รองประธานของเอ็มเพอเรอร์กรุ๊ป หรือ กงฉีหลิน หลานชายของกงเส่าถิง เดินเข้ามาในห้องทำงานของประธานพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือ
เขากับกงเส่าถิงมีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้างเล็กน้อย
ภายใต้ผมดำซอยกับคิ้วหนาเรียวที่เลิกขึ้นเล็กน้อย ลับกับใบหน้าที่หล่อเหลาสง่างามนั้นได้อย่างลงตัว
ด้านหลังแว่นตากรอบทองที่สวมอยู่บนดั้งจมูกโด่งนั้น ก็คือดวงตาเฉียบคมโดยมีขนตาหนางอนประดับอยู่
และทุก ๆ ฝีเท้าที่ย่างก้าวเข้ามานั้น สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความสุภาพเรียบร้อยไปทั่วทั้งตัวเขา
หลังจากที่เขาส่งเอกสารในมือให้กงเส่าถิง เขาก็มองไปที่ฉืออวี้เฟิง ที่ไม่รู้ทำไมถึงยืนหน้าแดงเหมือนตื่นเต้นอะไรอยู่ แล้วถามว่า “มีอะไรให้ช่วยมั้ย”
ฉืออวี้เฟิงที่ทำท่าเหมือนอยากจะเปิดปากพูดเรื่องต่าง ๆ แต่เมื่อนึกถึงคำเตือนของกงเส่าถิง เขาก็รีบหุบปากลงทันที
“ไม่มีอะไร ๆ ”
ตั้งแต่เกิดมา ฉืออวี้เฟิงก็ไม่เคยที่จะสงบปากสงบคำลงได้ ถ้าหากไม่ใช่เพื่อศักดิ์ศรีของกงเส่าถิงแล้วละก็ เขาสามารถป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้ได้ในทันทีเลยว่า น้าชายของเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนึงเข้าแล้ว
เขาอึดอัดใจ และมองไปที่กงฉีหลิน “สิงน้อย ฉันไปรอนายที่ห้องพักรับรองนะ เสร็จธุระของนายเมื่อไหร่ ไปดื่มไปคุยเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
พูดจบเขาก็เดินออกไปด้วยสีหน้าไม่มีความสุข
นี่มันไม่ใช่ฉืออวี้เฟิงคนเดิมเลย!
กงฉีหลินดันแว่นกรอบทองบนดั้งจมูกของเขาขึ้นและมองไปที่ลุงของเขาอย่างสงสัย “อาฉือทำไมมีท่าทางแปลก ๆ แบบนั้นละครับ”
“สงสัยจะขาดความรักล่ะมั้ง”
กงเส่าถิงปิดคอมพิวเตอร์และพูดขึ้นเบา ๆ
กงฉีหลินได้ยินดังนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
ฉืออวี้เฟิงถูกคุณป้ากับลุงเขยเร่งให้เขารีบแต่งงานอยู่แทบทุกวัน ด้านนอกนั่นก็มีกลุ่มสาว ๆ ที่มักจะรายล้อมเขาอยู่บ่อย ๆ คนแบบนี้เนี่ยนะ ที่จะขาดความรัก?
กงฉีหลินหรี่ตาลง และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มสงสัยในคำพูดของลุง
…………
หลังจากผู้ก่อการร้ายทั้งสองอย่างเยี่ยหลานซานกับกงเส่าถิงได้ทำเรื่องเลวร้ายสำเร็จกันไปแล้วนั้น ทั้งสองคนต่างก็กลับมาทำหน้าที่ของตนเองต่อ
คนหนึ่งก็จัดเลี้ยงต้อนรับเพื่อนที่มาจากแดนไกล ส่วนอีกคนหนึ่งก็กลับไปจัดการประชุมสำคัญของธุรกิจประจำตระกูล
เหลือเพียง แสงดาวกรุ๊ปที่เพิ่งโดนทั้งคู่เล่นงานไปนั้น กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
ผู้บริหารระดับสูงแห่งแสงดาวกรุ๊ป กำลังโมโหจัด!
พ่อของเฉียวเฟยฝาน นามว่าเฉียวหย่วนฟานได้จัดประชุมบริษัทฉุกเฉินขึ้น
ณ ห้องประชุม นำโดยผู้บริหารระดับสูง เฉียวหย่วนฟาน และหัวหน้าแผนกต่าง ๆ ที่นั่งตัวตรง แทบจะไม่กล้าหายใจออกมา
ปึ้ง!
เฉียวหย่วนฟานฟาดแฟ้มเอกสารในมือของเขาลงบนโต๊ะ สัมผัสได้ถึงอำนาจมืดที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ก่อนที่เขาพูดออกมาด้วยความโมโห “ฝ่ายประชาสัมพันธ์กับหัวหน้าแต่ละแผนกทำอะไรกินกันอยู่เรอะ! ผ่านไปชั่วโมงนึงแล้ว ยับยั้งข่าวฉาวไร้สาระพวกนี้ยังทำกันไม่ได้ แล้วนี่ยังจะปล่อยให้มันเลวร้ายขึ้นอีก พวกคุณทำอะไรกันอยู่!”
ในตอนนี้นั้น มันถึงจุดที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นโม้เข่อซินหรืออู๋เทาก็ตาม ใครที่ตกอยู่ในข่าวฉาวนี้ ถือว่าได้สร้างความเสื่อมเสียอันใหญ่หลวงให้กับทางแสงดาวกรุ๊ปแล้ว
ผอ. ฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็ร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา
เขาพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะลดทอนความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าดาราสองคนนั้นจะทำเรื่องอย่างที่เป็นข่าวจริงหรือไม่ หลักฐานทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นภาพจริง และชัดเจนว่าหลักฐานทุกอย่างเป็นของจริงด้วย ผู้ลงมือ สามารถทำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งร่องรอยใดใด และดูเหมือนกะไว้แล้วว่าจะไม่ให้ดาราทั้งสองคนนั้นได้มีโอกาสออกมาแก้ตัวต่อสื่อมวลชน
ไม่ว่าทางฝ่ายประชาสัมพันธ์จะพยายามเข้าแทรกแซงหรือพูดโน้มน้าวอย่างไร ก็ไม่สามารถยุติคำประณามสาปแช่งของชาวเน็ตได้
ยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอารมณ์ของเฉียวหย่วนฟานในตอนนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา
หลานชายของเฉียวหย่วนฟาน นามว่าเฉียวเฉิน เล็งเห็นถึงสถานการณ์ที่เย็นลงจนเหลือเพียงความเงียบสงัด ทำให้เขาเริ่มพูดขึ้นมา “ลุงรองครับ ฝ่ายตรงข้ามลงมือได้อย่างรุนแรงเจ็บแสบมาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เราไม่มีโอกาสที่จะโต้แย้งเลย และตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เราจะต้องมานั่งรับผิดชอบอีกต่อไปแล้ว เราควรจะเร่งสืบหาว่าใครที่มันมาทำแบบนี้กับเรา”
คนอื่น ๆ รีบออกความคิดเห็นส่งเสริม “ใช่ครับ ๆ ๆ /ใช่ค่ะ ๆ ๆ”
เฉียวหย่วนฟานถามด้วยความที่ยังโมโหอยู่ “งั้นหาเจอรึยังล่ะ!?”
ทุกคนในที่ประชุมพากันเงียบปาก…
เพราะถ้าหากว่าหาตัวคนทำเจอแล้ว ทุกคนก็คงไม่มานั่งผวากันอยู่อย่างนี้
คนที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นสุนัขจิ้งจอกแก่ ๆ ทั้งนั้น ใครที่ยังไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวหรือไม่มีคุณสมบัติมากพอ ก็ไม่สามารถที่จะมานั่งในที่นี้ได้
เฉียวเฉินตอบกลับ “ผมได้ให้เลขาติดต่อโจโจแล้วครับ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นปาปารัสซี่เบอร์ต้นของวงการบันเทิง แต่ก็น่าจะยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ก็เคยช่วยลบอดีตที่ด่างพร้อยของศิลปินค่ายเราอยู่หลายคน มือนึงก็น้อมรับค่าจ้างอย่างสุภาพ อีกมือนึงก็ส่งงานให้เราอย่างครบถ้วน พักหลังมาเขาก็ไม่ได้แฉข่าวฉาวอะไรมากสักเท่าไหร่ แต่จู่ ๆ ก็แฉข่าวไม่ดีของโม้เข่อซินออกมา ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีคนคอยชักใยเขาอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ ครับ”
เมื่อเขาเห็นเฉียวหย่วนฟานมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโห เฉียวเฉินก็ไม่กล้าพูดจาไร้สาระออกมาอีก จึงรีบพูดต่อว่า: "พวกเขาทั้งสองคนถูกแฉเรื่องส่วนตัว หลังจากที่เรื่องอื้อฉาวของสตั๊นแมน ละครเรื่อง " จิ้งจอกสาว” ถูกปล่อยออกมา ผมคิดว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับสตั๊นแมนคนนั้นครับ “
และถัดมาก็เป็นประเด็นหลักที่เขาจะพูด เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักขึ้น “ผมเคยได้ยินมาว่า สตั๊นแมนคนนั้น เคยเป็นอดีตแฟนสาวของลูกพี่ลูกน้อง(หมายถึงเฉียวเฟยฝาน) เป็นไปได้มั้ยที่เธอจะตอบโต้รักครั้งใหม่ที่เพิ่งเปิดเผยออกมาของลูกพี่ลูกน้อง”
เฉียวหย่วนฟานพูดด้วยน้ำเสียงโมโห “รีบโทรเรียกเฉียวเฟยฝาน บอกให้เข้าบริษัทมาด่วนเลย!”
“ได้ครับ”
เฉียวเฉินแอบกระตุกยิ้ม เผยให้เห็นความเฉลียวฉลาดของเขาที่ผ่านออกมาทางสายตา
เฉียวเฟยฝานที่อยู่กับเกาซินซินจอมกลับกลอกสองต่อสองที่คอนโดของเขา ทั้งสองอยู่ในสภาพเหงื่อไหลซิบไปทั้งเรือนร่าง โดยที่ไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกของทั้งคู่นั้นสะพัดไปด้วยกลิ่นคาวของเรื่องฉาวโฉ่ต่าง ๆ อย่างวุ่นวาย
แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เฉียวเฟยฝานออกแรงกระแทกอยู่สองสามครั้งจนถึงจุดหมาย หลังจากปลดปล่อยความรักทั้งหมดออกมาแล้ว เขาก็รับสายและตอบปลายสายด้วยเสียงเหนื่อยหอบ “ว่าไงครับ พี่ชาย”
“เฟยฝาน ที่บริษัทมีเรื่องด่วนนะ ลุงรองกำลังโมโหมากเลย นายรีบกลับมาที่บริษัทด่วนเลยนะ อ้อ แล้วถ้าจะให้ดีก็พาแฟนใหม่นายมาด้วยล่ะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ”
ในขณะที่เขากำลังถามอยู่นั้น เฉียวเฉินก็กดวางสายไปแล้ว
เฉียวเฟยฝานไม่คิดว่าเรื่องจะร้ายแรงขนาดนั้น แต่ก็รีบคว้าโทรศัพท์และลุกขึ้นจากโซฟา
เดินไปหยิบเสื้อจากตู้เสื้อผ้า พร้อมกับเลื่อนอ่านข่าวในโทรศัพท์ไปด้วย
หลังจากที่เขาได้เห็นความคึกคักเร่าร้อนของข่าวฉาวต่าง ๆ สีหน้าของเขาก็ค้างเติ่งไปเลย
และสายเกินไปที่จะมานั่งคิดพิจารณาอะไรแล้ว เขารีบหยิบกระโปรงแล้วโยนให้เกาซินซินที่ยังคงปวกเปียกและเหนื่อยหอบอยู่บนพื้นพรม "เร็วเข้า เราต้องกลับเข้าบริษัทด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย!"
…………
มาต่อกันที่งานเลี้ยงต้อนรับอวิ๋นซีกับเสี่ยวจิน เยี่ยหลานซานดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติ เธอนั่งทานอาหารกับอวิ๋นซีและเสี่ยวจินอย่างหมดความกังวล
หลังจากทานข้าวเสร็จ ทั้งสามคนก็กลับมาที่คอนโด และทำหน้าที่ของทุกคนต่อ
เสี่ยวจินเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบเว็บไซต์ที่แฉเรื่องของเยี่ยหลานซาน
ขอเพียงแค่มีช่องทางที่สามารถเข้าใกล้คนพาดหัวข่าวนี้ได้ก็เพียงพอแล้ว สืบเบาะแสเรียงไปเรื่อย ๆ ทีละคนตั้งแต่ผู้ควบคุมเว็บไซต์จนถึงผู้แก้ไขเว็บไซต์ ก็จะสามารถเจอตัวผู้ลงมือตัวจริงได้แน่นอน
ในตอนนี้ พวกเขายังไม่มีเบาะแสะเกี่ยวกับผู้ลงมือตัวจริง จึงทำได้เพียงแค่สืบหาผ่านเว็บไซต์ไปเรื่อย ๆ ก่อน
แต่เมื่อพูดถึงเว็บไซต์แล้วนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องมักจะไม่ได้มีแค่คนสองคนที่ควบคุมดูแล
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเอาเสียเลย
เยี่ยหลานซานไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเจอต้นตอหรือคำตอบได้เลยในทันทีที่สืบหา หลังจากที่เธอช่วยกันทำภารกิจสำคัญกันอยู่นั้น เมื่อดูนาฬิกาอีกที ก็ปาไป6โมงเย็นแล้ว
เธอรับปากกับกงเส่าถิงไว้แล้วว่าจะไปหาเขาที่โรงพยาบาล
เธอยืดตัวบิดขี้เกียจ
ก่อนจะออกจากคอนโด อวิ๋นซีก็เข้าไปขวางทางเธอ ทำสายตาสอดส่องเยี่ยหลานซานก่อนจะถามว่า “นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว จะออกไปไหน”
“เพื่อนฉันเข้าโรงพยาบาล ฉันจะไปเยี่ยมหน่อย”
เยี่ยหลานซานพูดพลางเปลี่ยนรองเท้า
คำถามมากมายหลุดออกมาจากปากของอวิ๋นซีแบบพรวดพราด “เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง? สูงหรือว่าเตี้ย? อ้วนหรือว่าผอม? หน้าตาดีหรือว่าขี้เหร่?”
เยี่ยหลานซานจิ๊ปาก “พี่นี่จุ้นจริง ๆ เลย”
อวิ๋นซีจีบผมสีบลอนด์เงินของเขาก่อนจะพูดว่า “ฉันจะอยู่ที่เมืองหลวงนี้จนถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า เพราะฉะนั้นเราสองคนยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน เดี๋ยวเธอก็จะชินเอง”
MANGA DISCUSSION