“บ้าเอ๊ย”
กงเส่าถิงกระตุกมุมปากขึ้น “ช่างบังเอิญจริง ๆ “
พลางหยิบบุหรี่ที่บอดี้การ์ดของเขายื่นมาให้ และค่อย ๆ จุดไฟ แต่ไม่ได้ยกขึ้นสูบ เพียงแค่จุดแล้วเขี่ยก้นบุหรี่ในมือเล่น “สุนัขที่ฉันเลี้ยงมันไม่ได้กินเนื้อคนมานานแล้วด้วยสิ”
แล้วก็มีคนปล่อยสุนัขพันธุ์ทิเบตันที่กงเส่าถิงเลี้ยงไว้ออกมา
สุนัขพันธุ์ทิเบตันท่าทางดุร้ายสิบกว่าตัววิ่งออกมาจากกรง ส่งเสียงเห่าและวิ่งกรูกันเข้ามา พวกมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือด และเมื่อมันเห็นว่ากงเส่าถิงไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด พวกมันก็กระโตงขึ้นหาชายที่ขาขาดคนนั้นก่อนที่เขาจะสลบไป แล้วพากันรุมทึ้งร่างกายของเขา
“กร๊วบ กร๊าบ กร๊วบ กร๊าบ”
ชิ้นส่วนกระดูกแข็ง ๆ ของชายคนนั้นถูกสุนัขพันธุ์ทิเบตันแสนดุร้ายทั้งฝูงเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
ชายที่เป็นลมไปตอนแรก ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด และสลบลงไปอีกครั้งหลังจากเห็นฉากที่โหดร้ายตรงหน้าตัวเอง
พอตื่นขึ้นได้เพราะความเจ็บปวด
ก็ต้องสลบลงไปเพราะภาพที่น่าสยดสยองนั้นอีกครั้ง
จนในที่สุด เขาก็สิ้นใจตายลงอย่างอนาถโดยการถูกสุนัขรุมทึ้ง
สุนัขสิบกว่าตัวที่รุมขย่ำกินคนคนเดียว เห็นได้ชัดว่าบางตัวอาจจะยังกินไม่อิ่ม พวกมันแลบลิ้นเลียรอบปากที่เลอะไปด้วยเลือด พลางหันไปจ้องมองชายอีกคนหนึ่งด้วยความหิว
กงเส่าถิงสะบัดเถ้าบุหรี่ที่อยู่ปลายนิ้วก่อนจะพูดขึ้นว่า “กินซะสิ”
ชายคนนั้นพูดไม่ออก
เขากลัวจนขึ้นสมองตั้งแต่ได้กลิ่นคาวเลือดของชายอีกคนแล้ว มันทำให้ตอนนี้เขาไม่อาจจะเสแสร้งต่อไปได้อีก เพราะรู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะรอดไปได้แล้วแน่ ๆ
สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ท่าทางกลัวจนหัวหด เขาพูดอย่างตะกุกตะกักขึ้นมาว่า “ผมยอมแล้ว ยอมแล้ว…”
กงเส่าถิงยกมือขึ้น ฝูงสุนัขพันธุ์ทิเบตันแสนดุร้ายก็ยั้งปากที่กำลังจะกัดแขนชายคนนั้นทันที
พวกมันถอนหายใจออกมาอย่างไม่พอใจ เนื่องจากยังไม่ได้ลิ้มลองเนื้อชายตรงหน้า มันทำหน้าเศร้า แล้วก็เลียเข้าที่แขนชายคนนั้นแทน
ขอเพียงแค่เจ้านายออกคำสั่ง มันก็จะกัดกินเขาทันที
พวกมันใช้ปลายลิ้นเลียไปตามแขนขา จนชายคนนั้นขนลุกขนพองด้วยความกลัว เขาทรุดตัวลงนั่งและร้องไห้ออกมา “คะคะ คือ แก๊งชิงไห่ครับ”
เดิมจากที่ชายคนนี้ทำอะไรต่อมิอะไรได้อย่างเยือกเย็น แต่เพราะเขารู้ว่า ถ้าแค่เขายอมเปิดปากบอกความจริงว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง กงเส่าถิงก็จะหยุดทรมานและปล่อยเขาไปโดยไม่ฆ่าเขาทิ้ง ดังนั้นทนอีกสักหน่อย รอจนกว่าพวกกงเส่าถิงจะมั่นใจว่าเขาเป็นบ้าแล้วปล่อยตัวเขาไป เพียงแค่นี้ก็สามารถเอาตัวเองรอดออกมาได้แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจรู้ดีว่าคำพูดของคนสติไม่ดี หรือคนบ้า ไม่สามารถนำไปใช้ในการตัดสินคดีทางกฎหมายได้
และถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ถึงแก่ความตายหรือไม่มีผู้อื่นเสียชีวิต อย่างมากก็แค่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายหรือถูกจำคุกเพียงไม่กี่ปีข้อหาสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม
แต่เขาคิดผิดแล้ว
คนของกงเส่าถิงพาตัวเขามาที่นี่กลางดึก เพื่อรุมกระทืบและทรมานเขาด้วยวิธีต่าง ๆ ตลอดเวลาที่ทำการทรมานก็บีบให้เขาสารภาพความจริง หนำซ้ำยังทำให้กระทบกระเทือนไปถึงจิตใจเขาด้วย
เขาอดทนมาได้จนถึงตอนนี้ และคิดไม่ถึงเลยว่า พวกคนของกงเส่าถิงจะโหดเหี้ยมถึงขนาดปล่อยสุนัขพันธุ์ยักษ์ดุอย่างทิเบตันสิบกว่าตัวมารุมกัดเขาได้
เขาทรุดตัวลงยอมปริปากเล่าทุกอย่างออกมาให้กงเส่าถิงได้รับรู้ “ผมได้รับคำสั่งจากเจ้านายของผม ให้ฆ่าผู้หญิงคนนั้นเพื่อที่ผมจะได้ปลดหนี้ที่ผมยังติดค้างไว้… ดังนั้น ผมจึงขับรถชนเธอ กะจะขับรถชนเธอให้ตาย… และอาเสียงก็เป็นหนึ่งในผู้ช่วยก่อเหตุนั้น เขาขับรถบรรทุกอีกคัน เพื่อสร้างสถานการณ์ให้น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ให้เหมือนว่าเธอได้ตายในอุบัติเหตุทางรถยนต์”
อาเสียงก็คือคนที่เพิ่งโดนฝูงสุนัขรุมทึ้งจนตายนั่นเอง
กงเส่าถิงตาแดงก่ำด้วยความโกรธจัด เขาบีบก้นบุหรี่ในมือก่อนจะพูดออกมาว่า “แก๊งชิงไห่ ภายใน3วันนี้ ฉันจะทำให้พวกมันหายสาบสูญไป!”
เป็นแค่แก๊งเล็ก ๆ แต่ริอาจมายุ่งกับคนของเขา ก็ต้องกล้ายอมรับความพินาศที่กำลังจะเกิดขึ้น!
ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลงเสียที ฉืออวี้เฟิงถอนหายใจออกมาขณะที่เขานั่งอยู่ในรถ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะแชร์ให้สิงน้อยรู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไรบ้าง และเขาก็ต้องกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อเห็นข้อความจากวีแชทของเยี่ยหลานซาน ฉืออวี้เฟิงจึงรีบกระโดดลงจากรถทันที
“น้าเล็กครับ”
ฉืออวี้เฟิงส่งโทรศัพท์ของเขาให้กับกงเส่าถิงอย่างความนอบน้อม “ต่งเจียเฉิงมอบบทหญิงสามให้กับน้าสะไภ้แล้วครับ”
และเมื่อฉืออวี้เฟิงมองเห็นคราบเลือดที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น เขาก็รีบหันกลับมาที่กงเส่าถิงและถามว่า “เฉิงเฉิงมาถึงเมืองหลวงตั้งแต่เช้าแล้วครับ จะให้เธอเข้ากองละครตอนนี้เลยมั้ยครับ”
เฉิงเฉิงก็คือ คนที่กงเส่าถิงตั้งใจคัดมาพิเศษ เพื่อให้เธอมาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการของเยี่ยหลานซาน”
ประการแรกเลยนั้น เฉิงเฉิงคือผู้หญิง
ประการที่สอง เธอเคยมีเรื่องบาดหมางกับทางแสงดาวกรุ๊ปด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอถูกบังคับให้ยกเลิกสัญญา เหตุการณ์ในตอนนั้นวุ่นวายมากจนสื่อต่าง ๆ ไม่สามารถปะติดปะต่อได้ว่าต้นเหตุมาจากอะไร ภายหลังเธอถูกบังคับให้ไปทำงานกับซานเซิงกรุ๊ป ซึ่งก็คือช่องโทรทัศน์หนึ่งที่ตั้งอยู่ในฮ่องกง เธอปั้นนักแสดงจนมีชื่อเสียงมาแล้วหลายคน แต่เหตุการณ์ระหว่างเธอกับแสงดาวกรุ๊ปก็ยังคงเป็นปมในใจของเธออยู่ตลอด และไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ไม่เคยเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้แตกหักกับแสงดาวกรุ๊ปให้ใครได้รู้เลย
กงเส่าถิงเล็งเห็นถึงศักยภาพของเธอ และที่สำคัญอีกอย่างก็คือการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่เธอได้ทำต่อแสงดาวกรุ๊ป
ดังนั้น เมื่อเฉิงเฉิงเหยียบแผ่นดินเมืองหลวงเมื่อไหร่ เยี่ยหลานซานก็คือคนเดียวที่ทำให้เธอได้เปรียบแสงดาวกรุ๊ปอยู่ เธอจึงตั้งใจที่จะผลักดันเยี่ยหลานซานอย่างเต็มที่ด้วยกำลังและความสามารถทั้งหมดที่เธอมี
“อืม”
กงเส้าถิงเหลือบมองชายที่นั่งอยู่บนพื้นอย่างไม่แยแส ก่อนจะโยนก้นบุหรี่ในมือตัวเองใส่ชายคนนั้นด้วยความรังเกียจ และเดินจากไป
และในขณะที่เขาหันหลังเดินจากมานั้น เสียงชายคนนั้นก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เขาร้องขอความเมตตาท่ามกลางฝูงสุนัขของกงเส่าถิงที่เห่าเสียงดังและล้อมรอบตัวเขา
ส่วนฉืออวี้เฟิงก็ยักไหล่ และเดินตามหลังกงเส่าถิงไปอย่างนอบน้อม
…………
ฉากที่ 53 เทค 112 3 2 1 แอคชั่น!
เสียงของผู้กำกับเฉาสั่งเริ่ม เกาซินซินก็เริ่มการแสดงด้วยใบหน้าบึ้งตึง
เยี่ยเสียวหมิ่นคิดถึงแต่เรื่องการเซ็นสัญญา หลังจากเสร็จงานเข้าฉากแสดงแทน เธอก็ไปอยู่ข้าง ๆ เยี่ยหลานซานตลอด และเมื่อเธอเหลือบไปเห็นทักษะการแสดงของเกาซินซินแล้วนั้น เธอก็พูดออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า “เอาจริง ๆ ทักษะการแสดงของเกาซินซินเนี่ยไม่ดีเลย ทักษะการแสดงแบบนี้นางยังสามารถขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในดอกไม้งามทั้ง4ได้ด้วยเหรอ? ไม่รู้จริง ๆ ว่าแฟนคลับของนางติดใจอะไรในตัวนางนัก”
ทักษะการแสดงของเกาซินซินนั้น เยี่ยหลานซานคือคนที่รู้ดีที่สุดว่าเป็นอย่างไร
เดิมที เกาซินซินไม่ได้อยากจะเป็นนักแสดง แต่เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาที่ดูดีของเธอ เธอจึงลงสมัครเข้าเรียนในคณะภาพยนต์โดยไม่ได้คำนึงว่าต้องมีทักษะการแสดงแต่อย่างใด
ทีแรกก็ทำอย่างถู ๆ ไถ ๆ ไปเพราะอยากมีเชื่อเสียง ถ้าหากว่าเธอตั้งใจศึกษาวิชาระหว่างที่ยังเรียนอยู่คณะภาพยนต์และอบรมต่อในระดับที่สูงขึ้น บางทีเธอก็อาจจะมีทักษะการแสดงที่ดีกว่านี้ก็เป็นได้
แต่เธอกลับถูกวงการบันเทิงดึงดูดจนกลายเป็นอีกคน เธออาศัยบารมีของหวานใจจนได้รับคัดเลือกเป็นสาวงามเบอร์ต้น ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉียวเฟยฝานที่เป็นที่ยอมรับอย่างยิ่งในแสงดาวกรุ๊ป เธอทำลายสิ่งต่าง ๆ ที่มันควรจะเป็น จนเธอกลายเป็นดาราที่เด่นดังได้ และโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างไม่อายฟ้าอายดิน
เยี่ยเสียวหมิ่นยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่อไม่จบ “หลานซาน เธอสวยกว่านางตั้งเยอะ ทักษะการแสดงก็ดีกว่ามาก ขอเพียงแค่ทางบริษัทดันเธอขึ้นมา เธอดังยิ่งกว่าเกาซินซินแน่นอน”
เยี่ยหลานซานยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
“เยี่ยหลานซาน ถึงคิวเธอแล้ว!” เฉินปาผีตะโกนเรียก
“ฉันไปเข้าฉากก่อนนะ”
เยี่ยหลานซานส่งสายตาให้เยี่ยเสียวหมิ่น และเดินเข้าฉากไป
ฉากนี้เป็นฉากที่มู่หรงฉิงจะต้องช่วยชีวิตเด็กน้อยคนหนึ่ง และยังมีฉากต่อสู้กับเด็กวัยรุ่นฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย
โดยที่คน10 คน ต่อสู้กับเธอเพียงคนเดียว
“แอคชั่น!!”
ผู้กำกับต่งสั่งเริ่ม เยี่ยหลานซานเคลื่อนไหวท่าทางการต่อสู้แบบวูซูที่อาจารย์ผู้สอนการต่อสู้ได้ออกแบบท่าไว้ให้ครั้งก่อนเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม
เธอคว้าข้อมือของหนึ่งในฝ่ายตรงข้ามด้วยความรวดเร็ว และจับไหล่อีกคนให้นั่งลง พร้อมกับเตะเข้าที่ท้องน้อยของชายอีกคนได้อย่างว่องไว
ต่อไปก็เข้าต่อสู้กับอีกสองคน
แต่ทว่า ตอนที่เยี่ยหลานซานพยายามจะถีบข้อเท้าของฝ่ายตรงข้าม เธอดันพลาดท่าโดนจับตัวไว้ได้ และชายอีกคนก็ก้าวถอยหลังอย่างเร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยที่เยี่ยหลานซานไม่ทันได้ตั้งตัว ในตอนที่เธอกำลังจะถอนกำลัง เธอกลับล้มลงไปเสียก่อน…
MANGA DISCUSSION