“ชื่อดี”
“……”
เย่หลานซานไม่เคยคิดมาก่อนเลย ในขณะที่กำลังอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เธอยังคุยกับศัตรูหัวใจได้อย่างสงบนิ่ง
นึกได้ว่าบนเรือยังคงมีอันตรายที่แอบซ่อนเอาไว้ เธอก็พูดออกมาอย่างสงสัย “หลังจากที่เคยชินกับชีวิตอันเงียบสงบ ก็จะไม่ค่อยมีสัญชาตญาณเกี่ยวกับความอันตรายแล้วใช่หรือเปล่า?”
คะแนนที่มีให้เฉียวเฟยฝานก็ลดน้อยลงอีกเล็กน้อย
นี่ก็คือความต่างระหว่างบุคคล!
ถ้าเกิดว่าเป็นคุณลุงล่ะก็ ต่อให้เธอกำลังพูดเล่นอยู่ เขาก็คงจะคิดว่าเป็นเรื่องจริง?
เป๋าจิงเหรินหลุดหัวเราะพรืดออกมา “ไม่ใช่ว่าไม่มีสัญชาตญาณต่อเรื่องอันตราย แต่เป็นเพราะว่าอยู่ในที่สูง ก็เลยมั่นใจในตัวเอง”
เธอพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไร ถ้าเกิดว่ามีอันตรายจริงๆ เธอก็แค่ไปเตรียมเสื้อชูชีพสักตัว แล้วตัวเองก็หนีไปเสียก็ได้แล้ว”
เป๋าจิงเหรินใจเย็นมาก
เย่หลานซานมีความดื้อรั้น “ก็จริง คนอื่นจะตายหรือไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน แต่ว่าที่นี่มีคนรัก มีเพื่อนของฉันอยู่ ฉันจำเป็นที่จะต้องทำให้ความอันตรายนี้หายไป!”
ต่อให้เธอกับคุณลุงจะต้อง ฉืออวี้เฟิงหนีไปแล้ว แต่ว่ายังมีพวกกลุ่มนักแสดงเรื่องจิ้งจอกเก้าหางที่ดื่มกันจนเละอยู่!
เขาจะทำยังไงดี?
ภายในใจของเย่หลานซานคิดอะไรดีๆได้: ถ้าสองพ่อลูกตระกูลเฉียวพึ่งไม่ได้ เธอก็ทำได้แค่ไปบอกคุณลุงเท่านั้น!
ณ เวลานี้ เขาคือที่พึ่งหนึ่งเดียวของเธอ!
แต่ว่า เธอไปหาเขาอย่างเปิดเผย ไปเจอหน้าเขา คงจะทำให้คนอื่นๆสงสัยสินะ?
ย๊าๆๆ!
เย่หลานซานรู้สึกเซ็ง
เป๋าจิงเหรินเห็นว่าเธอมีสีหน้าผิดปกติ ในที่สุดบนใบหน้าก็ผุดรอยยิ้มออกมา “มีปัญหาจริงสินะ?”
“กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นดินปืนจริงๆ แถม บริกรชายคนนั้นก็น่าสงสัย ฉันคิดว่าเรื่องๆนี้มีความเป็นไปได้สูง”
เป๋าจิงเหรินดับบุหรี่ แล้วยืดตัวตรง “ฉันจะไปตามหาคน”
เย่หลานซานถามขึ้นโดยสัญชาตญาณ “ใคร?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นกงเส่าถิง”
“……”
กึ่งหนึ่งเย่หลานซานรู้สึกไม่ชอบใจที่จะให้ศัตรูหัวใจนั้นเข้าใกล้แฟนหนุ่มของตัวเอง ส่วนอีกกึ่งหนึ่ง ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เพราะฉะนั้น คุณนั้นเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด?”
เป๋าจิงเหรินเลิกหางคิ้ว แล้วมองประเมินอีกฝ่ายขึ้นๆลงๆ มุมปากก็ยกยิ้มในองศาที่สวยงาม “ไม่เชื่อ แต่ว่าฉันยังไม่ได้ผู้ชายที่ฉันต้องการ ไม่ต้องการตายอยู่ที่นี่”
“……”
ถึงแม้ว่าคำพูดนี้ไม่ค่อยน่าฟัง แต่ยังดีที่ ในตอนสุดท้ายคือสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เย่หลานซานเห็นเธอเดินไปทิศทางที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น
ช่างน่าตกใจ ที่ตรงกลางวงเป็นแฟนที่เพิ่งจะคบกันหมาดๆของเธอ เส่ากงถิง!
……จะต้องอยู่นานแน่ๆ ดังนั้นเขาก็เลยไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญของผู้ร่วมหุ้น แล้วก็เริ่มคุยกันเรื่องธุรกิจ
ไม่นานนัก คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆก็มารวมตัวกัน คิดอยากจะหาผลประโยชน์เล็กน้อยๆระหว่างทาง
“คุณชายกง ได้ยินมาว่าเร็วๆคุณกำลังเตรียมโปรเจกต์ใหญ่มูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านหยวน บริษัทของพวกเรามีแผนกออกแบบที่เก่งด้านนี้ที่สุดอยู่……”
“คุณชายกง ลูกชายของผมเป็นนักออกแบบบริษัทแบบครบวงจร ถึงจะดีที่สุด”
“……” หนึ่งในนั้นมีส่วนผสมดิบอยู่หนึ่งกลิ่นคือกลิ่นดอกกุหลาบ ผมมีแปลงดอกกุหลาบอยู่แห่งหนึ่ง ทุกๆดอกล้วนแต่เป็นดอกที่ดีมาก เป็นสวนกุหลาบที่ดีที่สุดในประเทศ……”
“คุณชายกง……”
“……”
คนเป็นโขยงกำลังล้อมรอบเขาไว้ มองแล้วเหมือนกับงานนิทรรศการ
ทั้งการสนทนากงเส่าถิงตอบกลับอย่ามีมารยาท แล้วก็ไม่ได้ตอบตกลงใครอย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธใครเช่นกัน ปล่อยให้เป็นการแข่งขันกันเองระหว่างพวกเขา ให้พวกเขาเสนอราคาที่ดีที่สุดมาให้เขา
“เส่าถิง”
เป๋าจิงเหรินออกตัวเดินไปด้านหน้า กวาดสายตามองกลุ่มคน คิ้วก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย “ขอคุยด้วยหน่อย”
เธอเคยป่าวประกาศออกไปอย่างกล้าหาญ สาบานว่าจะต้องแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลกง คนจำนวนมากก็เลยจับคู่ว่าเธอกับกงเส่าถิงเป็นอีกหนึ่งคู่
ตอนนี้หนุ่มสาวสองคนกำลังคบกันอยู่ คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรแล้วแน่นอนว่าก็ไม่เหมาะที่อยู่ต่อ แต่ละคนก็คอยแหวกออกเป็นทางเดินให้
พอเป๋าจิงเหรินกับกงเส่าถิงเดินออกมาจากกลุ่มคนมุง เธอก็เอาเรื่องที่เย่หลานซานได้ไปเจอมาเล่าให้กงเส่าถิงฟังทั้งหมด ถามขึ้น “คุณคิดว่าความน่าเชื่อถือของเรื่องๆนี้คือเท่าไหร่?”
ภายในใจของกงเส่าถิงเกิดความสงสัยขึ้น “เรื่องนี้ใครเป็นคนเจอ?”
“เธอบอกว่าเธอชื่อเย่หลานซาน”
“หลานซาน?!”
สีหน้าของกงเส่าถิงเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที ไม่ได้สงสัยหรือริษยาอะไรอีก แต่ว่าปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือ “ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
เป๋าจิงเหรินเลิกคิ้วขึ้น หัวเราะออกมาอย่างหยอกล้อ “คุณจะใส่ใจเธอขนาดนี้ไปทำไมกัน? ระหว่างพวกคุณคือความสัมพันธ์แบบไหนกัน?”
“เธอเป็นแฟนของผม”
“จิ๊ๆ ไม่น่าเชื่อ เห็นว่าเป็นผู้ชายที่เกือบจะออกบวชได้แล้วแท้ๆก็ยังสามารถที่จะชอบใครสักคนได้เหมือนกัน” เป๋าจิงเหรินสะบัดผม “แต่ว่า พูดจริงนะ เด็กคนนั้นนิสัยก็ใช้ได้เลยทีเดียวจริงๆ คุณจะชอบก็ไม่ได้แปลกอะไร แม้แต่ฉันก็ยังชอบเลย”
กงเส่าถิงเขม็งตามองเธอเบาๆ “อย่าบอกผมนะว่ารสนิยมทางเพศของคุณเปลี่ยนไป”
เป๋าจิงเหรินกระทืบเท้า “กงเส่าถิง คุณอย่าพูดออกมามั่วๆสิ ถ้าเกิดว่ากงฉีหลินรู้ขึ้นมา ฉันจะแต่งกับเขาได้ยังไง!”
ก่อนหน้านี้หนุ่มน้อยคนนั้นก็ปฏิเสธเธอไปครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว
ถ้าเกิดว่าเธอนั้นมีตำหนิด่างพร้อย ไม่ใช่ว่าเจ้าหนุ่มน้อยคนนั้นก็ยิ่งมีข้ออ้างเหรอ?
เกลียดนัก!
เธอบ่นออกมาอย่างเซ็งๆ “คนเขาเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ นึกว่าฉีหลินยังอยู่ เพราะฉะนั้นแม้แต่เสื้อผ้ายังไม่ทันได้เปลี่ยนก็เร่งมา คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหนุ่มน้อยของคุณก็ดันมาร่วมงานเลี้ยงด้วย ทำให้คนอื่นต้องมาฟรีๆตั้งรอบหนึ่ง!”
ดูเวลา กงเส่าถิงก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอต่อ “เรื่องๆนี้ผมจะไปตรวจสอบด้วยตัวเอง คุณพาหลานซานไปหาชื่อจึ ช่วยดูแลเธอให้ผมด้วย”
ในตอนสุดท้าย ก็สั่งออกมาด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ถ้าเกิดว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องใส่ใจอะไรทั้งนั้น ให้หนีไปเลย”
“รับทราบ!”
เป๋าจิงเหรินหยุดท่าทางอ้อนแอ้นยั่วยวนเมื่อกี้ แล้วอยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นทหารในศึกสงครามทันที
หลังจากที่สั่งการเรียบร้อย กงเส่าถิงก็ตรงไปยังชั้นใต้ท้องเรือ
ในตอนที่เดินไปถึงทางลงบันได ก็สวนกับบริกรคนหนึ่งพอดี กลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศไม่ค่อยชัดเจนมากนัก ทำให้เขานั้นเลิกคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เขาหยุดเดิน “รอเดี๋ยว”
“……”
ในตอนที่บริกรหันมามองนั้น กงเส่าถิงก็ก้าวไปด้านหน้า หยิบไวน์ออกมาแก้วหนึ่งจากถาดที่เขากำลังถืออยู่
เขาวนแก้วไวน์ในมือไปพลาง แล้วก็รีบกวาดสายตามองมือของบริกรไปพลาง
คนๆนี้ที่ตำแหน่งตรงระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของเขามีผิวหนังที่ด้านหนามากๆ สามารถรู้ได้ว่าจะต้องจับปืนมาเป็นเวลานาน
ในขณะเดียวกัน เขานั้นก็ได้กลิ่นจางๆที่แทบจะไม่ได้กลิ่นแล้วจากตัวเขาชัดเจนขึ้น
เป็นกลิ่นดินปืน!
สิ่งที่หลานซานคาดเดาไม่ได้ผิดคาดเลยสักนิด
นัยน์ตาของเขา มีแววตาเศร้าที่แทบจะอ่านไม่ออก
ดมกลิ่นไวน์แดงจากแก้วในมือเล็กน้อย หางตาที่เหลือก็จับจ้องไปที่บริกร “นี่คือไวน์อะไร?”
บริกรลังเล จากนั้นถึงได้หาเสียงตัวเงอเจอ “ไวน์ปี98จากเมืองบอร์โดครับ”
“ไวน์องุ่นจากบอร์โดมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก คุณรู้ไหมว่าทำไม?”
“……กรุณาช่วยบอกผมด้วยครับ”
“เพราะว่ากลิ่นของมันแรงที่สุดในไวน์แดงทั้งหมด” สีหน้าของกงเส่าถิงนิ่งเรียบ มุมปากยกยิ้มในองศาที่ดูจริจัง “แต่ว่าไวน์แก้วนี้ กลับเป็นกลิ่นเข้มข้น แถมยังมีกลิ่นแบล็กเบอร์รี่อยู่ด้วยอีก น่าจะผลิตโดยชาโต้มาร์โกซ์”
บริกรที่ถือไวน์นั้นนิ่งอยู่กับที่ อธิบายออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ในตอนที่ผมเทไวน์สงสัยว่าผมคงจะดูผิดไปครับ”
“ก็ไม่แน่ ช่วยเทไวน์บอร์โดให้ฉันสักแก้วสิ”
“…..ครับ”
บริกรลังเล แต่ก็หมุนตัวกลับไปที่บันได
ดูเหมือนว่าพอมาอยู่ในบริเวณบันไดก็เหมือนกับได้แยกตัวออกมาจากกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง กงเส่าถิงก็รีบลงมือ-
MANGA DISCUSSION