ค่ำคืนที่เงียบสงัด เนื่องด้วยเสียงของทั้งสองที่กำลังพูดคุยกัน แสงไฟอัตโนมัติก็ค่อยๆสว่างขึ้น
เธอจ้องมองเขา
เขาจ้องมองเธอ
ในช่วงเวลาที่สบสายตากัน เยี่ยหลานซานกล่าวทีละคำ “หนูชอบลุง ตั้งแต่ที่ลุงบอกว่าต้องการบุหรี่ในมือของหนู หนูก็ตกหลุมชอบลุงเลยย”
กงเส่าถิงกอดเธอแน่น
และแน่นมากยิ่งขึ้น
เขาวางคางไว้บนศีรษะของเธอและเล่นผมเธอเบาๆ “ซานซาน ฉันเองก็…ชอบเธอ”
คำสุดท้ายเขาดูเกร็งๆ แต่ก็อดไว้ไม่ได้จึงต้องปล่อยออกมา
เยี่ยหลานซานอยู่ในอ้อมแขนของเขาและยิ้มหวาน
แสงไฟสว่างขึ้นเรื่อยๆและบรรยากาศก็ดูคลุมเครือมากยิ่งขึ้น
กงเส่าถิงกอดเธอไว้เป็นเวลานาน จากนั้นก็ปล่อยเธออย่างไม่เต็มใจ เขาจุมพิตระหว่างคิ้วของเธอ “รีบนอนพักผ่อน”
“โอ้”
เขามองเธอด้วยความรักและเอาใจ จากนั้นเขาก็หมุนตัวออกมา
เมื่อเห็นเขาจะจากไป เยี่ยหลานซานก็ยื่นมือออกไปและคว้าเขาเอาไว้
เมื่อกงเส่าถิงหันศีรษะกลับไปมอง มือของเขาก็อยู่บนเสื้อเชิ้ต…และกำลังปลดกระดุม…
การกระทำนั้น….!!
เยี่ยหลานซานหน้าแดงก่ำ
เธอแอบกลืนน้ำลายอย่างเงียบๆและถามด้วยเสียงที่แหบพร่า “คะคุณ..คุณลุงกำลังจะทำอะไร?”
ปลอดกระดุมเพื่อยั่วยวนเหรอ?!
“…”
มือกงเส่าถิงที่กำลังปลดกระดุมก็หยุดลง
เดิมทีต้องการที่จะถอดเสื้อผ้าและไปอาบน้ำ แต่เมื่อเห็นเธอหน้าแดงมีเสน่ห์แบบนี้แล้วเขาก็คิดแผนได้ เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้ เขาจึงยิ้มอย่างยั่วยวนและกล่าว “แน่นอนว่าจะทำในเรื่องที่ควรทำ”
นัยต์ตาของเขามีความคลุมเครือ
เยี่ยหลานซานหน้าแดงในทันทีและรีบกล่าวเบาๆ “….เร็วไปหน่อยหรือเปล่า?”
ท้ายที่สุดแล้วของความสัมพันธ์ในความรักก็คือการเป็นของกันและกันเหรอ?
มันพัฒนาเร็วไปไหม!
กงเส่าถิงกลั้นยิ้มเอาไว้ เขากล่าวพึมพำในคำพูดของเธอ “เร็วเหรอ?”
“แน่นอน!”
เยี่ยหลานซานพยักหน้าอย่างแข็งขัน
เธอเหลือบมองเขาที่กำลังทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง หน้าเธอในตอนนี้แดงจนควันจะออกหูแล้ว
ในเรื่องนี้…เขายัง…ยังคงทำหน้าครุ่นคิดขนาดนี้? คุณลุงที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นคุณลุงที่อ่อนโยนและนุ่มนวลในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ใช่หรือเปล่า? หากว่าเธอไม่มั่นใจในกลิ่นกายและบุคลิกเขา เธอก็คงสงสัยว่าคนคนนี้กำลังสวมหน้ากากปลอมตัวมาใช่หรือไม่!
ในขณะที่เธอกำลังคิดวุ่นวาย กงเส่าถิงก็จงใจโน้มตัวเข้าหาเธอและจ้องมองไปที่เธอ “แล้วเธอคิดว่าเมื่อไหร่จะโอเคล่ะ?”
ทันทีที่คำนี้กล่าวออกมา –
ทันใดนั้นบรรยากาศระหว่างทั้งสองก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน จากที่กำลังคลุมเครือก็กลายเป็น…หื่นกาม…
เยี่ยหลานซานตัวแข็งทื่อ ความรู้สึกภายในใจแตกกระเจิง
คำถามนี้ จะให้เธอตอบอย่างไร?
เธอกระแอมเบาๆ “หนูขอคิดก่อน…”
กงเส่าถิงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี “โอเค งั้นหนูก็คิดไป”
ขณะที่เขาพูด เขาก็โน้มตัวไปข้างหน้าและจูบเธอ
คิ้วของเยี่ยหลานซานกระตุก ในขณะที่ผลักเขา เธอก็ประท้วง “ไม่ใช่ว่า..ให้หนูคิดก่อนหรือไง?” ทำไมถึงจู่โจมมาแบนี้?!
“ก็หนูคิดของหนูไปไง” เสียงที่คลุมเครือก็ดังออกมาจากปากของกงเส่าถิง ปลายลิ้นของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของเธอ “ฉันก็จะทำของฉัน”
ฉันคิดของฉัน?
เขาทำของเขา?
เขาทำเรื่องแบบนี้ ยังจะให้ฉันคิดอีกเหรอ?
กงเส่าถิงแค่อยากจะแกล้งเธอ แต่ใครจะบอกเธอได้ หากว่ามันเลยเถิดจะเกิดอะไรขึ้น?
จูบนั้นยิ่งลึกซึ้ง
ในที่สุดก็ไปตามทาง
จูบที่ริมฝีปากของเธอ จูบคอที่บอบบางของเธอ จูบไหปลาร้าที่ประณีตของเธอ … เขาหยอกเย้าอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขยับลงมา…
เมื่อริมฝีปากของเขาประกบลงบนเนินขาวนวลของเธอ…
“อย่า—-”
เยี่ยหลานซานผลักเขาในทันที
ด้วยความเขินอายและความหงุดหงิดเล็กน้อย “ไม่ ไม่เอาแล้ว…”
น้ำเสียงที่มีเสน่ห์ของเธอ แก้มที่แดงระเรื่อ ริมฝีปากบวมแดง เสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง และดวงตาที่ยังดูคลุมเครือ ราวกับเป็นการปฏิเสธที่ต้อนรับ ช่างมีเสน่ห์
สิ่งนี้สามารถกระตุ้นความอยากเป็นเจ้าของของผู้ชายได้เป็นอย่างดี
ดวงตาที่แผดเผาของเขานั้นปรวนแปร เขาแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย แต่น้ำเสียงของเขากลับทรยศเขา “ฉันปลดกระดุม เพราะต้องการจะไปอาบน้ำ”
เยี่ยหลานซาน “….”
ทำไมถึงรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดมันดูไม่จริงใจ?
ความเขินอายเมื่อครู่นั้นไม่มีแล้ว เธอเลิกคิ้วขึ้น “จริงเหรอ?”
“อืม”
กงเส่าถิงไม่กล้าที่จะยืนเช่นนั้นต่อไป เขาเดินออกไปที่ประตูและแสร้งทำเป็นสงบและกล่าว
หลังจากปิดประตูแล้ว หลังจากที่ส่งสายตาหยอกล้อหลังประตูแล้วเขาก็ก้มศีรษะลง
เฮ้อ
ถึงเวลาที่ควรจะอาบน้ำเสียที
…………
บนเรือไข่มุก
ตำรวจได้ทำการสืบสวนหลายครั้ง หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงบันทึกคำให้การของพวกเขาทีละคน พวกเขาก็รอให้ครอบครัวมารับ ในฐานะเจ้าของเรือไข่มุก เฉียวหย่วนฟานพลางให้ความร่วมมือกับตำรวจและพลางเอาใจตระกูลใหญ่ต่างๆ
พวกเขาวุ่นวายกันจนกระทั่งรุ่งอรุณ 6 โมงเช้า ถึงจะเสร็จสิ้น
แสงในตอนเช้าส่องผ่านกระจกโปร่งใสและตกลงบนใบหน้าของเขา เผยให้เห็นสีหน้าที่ซีดเซียว
จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิมของวัยหนุ่ม เพียงแค่ไม่ได้นอนหนึ่งคืนก็ดูแก่ลงไปหลายปี
เขาใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อเชิญชวนบรรดาเศรษฐีและชนชั้นสูงให้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเขา คาดไม่ถึงเลยว่าจะจบลงแบบนี้ …
ถูกบรรดาเศรษฐีต่างมองเป็นเรื่องตลกและยังล่วงเกินคนที่ไม่ควรจะล่วงเกิน
“แล้วพวกคนร้ายพวกนั้นเข้ามาได้อย่างไร?”
เขาขมวดคิ้วแน่นและถามผู้จัดการ
ผู้จัดการรีบก้มศีรษะลง “ไม่ ไม่รู้….”
“ไม่รู้เหรอ?”
เฉียวหย่วนฟานโยนที่เขี่ยบุหรี่ลงบนพื้นด้วยความหงุดหงิดใจ
“ปัง” ที่เขี่ยบุหรี่หลากสีแตกออกเป็นสองซีก
น้ำเสียงของเขาดังขึ้น “เรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้ แกยังพูดได้แค่คำว่า ไม่รู้ กับฉันงั้นเหรอ?!”
“……….”
เมื่อถูกสั่งสอน ผู้จัดการก็ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก
ในคำดุด่าของพ่อ เฉียวเฟยฝานก็นึกขึ้นได้ในสิ่งที่เยี่ยหลานซานได้เตือนเขา
— วันนี้ฉันได้พบกับบุคคลที่น่าสงสัย บนร่างกายของเขามีกลิ่นดินปืน ฉันสงสัยว่ามีกองกำลังของผู้ก่อการร้ายที่น่ากลัวปะปนอยู่บนเรือสำราญ
— เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจกำลังวางแผนจัดการใครสักคนบนเรือ หรือไม่ก็จัดการกับทุกคน!
เฉียวเฟยฝานขมวดคิ้วแน่น
เธอรีบร้อนเข้ามาหาเขาเพื่อต้องการค้นหาความจริง แต่เขาจ้องมองเธออย่างตัวประหลาดและดูถูกเธอ…
เฉียวหย่วนฟานเหลือบมองท่าทีของเขา “แกรู้เรื่องอะไรหรือไม่?”
“……”
ไม่มีใครเข้าใจและรู้จักลูกชายได้ดีไปกว่าพ่อ เฉียวหย่วนฟานตะโกน “เล่าในสิ่งที่แกรู้ทั้งหมดมาให้ฉันฟัง!”
เฉียวเฟยฝานลังเล
ท้ายที่สุด เขาก็ตัดสินใจสารภาพความจริง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉียวหย่วนฟานที่มีสติสัมปชัญญะมาเสมอก็ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ฝ่ามือของเขาพุ่งไปยังใบหน้าของเขา “ไอ้โง่ เรื่องสำคัญแบบนี้ ทำไมแกไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้?”
“……….”
ใบหน้าของเฉียวเฟยฝานบวมปูดและเขาไม่ได้พูดหรือกล้าที่จะขยับตัว
เฉียวหย่วนฟานโกรธจนหัวใจแทบวาย เขานวดบริเวณที่เจ็บปวดและร่างกายก็อ่อนแอลง “ไสหัวออกไป!”
……….
เฉียวเฟยฝานรู้สึกหดหู่ เขาออกจากเรือไข่มุก
เขาหันศีรษะกลับไปมองเรือสำราญที่งดงามและวิจิตรบรรจง
งานเลี้ยงที่เชื่อมความสัมพันธ์กลายเป็นฟองสบู่ที่ลวงตา ในความทรงจำมีเพียงแค่การฆาตกรรมของคนร้ายและความกลัวที่เกิดขึ้นภายในใจ
ในงานเลี้ยงที่หากคุณประมาทก็อาจฆ่าคุณได้ เยี่ยหลานซานเป็นดั่งราชินีที่นำคนร้าย11คนออกมาจากห้องโถง
หัวใจของเขาเหมือนกับต้องมนต์อยู่ชั่วขณะ
หลังจากที่เกาซินซินเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเธอที่กำลังวิตกกังวล เธอก็นั่งรอเฉียวเฟยฝานอยู่ในรถอย่างอดทน เมื่อเห็นร่างของเขา เธอก็รีบเข้าไปหา
เมื่อเห็นใบหน้าบวมแดงของเขา เธอก็ตกตะลึง “พี่เฉียว คุณลุงเฉียวเขา….?”
“ทำไมเธอยังไม่กลับไป?”
ในตอนนี้เฉียวเฟยฝานอารมณ์ไม่ดี เขาไม่อยากพูดคุยกับใครมากนัก
“วันนี้แม่ของหนูเพื่อที่จะช่วยพ่อ ก็เลย…” ไม่จำเป็นต้องพูดคนประโยคถัดไป เพราะว่า ในห้องโถงนั้นทุกคนต่างก็รู้ดี
“คุณสามารถช่วยเสนาธิการฉือชานโหมวและตระกูลเป่าได้หรือไม่?”
“อืม”
เขาตอบแบบขอไปที
“งั้น…”
“ซินซิน ให้ผมอยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก”
จากนั้นเฉียวเฟยฝ่านก็ขับรถออกไปเพียงคนเดียว
ในความคิดของเขา เยี่ยหลานซานมักจะปรากฏตัวเป็นครั้งคราว
เขาผิดเอง
จะชดเชยความผิดพลาดนี้ได้อย่างไร?
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและคิด จากนั้นก็กดโทรหาเธอ
ทันใดนั้นก็มีเสียง “ปัง” เกิดขึ้น —–
MANGA DISCUSSION