
ฉู่หยุนซีเห็นสถานการณ์ จึงรีบชิงพูดขึ้น“แน่นอนว่า——”
“ฟังฉันอยู่แล้ว!”
มีน้ำเสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้น
ฉู่หลินเฉินจู่ๆมาถึง ส่งสายตาเย็นเฉียบไปให้ฉู่หยุนซี
“พี่ชาย?!”ฉู่หยุนซีประหลาดใจ อธิบาย“ที่แม่ทำแบบนี้ เพราะอยากช่วยพี่เฝ้าผู้หญิงคนนี้เอาไว้ กลัวว่าจะทำเรื่องเดือดร้อน!”
แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ในใจกลับคิด ขอแค่ฉินซูอยู่บ้านเก่า หล่อนจะ“หาเรื่อง”เธอทุกวัน
“งั้นเหรอ”ฉู่หลินเฉินแค่นเสียง ถามกลับ“คนที่หาเรื่องคงไม่ใช่เธอหรอกมั้ง”
ฉู่หยุนซีตกตะลึง“พี่ชาย หมายความว่าไง”
“เรื่องเมื่อวานสนุกพอหรือยังล่ะ”
เมื่อโดนเปิดโปง ฉู่หยุนซีสีหน้าเปลี่ยน“เมื่อคืนฉัน……”
ภายใต้สายตาเฉียบคมของฉู่หลินเฉิน เธออ้ำๆอึ้งๆพูดไม่ออก ได้แต่หลบอยู่หลัง
หลิ่วเหวยลู่“แม่คะ พี่ชายมีปัญหากับหนู!”
“ฉันมีปัญหากับแกมากเลยแหละ!”ฉู่หลินเฉินพูดอย่างไม่เกรงใจ“ซิงเหยียวเอนเตอร์
เทนเมนต์มอบไว้ในมือแก แกทำยังไง วันๆไม่บริหารบริษัทให้ดี วันๆเอาแต่แส่หาเรื่องสอดรู้สอดเห็นไปทั่ว!”
เขาเตือนด้วยวาจาเผ็ดร้อน“ถ้ายังสร้างผลงานไม่ได้ ตำแหน่งผู้จัดการซิงเหยียวเอนเตอร์เทนเมนต์ก็คงต้องเปลี่ยน!”
ฉู่หยุนซีสีหน้าขาวซีด
หลิ่วเหวยลู่พูดอย่างเหมาะสม“หลินเฉิน น้องสาวลูกอาจจะวู่วามไปบ้าง แต่ลูกคงไม่ถึงขั้นเพื่อคนนอกคนเดียว พูดน้องซะเสียมั้งลูก”
“ผมก็พูดไปตามเรื่องครับ”ฉู่หลินเฉินเก็บความเย็นชาเอาไว้ สีหน้าผ่อนลง หันไปหาฉินซู“มานี่”
ฉินซูค่อยๆเดินไปที่ฉู่หลินเฉิน
สายตาหลิ่วเหวยลู่ทอดลงไปบนตัวฉู่หลินเฉินกับฉินซูแล้วกวาดตาไปรอบหนึ่ง ด้วยความระแวดระวัง
ฉู่หลินเฉินพูดกับซ่งจิ่นหรงว่า“คุณย่าครับ รายงานผลตรวจสอบคุณย่าออกมาแล้วนะครับ หมอแนะนำให้คุณย่าพักฟื้นที่โรงพยาบาลดูอาการสองสามวัน ดูว่าคุณย่าว่างวันไหน ผมจะไปส่ง”
ซ่งจิ่นหรงขมวดคิ้ว พูดอย่างสัมผัสได้“ไม่ไปโรงพยาบาล”
ฉู่หลินเฉินรู้สึกอ่อนใจ เบ้ปากพูด“ก็ได้ครับ งั้นผมจะให้คุณหมอมารักษาที่บ้าน”
ซ่งจิ่นหรงขยับปาก ไม่พูดอะไร
“งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ”พูดจบ ฉู่หลินเฉินจึงพาฉินซูเดินออกไปด้านนอก
ซ่งจิ่นหรงพูด“รอก่อน”
จากนั้นหล่อนจึงเดินมาหยุดตรงหน้าฉินซู สีหน้ากระอักกระอ่วน พูดเสียงค่อย“ได้ยินว่าเธอช่วยฉันไว้ คำว่าขอบคุณ ยังไงก็ต้องพูด”
ฉินซูตะลึงเล็กน้อย เม้มปาก“คุณผู้หญิงเกรงใจไปแล้วค่ะ ปลอมเป็นหลานสะใภ้ของท่าน หนูต้องขออภัยจริงๆ”
ซ่งจิ่นหรงขมวดคิ้ว ถอนหายใจเบาๆ
เมื่อนั่งเข้าไปในรถ ฉินซูมองไปทางผู้ชายข้างๆ เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เขามาไม่ทัน ไม่รู้ว่าเป็น อย่างไรบ้าง
“คำขอบคุณไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวไปหาคนๆหนึ่งเป็นเพื่อนผมก็พอ”
ฉู่หลินเฉินพูดเย็นชา
“ใครกันคะ”
เขาเม้มปาก สีหน้าสบายอารมณ์
เว่ยเหอที่นั่งที่คนขับกระแอมพูดขึ้น“คุณนายหญิง เดี๋ยวคนที่ต้องเจอ คือคู่หมั้นเมื่อสองปีที่แล้วของคุณชายฉู่”
พูดจบ ก็สบสายตามองชายคนนั้น เสริมคำหนึ่ง“รักแรกของคุณชาย”