“เกี่ยวกับฉัน?”
มุมปากของเยี่ยหลานซานกระตุกเล็กน้อย เธออาจคาดเดาอะไรบางอย่างได้
จากนั้น สิ่งที่หานเวยกล่าวต่อก็ทำให้เธอจับแก้วน้ำผึ้งไว้แน่น “เธอบอกว่า ชื่อของเธอจะต้องปรากฏบนสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลกงอย่างแน่นอน”
“………..”
ว่าแล้ววววว !
เพิ่งจัดการหลิงมู่วาน นี่คู่ปรับที่แกร่งกว่าก็เข้ามาอีกแล้ว!
ความประทับใจอย่างเต็มเปี่ยมที่ได้เจอกับหญิงงามก็ได้ขาดสะบั้น—-
ไม่ผิด!
เธอกำลังหึง!
ความรู้สึกที่ไม่ชอบนั้นไม่เหมือนกับของหลิงมู่วาน เป๋าจิงเหรินมีนิสัยหยิ่งยโสและก้าวร้าวต่อผู้คน เธอทั้งสวยทั้งมีลักษณะนิสัยที่โดดเด่น และนั่นคือนิสัยเพื่อนที่เธอชอบคบหา
คู่ปรับคนนี้แข็งแกร่งมาก เธอสัมผัสได้ถึงการคุกคามที่ทรงพลัง
หนึ่งนาทีต่อมา …
“เฮ้ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
จู่ๆเยี่ยหลานซานก็นึกถึงปัญหาหนึ่งได้ เธอพึมพำด้วยความสงสัย “ในเมื่อเป๋าจิงเหรินอยากจะแต่งเข้าบ้านกงขนาดนั้น สะใภ้แบบนี้ก็คงจะปล่อยไปไม่ได้ แล้วทำไมพ่อแม่ของลุงถึงบังคับให้เขาไปนัดบอดกับหลิงมู่วานล่ะ?”
คิดไปคิดมา เธอก็ไม่เข้าใจ “หรือว่า…ความชื่นชอบของพ่อและแม่ของลุงไม่เหมือนกันคนปกติงั้นหรือ??”
เมื่อเห็นสีหน้าที่แปลกใจของเยี่ยหลานซาน หานเวยจึงยิ้มและกล่าว “อะไร? เธอหึงหรือไง?”
เยี่ยหลานซานตอบตามความจริง “ก็นิดหน่อย”
“เธอคนนี้เป็นคู่แข่งที่แกร่งกล้าจริงๆ” หานเวยกล่าว จากนั้นก็ขยิบตาให้เธอและพูด “แต่ตอนนี้ ในที่สุดเธอก็ยอมรับในความสัมพันธ์กับคุณชายกงแล้วใช่ไหม?”
“……”
เยี่ยหลานซานถูกคำพูดสะกิดใจเธอจนทำให้เธอพูดไม่ออก
เธอสะบัดมือไปมาอย่างห่อเหี่ยว “ฉันจะไปเดินเล่นรับลมหน่อย”
……..
ภายในห้องVIP ผู้กำกับต่งและคนอื่นๆต่างก็ดื่มกันจนเมาแล้ว บางส่วนก็เอนกายล้มลงนอนบนโซฟาอย่างอ่อนแรง
ในห้องVIPมีดนตรีเปิดคลอเบาๆ มีเพียงคนเมาคนเดียวเท่านั้นที่กำลังฮัมเพลง
เยี่ยหลานซานเหลือบมองพวกเขา เธอออกไปด้านนอกและจะขอให้พนักงานต้มซุปให้พวกเขาดื่ม ไม่อย่างนั้น ในวันพรุ่งนี้หากทุุกคนตื่นมาแล้วไม่ปวดหัวก็คงจะแปลก
เธอรีบเข้าไปถามบาร์เทนเดอร์ หลังจากถามแล้ว เธอก็รู้ว่าห้องครัวอยู่ชั้นสอง เธอกล่าวขอบคุณ เยี่ยหลานซานก็เดินขึ้นบันไดไปยังด้านบน เธอวางแผนไปห้องครัวก็เพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบ
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าส้นสูงก้าวขึ้นบันไดที่มีแสงไฟสลัว
ในพื้นที่ที่เงียบสงัด เสียงนี้ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดทำให้เยี่ยหลานซานอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเสียงฝีเท้าของชายคนก่อนหน้านี้ที่ตามหลังเธอ
เธอนึกถึงบางสิ่งที่เธอมองข้ามไป
เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่เธอไปยังห้องVIPชั้น1 เธอพบเจอชายคนนั้น…
กลิ่นบนร่างกายเขา..เหมือนกับ..กลิ่นดินปืน?
ฝีเท้าของเธอหยุดลงอย่างกะทันหัน
มันคือกลิ่นของดินปืน!
เธอแน่ใจ เธอแน่ใจว่าเธอไม่ได้กลิ่นผิด
ในเวลานี้มีเสียงฝีเท้าตึกตึกตึกดังขึ้นอีกครั้ง แต่ละก้าวเหมือนเหยียบย่ำในใจของเธอ เยี่ยหลานซานพบว่าเท้าของเธอนั้นแข็งและไม่อาจขยับได้
“คุณผู้หญิง?” บริกรคนหนึ่งถือชามซุปสองชามขึ้นมาและเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเธอ “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
“เปล่า”
ไม่ใช่ผู้ชายแปลกๆคนนั้น
เยี่ยหลานซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอปรับท่าทีให้เป็นปกติและถาม “จะเป็นห้องครัวกับห้องพักห้องใหญ่ของพนักงาน”
“ห้องครัวของพวกคุณ..เอ่อ ใช้ไฟทำอาหารใช่ไหม?”
“พวกเราใช้เตาแก๊ส”
“โอเค เข้าใจแล้ว ขอบคุณ”
“ชั้นสองเป็นพื้นที่ของพนักงาน ด้านในผู้คนปนเปกันไปเสียหมด คุณผู้หญิง คงไม่สะดวกรับแขกผู้มีเกียรติเช่นคุณ หากว่ามีอะไรก็สามารถสั่งฉันได้ ฉันจะต้องทำซุปโสมให้กับคุณผู้ชาย ฉันจะทำเพื่อคุณ”
“ขอบคุณ ช่วยทำซุปแก้เมาค้างให้แขกในห้องVIPชั้นหนึ่ง”
“รับทราบ คุณผู้หญิง”
“…..”
หลังจากที่เยี่ยหลานซานได้รับการยืนยันแล้วว่าชั้นสองไม่มีการใช้ดินปืน เธอก็มั่นใจมากขึ้นว่าการคาดเดาของเธอนั้นถูกต้อง
ความเป็นความตายของชีวิต เธอเร่งฝีเท้าและเดินไปยังห้องโถงชั้นหนึ่ง
เธอต้องไปหาเฉียวหย่วนฟาน!
แต่เพียง ยังไม่ทันที่จะเจอเฉียวหย่วนฟาน แต่ก็พบเข้ากับเกาซินซินที่เดินออกมาจากห้องVIPและเดินไปยังมุมข้างห้องนั้น สีหน้าเธอนั้นเหมือนกำลังขุ่นเคืองและมีความตื่นตระหนก
เธอเหลือบมองและเดินจากไปในทันที
แต่สุดท้ายแล้วด้วยความบังเอิญ เกาซินซินมองเห็นเธอ
ในเวลานี้เกาซินซินกำลังขุ่นเคือง และสุดท้ายเธอก็ได้พบกับคนที่ทำให้เธอรู้สึกอารมณ์เสีย เธอพุ่งตรงเข้าไปหาเรื่องในทันที “เห็นฉันเป็นแบบนี้แล้ว เธอดีใจมากล่ะสิ?”
เยี่ยหลานซาน “….” ???
โทษนะ? ชีวิตอาจตกอยู่ในอันตราย เธอมีความสุขกับผีน่ะสิ?
เธอไม่อยากจะคุยกับเกาซินซิน เธอยังคงเดินหน้าต่อไป
เกาซินซินกัดฟันและพูดด้วยความโกรธ “เยี่ยหลานซาน อย่าภูมิใจในตัวเองเร็วเกินไปล่ะ ฉันบอกไว้เลย ฉันจะไม่ปล่อยพี่เฉียวไป! ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นพี่สาวคนโตแห่งตระกูลเป๋าหรือว่าเป็นลูกสาวคนรวยแห่งตระกูลโฮ่ว ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยไป!”
เดี๋ยวนะ
พี่สาวคนโตแห่งตระกูลเป๋า?
คือเป๋าจิงเหรินเหรอ?
แบบนี้แสดงว่าเฉียวเฟยฝานอยู่กับเป๋าจิงเหรินเหรอ?
ในขณะที่ทั้งสองคุยกันก็เห็นว่าเฉียวเฟยฝานได้ผลักประตูออกมาจากห้องVIP เขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าอึมครึม
ความเกลียดชังบนใบหน้าของเกาซินซินหยุดลงทันที เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นหญิงสาวที่อ่อนหวาน เธอเดินก้าวไปด้านหน้า “พี่เฉียว พี่ไปหาคุณเป๋าเพราะจะพูดคุยเรื่องการร่วมมือธุรกิจใช่ไหม? ทำไมดูไม่แฮปปี้เลยล่ะ?”
เมื่อเห็นใบหน้าที่อ่อนโยนและสวยงามของเธอ ความโกรธของเฉียวเฟยฝานที่มีต่อเป๋าจิงเหรินก็บรรเทาลงทันตา
เขากอดเอวของเกาซินซินราวกับกำลังมองหาความรู้สึกและการมีตัวตนจากเธอ
เยี่ยหลานซานไม่มีเวลามาดูพวกเขาพลอดรักกัน
มันเป็นเรื่องสำคัญ เธอก้าวไปข้างหน้าและพูดกับเฉียวเฟยฝานด้วยใบหน้าที่จริงจัง “คุณชายเฉียว ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ”
“……..”
เฉียวเฟยฝานมองมา
หลังจากที่แยกจากกันระหว่างเธอกับเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ดวงตาของเธอนั้นเอ่อล้นเพื่อตัวเธอเอง
หัวใจของเขากระตุกวูบในทันที
เขาจ้องมองผู้หญิงที่งดงามและสะดุดตาตรงหน้าเขา ภายใต้แสงจ้าความงามของเธอก็ยังคงเป็นออร่าอยู่เช่นนั้นและเติมเต็มหัวใจของเขา
เขาไม่อาจละสายตาได้
เกาซินซินกัดฟันอย่างรุนแรง ความเศร้าหมองฉายในสายตาของเธอ
เธอกอดแขนเฉียวเฟยฝานอย่างใกล้ชิดสนิทสนม เธอเหลือบมองเยี่ยหลานซานด้วยสายตากำลังเตือนเธอ จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคืองขุ่น “พี่ เราเองก็ครอบครัวเดียวกัน มีเรื่องอะไรจะพูด พี่ไม่สามารถพูดต่อหน้าหนูและพี่เฉียวได้เหรอ? หรือว่า…”
เธอยกมือขึ้นปิดปากอย่างตื่นตระหนก
สีหน้าตกใจ
เยี่ยหลานซาน “…….” จิตวิญญาณนักแสดงเข้าสิงหรืออย่างไร?
เหลือบมองไปยังเกาซินซินที่เสแสร้ง เธอจ้องมองเฉียวเฟยฝานผู้เป็นความหวังที่แข็งแกร่ง “เรื่องนี้สำคัญ ฉันสามารถคุยกับคุณได้แค่คนเดียว!”
เธอย้ำ “แค่นาทีเดียว แค่นาทีเดียวก็พอแล้ว”
คำพูดของเกาซินซินสร้างแรงกระเพื่อมในหัวใจของเฉียวเฟยฝาน ในดวงตาของเขามีแสงสว่างวาบเข้ามา จากนั้นก็ตอบตกลง “โอเค”
ทันทีที่เขากล่าว เกาซินซินก็กระทืบเท้าด้วยความขุ่นเคือง
เธอกำแขนเสื้อของเฉียวเฟยฝานแน่นพร้อมกับความข้องใจในดวงตาของเธอ “พี่เฉียว?”
“แค่นาทีเดียวเท่านั้น รอผม”
เฉียวเฟยฝานผลักมือเธอออกและเดินตามเยี่ยหลานซานขึ้นไปบนดาดฟ้า
MANGA DISCUSSION