รักซ่อนร้าย นายซาตานรักผิดคน - ตอนที่ 12 คุณโง่จริงๆ
รถมายบัคสีดำจอดอยู่หน้าประตูโรงพยาบาลถนนบูเลอวาร์ด
ในตอนที่เว่ยเหอเปิดประตูรถออก ฉินซูเห็นหน้าด้านข้างรูปขวานของฉู่หลินเฉิน สวมชุดสูทสีดำ บรรยากาศเย็นเยียบออกจากร่างกาย ยากที่จะบรรยาย
ในบ้านตระกูลฉู่ เธอไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
แต่ตอนนี้ เธอได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของบ้านตระกูลฉู่แล้ว และก็ได้ลิ้มรสแล้วว่าคุณชายคุณชายฉู่เป็นคนที่ล่วงเกินไม่ได้
ความแข็งแกร่งของเขา ฉินซูเปิดประตูรถออกอย่างรู้ตัว เตรียมจะเข้าไปนั่ง
“มานี่!”
ด้านหลังมีเสียงลอดมา โดยที่ไม่สามารถต่อต้านได้
ฉินซูชะงักงัน ได้แต่นั่งหลังตรง
เธอกับฉู่หลินเฉินห่างกันประมาณสิบเซนติเมตร มือขวาจับที่เปิดประตูรถไว้ แบบนี้สามารถช่วยลดความกดดันที่เผชิญกับชายตรงหน้าได้ไม่น้อย……
ฉู่หลินเฉินวางคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอยู่บนตัก เขาอาศัยแสงเพียงเล็กน้อยเหลือบมองการเคลื่อนไหวของฉินซู ลอบถอนหายใจเสียงเบา
รถขับเคลื่อนอย่างช้าแต่มั่นคง
ฉู่หลินเฉินจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทาง นิ้วเรียวยาวเคาะลงบนแป้นพิมพ์ ราวกับกำลังจัดการธุระบางอย่าง เขาไม่ได้สนใจฉินซูแม้แต่น้อย
ฉินซูนั่งอยู่ด้านข้างเงียบๆ รวบรวมสมาธิ พยายามลดทอนตัวตนของตนเองลง
ผ่านไปชั่วครู่ เห็นฉู่หลินเฉินไม่ได้ไถ่ถามถึงตนเอง เธอจึงค่อยๆผ่อนคลายมองดูวิวนอกหน้าต่าง
สายตาของเธอจับจ้องไปที่ทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ในขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดพ่อแม่บุญธรรมของเธอจะย้ายคุณย่าไปที่โรงพยาบาลไหนกัน
เมืองไห่เฉิงกว้างใหญ่ โรงพยาบาลมีไม่น้อย แต่โรงพยาบาลที่จะรับคุณย่าได้มีไม่เกินสิบโรง
เธอเสาะหาไปทีละโรง คงจะหาเจอสักวัน……
ฉับพลันด้านหลังมีเสียงไม่พอใจดังขึ้น“ผมให้คุณรอที่คฤหาสน์ ทำไมถึงวิ่งไปที่โรงพยาบาล”
ฉินซูรู้สึกขนลุกขึ้นมา ราวกับอยู่ในอากาศอันหนาวเหน็บ
เธอหันหน้าไป
ฉู่หลินเฉินได้เงยหน้าขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์เรียบร้อย มองเธอด้วยสายตาเย็นชา รอให้เธออธิบายอย่างสมเหตุสมผล
เมื่อต้องเผชิญกับสายตาที่ยากจะคาดเดาของเขา ฉินซูรู้ตัวดี ต่อหน้าชายคนนี้ ต่อให้มี วาทศิลป์แค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์
เธอจึงตอบออกไปตามตรง“ฉันได้รับโทรศัพท์คุกคามจากแม่บุญธรรม ให้ฉันเอาเงินให้หล่อน ไม่อย่างนั้นจะยุติการรักษาคุณย่า เป็นเพราะกลัวคุณย่าจะเกิดเรื่อง ก็เลยรีบเร่งไปที่โรงพยาบาล‘’
ฉู่หลินเฉินคิ้วกระตุกเล็กน้อย ไม่พูดไม่จา
ฉินซูรู้ว่าเขาไม่เชื่อใจตน แววตาจึงนิ่งขรึม“ฉันเองก็ไม่เคยคาดคิด ว่าพวกเขาจะวางยาฉัน ส่งฉันมาที่บ้านตระกูลฉู่ ถึงขนาดที่ว่า ใช้คุณย่าเป็นตัวประกันในการเรียกเงิน ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว ว่าการที่อยู่ร่วมชายคาบ้าน ก็ใช่ว่าจะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวเสมอไป”
พูดมาถึงตอนสุดท้าย ฉินซูขบริมฝีปากแน่น
ฉู่หลินเฉินเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เขาเคยเห็นข้อมูลของฉินซู รู้สถานภาพพ่อแม่บุญธรรมของเธอ
คำพูดของผู้หญิงคนนี้เชื่อได้หรือ
ฉู่หลินเฉินแค่นเสียงเบา“คุณกำลังจะบอกผม คุณเข้ามาที่บ้านตระกูลฉู่อย่างไม่เต็มใจโดนบังคับใช่ไหม”
“หรือคุณคิดว่าฉันขายตัวโดยบังเอิญ”
ฉินซูถามกลับ ฉู่หลินเฉินแสดงแววตาที่ไม่รู้ว่าจะโต้กลับอย่างไร
เธอยังคงตะลึง
ก็จริง เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของตัวเธอเองทั้งสิ้น เล่าให้เขาฟังมีประโยชน์อะไร หรืออยาก ได้ความสงสารจากเขา
พอคิดดังนี้ ฉินซูจึงเม้มปากไม่พูดอะไร
เห็นเธอนิ่งขรึม ฉู่หลินเฉินรู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด เสียงผัวะดังขึ้น เขาปิดคอมพิวเตอร์ลงอย่างแรง
เขาพูดเสียงเย็น“ฟังนะ ไม่ว่าคุณจะเข้ามาที่บ้านตระกูลฉู่ยังไง ในเมื่อผมให้คุณอยู่
คุณต้องให้ความร่วมมือ!ก่อนที่จากไป ทุกการกระทำของคุณจะต้องสอดคล้องกับสถานภาพของคุณนายหญิงแห่งตระกูลฉู่!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงการเตือนจากคำพูดของเขา ฉินซูจึงขมวดคิ้ว“ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างดีค่ะ แต่ว่า——”
เธอเงยหน้ามองดูเขา ด้วยสายตาที่แน่วแน่“ถ้าคุณย่าเกิดเรื่อง ฉันเองก็ไม่สามารถนิ่งดูดาย”
สิ้นเสียง ความอึดอัดถาโถมกระหน่ำ
ฉู่หลินเฉินสีหน้าอึมครึม จ้องไปที่ดวงหน้าเธอเขม็ง
เว่ยเหอที่กำลังขับรถ พลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ รู้สึกไม่ดี
คุณชายฉู่พิโรธแล้ว!
ฉินซูปะทะเข้ากับสายตาอันตรายของชายหนุ่ม รู้สึกราวกับตนเองกำลังถอนขนที่แผงคอสิงโต
บารมีเขามากล้นนัก ทำให้คนอึดอัดจนหายใจไม่ทั่วท้อง
แต่เธอจะล่าถอยไม่ได้
คุณย่าเป็นเส้นชีวิตของเธอ เธอต้องเข้มแข็ง!
เธอพูดอย่างหัวแข็ง“คุณย่าเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน ก็เหมือนคุณกับคุณผู้หญิงอย่างนั้น ถ้าคุณผู้หญิงเกิดเรื่อง คุณก็ต้องเป็นห่วงกังวล!”
สิ้นเสียง สีหน้าของฉู่หลินเฉินจึงเย็นชาขึ้นอีก
เนิ่นนาน ในตอนที่ฉินซูคิดว่าจะโดนผู้ชายอารมณ์ร้ายคนนี้โยนออกไปนอกรถ เขาก็ระงับอาการเย็นชา ราวกับว่าไม่เคยโกรธเคือง
น้ำเสียงนิ่งเรียบโผล่ขึ้น“งั้นก็ตกลงตามนี้ ต่อไปถ้ามีเรื่องด่วนของคุณย่า ผมจะพิจารณาเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ผมจะจัดการเอง”
ฉินซูตกตะลึง เขาเห็นด้วยแล้วหรือ
แม้ว่า จะเสียดายไม่อยากละทิ้งการเรียน แต่ว่าฉู่หลินเฉินก็ยอมให้แล้วหนึ่งก้าว ถ้าหากเธอยังเรียกร้องอีก ก็จะดูเหมือนได้คืบเอาศอก
ดีที่อาจารย์ทุกคนในโรงเรียนดีกับเธอ พักการเรียนสักเทอมคงไม่เป็นปัญหาอะไร
ฉินซูพูดเสียงค่อย“ขอบคุณค่ะ”
ฉู่หลินเฉินเหล่ตามองเธอ พูดขึ้นอย่างประหลาด“แสดงจุดอ่อนให้ศัตรูเห็น เป็นเพราะโง่เง่า หรือไร้เดียงสา”
เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
เขาเอ่ยเสียงเรียบ“คุณย่าของคุณ”
ฉินซูสีหน้าซีดเผือด
นึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของตน รู้สึกเย็นสันหลังวาบ
เป็นดังฉู่หลินเฉินกล่าว คุณย่าก็คือจุดอ่อนของเธอ
พ่อแม่บุญธรรมใช้คุณย่ามาบังคับเธอ ขู่เข็ญเธอ แต่ก็ยังเหลือพื้นที่ให้ต่อต้าน ถ้าเปลี่ยนเป็นชายคนนี้……ตัวเธอคงจะโดนสับแน่แล้วมั้ง?!
เธอรีบร้อนกลบเกลื่อนความสับสนวุ่นวายในใจ แกล้งทำนิ่งสงบ ส่ายหน้า“คุณไม่ทำอย่างนั้นหรอกค่ะ”
“งั้นเหรอ”
ฉินซูน้ำเสียงแน่นิ่ง พูดทีเล่นทีจริง“คุณชายฉู่ทำอะไรเปิดเผยตรงไปตรงมา ใจกว้างไม่ธรรมดา จะใช้วิธีสกปรกแบบคนพาลได้ไง”
ฉู่หลินเฉินหรี่ตา ยิ้มมุมปากอย่างคลุมเครือ“เธอเป็นคนแรกที่วิจารณ์ฉันแบบนี้”
“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง”เธอตอบใจลอย หากระแวดระวัง
ต่อไปต่อหน้าชายผู้ยากจะคาดเดาคนนี้ ต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำ
ฉู่หลินเฉินไม่ได้พูดประเด็นนี้ต่อ เขาเจียดยิ้ม มองชุดพนักงานทำความสะอาดขอฉินซูอย่างรังเกียจ
“เอาชุดมาจากไหน”
ฉินซูตอบตามตรง “ซื้อมาจากเนตค่ะ ด้านนอกคฤหาสน์มีนักข่าวรออยู่ ตอนฉันออกมากลัวโดนถ่าย จึงแกล้งเปลี่ยนชุด”
ในเรื่องความระมัดระวังของเธอ ฉู่หลินเฉินพึงพอใจมาก
เขากำชับเสียงค่อย“เว่ยเหอ จัดการเก็บพวกนักข่าวพวกนั้นซะ”
“ครับ คุณชายฉู่”
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ มีนักข่าวล้อมรอบเต็มตามคาด
ฉินซูลงจากรถ เดินตามฉู่หลินเฉินเข้าไปในคฤหาสน์
เมื่อเข้ามาในโถง จู่ๆเขาก็ชะงักฝีเท้า ขมวดคิ้วมองเธอ
“ถอดชุดนี้ออกซะ!”
เขารู้สึกว่าเธอรำคาญตา
ฉินซูไม่พูดอะไร หมุนตัวกลับเข้าห้องน้ำ
ตอนออกมา เธอสวมชุดกระโปรงที่คุณผู้หญิงซื้อให้
เมื่อสบตาเข้ากับฉู่หลินเฉิน ฉินซูจึงอธิบายว่า“เสื้อผ้าฉันอยู่ที่บ้านหมด มีแค่ชุดนี้”
พูดจบ เขาขมวดคิ้ว หยิบมือถือ กดเบอร์
“เว่ยเหอ เข้ามา”