อวิ๋นซีแอบย่องเข้าไปในโกดัง และหลบอยู่ในมุมมืดเพื่อคอยสังเกตการณ์ศัตรู
ค่ำคืนที่แสนจะเงียบงันถูกปลุกให้ตื่นขึ้น โดยมีเด็กหนุ่มหลายคนในโกดังถูกฆ่าตายก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อเริ่มรู้สึกตัวกันอีกที ก็เสียกำลังคนไปมากกว่าครึ่งแล้ว
อวิ๋นซีไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะต่อสู้ฆ่าแกงกันอย่างไร ตอนนี้เขาสนใจเพียงแค่ว่าใครคือหัวหน้าแก๊งชิงไห่
แต่ดูเหมือนพวกที่เพิ่งเข้าไปตะลุมบอนแก๊งชิงไห่ก็น่าจะเข้ามาตามหาหัวหน้าแก๊งชิงไห่เช่นกัน
หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์พวกนั้นดึงเด็กหนุ่มที่กำลังกลัวจนตัวสั่นคนหนึ่งขึ้นมา และถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม ๆ ว่า “ผังหลงอยู่ไหน?”
ผังหลง ก็คือหัวหน้าแก๊งชิงไห่
“ขะ ขะ เขาไม่อยู่ที่นี่ครับ…”
“แล้วอยู่ไหน?!”
“ผมไม่รู้ครับ”
แล้วชายคนนั้นก็ไม่ถามอะไรต่อ
อวิ๋นซีขมวดคิ้ว “ผังหลงไม่อยู่งั้นเหรอ?”
เห็นท่าทางกลัวตายของเจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว ดูท่าจะไม่ได้โกหกจริง ๆ หรือว่า ผังหลงจะรู้ตัวแล้วแอบหนีไปซะก่อน?
“เวรแล้ว”
อวิ๋นซีเผลอสบถออกมา
และการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของเขาครั้งนี้ ก็ดึงดูดความสนใจของชายสองคนในกลุ่มนั้น ทั้งสองคนหันมามองทางมุมที่อวิ๋นซีกำลังหลบอยู่ “ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?!”
เสียงตะคอกที่แสนจะดุร้ายนั้นทำให้อวิ๋นซีเริ่มเห็นท่าไม่ดี จึงรีบวิ่งออกจากโกดังโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ทันทีที่ออกมาจากโกดัง เขาก็รีบคว้าตัวเยี่ยหลานซานที่กำลังรออยู่ข้างนอกให้ขึ้นซ้อนจักรยานไฟฟ้าแล้วรีบบิดออกไปด้วยความเร็ว
เสียงของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เริ่มรู้ตัว ตะโกนลั่นมาจากด้านหลังของทั้งคู่ “มีคนหนีไปได้แล้ว! ต้องเป็นผังหลงแน่ ๆ! พวกนาย 4 คนรีบตามไปจับตัวมาให้ได้!”
อวิ๋นซีได้ยินดังนั้นก็บ่นพึมพำ “โอ้ย พวกตาถั่ว ผังหลงมันหนีไปตั้งนานแล้ว ตรูหน้าเหมือนไอเลวนั่นหรือยังไง?”
แต่จะทำไงได้ พวกข้างหลังไม่ได้ยินเสียงของอวิ๋นซีเลย อีกทั้งยังไล่ตามมาไม่หยุด
เยี่ยหลานซานที่นั่งอยู่เบาะหลัง กำเสื้อพี่ชายแน่น แล้วก็ขยับปากถามทันทีที่ได้ยินเสียงแตรจากมอเตอร์ไซค์ข้างหลัง “พี่ไปทำอีท่าไหนถึงถูกจับได้เนี่ย?”
“อย่าให้ฉันพูดเลย ยิ่งพูดยิ่งอยากจะร้องไห้…”
อวิ๋นซีกลอกตาด้วยความหดหู่ใจ ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงฟ้าร้องบวกกับลมที่กำลังพัดไปมาก็เริ่มเย็นขึ้น
อวิ๋นซีสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้อง “สถานการณ์เมื่อกี้ว่าแย่แล้ว นี่ยังจะแย่เข้าไปอีกเหรอเนี่ย โอ้ย..ฝนจ๋า”
ทันทีที่เขาพูดประโยคนั้นจบฟ้าก็แลบขึ้นมา แล้วฝนเม็ดใหญ่ก็ค่อย ๆ ตกลงมาอย่างหนัก
ในขณะนั้นเม็ดฝนก็เริ่มตกลงมาปะทะหน้าผากของเยี่ยหลานซานด้วย เธอจ้องมองอวิ๋นซี ผู้ที่กำลังจะพาเธอผ่านคำคืนฝนกระหน่ำนี้ และพูดออกมาอย่างเบา ๆ “ฉันได้ค้นพบแล้วว่า ทุก ๆ ครั้งที่ฉันออกมาทำเรื่องไม่ดีกับพี่ มันจะต้องมีเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตามมาทุกทีเลย”
“ครั้งก่อนเราสองคนก็ช่วยกันขโมยโทรศัพท์ของเจ้าคนเพี้ยน สุดท้ายก็ต้องโดนหมาวิ่งไล่ตาม”
“แล้วก็ครั้งล่าสุด…”
เยี่ยหลานซานนึกถึงเรื่องน่าอายที่พี่ชายชวนเธอไปทำ จนเกิดคำถามขึ้นมาว่า “พี่ชายสี่ พี่นี่เป็นเทพแห่งความซวยรึเปล่า?”
มือที่กำลังบิดคันเร่งของอวิ๋นซีเริ่มสั่นขึ้นมา
เขาด่าออกมาด้วยความหงุดหงิด “ยัยน้องคนนี้นี่ ครั้งนี้พี่มาช่วยแกแท้ ๆ แกยังจะมาใส่ร้ายว่าฉันเป็นตัวซวยอีกเรอะ!”
เยี่ยหลานซานแก้ตัว “ฉันพูดความจริงต่างหากล่ะ”
“พี่จะบอกความจริงเธออีกเรื่องนึงนะ ว่าถ้าเธอยังไม่หุบปาก พี่จะจับเธอโยนลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
“…พี่สี่ นี่รถฉันนะ”
“แต่ฉันเป็นพี่ชายเธอ!”
เยี่ยหลานซานเถียงไม่ออก
ฟ้าดินต่างรู้ดีว่าค่ำคืนนี้เยี่ยหลานซานต้องสลดใจแค่ไหน ทั้งที่ตัวหัวหน้าแก๊งชิงไห่ก็ยังหาไม่เจอ และสุดท้ายก็โดนอวิ๋นซีลากกลับมาท่ามกลางฝนตกหนักแบบนี้อีก เมื่อหนีพ้นคนพวกนั้นมาได้ ทั้งคู่ต่างก็อยู่ในสภาพตัวเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ เยี่ยหลานซานแวะส่งอวิ๋นซีที่คอนโด ก่อนที่เธอจะกลับมายังโกลเด้นแมนชั่น แต่ในระหว่างทาง แบตเตอรี่ก็ดันมาหมดซะก่อน…
เยี่ยหลานซานยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน และพูดขึ้นมากับตัวเอง “คราวหน้าฉันจะไม่ออกโรงกับมือสมัครเล่นอย่างอวิ๋นซีอีกแล้ว!”
จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนเกือบตี 2 เธอก็กลับมาถึงโกลเด้นแมนชั่นด้วยความแค้นใจ
และโชคดีที่ฝนตกหนักแบบนี้ บอดี้การ์ดของกงเส่าถิงจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน ทำให้ทางสะดวกมากยิ่งขึ้น เยี่ยหลานซานปีนหน้าต่างกลับไปยังห้องของเธอและอาบน้ำอุ่นในทันทีที่ถึงห้อง ก่อนที่เธอจะล้มตัวลงนอน หลับไปด้วยความง่วงงุ่น
“จับตัวมาได้แล้วใช่มั้ย?”
เขาเดินไปรับแก้วน้ำที่บอดี้การ์ดกำลังยื่นให้ และดื่มน้ำไปอึกนึงก่อนจะถามขึ้น
บอดี้การ์ดขมวดคิ้วแล้วก้มหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า “มันหนีไปได้ครับ”
กงเส่าถิงบีบแก้วน้ำในมือแน่น “เกิดอะไรขึ้น?”
เราพยายามตามจับมันอย่างเต็มที่แล้วครับ แต่พวกมันขี่จัรยานไฟฟ้าหนีเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ พวกเราตามไปได้ครึ่งทางก็คลาดกับพวกมันเลยครับ…
กงเส่าถิงเงียบไม่พูดอะไร
เพียงแต่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน
เขาประเมินแก๊งชิงไห่และผังหลงไว้ต่ำไปมาก จากข้อมูลที่ได้มา ระบุไว้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงนักเลงกระจอก ๆ ที่ไม่มีทักษะอะไรมากมายเลย และเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าคน ๆ นั้นจะสามารถหนีพ้นเงื้อมมือคนของเขาไปได้
บอดี้การ์ดของกงเส่าถิงสารภาพผิดและพูดต่อ “บอสครับ โปรดลงโทษพวกเราด้วยครับ!”
“ไปที่ฐานเพื่อรับโทษด้วยตัวเอง อ้อ แล้วก็รีบประกาศลงไปให้ทราบทั่วกันในกองกำลัง เร่งสืบหาเบาะแสของผังหลงมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเครือข่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งชิงไห่ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปล่อยเอาไว้ด้วย”
“ครับบอส!”
หลังจากสั่งการเสร็จสรรพ เหล่าบอดี้การ์ดก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ กงเส่าถิงก้มดูนาฬิกา
นี่ก็เป็นเวลา 7 โมงเช้าแล้ว แต่เยี่ยหลานซานก็ยังไม่ตื่น เขาจึงปล่อยให้เธอนอนต่อ และสั่งให้บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านนอกออกไปซื้ออาหารเช้ามาไว้ให้เธอ จนกระทั่ง 8 โมงตรง เยี่ยหลานซานก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลงมา เขาจึงขึ้นบันไดเพื่อจะไปตามเธอลงมาทานอาหารเช้า
“หลานซาน”
เขายืนเรียกเธออยู่หน้าประตูห้อง
แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลย ทำให้เขาเกิดความลังเล และตะโกนเรียกอีก 2 ครั้ง ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมาอีก เขาจึงผลักประตูเข้าไปทันที
ม่านหน้าต่างภายในห้องยังคงปิดไว้อยู่ มีเพียงแสงที่ผ่านเข้ามาจากประตูห้องส่องเข้ามากระทบตัวหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
เธอนอนหลับสนิทโดยที่แขนทั้งสองข้างของเธอวางทับผ้าห่มผืนบางสีเทาเข้มที่เธอกำลังห่มอยู่ ด้วยสีที่ตัดกันระหว่างผิวเธอกับผ้าห่ม ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าแขนของเธอนั้นขาวเหมือนหิมะจริง ๆ
และดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกร้อน เพราะด้วยหัวไหล่ทั้งสองข้างรวมถึงขาเรียวคู่นั้นของเธอมันโผล่ออกมานอกผ้าห่ม
หัวไหล่ขาวจั๊วะทั้งสองข้าง…
บวกกับเรียวขาขาวเนียนที่มีเสน่ห์คู่นั้น…
ดวงตาของกงเส่าถิงมืดมัวลง
และเริ่มหายใจติดขัดขึ้น
“โอ้…”
ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าเยี่ยหลานซานนั้นกำลังฝันถึงอะไรอยู่ เธอขมวดคิ้วและทำท่าโบกมืออย่างไม่พอใจ บิดตัวไปมาจนผ้าห่มผืนบางทีอยู่บนตัวเธอค่อย ๆ ลงไปอยู่ด้านล่าง เผยให้เห็นผิวขาวเนียนที่น่าหลงใหลของเธอทั้งตัว…
มะ มะ..
ไม่คิดเลยว่าเธอจะเข้านอนแบบ..ไม่ใส่อะไรเลย……
กงเส่าถิงอึ้งจนพูดไม่ออก
เขาเห็นเนินอกที่แสนบอบบางของเธอเต็ม ๆ ตา แต่ใบหน้าของเขายังคงนิ่งสงบอยู่ สักพัก เขาก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มร้อนจนแทบจะทนไม่ไหว
เขาพยายามอดทนเอาไว้ แล้วก้าวไปข้างหน้า หวังจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอไว้ไม่ให้ล่อลวงจิตใจของเขาได้
กงเส่าถิงห่มผ้ากลับให้เยี่ยหลานซานอย่างเบามือและระมัดระวังมาก เพราะกลัวว่าจะทำเธอตื่น
ในตอนที่เขาจับผ้าห่มของเยี่ยหลานซานอยู่นั้น เธอก็ดันละเมอตะคอกออกมาและกอดแขนของเขาไว้ และดูเหมือนว่าท่านี้จะทำให้เธอนอนหลับได้อย่างสบาย เธอหลับสนิทต่อไปในท่าที่กำลังพิงเขาอยู่
กงเส่าถิงกังวลว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมา เธออาจจะตกใจจนเข้าใจผิดกับภาพตรงหน้านี้ได้ เขาจึงพยายามถอยออกมา แต่เยี่ยหลานซานดูเหมือนจะติดใจแขนของเขาเข้าแล้ว พอกงเส่าถิงพยายามจะถอยออก เธอก็ยังตามกอดแขนเขามาอีก
ดึงดันกันอยู่อย่างนั้นจนกงเส่าถึงเข้าใกล้ขอบเตียง
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะตกจากเตียง กงเส่าถิงเม้มปากเกร็งตัวไม่กล้าขยับ
ในขณะที่เยี่ยหลานซานก็ยังคงกอดแขนของเขาไว้แน่นและหลับสนิทจนไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย
กงเส่าถิงทำได้เพียงแค่นิ่งเงียบ
หลังจากที่รอมาได้สักพักนึง เขาก็ลองเรียกชื่อเธอขึ้นมา “หลานซาน”
เมื่อเห็นว่าเธอยังคงหลับสนิทอยู่ เขาจึงก้มลงไปพยายามจะช้อนตัวเธอกลับเข้ากลางเตียง
หญิงสาวร่างเปลือยเปล่าในอ้อมอกของเขานั้นหลับสนิทโดยไม่มีอะไรปกปิดร่างกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ช่างเหมือนการทดสอบความอดทนของชายผู้ไม่เคยสูญเสียความบริสุทธิ์ยังไงอย่างงั้น แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เด็กสาวคนนี้เป็นรักเดียวที่อยู่ในใจของเขาอีกด้วย
ไฟชั่วร้ายภายในใจของเขาแผดเผาไปทั่วร่างกาย และมาสุมรวมกันอยู่ในท้อง จนทำให้สติของเขาแทบจะกระเจิง
กงเส่าถิงช้อนตัวเธอขึ้นและวางลงบนกลางเตียงอย่างนุ่มนวล
และในขณะที่เรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอถูกวางลงบนเตียงนั้น กงเส่าถิงก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า เนินอกเนียนขาวของเธอที่สั่นเล็กน้อยจากแรงเคลื่อนไหว
กงเส่าถิงอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก
มันช่างเป็นภาพที่งดงามมาก จนเขาอยากจะดูอีกหลาย ๆ รอบ
ความคิดชั่วร้ายพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายเขาตลอดเวลา โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ น่ะสิ ต้องรีบตักตวงเข้าไว้!
นิ้วของเขาลูบที่เอวของเธอเบา ๆ
ผิวสัมผัสที่นุ่มเนียนนั้นทำให้เขาตื่นเต้นจนเกือบจะคุมตัวเองไม่อยู่
ในขณะที่เขาไม่สามารถคุมอารมณ์นั้นให้อยู่กับที่ได้ เขาก็ดันเหลือบไปเห็นใบหน้าขาวอมชมพูดของเธอที่กำลังนอนหลับอย่างไร้เดียงสา มันทำให้เขาสามารถหยุดความคิดที่เตลิดของตัวเองไว้ได้อย่างหวุดหวิด
เขาหายใจหนักแล้วหนักอีก
ร่างกายก็แข็งทื่อไปหมด
ใบหูที่กำลังแดงแปร๊ดของเขาบอกได้ถึงความยากลำบากในการหักห้ามใจครั้งนี้
กงเส่าถิงไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ จึงทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นและเดินออกไป แต่ทันทีที่เขาปล่อยมือออกจากตัวของเยี่ยหลานซาน เธอกลับพลิกตัวมาโอบเอวเขาเอาไว้ ทำให้ตอนนี้เธออยู่ในอ้อมอกเขาโดยสมบูรณ์ ร่างกายอุ่น ๆ และอ่อนนุ่มของเธอกดเข้าหาตัวเขา หลังจากนั้นก็ส่งเสียง “ฮึ่มม” ออกมา เหมือนว่าเธอนั้นอยู่ในท่านอนที่เธอพอใจแล้ว
ตอนนี้กงเส่าถิงพูดอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ
เขาพยายามอดทนจนถึงที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายก็อดทนต่อไปไม่ไหว กงเส่าถิงจึงวางฝ่ามือของเขาลงไปบนเอวของเยี่ยหลานซานอย่างเบา ๆ …
……
MANGA DISCUSSION