เยี่ยหลานซานเงียบไม่พูดอะไร
เธอกลอกตามองบนใส่พี่ชาย จากนั้นก็เปิดประตูและออกจากคอนโดไป
ชายไม่จริงหญิงไม่แท้อย่างอวิ๋นซีมาปักหลักอยู่ข้างกายเธอถึงเมืองหลวงนี้ คงจะไม่ได้อยู่กันอย่างผาสุขแน่
เยี่ยหลานซานคิดแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปโรงพยาบาล
เมื่อรถแท็กซี่ที่เธอนั่งไปนั้นขับออกไปได้สักพัก โจวไท่ที่แอบดูอยู่ก็รีบขับรถตามเธอไปติด ๆ
มือนึงขับรถ อีกมือนึงก็ส่งข้อความหากงเส่าถิง “บอสครับ ตามเส้นทางที่คุณเยี่ยกำลังมุ่งหน้าไปนั้น เธอน่าจะกำลังไปโรงพยาบาลครับ”
ในขณะที่เยี่ยหลานซานนั่งอยู่บนรถ เธอก็เงยหน้ามองวิวข้างทางผ่านกระจกหน้าต่างรถไปด้วย
เวลามันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน
นี่ก็จะ 2 ปีเต็มแล้วที่เธอมาอยู่ในเมืองหลวง
2 ปีที่ผ่านมา ในหัวเธอก็มัวแต่ครุ่นคิดเรื่องของเยี่ยอีเหรินกับเฉียวเฟยฝาน เธอไม่เคยได้ตั้งใจมองดูทิวทัศน์ของเมืองหลวงแบบนี้มาก่อนเลย
ที่ที่เธออยู่นี้ เป็นเมืองหลวงของแอฟริกาใต้ ทุก ๆ ที่ในเมืองหลวงรายล้อมไปด้วยอาคารสูงตระหง่าน บวกกับเศรษฐกิจที่พัฒนาจนกลายเป็นเมืองที่เจริญที่สุดเมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้
อากาศของวันนี้ดีจริง ๆ แสงแดดยังคงส่องอยู่อ่อน ๆ คู่กับลมร้อนที่พัดอยู่เบา ๆ
หน้าต่างที่เปิดอยู่ครึ่งนึง ทำให้ลมอุ่น ๆ นั้นปะทะหน้าของเธอ แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกเย็นสบายและมีความสุขไปกับช่วงเวลานี้
เพียงแต่ว่า ยังมีใครบางคนที่ทนเห็นเธอมีความสุขไม่ได้
ชึบ! คนขับแท็กซี่เหยียบเบรกอย่างกะทันหัน
ร่างของเยี่ยหลานซานที่นั่งอยู่เบาะหลังโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัยกระแทกกับเบาะข้างคนขับด้านหน้าเข้าอย่างจัง
ในขณะที่เยี่ยหลานซานย่นจมูกด้วยความเจ็บปวด ก็ได้ยินเสียงของคนขับแท็กซี่ตะโกนด่าขึ้นมา “ มาขวางหน้ารถแบบนี้ได้ยังไงกัน! อยากตายรึไงวะ! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเบรกได้ทันก็ชนแล้ว! บ้าเอ๊ย!”
พูดจบเขาก็ทุบพวงมาลัยด้วยความโกรธและบีบแตรให้ส่งเสียงดัง ปี้น ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เยี่ยหลานซานมองผ่านกระจกหน้ารถ
ก็เห็นรถไมบัคหรูคันหนึ่งจอดขวางหน้ารถแท็กซี่
รถคันนั้นดูคุ้นตามาก
เธอรู้สึกคุ้นจนนึกออกว่ามันคือรถของใคร
เธอสบถออกมาทีนึงก่อนจะเปิดประตูรถแท็กซี่และเดินลงมาด้วยสีหน้าเย็นชา
การจราจรในเมืองหลวง เดิมก็มักจะรถติดกันอยู่ตลอด และในเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาเลิกงานของใครหลาย ๆ คนอีกด้วย เมื่อเจอเข้ากับสถานการณ์นี้ก็ยิ่งทำให้การจราจรเป็นอัมพาตไปทั้งถนน
ในเวลาเดียวกันที่เธอลงจากรถแท็กซี่ ประตูรถหรูก็ถูกเปิดออกโดยคนที่นั่งอยู่ข้างในรถ
เฉียวเฟยฝานสวมชุดลำลองสีเทาอ่อนกับหมวกแก๊ปสีเดียวกัน พร้อมกับสวมแมสพลางใบหน้าที่ผู้คนเห็นแล้วก็ต้องรู้ว่าเป็นใคร ไม่มีใครคาดคิดว่าจักรพรรดิแห่งวงการภาพยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีนจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้
เขาเดินออกมาจากรถอย่างกระวนกระวาย และคว้าแขนของเยี่ยหลานซานขึ้นบนรถ
เขาเป็นคนที่ดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่กลับมีพละกำลังมากอยู่พอสมควร จนทำให้ข้อมือของเยี่ยหลานซานที่ถูกดึงไปนั้นเกิดความเจ็บปวดเล็กน้อย
เธอยกขาขึ้นเตะเข้าที่น่องของเขา
เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าขัดขืน และด้วยแรงเตะนั้นของเธอ ทำให้เฉียวเฟยฝานเดินโซซัดโซเซ
เฉียวเฟยฝานกลั้นความเจ็บปวดแล้วต่อยเข้าที่ท้องเธออย่างรุนแรงก่อนจะเปิดประตูรถและจับเธอยัดเข้าไปข้างใน และขับรถออกไปจากที่ตรงนั้นด้วยความเร็ว
โจวไท่ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจากมุมที่ห่างจากที่เกิดเหตุไม่ไกลมากนัก เขาตกใจจนรีบวีดีโอคอลหากงเส่าถิงทันที “บอสครับ แย่แล้วครับ คุณเยี่ยถูกลักพาตัวไปแล้วครับบอส…”
กงเส่าถิงที่พอเสร็จจากการประชุม เขาก็รีบมาโรงพยาบาล นอนรอเยี่ยหลานซานอยู่บนเตียงคนไข้
และเมื่อขาได้ยินดังนั้น ก็ลุกขึ้นนั่งทันที เพียงเสี้ยววินาทีสีหน้าที่เฉยชาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ามืดครึ้ม สายตาแสดงออกถึงความดุร้าย
เขาก้าวเท้าลงไปบนรองเท้าแตะของโรงพยาบาลโดยไม่สนใจที่จะเปลี่ยน แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว
เมื่อโจวไท่เห็นดังนั้นก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “บอสไม่แกล้งป่วยแล้วเหรอครับ?”
ได้ยินว่าเมื่อวานแม้แต่แขนก็ยกไม่ขึ้น อยากจะให้เยี่ยหลานซานคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ แต่วันนี้กลับวิ่งเต้นจะออกไปช่วยชีวิตเธอ มันจะไม่ย้อนแย้งไปหน่อยเหรอเนี่ย?
ในใจของกงเส่าถิงนั้น ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของเยี่ยหลานซานอีกแล้ว “เตรียมปืนไว้ให้พร้อม ยิงได้ทุกเมื่อ!”
โจวไท่รีบค้าน “…แต่บอสครับ นี่เขตเมืองเลยนะครับ”
“แล้วไง!”
ใครที่มันกล้าแตะต้องเสือดาวน้อยของเขา จะต้องชดใช้ด้วยเลือด!
“รับทราบครับบอส!”
โจวไท่กัดฟันแน่นและจ้องไปที่รถคันข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไป เขาเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์มา ก็เข้าไปหยุดรถของเด็กคนนั้นในทันที “น้องชาย ฉันขอเปลี่ยนรถเบนซ์นี่กับมอเตอร์ไซค์ของนายหน่อยนะ"
เด็กหนุ่มคนนั้นงงจนพูดไม่ออก
นี่เขาหูเพี้ยนไปเองหรือเปล่านะ?
รถเมอร์เซเดส – เบนซ์ราคาคันละตั้งหลายล้าน แลกกับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันละไม่ถึง 10,000 หยวน? เว้นแต่ว่าพี่คนนี้จะเป็นคนโง่แล้วละ!
โจวไท่อยากจะประวิงเวลาให้ล่าช้าไปมากกว่านี้ เพราะกลัวว่าถ้าหากล่าช้าไปแค่วินาทีเดียว อาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงกว่าเดิมได้ เขาโยนกุญแจรถให้เด็กหนุ่ม ก่อนจะกระชากตัวเด็กหนุ่มคนนั้นลงจากมอเตอร์ไซค์ และรีบบิดตามรถของเฉียวเฟยฝานไป
ฝ่ายเด็กหนุ่มหลังจากหายตะลึงก็ขึ้นรถของโจวไท่และรีบขับออกไปทันที
—
ในรถไมบัคหรูนั้น เยี่ยหลานซานที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับก็จ้องมองเฉียวเฟยฝานและพูดขึ้น “นายกำลังลักพาตัวฉันอยู่นะ!”
เฉียวเฟยฝานที่เพิ่งโดนเตะน่องอย่างแรง กำลังรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เหยียบคันเร่ง
ทั้งความเจ็บปวดและความโกรธปะปนอยู่บนใบหน้าเขา
เขาดึงแมสบนใบหน้าออกอย่างหงุดหงิด และเผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“เพราะอะไร”
น้ำเสียงที่ฟังดูกดดัน พร้อมกับสั่นหัวไปมาเหมือนคนกำลังคลุ้มคลั่ง
เยี่ยหลานซานไม่มีอารมณ์ที่จะพูดด้วยดี ๆ จึงถามกลับด้วยน้ำเสียงตะคอก “เพราะอะไร อะไรของนาย!”
“ทีแรกก็ปล่อยข่าวฉาวเรื่องสตั๊นแมนไปเข้าฉากนั้นแทนซินซิน เรื่องนี้ไม่เพียงแต่บดบังความสามารถของซินซิน แต่ยังทำให้ตัวเธอเป็นที่สนใจขึ้นมาได้ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ฉันได้รู้เรื่องนี้เข้า เธอก็ร้อนรนจนต้องเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวของอู๋เทากับโม้เข่อซิน ทำให้แสงดาวกรุ๊ปต้องตกที่นั่งลำบาก” เมื่อพูดจบ เขาก็จ้องไปที่เธอและถามว่า “เธอจะจัดการกับฉันยังไงต่อไปอีกล่ะทีนี้”
ตั้งแต่ที่เยี่ยหลานซานรู้จักกับเขามา นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นเขาโมโหอย่างเดือดดาลเช่นนี้
คนคนนี้เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย ทั้งชีวิตนี้มีครบทุกอย่างโดยไม่ต้องเป็นกังวลเหมือนเด็กคนอื่น ๆ
ก่อนที่เขาจะอายุได้ 22 ปี ด้วยความที่เขาเป็นลูกของผู้มีอำนาจและร่ำรวย เขาถูกส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่ยังเด็ก และถึงแม้ว่าจะจากบ้านไปเรียนอยู่แดนไกล เขาก็เป็นเด็กที่เรียนเก่งและเป็นผู้นำของนักเรียนคนอื่น ๆ อีกด้วย อีกทั้งยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสองใบในสาขาวิชาการจัดการและเศรษฐศาสตร์อีกด้วย
เขากลับมายังประเทศจีนในวัย 22 ปี เขาก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการแสดงละครเรื่องแรก จนทำให้เฉียวเฟนฝานสามารถคว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในปีต่อมา และเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปีเดียวกันอีกด้วย
ต่อมาในวัย 24 ปี เขาก็ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในบทบาทของ เฟิงหยิ่งตี้
และในวัย 25 ปี ก็ได้กลายเป็นศิลปินชายที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการบันเทิง
สง่างามจนน่าจับจ้อง
แต่สภาพเขาตอนนี้นั้นเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังแบกความรู้สึกเจ็บปวด โศกเศร้ารวมถึงความโกรธเอาไว้พร้อมกัน
ความรู้สึกของเยี่ยหลานซานที่เคยมีต่อเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
ยังคงจำได้ลาง ๆ ว่าครั้งแรกที่เจอกัน เขาดูเป็นคนที่อ่อนโยน หล่อเหลาและสง่างาม
นัยน์ตาเธอสั่นเล็กน้อย และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ในเมื่อนายเห็นว่าฉันเป็นคนโหดร้ายขนาดนี้ ที่นายถามมาเมื่อกี้ นายคิดว่าคนชั่วอย่างฉันจะโง่บอกแผนการครั้งต่อไปให้นายรู้งั้นเหรอ?”
เธอหัวเราะอย่างประชดประชันให้กับเรื่องไร้สาระนี้
ท่าทีเฉยเมยของเธอกระตุ้นความโกรธลึก ๆ ในใจของเฉียวเฟยฝาน จนเขาตวาดเสียงดังออกมา “เยี่ยหลานซาน! คนที่เธอต้องแก้แค้นน่ะคือฉัน อย่าเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเกาซินซิน อู๋เทา หรือโม้เข่อซิน พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด!”
ไม่ได้ทำอะไรผิดงั้นเหรอ?
คำพูดที่เยี่ยหลานซานได้ยินเมื่อกี้นั้น เหมือนเรื่องล้อเล่นหลอกเด็กยังไงอย่างงั้น
เธอระเบิดออกมาด้วยความเก็บกด “คุณชายเฉียวคะ ในสายตานายเนี่ย เกาซินซินหรือจะโม้เข่อซินที่ชอบเกาะติดสามีชาวบ้าน หรือแย่งแฟนของเพื่อน เป็นคนที่ไม่มีความผิดงั้นเหรอ? ตาที่3ของนายหายไปไหนแล้วล่ะ โดนหมาคาบไปกินแล้วเหรอ?
เฉียวเฟยฝานรู้สึกละอายใจจนทำให้ความโกรธบนใบหน้าเขาหายไปโดยไม่รู้ตัว “เธอรู้ดี ว่าฉันไม่ได้หมายความอย่างที่พูด…”
MANGA DISCUSSION