กงเส่าถิงหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง แล้วขานกลับไป “หืม”
“ขอบคุณนะคะ”
เสียงที่แผ่วเบาของเธอนั้นสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจของกงเส่าถิง
เขาไม่ได้หันกลับไป เพราะกลัวว่าความร้อนในดวงตาของเขาตอนนี้ จะทำให้เธอตกใจ จึงตอบกลับไปแค่ “พักผ่อนเยอะ ๆ นะ” แล้วก็เปิดประตูออกไปเลย
เดิมจากที่สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความหลงใหลและความปรารถนา มันก็ได้มลายหายไปในทันทีที่ปิดประตูลง
โลกของเขาหยุดหมุน ทุกอย่างเงียบสงัด เพียงเพราะเขายังสลัดภาพเนินอกขาวเนียนที่สั่นไหวด้วยแรงกระแทกนั้นออกจากหัวไม่ได้
กงเส่าถิงตกอยู่ในภวังค์อยู่พักใหญ่…
จนเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองร้อนรนจนแทบจะลุกเป็นไฟ ก่อนจะยกมือขึ้นคลึงขมับตัวเองเพื่อเรียกสติ
หวังชุยที่กำลังเดินขึ้นมาชั้นบน เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านายตัวเองที่กำลังแดงก่ำ ก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและถามขึ้น “บอสครับ บอสไม่ได้เป็นอะไรแน่นะครับ?”
ทั้งที่หน้าตาแดงไปหมดขนาดนี้เนี่ยนะ!?”
กงเส่าถิงเงียบกริบ
เขามองหน้าหวังชุยด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะเดินเข้าไปห้องข้าง ๆ ที่อยู่ติดกับห้องของเยี่ยหลานซาน
เขาคงจะอยากไปอาบน้ำเย็น ๆ ให้สดชื่นสักหน่อยละมั้ง
ตัดภาพมาอีกห้องหนึ่ง เยี่ยหลานซานที่ตอนนี้สวมชุดนอนเรียบร้อย และนั่งทานโจ๊กด้วยใบหน้าที่ยังคงแดงก่ำไม่หายเพราะเหตุการณ์เมื่อสักครู่… และเมื่อเธอรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน
ตอนที่เธอติดตามอวิ๋นซีไปล่าตัวหัวหน้าแก๊งชิงไห่อย่างลับ ๆ แต่เธอกลับต้องเผชิญหน้ากับคนอีกกลุ่มหนึ่ง หนำซ้ำยังถูกเข้าใจผิดว่าเป็นหัวหน้าแก๊งชิงไห่ซะเอง จนสุดท้ายต้องถูกตามล่าท่ามกลางฝนที่ตกหนักไปอีก…
“บ้าจริง ๆ!“
เธอสบถออกมาทีนึง เมื่อคิดได้ว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นทำให้เธอต้องป่วยและนอนซมมาจนถึงตอนนี้
“สรุปแล้วแก๊งปริศนาที่เข้าไปหาเรื่องแก๊งชิงไห่มันคือใครกันนะ?”
เยี่ยหลานซานยิ่งคิดก็ยิ่งคับข้องใจ จึงต่อสายหาอวิ๋นซีทันที “พี่ชายสี่ สามารถระบุตัวตนของแก๊งปริศนานั่นได้รึยัง?”
อวิ๋นซีที่กำลังงอขาขึ้นนั่งเหมือนขุนนางใหญ่ และกำลังชี้นิ้วสั่งให้เสี่ยวจินยกนู่นย้ายนี่ในห้องนอนของเยี่ยหลานซาน เพื่อที่ตัวเองจะได้เข้าไปอยู่แทน เขาตอบปลายสายในขณะที่มีเสียงลากของ รื้อของ แทรกอยู่เป็นระยะ “เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะสืบหาตัวคนพวกนั้นน่ะ?”
คำถามนี้ถือว่าเป็นคำถามที่โง่มากสำหรับเยี่ยหลานซาน เธอกลอกตามองบนก่อนจะตอบกลับไป “คนที่มีจิตใจเคียดแค้นพยาบาทอย่างพี่เนี่…”
“เฮ้เฮ้เฮ้ พูดงี้ได้ไงยะ?”
อวิ๋นซีแก้ตัวต่อ “บุญคุณต้องรีบทนแทน มีหนี้แค้นต้องรีบชำระตะหากล่ะ!”
“มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ” ใจจริงเยี่ยหลานซานอยากจะโทรมาคุยเรื่องสำคัญ แต่เธอก็ต้องสะดุดเข้ากับเสียงรบกวนจากปลายสาย จนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “นั่นพี่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
“ย้ายที่นอนไง!”
“ย้ายที่นอน?” เธอเริ่มรู้สึกทะแม่ง ๆ
แล้วอวิ๋นซีก็พูดขึ้นว่า “เธอก็มีสามีคอยดูแลอยู่แล้วหนิ วันวันไม่กลับบ้านกลับช่อง ฉันเลยให้เสี่ยวจินย้ายของของเธอออกมาให้หมด แล้วคืนนี้ฉันก็จะย้ายเข้าไปอยู่แทน หญิงงามแห่งยุคอย่างฉันจะให้นอนโซฟาทุกคืนเรอะ? ถ้ากระดูดกระเดี้ยวฉันเสื่อมขึ้นมาจะทำยังไง?!”
“สักวันนึงพี่จะได้รู้ ว่ากระดูกของพี่ไม่ได้เสื่อมเพราะนอนโซฟาทุกคืน แต่มันจะเละเพราะถูกกระทืบ!”
น้ำเสียงของเยี่ยหลานซานแสดงออกถึงความโกรธ โกรธที่พี่ชายของเธอมายึดพื้นที่ส่วนตัวของเธอไปได้
โอ๊ยยย อยากจะกลับไปโวยวายใส่จริง ๆ!
อยากจะตบเขาแรง ๆ ซักป้าบ!
และดูท่าเขาจะรู้ว่าเธอกำลังโกรธจัด จึงหัวเราะออกมาและพูดต่อไปว่า “อย่าโกรธเลยน่า เราสองคนเป็นพี่น้องกัน ของของน้องก็เหมือนของของพี่ ส่วนของของพี่ ก็ต้องเป็นของของพี่ คนกันเองทั้งนั้นน เนอะ”
เยี่ยหลานซานพูดอะไรต่อไม่ออก
ได้แต่คิดในใจว่าถ้าหากพระเจ้าจะสร้างพวกเขาขึ้นมาอีกครั้ง เธอจะขอคัดค้านอย่างรุนแรงที่จะให้ชายคนนี้มาเกิดเป็นพี่ชายของเธออีก!
เธอรู้สึกโกรธมาก แต่ก็ยังต้องฝืนยิ้มและถามเข้าประเด็นสำคัญต่อ “เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ตกลงพี่ได้เช็คดูรึยังว่าคนพวกนั้นเป็นใครกันแน่?”
อวิ๋นซีตอบพลางถอนหายใจ “เห้อ สืบหาอะไรไม่เจอเลย”
เยี่ยหลานซานรู้สึกแปลกใจมาก จึงถามต่อ “ทำไมล่ะ?”
นี่ไม่ใช่สไตล์ของอวิ๋นซีเลย! และยิ่งไปกว่านั้นข้างกายเขาก็มีเสี่ยวจินผู้รอบรู้เรื่องไอทีอยู่ด้วย!
“เสี่ยวจินได้ตรวจสอบทุกอย่างหมดแล้ว ป้ายทะเบียนรถของพวกมันเป็นป้ายทะเบียนปลอมทั้งหมด รถที่พวกมันใช้ก็ตรวจสอบได้แล้วว่าเป็นรุ่นเดียวกันทุกคัน และเป็นรุ่นที่ใครหลาย ๆ คนใช้กัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะตามหาตัวพวกมันเจอ เพราะตัวรถมอเตอร์ไซค์ของพวกมันก็ไม่มีอะไรที่เป็นตำหนิหรือร่องรอยที่จะเป็นเบาะแสในการสืบหา ส่วนเบาะแสทางโซเชียลก็ไม่มี พวกมันเก็บกวาดเรียบทุกครั้งที่ก่อเหตุ แม้แต่เมื่อคืนวานที่มันบุกเข้าไปในโกดังของแก๊งชิงไห่ ก็ไม่มีการทิ้งร่องรอยการต่อสู้อะไรไว้เลยสักนิดเดียว แถมยังเล็ดลอดหน่วยเฝ้ายามของแก๊งชิงไห่ได้อย่างแยบยลจนฉันอยากจะยกนิ้วให้จริง ๆ “
แล้วอวิ๋นซีก็เพิ่มน้ำหนักเสียงขึ้น “เสียวชี ฉันว่าเบื้องหลังของคนพวกนั้นไม่ธรรมดา”
เยี่ยหลานซานตาค้าง นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
อวิ๋นซีจึงสลัดท่าทางดื้อรั้นของตัวเองก่อนจะพูดปลอบใจน้องสาว “เธอก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวเสี่ยวจินจะช่วยสืบหาตัวผังหลงทางอินเทอร์เน็ตให้เอง ส่วนเรื่องแก๊งปริศนานั่น…คิดซะว่าศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อนของเรา คงไม่ใช่ศัตรูของเราหรอกเนอะ”
“อื้ม”
แล้วเยี่ยหลานซานแล้วก็วางสายลง
ถึงแม้เธอจะคิดว่าที่อวิ๋นซีพูดมานั้นมีเหตุผลก็ตาม แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี คิด ๆ ไปแล้วก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนที่กำลังจับตามองเธออยู่รึเปล่า แล้วเขาจะชั่วร้ายขนาดไหนกันนะ
และที่ทำให้เธอไม่สบายใจกว่านั้นก็คือ
อ้ะ!!!
ถ้าเกิดว่าเธอตอบแทนบุญคุณของกงเส่าถิงเสร็จสรรพแล้ว เมื่อเธอกลับถึงบ้าน เธอจะนอนตรงไหนละเนี่ย!!!
“อวิ๋นซี พี่นี่หน้าไม่อายจริง ๆ!” สายตาของเธอเต็มไปด้วยความกระหายการแก้แค้น “ฉันจะต้องชิงตัวเสี่ยวจินมาให้ได้ ฉันจะไม่ยอมให้เธออยู่ใกล้ ๆ คนอย่างพี่หรอก!”
……………………
เมื่อกงเส่าถิงอาบน้ำเสร็จ ก็คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู พบว่ามีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับ 2 สายกับข้อความที่ยังไม่ได้อ่านอีก 2 ข้อความ
ทั้งหมดนั่นล้วนเป็นสายเรียกเข้าและข้อความจากกงฉีหลิน
เขากดเปิดข้อความ กะว่าจะดูผ่าน ๆ แต่แล้วก็มีสิ่งหนึ่งที่เตะตาเขาเข้า
[ลุงเล็กครับ หลังจากงานเลี้ยงที่วังเสร็จสิ้น คุณปู่คุณย่าก็พูดถึงเรื่องที่หลิงมู่วานแห่งตระกูลหลิงกำลังจะกลับมาจากเมืองนอกในสัปดาห์หน้า และเธอก็ได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงที่วังของเราในสัปดาห์หน้าอีกด้วย เจ้าลิงน้อยจึงยั้งปากไว้ไม่ทัน เผลอพูดออกไปว่าลุงมีผู้หญิงที่ชอบอยู่แล้ว…]
[เตือนภัยขั้นที่ 1: คุณปู่กับคุณย่ากำลังเดินทางไปยังโกลเด้นแมนชั่น อีก 25 นาทีถึงจุดหมาย]
กงเส่าถิงอึ้งกิมกี่
และก้มดูเวลา
ข้อความสุดท้ายจากกงฉีหลินถูกส่งมาเมื่อ 21 นาทีที่แล้ว
ถ้าอย่างนั้น ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึง 4 นาทีน่ะสิ!?
เขากำโทรศัพท์ในมือแน่น แววตาแข็งกร้าว “เจ้าเด็กเซ่อเอ้ย!”
วันนี้เป็นวันที่ตระกูลกงจะต้องจัดงานเลี้ยงรับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งงานนี้จะมีขึ้นในทุก ๆ สัปดาห์เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ว่าใคร ก็ต้องกลับไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่วังเดิม และเนื่องด้วยอาการป่วยของเยี่ยหลานซาน เขาจึงบอกกงฉีหลินให้แจ้งทางวังเดิมไปว่าเขามีธุระด่วนต้องออกไปนอกเมืองกระทันหัน แต่ผลปรากฎว่า…ฉืออวี้เฟิง เจ้าเด็กเซ่อคนนั้นดันหลุดปากพูดความลับของเขาออกไป
ถ้าหากว่าเขาสามารถเอาชนะใจเยี่ยหลานซานได้ เขาก็ยินดีที่จะพาตัวเธอกลับไปที่วังอยู่แล้ว
แต่ ณ ตอนนี้…
ฟ้าดินต่างก็รู้ดีว่าเขาพยายามใช้ 108 วิธีแล้ว ก็ยังทำได้แค่มีเธออยู่ใกล้ ๆ เขาเท่านี้จริง ๆ!
และถ้าจู่ ๆ พ่อแม่ของเขามาปรากฏตัวหรือว่าพูดอะไรบางอย่างออกมา จนทำให้เธอต้องระแวงตัวเขาขึ้นมาแล้วละก็ เขารับประกันเลยว่า ด้วยนิสัยของเยี่ยหลานซานคนนี้ เธอจะต้องคิดว่าการที่เขาช่วยชีวิตเธอตั้งแต่ครั้งแรกนั้น เป็นแผนการของเขาอย่างแน่นอน
เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะต้องเสียเธอไป แล้วเขาจะไปตามหาภรรยาตัวน้อยให้กลับมาได้จากที่ไหนอีกล่ะ!?
ความเศร้าหมองปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
กงเส่าถิงรีบแต่งตัวจนเนี้ยบ และเดินออกจากห้องทันทีทั้งที่ผมยังเปียกอยู่
และเมื่อเขาเดินลงบันไดมา ก็เจอกับเยี่ยหลานซานที่กำลังเดินลงบันได้อยู่พอดี
เมื่อเธอเห็นเขาเดินลงมาทั้งที่ผมยังเปียก บวกกับการแต่งตัวที่เนี้ยบและฝีเท้าที่ก้าวลงมาอย่างรีบ ๆ ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอก
เธอจึงถามด้วยความแปลกใจ “คุณลุง จะไปไหนคะ?”
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
แม้ว่ากงเส่าถิงจะกำลังร้อนใจอยู่ แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะกำชับเธอก่อนจะไปว่า “หวังชุยอยู่ข้างล่าง เดี๋ยวอีกสักพักให้เขาช่วยตรวจดูอาการของเธออีกทีนึงนะ ถ้าอยากจะกินอะไรก็บอกเขาได้เลย ให้เขาออกไปซื้อมาให้ เพราะฉันคงจะกลับดึกหน่อยนึง”
“รับทราบค่ะ”
เยี่ยหลานซานพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แต่เมื่อเหลือบไปเห็นน้ำที่กำลังหยดลงมาจากปลายผมของกงเส่าถิง เธอจึงพูดขึ้นว่า “คุณลุงคะ รอเดี๋ยวค่ะ ขอเวลา 5 วินาทีนะคะ”
พอพูดจบเธอก็รีบวิ่งกลับห้องไปหยิบผ้าขนหนูแห้ง ๆ ผืนนึงลงมายื่นให้กับเขา “ฉันรู้ค่ะว่าคุณกำลังรีบ และคงไม่ดีแน่ถ้าจะยื้อคุณไว้แล้วช่วยเช็ดผมให้คุณก่อน ผ้าขนหนูผืนนี้เอาไว้เช็ดระหว่างทางนะคะ”
MANGA DISCUSSION