ในพริบตาเดียว ก็มีเสียงร้องหวีดแหลมดังขึ้นตรงนั้นทีตรงนี้ที ผสมรวมกัน แล้วยังมีเสียงฝีเท้าที่ดังผสมกันไปมาตึงๆๆ เหมือนกับมีม้าเป็นพันตัวกำลังวิ่งอยู่
ความวุ่นวายเกิดในชั่วครู่
ฝีเท้าของเยี่ยหลานซานหยุดลง ภายในใจก็รู้สึกถึงความคิดที่ไม่ดี
งานเลี้ยงครั้งนี้เฉียวหย่วนฟานกว่าจะจัดงานขึ้นมาได้นั้นไม่ง่ายดาย ไม่ควรจะเกิดข้อบกพร่องแย่ๆแบบนี้ขึ้น
อย่างนั้นคือ……
“หลานซาน!”
จากที่ไม่ไกล เป๋าจิงเหรินตะโกนออกมาด้ยความกังวล
เยี่ยหลานซานจับจ้องไปยังทิศทางของเป๋าจิงเหริน แล้วก็ค่อยๆเดินอยู่ในความมือ พลางตอบกลับไปด้วย: “ฉันอยู่นี่”
“เธอเป็นยังไงบ้าง?”
เป๋าจิงเหรินกับฉืออวี้เฟิงถามขึ้นมาพร้อมกัน
น้ำเสียงร้อนรนของคนทั้งสองคน เยี่ยหลานซานฟังแล้ว ในใจรู้สึกอบอุ่น ช่วยรักษาความเจ็บปวดของเธอที่เพิ่งถูกเยี่ยอีเหรินทำร้ายมาได้ในฉับพลัน
หลังจากที่ประครองพวกเขาได้แล้ว เยี่ยหลานซานคาดเดาว่า: “คนพวกนั้นน่าจะเริ่มลงมือแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้กงเส่าถิงเป็นยังไงบ้าง……”
น้ำเสียงของเธอ มีความกังวลและร้อนรน
เป๋าจิงเหรินพยายามทำให้เธอสบายใจอย่างสุดความสามารถ: “เขาจะต้องปลอดภัยแน่ๆ วางใจเถอะ”
“……?”
ปฏิกิริยาของเป๋าจิงเหรินดูไม่ค่อยถูกต้องนะ
แต่เยี่ยหลานซานไม่มีเวลากับกะจิตกะใจจะจะไปถามเธอว่าทำไมเวลาที่เธอพูดถึงกงเส่าถิง ถึงได้ดูใจเย็นขนาดนั้น
ความคิดทั้งหมดของเธอถูกเสียงระเบิดที่ดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ดึงดูดไปจนหมด-
“ปัง”
เป็นเสียงปืนดัง!
“กรี๊ด-”
ผู้คนที่ตกอยู่ในความมืดตอนแรก็สติแตกกระเจิงอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมีเสียงปืนที่น่ากลัวดังขึ้นมาอีก ทันใดนั้น คนจำนวนมากก็กรีดร้องออกมาเสียงแหลมราวกับฟ้าลั่น ดังอึกทึก แถมยังมีคนกลัวจนร้องไห้ออกมาจ้าละหวั่น
เสียงร้องงเพราะความหวาดกลัวยังคงดังไม่หยุด ทำให้ห้องโถงที่ตอนแรกก็มืดสนิทอยู่แล้วยิ่งดูโศกเศร้าและน่ากลัวขึ้นไปอีก
นรกที่มีอยู่จริงๆ
นัยน์ตาของเยี่ยหลานซานเบิกกว้างในทันที
พวกเขามีปืน!
แต่คุณลุงกลับมีแค่หัวเดียวกระเทียมลีบ……
เธอไม่กล้าจะคิดต่อไปแล้ว
หัวใจราวกับถูกคนบีบเขาไว้ แม้แต่ลมหายใจก็กลายเป็นวิตกกังวล
เป๋าจิงเหรินจำได้อย่างแม่นยำถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะต้องพาเยี่ยหลานซานหนีไป เธอดึงเยี่ยหลานซานไปทันที แล้วก็เร่งให้ฉืออวี้เฟิงไปที่ดาดฟ้าเรือด้วยกัน
เพียงแค่ พวกแค่ขยับไปด้านหลังไม่กี่ก้าว อย่าทำร้ายพวกเราเลย พวกแกอยากได้เงินเท่าไหร่พวกเราให้หมดเลย ให้หมดเลย……ขอร้องพวกแกปล่อยเราไปเถอะ……”
ใช้แสงจากดวงจันทร์มองไป ในความมืดนั้น อยู่ๆบนดาดฟ้าเรือก็ปรากฏชายร่างใหญ่ยักษ์ประมาณสิบกว่าคน
ในมือของพวกเขาทุกคนถือปืนเอาไว้คนละกระบอก หันปลายกระบอกปืนไปยังเยี่ยอีเหรินกับเกาซินซิน
โดนปลายกระบอกปืนสีดำจำนวนมากหันเข้าใส่แบบนี้ คนที่โตในครอบครัวชั้นสูงอย่างเยี่ยอีเหรินไหนเลยจะเคยเจอเหตุการณ์แบนนี้ จะเป็นจะตายก็ขึ้นอยู่กับยมบาล เพียงในชั่วขณะหนึ่ง เกาซินซินที่อยู่ข้างๆยิ่งไม่ต้องพูดถึง หดตัวอยู่ด้านหลังของเยี่ยอีเหริน ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า
ฉืออวี้เฟิงกัดฟันด่า: “แม่ง! ตอนนี้ดาดาฟ้าก็ไปไม่ได้แล้ว!” ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหนีไปเลย!
เยี่ยหลานซานพิจารณาอย่างจริงจัง: “คนพวกนี้เตรียมการไว้อย่างรอบครอบ มีการเตรียมการก่อนมา น่าจะรู้ทุกอย่างบนเรือไข่มุกลำนี้แล้ว แต่ว่าพวกเขาไม่ได้ถือโอกาสฆาตกรรมหมู่ในความมืด น่าจะมีจุดประสงค์อื่น”
“รอดูสถานการณ์เงียบๆไปก่อน”
สถานการณ์ในตอนนี้คือศัตรูมีจำนวนมากกว่าเรา ความแข็งแกร่งของศัตรูไม่ได้อยู่ในความสามารถที่พวกเขาจะต่อกรได้
มือของเยี่ยหลานซานกับเป๋าจิงเหรินกำเข้าหากันแน่น ส่วนฉืออวี้เฟิง ก็ยืดตัวขึ้นเหมือนคนมีหน้าที่ เอาตัวบังพวกเธอไว้
ในความมืด เขาเหยียบเท้าของเยี่ยหลานซานเข้าด้วยไม่ทันระวัง
เยี่ยหลานซานเจ็บจนต้องร้องซี๊ดออกมา: “นายทำอะไร?”
ฉืออวี้เฟิงไม่ได้รู้ตัวว่าเหยียบเท้าคนอื่นเข้า ยืดคอออกมาอย่างภูมิใจ “แน่นอนว่ากำลังปกป้องพวกคุณ!”
ในความมืด เยี่ยหลานซานกับเป๋าจิงเหรินหันไปมองกันครั้งหนึ่ง แล้วพูดออกมาพร้อมกัน: “ไม่ต้อง”
พวกเธอไม่ต้องการให้ใครเสียสละเพื่อพวกเธอ!
โดยเฉพาะฉืออวี้เฟิง!
บากบั่นพยายาม ออร่าแฟนหนุ่มของฉืออวี้เฟิงเต็มเปี่ยม ถึงแม้ ผู้หญิงทั้งสองคนนี้ไม่ใช่แฟนสาวของเขา: “พวกคุณทั้งสองคน คนหนึ่งเป็นน้าสะใภ้ อีกคนหนึ่งก็เป็นพี่สะใภ้ ผมเป็นผู้ชายในตระกูล จะไม่ปกป้องพวกคุณได้ยังไง??”
“……?”
หน่านิ๊? อาสะใภ้?
เยี่ยหลนซานมองไปทางเป๋าจิงเหริน: “คนที่คุณชอบไม่ใช่กงเส่าถิงเหรอ? คือ……กงฉีหลิน?”
เป๋าจิงเหรินกรอกดวงตามีเสน่ห์มองบน: “เพ้อเจ้อ! กงเส่าถิงมีตรงไหนที่น่ารักเหมือนกงฉีหลิน!”
“……”
มุมปากของเยี่ยหลานซานกระตุก
กงฉีหลินน่ารักเหรอ?
เธอแอบแบ่งความสนใจมาคิดถึงรูปร่างของกงฉีหลิน
มักจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆเนี้ยบๆ กางเกงสแลคสีดำ ผมถูกเซ็ตเอาไว้ด้านบนอย่างเรียบร้อย บนดั้งจมูกมีแว่นตาสีทองตั้งอยู่ ตอนที่พบเจอกับคนอื่นก็มีรอยยิ้มที่ห่างเหินให้……
อืม ดูมีการศึกษา ดูสูงส่ง ดูพิถีพิถัน
คนแบบนี้……น่ารัก?
แต่ว่า ที่ทำให้เธอนั้นวางใจได้จริงๆเลยก็คือ: เรื่องที่เป๋าจิงเหรินรักใครอีกคน ช่วยรักษาหัวใจน้อยๆของเธอได้มากจริงๆ!!!
เธอนั้นไม่ได้ยินดีที่จะเป็นศัตรูกับคนที่เจอกันครั้งแรกแล้วรู้สึกเหมือนเพื่อนเก่าเลยจริงๆ
บนดาดฟ้าเรือ เยี่ยอีเหรินยังคงร้องขอชีวิต คนพวกนั้นคงจะรำคาญที่เธอเสียงดัง ก็เลยถีบเธอไปเลยครั้งหนึ่ง ใช้สำเนียงที่เหมือนคนต่างชาติข่มขู่: “แม่ง! ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ก็กลับไปนั่งเฉยๆ!”
“ค่ะ ค่ะ ขอบคุณคุณวีรบุรุษมาก”
ต่อจากนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบที่กำลังวิ่งมาทางนี้ดังขึ้นเบาๆ
ในขณะเดียวกัน ในห้องโถง ก็มีเสียงพูดภาษาจีนแปร่งๆดังขึ้น
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่รัก เรือลำนี้ได้ถูกคนของเราควบคุมไว้ได้หมดแล้ว และได้ทำการบล็อคสัญญาณการสื่อสารของพวกคุณแล้วด้วย ขอให้ทุกๆท่านที่อยู่ที่นี่ให้ความร่วมมือด้วย ใครชื่อว่ากงเส่าถิง กรุณาลุกขึ้นมาด้วย”
“อ้อ ถ้าเกิดว่ามีใครที่ช่วยชี้ตัวให้ผมได้ พวกเรานั้นจะต้องตอบแทนผู้ที่เปิดเผยให้เป็นแขกคนสำคัญ ให้สิ่งตอบแทนที่ล้ำค่า”
หลังจากที่กล่าวสวัสดีและข่มขู่แล้ว เสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นเข่นฆ่า: “พวกเราไม่ได้มาฆ่าใคร แต่ถ้ามีใครกล้าที่จะไม่ฟังคำสั่ง ถือโอกาสสร้างความวุ่นวาย หึ ก็อย่าหาว่าปืนของเราลั่นก็แล้วกัน!”
พอพูดจบ
กึก
ห้องโถงที่เคยตกอยู่ในความมืดก็สว่างขึ้นมา
ในตอนที่หลอดไฟสว่างขึ้น คนที่เคยคุกเข่าอยู่บนพื้นหรือเอามือกุมหัวไว้ในตอนแรก หรือว่าคนที่ขดตัวอยู่ด้วยกัน ใบหน้าตกใจหวาดกลัวถูกเปิดเผยออกมาใต้แสงไฟทั้งหมด
บรรยากาศเงียบเชียบ เงียบจนถึงขนาดที่ว่าแม้แต่เสียงของลมทะเลที่พัดอยู่ก็ยังได้ยิน ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
เยี่ยหลานซาน: “……”
คนพวกนี้มาเพราะคุณลุงอย่างนั้นเหรอ!
น่าตายจริงๆ!
ตกลงแล้วเป็นใครที่คอยหาเรื่องคุณลุง?
เยี่ยหลานซานกัดฟัน สายตากวาดตามองไปยังตัวพวกคนที่ยืนถือปืนอยู่ในห้องโถง……
บนตัวของพวกเขาสวมเครื่องแบบแบบเดียวกัน สวมเสื้อกันกระสุน ยกปืนขึ้นสูง ขยับตัวอย่างมีระบบ ทางออกทุกทางบนเรือ ทางเข้า ล้วนถูกไอ้โม่งหลายคนรักษาทางเอาไว้ แต่ละคนก็ปฏิบัติหน้าที่ของตน
จากอาวุธอุปกรณ์กับการเคลื่อนไหว คงไม่น่าจะใช่พวกโจรสวมโม่งธรรมดา
ในเวลานี้ มีคนหนึ่งที่รับความกดดันไม่ไหว ร้องออกมาอย่างเกรงกลัว ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปหลบหลังโต๊ะอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเขายังวิ่งได้ไม่ถึงสองก้าว ก็ได้ยินเสียง “ปัง” ดังขึ้นหนึ่งครั้ง-
MANGA DISCUSSION