[ หลานซาน
งานหลักของคนตักไอศกรีมก็คือนักโภชนาการ หลังจากนี้เขาจะเข้ามารับผิดชอบเรื่องอาหารการกินของเธอที่กองละคร
ไอศกรีมรสชาติไม่เลว แต่ก็อย่าทานเย็น ๆ เยอะล่ะ
เลิกงานแล้วโทรหาฉันนะ แล้วฉันจะไปรับเธอ คืนนี้ฉันจะพาเธอไปรีแลกซ์สักหน่อย
——
คุณลุงของเธอ~~]
ไม่ผิดแน่ คนที่นำอาหารมาส่งให้กับกองละครเมื่อเช้านี้ ไม่ใช่ฉืออวี้เฟิง แต่เป็นกงเส่าถิง เขากังวลว่าในระหว่างที่เยี่ยหลานซานทำงานอยู่ในกองละครนั้น เธอจะได้ทานแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงปิ๊งไอเดียขึ้นมา โดยการส่งนักโภชนาการเข้ามาในกองละครโดยอ้างว่าหวงเจวี๋ยกรุ๊ปเป็นผู้จัดหารถไอศกรีมมาไว้เสิร์ฟเครื่องดื่มของหวานเย็น ๆ ในกองละคร
“คุณลุงของเธอ ฮ่า ๆ”
เมื่อเยี่ยหลานซานเห็นชื่อที่ลงท้ายมากับการ์ดใบนั้น เธอก็อดขำออกมาไม่ได้
นับวันคุณลุงยิ่งน่ารักแล้วก็อ่อนโยนขึ้น แถมยังมีการเขียนการ์ดใบจิ๋วแนบมาให้เธออีกด้วย
เพียงแต่ว่า….
เธอถอนหายใจออกมาด้วยความหดหู่ใจ พลางต่อสายหาคุณลุงผู้นั้น “คุณลุงคะ คืนนี้ที่กองถ่ายมีงานเลี้ยง ฉันเกรงว่าจะไปกับคุณลุงไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรนะ ไว้วันหลังค่อยไปก็ได้” แล้วกงเส่าถิงก็ถามต่อ “แล้วงานเลี้ยงจัดขึ้นที่ไหน?”
“ไดนาสตี้เพนนินซูล่าค่ะ”
“ได้”
เยี่ยหลานซานงงกับคำพูดของกงเส่าถิง
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินมา เยี่ยหลานซานจึงไม่ทันจะได้ถามกงเส่าถิงว่าคำว่า “ได้”ของเขานั้นหมายถึงอะไร เธอพูดแค่เพียงว่า “บาย ๆ ค่ะ” แล้วกดวางสายไปทันที
ซึ่งเสียงนั้นก็คือ หานเวย เธอกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ช่วยของเธอ หายเวยเดินตรงไปที่ที่นั่งของตัวเองและเหลือบมองไปที่เยี่ยหลานซาน มันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เยี่ยหลานกำลังเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋า แล้วก็หยิบการ์ดใบจิ๋วพับเก็บลงไปอีกทีพอดี
หานเวยจ้องมองอยู่สักพัก
“พี่เยี่ย”
เสี่ยวจินเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำ 2 ใบ แล้วยื่นให้เยี่ยหลานซานใบนึงด้วยสีหน้าร่าเริง พลางพูดกับเธอว่า “คนตักไอศกรีมใจดีมากเลยค่ะ พอเห็นหนูเดินผ่าน เขาก็เอาน้ำชามาให้ตั้ง 2 แก้ว หนูดื่มแล้ว อร่อยมาก ๆ เลยค่ะพี่เยี่ย พี่ลองดูสิคะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องของกิน แววตาของเสี่ยวจินก็เปล่งประกายทันที จนสัมผัสได้ถึงออร่าแห่งความสุขที่แผ่ออกมาทั่วทั้งตัวเธอ
หน้าตาที่เต็มไปด้วยความสุขเหมือนไม่มีเรื่องทุกข์ใจของเธอนั้น ทำให้คนรอบข้างพลอยมีความสุขไปด้วย
เยี่ยหลานซานยื่นมือออกมารับแก้วชาไปชิมดู ก็ได้รู้ว่ารสชาติไม่เลวจริง ๆ อีกทั้งยังเหมือนกับรสชาติที่เธอชงให้กงเส่าถิงดื่มก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
กงเส่าถิงเหรอ?
พอนึกถึงเขาทีไร เธอก็เผลอยิ้มออกมาทุกที
ในยุคดิจิดอล ทุกคนคงจะเคยชินกับการแชทกันไปมา แต่การมอบการ์ดให้กันแบบนี้ มันชวนให้รู้สึกถึงรสชาติของชีวิตจริง ๆ เลยเนอะ
แล้วหานเวยก็บังเอิญเหลือบไปเห็นเยี่ยหลานซานเผลอยิ้มหวานออกมา เหมือนสาวน้อยที่กำลังมีความรัก สายตาของเธอจึงเต็มไปด้วยความสงสัย
เธอสอดส่องสายตาไปที่กระเป๋าของเยี่ยหลานซาน
……
ณ โรงแรมไดนาสตี้เพนนินซูล่า
ทีมงานของกองถ่ายละครทุกคนกำลังทยอยกันเข้าไปในห้องวีไอพีโดยมีบริกรของทางโรงแรมนำทางพวกเขาเข้าไป ในขณะเดียวกันทีมงานหลาย ๆ คนก็เริ่มจะส่งเสียงดังเพราะตื่นเต้นกับค่ำคืนนี้กันแล้ว
“ไดนาสตี้เพนนินซูล่า เดิมเป็นโรงแรมอันดับต้นที่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวง นายน้อยเฉียวได้จองมื้อค่ำสำหรับทุกคนไว้ที่นี่ ทุกคนตกใจกันมาก เพราะคิดไม่ถึงว่า จะได้มารับประทานอาหารที่ร้านอาหารคริสตัลแห่งที่สองของไดนาสตี้เพนนินซูล่า! “
“ฉันได้ยินมาว่า เชฟของคริสตัลมาจากฝรั่งเศส และเป็นผู้มีหน้ามีตาในระดับสากลอีกด้วย”
“นายน้อยเฉียวใจกว้างจริง ๆ เลย”
เมื่อทุกคนต่างพากันชื่นชมเฉียวเฟยฝานแล้วนั้น มีหรือที่จะไม่อิจฉาเกาซินซินผู้ซึ่งเป็นแฟนสาวของเขา?
เริ่มต้นที่หานเวยก่อนเลยคนแรก “ซินซิน เธอช่างโชคดีจริง ๆ ที่มีแฟนหนุ่มอย่างนายน้อยเฉียว”
“ใช่ ๆ เธอเป็นดาราหญิงที่น่าอิจฉาที่สุดในวงการบันเทิงเลยนะซินซิน ใครก็เทียบไม่ติดจริง ๆ”
แล้วก็มีคนเข้ามาถามเฉียวเฟยฝาน “นายน้อยเฉียวคะ ไม่ทราบว่าคุณสองคนจะหมั้นกันเมื่อไหร่เอ่ย? ถ้าถึงตอนนอนเมื่อไหร่อย่าลืมส่งบัตรเชิญมาให้พวกเราด้วยนะคะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ใช่ ๆ ๆ”
ผู้คนเริ่มพากันส่งเสียงเชียร์
เกาซินซินยืนยิ้มพิงแขนเฉียวเฟยฝานด้วยท่าทางเขินอายท่ามกลางสายตาของทุกคน “ฉันแล้วแต่พี่เฉียวเลยค่ะ”
เฉียวเฟยฝานยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนแล้วก็โอบเธอแน่นขึ้น
การแสดงความรักที่ไม่สิ้นสุดระหว่างทั้งสองคน ทำให้คนรอบข้างถอนหายใจออกมา “โอ้ย น่าอิจฉาจัง! ดูสิ ๆ คนสวยของพวกเราเขินใหญ่แล้ว เห็นหน้าแดง ๆ นั่นของเธอแล้วทำให้ฉันอยากมีความรักบ้างจัง”
เกาซินซินคร่ำครวญออกมา “พวกคุณก็…อย่าแกล้งกันสิคะ…”
เธอดัดเสียงจนน่ารักน่าเอ็นดู
ยิ่งดึงดูดให้ทุกคนพากันหัวเราะเข้าไปอีก
แล้วตอนนี้ก็เป็นเวลา 2 ทุ่มพอดีเป๊ะ ท้องของเสี่ยวจินร้องโครกครากด้วยความหิว แต่คนพวกนั้นก็มัวแต่สรรเสริญเยินยอกันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ทำเอาเสี่ยวจินโกรธจนแทบอยากจะวิ่งเข้าไปตะโกนใส่หน้าว่า “น่ารำคาญจริง ๆ มาถึงร้านอาหารนี่แต่ไม่ยอมกินข้าวกันสักที จะแสดงความรักอะไรกันนักหนา?!”
ท่าทางของเสี่ยวจินทำเอาเยี่ยหลานซานขำออกมา แล้วเธอก็มองไปรอบ ๆ ก่อนจะยื่นช็อคโกแลตให้กับเสี่ยวจิน “เดี๋ยวอาหารก็น่าจะมาเสิร์ฟใน 10 นาทีนี้แหละ อดทนอีกหน่อยนะ”
“ค่ะ”
เสี่ยวจินทำหน้ามุ่ยก่อนจะหยิบช็อคโกแลตจากเยี่ยหลานซานไปกัดกินรองท้อง แต่เธอก็ยังรู้สึกขัดใจกับภาพตรงหน้า “รักกันเข้าไป จะได้ตายเร็ว ๆ!”
2คนนั้นจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เป็นคนดีสักเท่าไหร่ และเสี่ยวจินเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับ 2 คนนั้นด้วย
โชคดีที่คนเหล่านั้นเหนื่อยกันมาทั้งวัน หลังจากที่พวกเขาพล่ามถึงเรื่องของ 2 คนนั้นจนจบไป ก็ไม่มีใครผุดประเด็นหรือคำถามใหม่ ๆ อะไรขึ้นมาอีก เพราะตอนนี้พวกเขาก็เริ่มหิวกันแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ทุก ๆ คนต่างก็พากันจับจองที่นั่ง
เยี่ยหลานซานเกี่ยวแขนเสี่ยวจินไว้ให้อยู่ข้างกายเธอตลอด และทั้งสองคนก็ได้นั่งโต๊ะกลางของห้องอาหารที่สามารถนั่งได้ถึง 20 คน
เมื่อมีคนเห็นว่าผู้ช่วยนักแสดงคนหนึ่งซึ่งก็คือเสี่ยวจิน ได้เข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับผู้กำกับละคร โปรดิวเซอร์รวมถึงนักแสดงนำอีกหลายคน ทีมงานคนอื่มก็พากันไม่พอใจ เพราะรู้สึกว่าฐานะของตัวเองนั้นถูกฉุดให้ดูต่ำลง แต่พอนึกถึงเครื่องดื่มของหวานเย็น ๆ ที่ทางหวงเจวี๋ยส่งมาให้ทุกคนได้ดื่มกินกันในวันนี้แล้วนั้น ก็ทำให้ทุกคนยอมที่จะปิดตาข้างเดียว และไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องผู้ช่วยตัวน้อยคนนั้นอีก
เยี่ยหลานซานทานแค่พออิ่ม จากนั้นก็นั่งมองเสี่ยวจินนั่งทานอย่างมีความสุข โดยที่บริกรยกอาหารมาเพิ่มให้เสี่ยวจินครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้ศิลปินคนอื่น ๆ เริ่มบ่น
“ผู้ช่วยตัวน้อยคนนี้เป็นใครมาจากที่ไหนกัน? ทำไมเยี่ยหลานซานถึงได้ดูแลเธอดีขนาดนี้?”
“น่าจะเป็นคนที่มีฐานะดี”
“เป็นไปไม่ได้อะ ถ้าเป็นคนที่มีฐานะดีจะมาทำหน้าที่ผู้ช่วยได้ยังไง?”
“งั้นถ้าเกิดว่าเธอบีบบังคับเยี่ยหลานซานละ!”
"……"
ทุกคนต่างพากันคิดเองเออเอง
ภายใต้สายตาของทุกคนที่กำลังคิดกันไปต่าง ๆ นา ๆ เกี่ยวกับตัวเสี่ยวจิน จู่ ๆ หานเวยกับเกาซินซินก็มองหน้ากันและพากันเดินมาหาเยี่ยหลานซานโดยในมือของทั้งคู่ต่างก็ถือแก้วไวน์กันคนละแก้ว “หลานซาน เรา 2 คนใช้ห้องแต่งตัวร่วมกัน แล้วหลังจากนี้ เราก็จะต้องเจอกันตลอด 4 เดือนของการถ่ายทำละคร พี่ขอดื่มให้เธอจ่ะ”
แม้หลานซานจะรู้ดีว่าการดื่มฉลองให้กันหรือมีใครเข้ามาดื่มให้ก็ตามนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เธอก็คาดไม่ถึงว่าคนแรกที่จะเข้ามาดื่มให้เธอนั้น จะเป็นหานเวย
และถึงเธอจะดื่มไม่เก่ง แต่เธอก็ต้องรับไว้ “พี่เวยเป็นผู้อาวุโสกว่า เพราะฉะนั้นฉันดื่มให้พี่นะคะ”
“งั้นหมดแก้วเลยนะจ้ะ”
หานเวยยิ้มแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมด
หลังจากนั้นก็คว่ำแก้วไวน์ให้เยี่ยหลานซานดู และจ้องเธอเพื่อรอให้เธอดื่ม
เยี่ยหลานซานพูดไม่ออก
พี่สาว การดื่มไวน์แดงนั้นต้องค่อย ๆ จิบลิ้มรสอย่างช้า ๆ ไม่ใช่เขมือบเหมือนวาฬกินน้ำแบบพี่นะคะ!
เยี่ยหลานซานพึมพำอยู่ในใจ แต่ใบหน้าของเธอก็ยังส่งยิ้มให้กับสาวรุ่นพี่ แล้วเยี่ยหลานซานก็รีบกระดกไวน์ให้จบ ๆ ไปตามธรรมเนียม
หลังจากหานเวยเข้ามาชนแก้วกับเยี่ยหลานซานแล้วนั้น คนอื่น ๆ ก็พากันซุบซิบแล้วก็ทยอยเดินมาชนแก้วกับเยี่ยหลานซานกันต่อ แม้แต่เสี่ยวจินก็ไม่อาจจะทนดูต่อไปได้อีก เธอจึงทำท่าคว้ามาดื่มแทนเยี่ยหลานซาน
นั่นทำให้หานเวยหัวเราะและพูดเสียงดังแทรกขึ้นมา “หลานซาน ผู้ช่วยตัวน้อยของเธอเนี่ยจุ้นจังเลย พวกเราสาว ๆจะดื่มฉลองกัน พูดคุยกัน เธอก็ยังจะเข้ามาจุ้นจ้านอีกเหรอ?”
MANGA DISCUSSION