ยังดีที่บาดแผลของกงเส่าถิงไม่ได้มีอาการปวดร้าวอะไร ทำให้เยี่ยหลานซานรู้สึกโล่งใจขึ้นบ้าง และในตอนที่กำลังจะเธอดึงผ้าพันแผลออก เธอก็ได้ก็ไหว้วานฉืออวี้เฟิงว่า “ช่วยไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาหน่อยจ้า”
ฉืออวี้เฟิงรู้สึกถึงความไร้ซึ่งอำนาจ “ผมเป็นเจ้านายของน้านะครับ!”
“แต่ฉันก็ยังเป็นเพื่อนของน้าเล็กเธอหนิ!”
“สถานะของน้าสองคนมันยังมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง!” ฉืออวี้เฟิงพูดขึ้นมาลอย ๆ “นอกเสียจากว่าน้าจะเป็นน้าสะไภ้ของผม…”
เยี่ยหลานซานได้ยินไม่ค่อยชัด จึงถามกลับว่า “เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“เปล่าครับ ๆ”
เจ้าเปาหมูแดงกลัวว่าตัวเองจะหลุดพูดบางอย่างออกมา จึงค่อย ๆ แอบเดินออกไป
เยี่ยหลานซานแอบไม่พอใจเบา ๆ แต่ก็หันไปดึงผ้าพันแผลต่อ
กงฉีหลินที่ยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น เมื่อได้สติก็รอให้ฉืออวี้เฟิงหยิบกล่องปฐมพยาบาลมา พลางมองไปที่เยี่ยหลานซานที่กำลังทำความสะอาดแผลและทายาให้กงเส่าถิงอย่างค่อย ๆ จากนั้นก็พันแผลกลับให้อย่างดี กงฉีหลินมองดูทุกการกระทำ จนถึงตอนที่เยี่ยหลานซานสวมเสื้อให้กงเส่าถิง พร้อมกับรินน้ำให้กงเส่าถิงดื่มอีก ช่างดูเหมือนภรรยาตัวน้อยที่ปรนนิบัติพัดวีสามีอย่างดี
เขาได้แต่ยืนมองอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร
อาจจะเป็นไปได้ว่า เขาคงจะเข้าใจผิดไปเองกับภาพที่เห็นก่อนหน้านี้
แต่ สรุปแล้วลุงเล็กไปโดนอะไรมาถึงได้บาดเจ็บขนาดนี้? ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องเลย? อีกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมาจากไหนกันน่ะ?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในใจของเขาโดยที่ยังหาคำตอบไม่ได้
ยังดีที่เยี่ยหลานซานเหมือนกำลังจะไปทำอย่างอื่นต่อ เพราะเมื่อเห็นว่ากงเส่าถิงดื่มน้ำหมดแล้ว เธอก็หันมาถามฉืออวี้เฟิงกับกงฉีหลินว่า “วันนี้พวกเธอจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยรึเปล่า?”
ฉืออวี้เฟิงพยักหน้าเหมือนกล่องของเล่นที่หัวตุ๊กตาสั่นได้ “ใช่ครับ ใช่ครับ”
หลังจากที่เขาพูดจบก็หันไปส่งสายตาให้กงฉีหลิน กงฉีหลินจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าตาม “ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเธอดูแลคุณลุงแทนฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวให้”
เยี่ยหลานซานไม่ได้สังเกตเห็นสายตาที่พวกเขาส่งให้กัน ในสมองน้อย ๆ ของเธอมีเพียงการคาดคะเนว่าจะต้องทำอาหารเพิ่มอีกซักกี่อย่างดี เนื่องจากมีคนเพิ่มมาอีก 2 คน
เมื่อเธอเดินเข้าครัวไปแล้ว กงฉีหลินก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “ลุงเล็กครับ เธอคือ?”
ในเวลานี้ไม่จำเป็นต้องให้กงเส่าถิงอธิบายแล้ว ฉืออวี้เฟิงพูดออกมาด้วยความที่กลั้นมานาน “เธอคือว่าที่ภรรยาของน้าเล็ก”
กงฉีหลินอึ้งจนพูดไม่ออก
คำอธิบายนี้จี้ถูกจุดสำคัญโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ
กงฉีหลินมองไปทางห้องครัว และมองกลับมาที่กงเส่าถิง “แล้วเรื่องแผลของลุงเล็กล่ะครับ?”
ปากของฉืออวี้เฟิงที่หุบไม่ลงก็ตอบแทนขึ้นมาอีก “ทั้งเมืองหลวงนี้ยังมีใครที่สามารถทำให้น้าเล็กเจ็บได้อีกเหรอ? นี่เป็นแผนของน้าเล็กน่ะสิ!”
กงฉีหลินอึ้งจนพูดไม่ออกอีกครั้ง
ฉืออวี้เฟิงมองไปที่กงฉีหลินพร้อมทั้งทำหน้าเหมือนสุนัขพันธุ์ปั๊กแสนรู้ เป็นการแสดงสีหน้าเหมือนกับว่าเขารู้ทุกเรื่องของกงเส่าถิง “สิงน้อย นายยังมีอะไรที่อยากจะถามอีกมั้ย? ฉันรู้หมดแหละ!”
“นายพูดมาซะหมดเปลือกขนาดนี้ ฉันไม่มีอะไรอยากจะถามแล้วล่ะ”
แม้ว่าเขาจะพูดออกมาเบา ๆ แต่แววตานั้นของกงฉีหลินก็ทำให้ฉืออวี้เฟิงสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ
เขาเอนตัวเข้าไปใกล้ ๆ กงฉีหลิน พูดอธิบายด้วยความจริงใจ “สิงน้อย นายรู้ดี ว่าฉันไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรนาย ปกติแล้วฉันเป็นคนที่เก็บความลับไม่ค่อยอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าน้าเล็กขู่ฉันแล้วก็ห้ามไม่ให้ฉันบอกใครเนี่ย ฉันไม่มีทางปิดบังอะไรนายแน่นอน”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากด้านหลัง “ถึงฉันจะขู่เธออีก เธอก็ยังพูดออกมาหมดอยู่ดีนั่นแหละนะ”
เสียงนั้นฟังดูเย็นชาอยู่เล็กน้อย
ฉืออวี้เฟิงหันกลับมายิ้มประจบทันที “น้าเล็กครับ ด้วยไอคิวของเจ้าสิงน้อยแล้วเนี่ย พอเขาได้เห็นน้าสะไภ้ใส่ยาให้น้าเล็กอย่างทะนุถนอม เขาก็ต้องดูออกอยู่ดีแหละครับ ผมจะบอกหรือไม่บอกเขามันก็ไม่ต่างอะไรกันเลยนะครับน้าเล็ก”
กงเส่าถิงเหลือบมองเขาด้วยท่าทางเย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดตำหนิอะไร
แล้วกงฉีหลินก็ถามขึ้น “ลุงเล็กครับ คุณปู่คุณย่าต้องการหาคู่ครองให้ลุงมาโดยตลอด ถ้าพวกเขาได้รู้ว่าลุงมีผู้หญิงที่ชอบอยู่แล้ว พวกท่านจะต้องดีใจมากแน่ ๆ พรุ่งนี้วันเสาร์ ทุกคนในวังจะมารับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทำไมลุงเล็กไม่พาเธอกลับไปหาคุณปู่คุณย่าเลยล่ะครับ?”
“เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากันวันหลังดีกว่านะ”
“พวกเธอไปทำอะไรให้เสี่ยวไป๋กินหน่อยไป เดี๋ยวฉันจะไปช่วยหลานซานทำกับข้าว” กงเส่าถิงพูดจบก็ลุกขึ้น เดินไปยังห้องครัว
โดยที่สองคนนั้นยืนมองกงเส่าถิงเดินไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ
น้าเล็กมีนิสัยรักสะอาด ไม่เคยเข้าครัวไปทำอาหารด้วยตัวเองมาก่อน แต่ตอนนี้กลับเดินเข้าครัวไป และยังจะไปช่วยทำกับข้าวอีก?
กงฉีหลินถอนหายใจออกมา “ดูแล้ว ลุงเล็กคงจะชอบผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ “
“ฉันก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน”
ฉืออวี้เฟิงยังคิดไม่ตกอยู่เรื่องนึง “พวกเขารู้จักกันได้เพียงสัปดาห์เดียว น้าเล็กก็เชื่อใจและไว้ใจเยี่ยหลานซานซะแล้ว ไม่เพียงแต่ซื้อตึกเพื่อลงทุนสร้างหวงเจวี๋ยกรุ๊ปขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังสร้างอาณาจักรภาพยนตร์และโทรทัศน์ให้กับเธออีกด้วย แล้วเมื่อวานนี้ก็ยังเสี่ยงชีวิตไปช่วยเยี่ยหลานซานอีก!”
ฉืออวี้เฟิงเกาหัวด้วยความสงสัย “น้าเล็กไม่ใช่คนอ่อนไหวง่ายขนาดนี้หนิ! หรือว่า พวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อน?”
กงฉีหลินพยักหน้า “น่าจะเป็นอย่างนั้น”
ฉืออวี้เฟิงเริ่มรู้สึกลำบากใจขึ้นมาอีก “แต่ทำไมเยี่ยหลานซานถึงดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้าเล็กเหมือนอย่างที่น้าเล็กรู้สึกกับเธอเลยล่ะ?”
เขาเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นไปหมดทุกเรื่อง ดังนั้นเขาจึงเรียกร้องกงฉีหลินให้ช่วย “นี่สิงน้อย ถ้าไม่อย่างนั้นนายช่วยสืบเรื่องนี้หน่อยได้รึเปล่า?”
แอบสืบเรื่องของกงเส่าถิงเนี่ยนะ?
กงฉีหลินรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีอย่างแน่นอน เขาจึงรีบปัดเรื่องนี้ออกไปให้พ้นตัว “ทำไมนายถึงไม่สืบเองล่ะ?”
“ฉันเกิดมาเพื่อกินเที่ยวเล่นแล้วก็ตายไปเท่านั้น จะมีปัญญาอะไรไปสืบเรื่องน้าเล็กเล่า!” ในเวลาที่ฉืออวี้เฟิงควรจะฉลาดคิด แต่เขากลับมึนงงกับเรื่องแค่นี้ไปได้ “แต่นายไม่เหมือนฉันนี่นา ตั้งแต่เด็กนายก็อยู่กับน้าเล็กมาโดยตลอด และ 2-3 ปีที่ผ่านมานายก็ช่วยเขาดูแลเอ็มเพอเรอร์กรุ๊ป อีกอย่างในมือนายก็มีช่องทางที่สามารถหาข้อมูลทุกอย่างได้ แค่สืบเรื่องของน้าเล็กแค่เนี้ย ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหนิ!”
“และยิ่งไปกว่านั้น!”
เขาเพิ่มน้ำเสียงให้หนักขึ้น “นายคงไม่อยากให้น้าเล็กโดนหลอกจนเสียความรู้สึกใช่มั้ยล่ะ? อย่างน้อยพวกเราก็ควรจะสืบให้กระจ่าง จะได้มั่นใจว่าการที่เยี่ยหลานซานมาอยู่ใกล้น้าเล็กเนี่ย จะไม่เกิดเรื่องร้าย ๆ หรือเป็นอันตรายต่อตัวน้าเล็ก!”
กงฉีหลินยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล
เพราะฉะนั้น แม้เขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเขาเองจะต้องถูกลงโทษแน่ ๆ ถ้าหากว่าถูกกงเส่าถิงจับได้ว่าเขาตามสืบเรื่องนี้ แต่เขากลับรู้สึกว่าการสืบเรื่องนี้ก็มีความจำเป็นอยู่ไม่น้อยเลย
……
เนื่องจากมีเด็กหนุ่มเพิ่มมาอีก 2 คน เยี่ยหลานซานจึงเปลี่ยนจากกับข้าว 4 อย่างกับซุป 1 หม้อ เป็นกับข้าว 6 อย่างกับซุปอีก 1หม้อ
หลังจากที่เธอตุ๋นเนื้อแกะเสร็จ แล้วกำลังจะหันมาทำอย่างอื่นต่อ เธอก็พบว่ากงเส่าถิงยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอ และกำลังช่วยเธอล้างผักอยู่ เธออดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปข้างหน้าและกล่าวชมเขา “คุณลุงคะ เขาว่ากันว่าผู้ชายตอนทำอาหารเนี่ยมีเสน่ห์ที่สุดแล้ว แล้วตอนนี้คุณลุงก็ดูหล่อมากจริง ๆ นะคะ”
เพราะคำชมของเยี่ยหลานซาน ทำให้เขาเผลอยิ้มมุมปากอย่างช้า ๆ ความนุ่มนวลของเธอนับวันยิ่งกัดกินเข้าไปถึงข้างในตัวเขา
เยี่ยหลานซานยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมและหาได้ยากมากจริง ๆ ในโลกนี้
เธอเอนกายลงบนเตาแก๊สที่ยังไม่ได้ตั้งไฟ ดวงตาของเธอจ้องมองไปที่ด้านข้างของใบหน้ากงเส่าถิง และถอนหายใจออกมาเบา ๆ “คุณลุงดีเลิศซะขนาดนี้ กดดันฉันมากเลยนะคะ”
กงเส่าถิงไม่ทันจะได้ปลอบใจเธอ ก็ได้ยินเธอพูดขึ้นมาเสียก่อนว่า “ตอนแรกฉันกะว่าจะแนะนำให้คุณลุงได้รู้จักกับผู้หญิงที่มีเปี่ยมไปด้วยศีลธรรมและความสามารถ แต่ว่า ยิ่งได้รู้จักคุณลุงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่าคุณลุงเป็นคนดีมากจริง ๆ เห้อ ฉันไม่รู้แล้วจริง ๆ ว่าเทพธิดาแบบไหนถึงจะคู่ควรกับคนที่ดีเลิศขนาดนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกกดดันมากเลย ที่จะต้องตามหาคนที่ดีพร้อม และเหมาะที่จะมาเป็นภรรยาของคุณลุงได้!”
กงเส่าถิงได้ยินดังนั้นก็พูดอะไรไม่ออก
ไม่นึกเลยว่าเธอจะห่วงใยเขา จนอยากจะช่วยหาแฟนให้เขาเนี่ยนะ?
เขารู้สึกเศร้าเล็กน้อย พลางหยิบแครอทที่ล้างเสร็จแล้วมาวางลงบนเขียง และพูดออกมาอย่างชิล ๆ ว่า “ไม่ต้องกดดันมากขนาดนั้นหรอกนะ แค่หาคนที่นิสัยเหมือนเธอได้ก็โอเคแล้ว”
“คุณลุงชอบคนนิสัยเหมือนอย่างฉันเหรอคะ?”
เยี่ยหลานซานขมวดคิ้วเหมือนเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พลางยกนิ้วชี้ทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาชน ๆ กันด้วยท่าทางลำบากใจ “เด็กผู้หญิงนิสัยอย่างฉัน ที่ไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย ฉันกลัวว่าพอถึงเวลา เธอคนนั้นอาจจะรังแกคุณลุงเอาได้น่ะค่ะ”
MANGA DISCUSSION