เธอหรี่ตาลง ร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอ อาศัยจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามดึงตัวเธอขึ้นมาและกำลังจะก้าวถอยหลัง เธอยกมือขึ้นจิ้มตาเขาและย่อขาลงต่ำ ๆ วาดขาข้างหนึ่งเตะเข้าที่ข้อเท้าของคู่ต่อสู้จนล้มลงไป
แม้เขาจะคิดไม่ถึงว่าเธอจะสามารถแก้เกมส์ได้เร็วขนาดนี้ เพราะทีแรกหลังจากโดนจิ้มตา เขาก็กะจะเข้าไปเตะเยี่ยหลานซานตอบ แต่เขาก็ไม่คิดว่าเธอจะหัวไวขนาดที่สามารถชิงเตะเขาจนล้มลงไปเสียเองได้
การถ่ายทำยังคงดำเนินต่อไป เยี่ยหลานซานรีบลุกขึ้นและทำภารกิจตามบทต่อ
และหลังจากนั้น เธอจึงระมัดระวังมากขึ้นถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ฉากต่อสู้ในละครก็ตาม โชคดีมากที่ไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นอีก
ตลอดจนการถ่ายทำฉากนั้นเสร็จลุล่วงไปด้วยดี
หลังจากถ่ายทำเสร็จ เธอก็กวาดสายตามองไปที่นักแสดงกลุ่มนั้นที่เธอได้เข้าฉากด้วย
เธอเห็นพวกเขารีบก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเธอ
มันทำให้เธอเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
และตอนนี้เธอก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่านั่นไม่ใช่อุบัติเหตุแน่! อีกฝ่ายนั้นจงใจจะคว้าเธอไว้ให้เธอเสียท่าจนไม่สามารถถ่ายทำต่อได้ หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ฝ่ายนั้นมีแผนที่จะทำให้เธอบาดเจ็บ รึเปล่า?!
สถานการณ์อย่างนั้น ถ้าเธอไม่มีทักษะด้านกังฟู จนสามารถตอบโต้ด้วยเท้าได้อย่างว่องไว หากแต่เป็นคนที่อ่อนทักษะการป้องกันตัวแล้วละก็ ต้องพลาดท่าจนได้รับบาดเจ็บแน่ ๆ
“หลานซาน”
เยี่ยเสียวหมิ่นวิ่งมาหาเธอพร้อมกับยื่นผ้าขนหนูสีขาวผืนนึงให้ “อากาศร้อนแบบนี้ แล้วยังถ่ายฉากบู๊อีก มา ซับเหงื่อหน่อยนะ”
เยี่ยหลานซานถอนสายตาออกมาจากนักแสดงกลุ่มนั้นและหันมารับผ้าขนหนูที่เยี่ยเสียวหมิ่นยื่นให้ “ขอบใจนะ”
และในขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในกองถ่าย
เมื่อเยี่ยเสียวหมิ่นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็ตกตะลึงอย่างมาก “ที่เคยได้ยินมาว่า หลังจากที่เธอฉีกสัญญากับทางแสงดาวกรุ๊ปไป เธอก็ถูกแบนแล้วไม่ใช่เหรอ? ภายหลังก็ไปเข้าร่วมงานกับซานเซิงกรุ๊ปที่ฮ่องกง แต่ทำไมถึงกลับมาที่เมืองหลวงได้ล่ะ?”
เฉิงเฉิงเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเยี่ยหลานซาน ภายใต้การจ้องมองอย่างประหลาดใจของเยี่ยเสียวหมิ่น
เมื่อได้เห็นเฉิงเฉิงชัด ๆ อย่างใกล้ชิด เยี่ยหลานซานนึกถึงคำ ๆ นี้ขึ้นมาทันที “หญิงแกร่งมืออาชีพ”
ผมที่เหมือนผ่านการหวีมาอย่างพิถีพิถันจนเรียบทุกเส้น และถูกมัดหางม้าไว้ด้านหลังอย่างเรียบง่าย ใบหน้าที่อยู่ภายใต้แว่นตากรอบสีดำนั้นแม้จะดูนิ่งสงบและไม่ยิ้มแย้ม แต่กลับดูมีสมบูรณ์แบบในทุกท่วงท่าของการเคลื่อนไหว
และคนอย่างเธอนี่แหละ ที่ใคร ๆ ก็คิดไม่ถึงว่าจะเปิดศึกกับแสงดาวกรุ๊ป
มีคำถามมากมายในหัวของเยี่ยหลานซาน
เฉิงเฉิงยื่นมือออกมาก่อนจะพูดว่า “คุณเยี่ยคะ ฉันชื่อเฉิงเฉิง เป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณค่ะ”
“พี่เฉิง สวัสดีค่ะ”
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของคนอื่น ๆ เยี่ยหลานซานก็ยื่นมือไปเชคแฮนด์กับเฉิงเฉิง ก่อนจะพูดว่า “หลังจากนี้รบกวนพี่เฉิงชี้แนะด้วยนะคะ”
ทันทีที่เธอพูดจบ ก็ได้ยินเสียงผู้สังเกตการณ์ทั้งหลายเริ่มซุบซิบกัน
“นี่เฉิงเฉิงเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเยี่ยหลานซานจริง ๆ เหรอ?”
“ฉันก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน”
“อย่างนี้ก็แปลว่าเยี่ยหลานซานได้เซ็นสัญญากับซานเซิงกรุ๊ปแล้วเหรอ?”
“แต่ฉันได้ยินมาว่า 6 ปีแล้วนะ ที่เฉิงเฉิงไม่กลับมาเมืองหลวงเลย ตั้งแต่ที่เธอประกาศตัวเป็นศัตรูกับแสงดาวกรุ๊ปน่ะ เธอจะกลับมายังเมืองหลวงเพียงเพื่อคนคนนึงได้อย่างไรกันล่ะ?”
“ใช่ และถ้าหากว่าเยี่ยหลานซานได้เซ็นสัญญากับซานเซิงกรุ๊ปขึ้นมาจริง ๆ แล้วยังต้องส่งผู้จัดการมารับถึงกองละครของแสงดาวกรุ๊ปด้วยละก็ ทางซานเซิงกรุ๊ปก็น่าจะจัดหาผู้จัดการคนอื่นมาให้แล้วสิ”
“นี่พวกเธอจะสนใจเรื่องนี้กันอีกทำไม มาพนันกันดีกว่า ว่าเยี่ยหลานซานจะโดนแสงดาวกรุ๊ปแบนออกจากกองละครเมื่อไหร่”
“เอาจริง ๆ นะ ฉันคิดว่าเยี่ยหลานซานกำลังจะบินขึ้นไปเกาะบนต้นไม้และกลายร่างเป็นนกฟินิกซ์ด้วยซ้ำ คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเธอมีผู้จัดการส่วนตัวแบบนี้เธอจะไปได้ไกลขนาดไหน…”
“แต่ฉันได้ยินมาว่าเยี่ยหลานซานปฏิเสธบริษัทนึงที่มาทาบทามเธอ และเลือกที่จะอยู่ที่แสงดาวกรุ๊ปดังเดิมนะ”
“เธอตาบอดรึเปล่าเนี่ย!”
เสียงพูดคุยยังคงแว่วมาเป็นระยะ เยี่ยหลานซานทำได้เพียงด่าในใจ “อดีตของพี่เขามันใช่เรื่องของพวกแกมั้ยเนี่ย!” หลังจากนั้นก็ตำหนิฉืออวี้เฟิงในใจว่า สรรหาทุกวิธีจริง ๆ เลยนะ เฉิงเฉิงต้องรู้สึกไม่ดีแน่ ๆ เลย ฉืออวี้เฟิงนี่นะ ดันไปติดต่อคนที่มีเรื่องบาดหมางกับแสงดาวกรุ๊ปมาอีก!
ไม่ใช่เธอกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นปรปักษ์กับแสงดาวกรุ๊ป หรือการที่เฉิงเฉิงมาหาเธอจะกระทบถึงเส้นทางการเป็นนักแสดงแต่อย่างใด เพียงแต่รู้สึกว่า ทั้ง ๆ ที่เจ้าเปาหมูแดงรู้ทั้งรู้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ก็ยังส่งตัวเฉิงเฉิงมาถึงกองละครจนได้…
นี่คงจะไม่ใช่การแก้แค้นต่อหน้าสาธารณะชนหรอก ใช่มั้ย?
ในใจก็วาดกากบาทให้กับฉืออวี้เฟิง เหมือนว่าเขาพลาดแล้วที่ทำอย่างนี้ เนื่องจากเธอกุมความลับของเขาอยู่ จึงคิดในใจว่า จะเปิดเผยความลับของเจ้าเปาหมูแดงออกมาดีไหมนะ เพื่อที่คราวหลังเขาจะได้ไม่ก่อเรื่องแบบนี้อีก
ขณะเดียวกันใบหน้าของเธอก็ยังคงยิ้มออกมาได้อย่างปกติ และยินดีที่เฉิงเฉิงจะมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะมีเรื่องที่คนต่างซุบซิบกัน แต่เยี่ยหลานซานก็ไม่คิดสนใจในส่วนนั้นเลย
เธอดึงแขนเยี่ยเสียวหมิ่นที่กำลังยืนตะลึงงันอยู่ และแนะนำให้เฉิงเฉิงได้รู้จัก “เธอรอมาตั้งนาน ในที่สุดผู้จัดการส่วนตัวฉันก็มาถึงนี่แล้ว ยังไม่เข้ามาทักทายพี่เฉิงอีก”
“พะพะ พี่เฉิง”
เยี่ยเสียวหมิ่นได้สติก็รีบทักทายเฉิงเฉิงอย่างรวดเร็ว
เฉิงเฉิงรับรู้ได้ถึงแผนการเล็ก ๆ ของเยี่ยหลานซานกับเยี่ยเสียวหมิ่น เธอจึงพูดกับเยี่ยหลานซานด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่า “ไปกันเถอะ ได้เวลาเซ็นสัญญาแล้ว”
เมื่อพูดจบก็หันไปพูดกับเยี่ยเสียวหมิ่นต่อ “และในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของคุณเยี่ย ก็มาด้วยกันเลยเถอะ”
เยี่ยเสี่ยวหมิ่นตกตะลึงกับคำพูดนั้นของเฉิงเฉิง และในวินาทีต่อมา ความสุขก็เผยออกมาผ่านดวงตาของเธอ “พี่เฉิงคะ นี่หมายความว่าฉันก็จะได้เซ็นสัญญาด้วยเหรอคะ?”
“……”
เฉิงเฉิงไม่ได้ตอบไปว่าใช่ หรือไม่ใช่ แต่กลับเดินตรงไปทางผู้กำกับต่ง
เยี่ยเสียวหมิ่นยังคงตกตะลึง เย่หลันซานยิ้มและพูดกับเธอว่า “ไม่ต้อง งง แล้ว ไปกันเถอะ”
แล้วเยี่ยเสียวหมิ่นก็ร่วมเดินทางไปกับพวกเธอ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เยียเสียวหมิ่นยังคงมีความกังวลเล็ก ๆ อยู่ในใจ “หลานซาน พี่เฉิงกับแสงดาวกรุ๊ปก็เหมือนเสือ 2 ตัวที่อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ตราบใดที่แสงดาวกรุ๊ปยังอยู่ พี่เฉิงก็จะต้องโดนขัดแข้งขัดขา ไม่ได้สงบสุขดีในทุก ๆ ที่ของเมื่อหลวงแน่ ๆ และตอนนี้ทุก ๆ อย่างของพี่เฉิงก็อยู่ที่ฮ่องกงทั้งหมด แล้วเธอล่ะ จะไปฮ่องกงกับพี่เฉิงด้วยรึเปล่า?”
เยี่ยหลานซานยืนยันอย่างเด็ดขาด “ไม่มีทาง”
“หา?”
“พี่เฉิงเองก็ต้องมีทุก ๆ อย่างในเมืองหลวงอยู่แล้วแน่นอน ฉันเชื่อในตัวพี่เฉิง”
เธอรู้ว่า ถ้าฉืออวี้เฟิงตั้งใจทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วล่ะก็ สำเร็จลุล่วงได้แน่นอน เธอเชื่อว่า แค่มีฉืออวี้เฟิงอยู่ พี่เฉิงก็จะไม่โดนรังแกแน่
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนคนนั้น…
เมื่อนึกถึงคนคนนั้นขึ้นมาทีไร เธอเป็นต้องยิ้มออกมาทุกที และเธอก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เวลาที่อยู่ใกล้เขา จะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นได้ตลอด
เธอลดความเร็วของฝีเท้าลง ก่อนจะพูดกับเยี่ยเสียวหมิ่นว่า “เชื่อใจพี่เฉิง เชื่อใจตัวเอง และคว้าโอกาสนี้ไว้ แล้วเธออาจจะมีอนาคตที่ดีจนคาดไม่ถึงเลยล่ะ”
เยี่ยเสียวหมิ่นยังคงมีความสงสัยอยู่เล็กน้อยในใจ แต่เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของเยี่ยหลานซานอย่างนี้แล้ว ทำให้เธออยากที่จะเดินตามรอยเยี่ยหลานซานไปด้วย
ไม่เลว!
นี่เป็นโอกาสเดียวของเธอแล้ว!
หลังจากที่เธอใช้เวลาอยู่ในสตูดิโอจงเหิงมานาน ทำอาชีพนักแสดงแทน นักแสดงกลุ่มมานาน 3 ปี จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยมีบริษัทดี ๆ ที่อื่นมาขอเซ็นสัญญากับเธอ แต่ในวันนี้ แม้ทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่มันก็เป็นแสงดาวที่ส่องประกายขึ้นมาเล็ก ๆ ในชีวิตที่มืดมนของเธอ
เดิมทีเธอก็เป็นผู้หญิงที่สิ้นหวังไปแล้วคนหนึ่ง แต่ประกายเล็ก ๆ นี้ก็ทำให้เธอมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากตัดสินใจดีแล้ว เธอก็เดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกมีพลัง
……
เฉิงเฉิงสมกับเป็นผู้จัดการดาราอาวุโสคนหนึ่ง เธอเข้าเจรจาต่อหน้าผู้กำกับต่งโดยไม่มีความถ่อมตัว อีกทั้งยังมีท่าทางที่หยิ่งผยองด้วยเล็กน้อย ที่เธอทำอย่างนั้นก็เพื่อต่อสู้แทนเยี่ยหลานซาน และเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของเยี่ยหลานซาน
แม้ว่าเยี่ยหลานซานจะไม่สนใจเรื่องเงินเดือนของเธอเลย แต่เมื่อเธอเห็นค่าตัวสำหรับการแสดงเพียง 1 ตอนในขณะที่กำลังจะเซ็นสัญญานั้น มันเป็นจำนวนเงิน 5หมื่นหยวน นั่นทำให้เธอประหลาดใจมาก ว่าเพียงแค่ตอนเดียวทำไมค่าตัวเธอถึงสูงขนาดนั้น
มันเป็นไปไม่ได้ ที่นักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับบทเป็นตัวละครสมทบหญิง จะได้ค่าตัว 5 หมื่นหยวนต่อการแสดงแค่ 1 ตอนแรก
ผู้กำกับต่งมองเยี่ยหลานซานด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง และพูดกับเธอว่า “ผู้จัดการส่วนตัวของเธอเนี่ย ไม่ธรรมดานะจะบอกให้”
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าในมือของผู้กำกับต่งได้กุมความลับของเกาซินซินไว้ และเอาจริง ๆ ถ้าหากว่าเยี่ยหลานซานเหมาะกับบทเซิงเกอมากจริง ๆ เขาก็ยังไม่กล้าที่จะเอาตัวเองลงไปเสี่ยงด้วย…
ผู้จัดการคนนั้นได้โดนแสงดาวกรุ๊ปแบนไปแล้วคนนึง และถึงตัวเขาเองจะมีตำแหน่งที่แน่นอนในแวดวงนี้แล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับแสงดาวกรุ๊ปไปด้วยอีกคน
MANGA DISCUSSION