ฉันยังอยู่ในโรงพยาบาลนานเท่าไหร่ ฟ้ายังไม่มืดได้พาพี่จางกับพี่หลิวไปที่บ้านเช่าที่ฉันจองไว้เมื่อวาน
พูดมาตั้งแต่ฉันตัดสินใจจะกลับประเทศถึงกลับมาเป็นเวลาหนึ่งวัน ทุกอย่างนี้คือฉันคนเดียวที่กำลังจัดการ แต่ฉันก็ดำเนินการอย่างเหมาะสมและเรียบร้อย
ทำให้อารมณ์ฉันรู้สึกฮึกเหิมอย่างควบคุมไม่ได้ คิดถึงครึ่งปีก่อนนั้น ฉันกับเฉินตงหลีไปต่างประเทศด้วยกัน ตอนนั้นขั้นตอนการเดินทางไปต่างประเทศฉันก็ไม่เข้าใจ
ประสบการณ์ที่ฉันไปต้างประเทศนั้นคือตอนที่เรียนอยู่มหาลัยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเท่านั้น ตอนนั้นยังมีอาจารย์ที่มหาลัยพาไป นอกจากความรู้ทางการแพทย์ที่ฉันเข้าใจ ที่เหลือก็ไม่รู้อะไรเลย
ยังดีที่โรงเรียนช่วยให้ฉันไปต่างประเทศได้อย่างราบรื่น ยิ่งมีหนังสือเดินทางกับวีซ่าแล้ว ก็เพราะอย่างนี้เมื่อ่ครึ่งปีก่อนฉันถึงไปต่างประเทศกับเฉินตงหลีได้อย่างราบรื่น
แต่ว่าตอนนี้ฉันเป็นคนที่ดำเนินการทุกอย่างคนเดียว สำหรับฉันคือเป็นความก้าวหน้าที่ใหญ่มาก แน่นอน ฉันไม่ได้ละเลยอำนาจของเงิน
ถ้าหากฉันตอนนี้ไม่มีความรู้เศรษฐกิจพอฉันไม่มีทางที่จะว่ากลับประเทศก็ได้กลับ ตั๋วบินของเราในการเดินทางแน่นอนค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่น้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงไม่กล้าแม้แต่จะคิด
ฉันจองไว้คือห้องโรงแรมสไตร์อพาร์ทเม้นท์หนึ่งชุด อยากได้ที่หาได้รวดเร็วที่เหมาะสมทั้งจะเข้าไปตอนไหนก็ได้ โรงแรมสไตร์อพาร์ทเม้นท์เป็นทางเลือกที่ดี
เป็นห้องทดลอง ขนาดไม่ค่อยใหญ่ แต่ว่าพวกเราสามคนกับเด็กสองคนเข้าพักก็พอแล้ว
พี่หลิวจัดการพาเด็กๆไปพักผ่อน พี่จางได้รีบออกไปซื้อของมาใส่ตู้เย็น ทั้งฉันก็ได้รีบเปฺิดคอม เริ่มตอบกลับอีเมล์ของงานวันนี้
เพราะฉันตัดสินใจออกมาอย่างกระทันหัน ดังนั้นเรื่องงานก็ไม่ใช่น้อย ฉันได้กินข้าวเย็นเสร็จก็ยังทำงานต่อ ทันใดวีแชทก็ได้แจ้งเตือนการขอเพิ่มเป็นเพื่อน
ฉันแปลกใจเล็กน้อย แต่ว่าอีกฝ่ายได้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษ จิตใต้สำนึกฉันคิดว่าเป็นลูกค้าบริษัท ได้รีบกดรับยินยอม
แต่ว่ายังไม่รอให้ฉันทักไป ทางนั้นก็ได้โทรมาหาฉัน
ฉันตกใจ พูดในใจว่าลูกค้านี่รีบร้อนจัง ฉันรอไปสองวินาทีเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้วางสาย อาจจะเป็นเขาไม่ระวังกดเข้ามาก็ได้ ก็ได้กดรับสาย
“สวัสดีค่ะ นี้คือ….”
“คุณใช่ลั่วอีอีไหม?”
เป็นเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันอึ้งไปสักพัก เธอรู้ว่าฉันเป็นใคร ทั้งยังพูดภาษาจีน ไม่ใช่ลูกของค้าฉัน?
ฉันพูดพื้นฐาน แต่ก็รู้สึกคลุมเครือเหมือนคุ้นเสียงนี้ “ใช่ฉัน ขอถามคุณคือ?”
“ลั่วอีอี เธอนังสารเลว!”
เสียงด่าดังขึ้น ฉันขมวดคิ้วพักนึง ก็คิดได้แล้วว่าคนนี้คือใครกันแน่
ก็ว่าทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆ ชัดเจนแล้วว่านี้คือเสียงจิ้วเหวินเชี่ยน เพียงแต่ว่าเสียงที่ผ่านสายทำให้ฉันรู้สึกว่าเพี้ยนไป
“ลั่วอีอี เธอกลับมาแล้วใช่ไหม?เธอกลับมาปุ๊บก็ได้อ่อยสามีฉันเลยนะ หน้าไร้ยังอาย!”
จิ้นเหวินเชียนด่ฉันมาชุดใหญ่ ถึงไม่ได้เจอหน้าเธอ แต่ฉันก็เดาเป็นลางๆได้ว่าตอนนี้ท่าทางที่อารมณ์หวั่นไหว
ถ้าหากฉันอยู่ต่อหน้าเธอ กลัวว่าเธอจะเดินเข้ามาตบฉันสักสองที
ฉันก็ไม่ลังเลวางสาย สีหน้าก็คล้ำขึ้น ฉันอยากจะด่ากลับ ด่าว่าเป็นเธอที่อ่อยฉินจวิ้นเฟยก่อน ทั้งที่รู้ว่าฉันกับฉินจวิ้นเฟยแต่งงานกันแล้วยังยอมที่จะมาเป็นเมียน้อยของฉินจวิ้นเฟย ฉันก็ดาจิ้นเหวินเชียนไร้ยางอาย ทั้งๆท้องลูกคนอื่นยังกล้ามาแต่งงานกับฉินจวิ้นเฟย สมน้ำหน้าที่ถูกฉินจวิ้นเฟยเอาคืน
แต่ว่า ที่สุดฉันก็ทนไว้ได้
ฉันปลอบตัวเองไม่หยุด บอกตัวเองว่าเวลามีค่า ไม่ใช่จะมาเสียเวลากับคนอย่างจิ้นเหวินเชียน
แต่ว่า ฉันทำถูกต้องที่บล็อกจิ้นเหวินเชียน จวิ้นเหวินเชียนยังส่งข้อความเข้ามา
“ลั่วอีอี นังสารเลว! เธออ่อยสามีฉัน อย่าอยู่ดีเลย!”
“ลั่วอีอี เธอหน้าไร้ยางอาย แม่เธอที่จะตายแหล่มิตายแหล่หน้าจะไร้ยางอายไหม?”
“เธอคอยดู พรุ่งนี้ฉันจะไปหาแม่เธอที่โรงพยาบาล!ฉันจะดูว่าเรื่องนี้เขาจะว่ายังไง!”
ฉันเห็นจิ้นเหวินเชียนพูดถึงแม่ฉัน ใจฉันก็ตึงแน่นขึ้นมาก ได้รีบโทรกลับไปหาเธอ
เพียงแต่สายที่ฉันพึ่งกดส่งไป จิ้นเหวินเชียนก็ได้กดวางสายที่ฉันโทรไป ฉันก็เริ่มกังวลใจ ก็ยังโทรซ้ำไปอีกรอบ ได้โทรย้ำไปอีกสามครั้ง จิ้นเหวินเชียนถึงรับสาย
“ลั่วอีอี รู้สึกกลัวแล้วหรอ?”เสียนของจิ้นเหวินเชียนบ่งบอกถึงความพอใจ แต่ก็มีความถือทิฐิกับความโกรธที่พูดไม่ออก
ฉันโกรธเกือบจะต้องพ่นไฟออกมา “เธอกล้าไปวุ่นวายกับแม่ฉัน เธอตายแน่!”
ฉันพูดอย่างแค้น กำลังข่มขู่จิ้นเหวินเชียน
พูดตามจริง ฉันเห็นว่าจิ้นเหวินเชียนที่พูดถึงแม่ฉัน จริงๆความคิดฉันที่จะฆ่าเธอก็มี!
แต่แรกไม่ใช่เพราะจิ้นเหวินเชี่ยนพาจางเหม่ยเอ๋อกับฉินจวิ้นเฟยไปหาที่ห้องป่วยแม่ฉัน แม่ฉันคงไม่ถูกพวกเขาบีบจนโรคหัวใจกำเริบขึ้นอีกที?ไม่อย่างนั้นจะอยู่ที่โรงพยาบาลนานขนาดนี้ได้ยังไง?
ฉันอยากจจะถามจิ้นเหวิรนเชียนจริงๆว่ามียางอายไหม?แท้จริงแล้วมีจิตใจที่รู้สึกบาปบุญคุณโทษไหม?
เขารู้ว่าแม่ฉันสุขภาพไม่ดี ทั้งยังไปทำร้ายแล้วทำร้ายอีก ยิ่งใช้แม่ฉันมาคุกคามฉัน ในสายตาเธอชีวิตแม่ฉันอยู่ถึงจุดสุดท้ายจะนับประสาอะไร?
ฉันเคยถูกจิ้นเหวินเชียนกับฉินจวิ้นเฟยทำให้เสียเกียรติ แต่ฉันตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้โอกาสพวกเขาอีกครั้ง
“ลั่วอีอี เธอคุกคามฉัน?”จิ้นเหวินเชียนอึ้งไปสักพัก เสียงบ่งบอกถึงความแปลกใจกับโกรธแค้น
“ใช่ ฉันกำลังข่มขู่เธอ!”ฉันพูดอย่างเด็ดขาด น้ำเสียงที่เย็นชาอย่างไม่สะดุ้ง
“ทั้งยัง ฉันตอนนี้ไม่แค่จะข่มขู่เธอ ฉันจะพูดให้เธอเข้าใจ เธอเพียงรอให้ฉินจวิ้นเฟยอย่ากับเธอ รอออกมาตัวเปล่าเถอะ!”ฉันพูดด้วยอารมณ์โกรธ ก็ได้วางสายทันที
แต่เดิมฉันไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับฉินจวิ้นเฟยอีก แต่จิ้นเหวินเชียนที่ทำทุกอย่างมาโดนกับเส้นสุดท้ายท้ายของฉันโดยสิ้นเชิง
เสือไม่แยกเคี้ยวเธออย่าคิดว่าเป็นแมวบ้า แต่อยู่ในสายตาของจิ้นเหวินเชียนกับฉินจวิ้นเฟยฉันก็คือคนที่รังแกได้ง่าย ฉันจำเป็นต้องให้เขาได้ลองรับความเจ็บปวดดูบ้าง!
ฉันก็ได้บล็อกจิ้นเหวินเชียน ก็ได้ถือโทรศัพท์ก็เดินออกไป
“อีอี จะไปไหน?”พี่จางเสียงเร่งรีบดังมาจากข้างหลังฉัน ฉันไม่มีโอ้เอ้แม้แต่น้อย ก็ไม่ได้หันกลับก็ออกไป
ฉันออกไปจากอพาร์ทเม้นขึ้นรถไป ได้รีบไปโรงพยาบาลทันที
คำพูดของจิ้นเหวินเชียนทำให้ฉันตื่นตกใจ ฉันก็ใช้การข่มขู่เธอทำให้เธอได้รู้ แต่ว่าฉันไม่สามารถปล่อยให้เธอมีโอกาสมาทำร้ายแม่ฉันแน่นอน
แต่เดิมฉันฉันอยากรอให้บ้านเรียบร้อยก่อนค่อยจะไปรับแม่มาอยู่ด้วย แต่ตอนนี้จิ้นเหวินเชียนทำให้ฉันคิดว่าเหมือนคนบ้า ฉันไม่รู้หลังจากฉินจวิ้นเฟยกลับบ้านได้พูดอะไรกับจิ้นเหวินเชียน แต่จิ้นเหวินเชียนทำไมถึงทำให้เธอวิตกกังวลกลายเป็นหมาจนตรอก จนถึงได้ไปหาแม่ฉันจริงๆ
ฉันไม่อาจให้จิ้นเหวินเชียนตามหาแม่ฉันเจอ ยิ่งไม่อาจจะให้แม่ฉันได้รับความตื่นเต้น
ก่อนหน้านั้นคิดว่าให้แม่ฉันได้คุ้นชินกับโรงพยาบาลนี้เป็นเรื่อ่งที่ดีเรื่องหนึ่ง อย่างนี้แม่ฉันพักแล้วสบาย ก็ได้มีเพื่อนไม่ต้องเหงามาก ดังนั้นถึงไม่เคยคิดจะเปลี่ยนโรงพยาบาลให้แม่
แต่ว่าตอนนี้ฉันพึ่งรู้ว่าทำผิดไปมาก!ที่ฉันได้เปิดเผยสถานที่ของแม่ฉันให้ฉินจวิ้นเฟย ทั้งยังเปิดเผยให้คนที่มีเจตนาจะทำร้ายเธอ!
MANGA DISCUSSION